[Fic รับสมัคร] Pandora : ตอนที่ 4 UP!!28/11/52

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย derick, 24 เมษายน 2008.

  1. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] Pandora : ตอนที่ 3 UP!!01/01/52

    ตอนหน้าใครจะตาย ........ ใช่อวิ๋นคุงสินะคร้าบบบบบบ (ตามหลักแล้ว ตัวละครที่เจอสถานการณ์แบบนี้ ถ้าไม่ตาย ก็น่าจะมีตัวช่วยปริศนาปรากฏขึ้นมา)

    ต้องตามดูกันอย่างใกล้ชิด เพราะบอกตรงๆเรายังจับประเด็น "งานรื่นเริง" ครั้งนี้ไม่ถูกจริงๆ (ครุๆๆๆ)

    เป็นกำลังใจให้ท่านทุบไหใบต่อไปนะคร้าบบบบ
  2. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    Re: [Fic รับสมัคร] Pandora : ตอนที่ 3 UP!!01/01/52

    /me เอามือเท้าคาง นั่งมองมนุษย์บ้าบอสองตัวเถียงกันอย่างเซ็งๆ
    *เจ้าพวกโพโคเพนหน้าโง่ =A= หึ
    (ไม่ใช่แล้ว)

    สุดยอดดด นุ๊กกี้ หักอารมณืตอนท้ายมาก (แรกๆนึกว่าเป็นเรื่องบ้าบอของเด็กวัยรุ่นคนนึง พอหลังๆหลอนขึ้น หลอนขึ้น โอ้ส) อวิ๋นหลงเหมือนจะสติแตกไปแล้ว ส่วนเฟรมฉายแววความโลภอย่างแรง (*โดนสองคนรุมกระทืบจมดิน)
    ปีใหม่นี่เทศกาลอัพฟิคจริงๆ อ่านไม่หวัดไม่ไหว = =
  3. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: [Fic รับสมัคร] Pandora : ตอนที่ 3 UP!!01/01/52

    Title : Pandora : ตอนที่ 4 สีแดง
    Author : Derick













    เย็นย่ำ...เคลื่อนคล้อย
    ตะวันลอย...สู่สายัณห์





    ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านอวิ๋นหลงก็เอาแต่นั่งจ้องกุญแจนั้นนิ่ง ไม่ขยับไปไหนหรือแม้แต่จะลุกเปลี่ยนท่าเปลี่ยนอิริยาบถ เหตุการณ์ก่อนหน้ามันตอกย้ำถึงความจริงบางอย่าง ความจริงที่ซ่อนอยู่ในความฝัน ความจริงที่เขาพยายามหลอกตัวเองมาตลอดเวลา

    มันเหมือนกับการวิ่งหนีเงาตนเอง...เงาที่ไม่สามารถจะหลุดพ้นได้นอกเสียจากความตายเท่านั้น

    “ตาย...เหอะ...” น่าขบขันกับสิ่งที่คิด แต่พอนึกถึงกลับหวาดกลัวแทน เด็กธรรมดา ๆ อย่างเขา ใช้ชีวิตตามปกติ กิน นอน เที่ยว ไปโรงเรียน คบเพื่อน ทำกิจกรรมโน่นนี่ เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ใช่....เหมือนกับคนอื่น แล้วทำไมถึงต้องเป็นเขา

    ทำไมถึงต้องเป็นเขาที่เจอเรื่องราวบ้าบอแบบนี้!

    ร่างกายสั่นเทา ภายในห้องอันมืดมิดมีเพียงแสงสลัวจากไฟทางภายนอก เสียงลมเย็นพัดหวีดหวิว เสียงใบไม้โบกสะบัดดังสะท้อนความน่ากลัว ทั้งที่มันไม่มีอะไรแท้ ๆ แต่ทำไมอวิ๋นหลงจึงรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ดูราวกับค่ำคืนต้องสาปชั่วร้ายก็ไม่ปาน

    ไม่อยากนอน....สะดุ้งตัวทุกครั้งที่ดวงตาปิดลง “ไม่....” ที่น่าแปลกก็คือ ทำไมเขายังเก็บกุญแจดอกนี้ไว้กัน?

    ทว่า ในที่สุดแล้วก็ไม่อาจฝืนธรรมชาติของมนุษย์ได้ ความเครียด หวาดวิตก ความกังวลและความเหนื่อยอ่อน ส่งให้สมองกับร่างกายเริ่มอ่อนล้าตาม เด็กหนุ่มพยายามจะเบิกตาตนขึ้น แต่แล้วมันก็ต้องปิดลงตามเวลา

    เขาเริ่มหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ...

    จมดิ่งสู่ความมืดในห้วงนิทราอันเป็นนิรันดร์....​


    ดวงตาสีดำจ้องมองไปโดยรอบ ไม่ว่าจะบน ล่าง ซ้าย ขวา จุดใดก็ตามที่สายตาสามารถทอดมองได้มันกลับกลายเป็นสีแดงเสียหมด สีแดงของเลือด...สีแดงที่น่ากลัวเทียบเท่ากับสีดำ

    สีดำคือความมืดอันไร้จุดหมาย
    สีแดงคือความตายอันสิ้นสุด

    “หึ....เป็นฝันที่สวยสุด ๆ ไปเลยว่าไหม?” เสียงของเด็กหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะ รอยยิ้มเย้ยหยันแต้มบนใบหน้า นานเท่าไหร่แล้ว กี่ชั่วโมง กี่วันมาแล้วที่เขาไม่ได้เห็นฝันของตน

    ถูกต้องแล้ว... “คืนนี้ฉัน เฟรม ฟาวซีล คือราชาแห่งฝันยังไงล่ะ!” เขาตะโกนก้อง เสียงกังวาลคล้ายกับพลังคลื่นที่ถูกกักขังอยู่ในห้องอันไร้ซึ่งทางออก

    หนุ่มผิวคล้ำยืนอยู่เบื้องหลังผู้เป็นนาย นัยน์ตาสีแดงชาดกลมกลืนไปกับสีสรรโดยรอบ ดวงหน้านิ่งไม่ไหวติง หากแต่ทุกสิ่งกลับสะท้อนอยู่ในประสาทสัมผัส สดับรับฟังเสียงการเคลื่อนไหวไม่ว่าจะใกล้หรือไกล เพื่อตอบรับความประสงค์ของผู้เป็นนายอย่างมิเกรงกลัวต่อชีวิต

    ยักษ์....หากเลือกที่จะภักดีแล้ว ก็หามีวันแปรเปลี่ยนไม่ “มีคนมา....” เสียงนั้นเอ่ยเรียบ

    “หึ...มาแล้วสินะ? ใครจะเป็นเหยื่อรายแรกกัน” เด็กหนุ่มก้มลงมองเบื้องล่าง พลันกวาดสายตามองอีกครั้ง เสาสูงมากมายหลายต้นกระจัดกระจายต่างระดับ ด้านบนบางต้นปรากฏเงาลาง ๆ ให้เห็น สัมผัสได้เพียงแค่สิ่งมีชีวิต ไม่อาจจับตัวตนอันแท้จริงได้

    “ไปต้อนรับแขกกันเถอะชิน” เขาส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ยันกานขึ้นยืนบนยอดเสาแล้วกระโดดข้ามจากเสาอีกต้นไปอีกต้น จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง

    คล่องแคล่วไม่มีเกรงกลัว เถรตรงไม่มีหวั่นไหว

    ยังไม่ทันจะข้ามพ้นแม่น้ำสีเลือดเบื้องล่างได้ เสียงหนึ่งดังสนั่นก็กระทบเข้าโสตประสาต ก่อนเสียงหวดแหวกอากาศต่อเนื่องจะดังขึ้นจนต้องรีบหาที่เร้นกาย ดวงตาของเด็กหนุ่มพยายามมองผ่านทุกสิ่ง ข้ามไปยังเงาลาง ๆ ด้านบนซึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนมิอาจมองเห็นได้ถนัด

    “สะ...สู้กันเหรอ?” อวิ๋นหลงนึกออกแต่เพียงสิ่งนั้น

    ตลอดเวลาเขาเฝ้าแต่โทษตนเองว่าทำไมถึงยอมแพ้ให้กับความง่วงงุนนั้นง่าย ๆ ซ้ำร้ายยังต้องเข้ามาเจอกับความฝันที่ไม่อยากเห็นอีก ไม่ซากปรักหักพัง ความดำมืออันน่ากลัว ก็เป็นสีแดงของเลือด ศพมากมายเกลื่อนกลาด..ทำไมกัน มันคืออะไรกันแน่?!

    “มันก็แค่ความฝันอย่างไรเล่านายท่าน...” เสียงหัวเราะคิกคันทีเล่นทีจริงเอ่ยดังข้างหู ลมหายใจนั้นกระทบผิวเนื้อจนเขารู้สึกขนลุกเกรียว อวิ๋นหลงรีบหันหลังมอง สิ่งที่เห็นเต็มสองตาก็คือหน้าสีขาวเด่นเปื้อนด้วยรอยยิ้มกว้างที่ลอยห่างไปไม่ถึงคืบ

    “เหวอ!!” เซหงายหลังล้มลงกับพื้นน้ำโลหิต เนื้อตัวช่วงที่สัมผัสแปดเปื้อนจนรู้สึกขยะแขยง “นะ...นาย”

    “จุ๊ ๆ” ตัวตลกที่โผล่ออกมาเพียงแค่ใบหน้าและมือที่สวมถุงมือขาวทำเสียงห้าม “อย่าเสียงดังไป ความสนุกกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว” เขาชี้ไปทางด้านบน

    ตึง!!!

    เสียงกระแทกดังสนั่นหวั่นไหว ชั่วเสี้ยววินาทีก่อนจะถูกผืนน้ำสาดกระเซ็นใส่เขาแลเห็นร่าง ๆ หนึ่งที่ร่วงลงมากระแทกยังเสาเบื้องหน้าห่างจากตนออกไปไม่มากนัก ความแน่นิ่งที่ดูเหมือนแข็งแรงของมันกลับสั่นไหวตามระลอกน้ำกระเพื่อม

    ยังไม่ทันส่งเสียงร้อง ปากของเขาก็ถูกปิดลงด้วยมือใครบางคน “เงียบไว้นายท่าน นิ่งไว้...หากยังอยากมีชีวิตรอด” ตัวตลกเดิมกระซิบแผ่ว

    ร่างของอวิ๋นหลงสั่นเทาไปทั้งร่าง ดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว จะเดินหน้าก็ไม่ได้ จะถอยหลังก็ไม่อาจทำ ได้แต่นั่งจ้องมองการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยเสียงอันดังสนั่นและเลือดในกายซึ่งไหลย้อมร่างคนผู้นั้นจนแทบกลืนไปกับพื้นผิว

    เขากลัว...มันน่ากลัวเหลือเกิน...

    “เอะ....เอ๊ะ?” ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลก ๆ บางอย่าง

    หากจำไม่ผิดพวกที่เหมือนปีศาจซึ่งอยู่กับคนที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านั้นไม่ได้มีรูปร่างแบบนี้ เหมือนกับว่าก้อนสีดำมืดที่ลอยคว้างตามหลังของมนุษย์ผู้หนึ่งไปมานั่นมันคือคนละจำพวกกัน ใช่...ดูเป็นเพียงแค่ก้อนสีดำ ๆ ไร้รูปร่างและตัวตัวให้เห็น

    “พวกนั้นคือปีศาจรับใช้ที่เกิดจากจิตเบื้องลึกของมนุษย์ไงล่ะนายท่าน” ตัวตลกกล่าวอย่างรู้เท่าทันความคิด “พวกที่ไม่ได้รับกุญแจหากแต่มีแรงปรารถนาอันล้นพ้นจะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่คืนแห่งฝันได้ แต่พวกเขาจะไม่มีสิทธิได้รับพลังที่แฝงอยู่ในกุญแจแต่ละดอก”

    มือสีขาวจับใบหน้าของอวิ๋นหลงให้หันมองการต่อสู้นั้น “มันก็ไม่ต่างอะไรกับก้อนเนื้อที่รอวันตาย....พวกที่มีความใคร่แต่ไร้ซึ่งพลัง” ท่อนเสียงแม้ฟังดูขบขันหากแต่กลับเย็นยะเยือกจนคนฟังเสียวสันหลัง

    โผละ!

    จบคำผู้ครอบครองปีศาจสีดำนั่นก็ถูกกระบองใหญ่ฟาดลงบนศีรษะเต็มรัก เสียงกระโหลกแตกดังเข้าเต็มสองหูอวิ๋นหลง มันสมองและอวัยวะที่บรรจุภายในกระเด็นหลุดไหลออกมาตามช่องทางที่ถูกแบ่งแยกออก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่ากำลังตีอยู่บนตุ๊กตาสักตัวที่สามารถซ่อมแซมได้ หาใช่มนุษย์ไม่....
    ไร้เสียงร้องขัดขืนใด ความตายที่เห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต...

    “แหวะ!!....อ่อก...” เด็กหนุ่มลุกขึ้นหันหลังวิ่งหนี มือทั้งสองอุดปากไม่ให้สิ่งที่อยู่ภายในไหลออก คลื่นไส้ น่ากลัว ทำไมคน ๆ หนึ่งถึงทำเรื่องเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้....มันเพื่ออะไรกัน!

    เฟรมเหลียวมองตามร่างที่วิ่งไปไกล “โอ๊ะโอ๋....ไม่คิดว่าจะมาเจอแขกคนสำคัญก่อนใครเพื่อน” เขากระโดดลงจากยอดเสาสู่พื้นน้ำเบื้องล่าง กวาดขาแตะเอาร่างไร้วิญญาณของผู้ที่นอนแน่นิ่งด้วยส่วนบนถูกตีจนแหลกเหลวไปมา “หึหึ....อ่อนแอ! พวกอ่อนแอก็สมควรตาย!”

    เสียงหัวเราะดังก้องยิ่งกว่าเสียงของปีศาจ “ไปกันเถอะ คืนนี้ยังพอมีเวลาให้ล่าอีกเยอะ....”

    อวิ๋นหลงวิ่งสุดแรง วิ่งอย่างไม่ยอมหันกลับไปมองเบื้องหลัง แต่ไม่ว่าจะวิ่งเร็วแค่ไหน วิ่งไปไกลเท่าไหร่ สุดท้ายภาพที่เห็นโดยรอบก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยสักนิด พื้นน้ำสีแดง ท้องฟ้าสีแดง และเสาต้นเดียวมากมายเรียงรายกระจัดกระจายทั่ว

    เขาหอบหนัก อาการคลื่นไส้ยังคงมีอยู่ รู้สึกมวนท้องไปหมด เวียนหัว อยากจะตายตรงนี้เสียให้ได้ “พอ....พอกันที....” เฝ้าแต่พร่ำบ่นอยู่แบบนั้น หากอยู่ในสภาพอย่างนี้ต่อไปไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้เขาต้องได้เป็นบ้าแน่ ๆ!!

    ยังไม่ทันไรไอ้ตัวสีดำที่เขาเคยเห็นเมื่อคืนก่อนก็โผล่ออกมาโดยรอบ มันมีขนาดเล็กกว่าเจ้าตัวที่ติดตามมนุษย์คนนั้นมาก แต่ด้วยจำนวนแล้วให้รู้สึกว่าเจอเพียงตัวเดียวนั่นยังดีเสียกว่า

    เด็กหนุ่มค่อย ๆ ก้าวถอยหลัง มองหาช่องทางหนี แล้วเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง... “ว้าก!!!” ขาของเขาถูกดึงให้ล้มลงบนพื้น จากสีแดงสดกลายเป็นสีดำสนิทซึ่งค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาบดบังทัศนวิสัย พยายามแล้วที่จะหนี พยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดตามสัญชาตญาณมนุษย์

    ฟั่บ!

    เสียงอะไรบางอย่างหวดวาดผ่านอากาศ ร่างของอสูรโดยรอบแยกขาดจากกันก่อนร่วงลงสู่พื้นกลายเป็นเพียงเขม่าควันลอยหายไป ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างมอง สิ่งที่เขาเห็นคือคมบางอย่างที่สะท้อนกับแสงสีแดงจนเกิดประกาย และร่างที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำที่ขาดวิ่น....

    “ยมทูต...” อวิ๋นหลงนึกได้เพียงเท่านั้น

    ไม่มีการตอบรับคำใด ๆ ผู้ปรากฏกายในคราบของปีศาจสีดำนั่นฟาดฟันกวาดเอาศัตรูโดยรอบให้หายไปในพริบตา ตัวแล้วตัวเล่า รวดเร็วยิ่งกว่าสายลม ดุดันและแม่นยำยิ่งกว่าสัตว์นักล่าใดที่เคยได้เห็น เสียงหัวใจเต้นร่ำราวกลองรัวแทบทะลุออกจากอก

    ความรู้สึกกระสับกระส่ายนี้คืออะไร?

    เขาค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นนั่ง ร่างทั่วทั้งร่างถูกย้อมจนเป็นสีแดง “นะ....นาย....”

    เคร้ง!!

    ยังไม่ทันได้เอ่ยถามความ ประกายแล่บของอาวุธซึ่งปะทะกันก็แล่นเข้านัยน์ตาที่เบิกกว้างอยู่ อวิ๋นหลงยกมือขึ้นบดบังแสงที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ก่อนค่อย ๆ จ้องมองภาพเหตุการณ์ซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่ช่วงตัว

    “โอะ...นี่ปีศาจรับใช้ของเจ้าหนูนี่รึไง?” เฟรมเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ไม่น่าเชื่อว่าจะมีพลังมากมายถึงขนาดนี้ แต่เอาเถอะ....เพราะอีกไม่นานมันก็ต้องตกเป็นของฉัน!”

    ทั้งพลัง...และกุญแจ....

    ยักษ์หนุ่มหวดวาดกระบองเหล็กของตนไปมาอย่างคล่องแคล่ว ความหนักหน่วงและโหมรุกในการโจมตีสร้างความลำบากให้แก่ร่างของปีศาจสีดำตนนั้น มันได้แต่วาดอาวุธที่ดูรูปร่างไม่ออกตั้งรับการโจมตีนั่น แล้วถอยพยายามทิ้งระยะห่างให้มากที่สุด

    เขาไม่รู้ว่านั่นคือตัวอะไรกันแน่ และออกมาเพื่อปกป้องเขาหรือเปล่า แต่ที่รู้ชัดคือมันช่วยชีวิตของเขาไว้...

    เหมือนจะถึงจุดสิ้นสุดในบางอย่าง อาวุธที่ไร้รูปร่างกลายเป็นด้ามเคียวอันใหญ่ ใบมีดของมันคมยาวโค้งส่องประกายวาววับ ด้านบนประดับด้วยกะโหลกสีดำสนิท โดยรอบมีไอบางอย่างลอยวน ให้อารมณ์คล้ายกับดวงวิญญาณของคนตายที่โหยหวนร้องหาทางออกจากความเศร้าโศกนี้

    “ยมทูตงั้นหรือ?” เขาคิดแบบนั้นจริง ๆ แม้ไม่เคยเห็นมาก่อนแต่มันก็ไม่ได้ต่างจากจินตนาการของมนุษย์บนโลกนัก เพียงแต่บรรยากาศโดยรอบร่างนั้นมันชวนให้ขนลุกยิ่งกว่า

    ยมทูตไม่ใช่ปีศาจ....แต่ทำไมถึง?...

    “น่าสนใจดีจริง ๆ” เฟรมหัวเราะอีกครั้ง แล้วกระโดดลงไปยืนเบื้องหน้าของอวิ๋นหลงที่กำลังพินิจวิเคราะห์บางอย่าง ฉับพลันมือกร้านแกร่งนั่นก็กุมลำคอของเด็กชายไว้แน่น ออกแรงบีบตัดการไหลเวียนของอากาศให้ไม่อาจเข้าหรืออกได้ “อ่อนแอจริง ๆ คนอย่างแกไม่สมควรได้กุมกุญแจนี้ไว้หรอก”

    “อึก...” เด็กหนุ่มพยายามแกะมือที่หมายเอาชีวิตตนออก ความเหนื่อยอ่อนจากการใช้แรงวิ่งตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ส่งผลให้ร่างกายเขาอ่อนล้าหนัก ได้แต่เพียงปะป่ายดิ้นรนเท่าที่จะทำได้

    แล้วจู่ ๆ ร่างเขาก็ถูกปล่อยลงกับพื้นอย่างแรง “แค่ก ๆ” ร่างที่ขาดอากาศหายใจได้แต่วักอากาศเข้าปอดหนัก ตักตวงเอาลมหายใจขาดช่วงกลับคืนมา

    “!” ดวงตาเบิกกว้างอีกครั้งทันทีที่มองเห็นได้ คมเคียวใหญ่วาดผ่านอากาศหมายเอาชีวิตของผู้ที่ทำร้ายเขา แต่ร่างของปีศาจสีดำนั่นก็ถูกกระบองยักษ์ฟาดใส่จนโลหิตสีหม่นไหลย้อมไปทั่วร่าง

    สีของผ้าดำขาดวิ่นเข้มขึ้นทันตา... “นาย!” อวิ๋นหลงร้องเรียกแม้ยังคงหวาดกลัว

    เคียวที่อยู่ในมือถูกวาดกลับยังด้านหลัง ยักษ์หนุ่มกระโดดถอยหลบการโจมตีได้ทันท่วงที แล้วหันดวงตาสีแดงสดมองผู้เป็นนายที่สามารถหลบลี้หนีความตายนั่นไปได้ทันเวลาเช่นกัน

    “สมแล้วที่เป็นสุนัขรับใช้ ช่างทำทุกอย่างได้เพื่อเจ้านายจริง ๆ” เขาปาดเลือดบนใบหน้าตนออกอย่างลวก ๆ เมื่อครู่ตอนกระโดดหลบนั้นมันช้าไปเล็กน้อยจนทำให้ปลายของเคียวนั้นบาดเข้าที่ใบหน้า “ชักสนุกแล้วสิ...คุณหนูผู้อ่อนแอกับสุนัขอันแข็งแกร่ง...ฮ่า ๆ”

    เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดรู้สึกได้ถึงราตรีซึ่งกำลังค่อย ๆ ล่มสลายลง เสาสูงแต่ละตนล้มระเนระนาด ผืนน้ำสีแดงสั่นไหวค่อย ๆ เหือดแห้งลง ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มกลับสู่ความมืดในนิทราอันเป็นนิรันดร์อีกครั้งหนึ่ง...

    “แล้วพบกัน....อย่าตายเสียก่อนล่ะ” เฟรมหันหลังแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

    ดวงตาของอวิ๋นหลงไม่ได้จ้องมองแผ่นหลังนั่น หากแต่จ้องมองไปยังร่างเบื้องหน้าซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำอันขาดวิ่น คำถามมากมายก่อเกิดขึ้น ไม่สนใจอะไรนอกจากการมีตัวตนอยู่ของผู้ช่วยชีวิตนี้

    “เอ่อคือ....”

    ฟึ่บ!!

    คมเคียวตวัดวับผ่านอากาศ สายลมถูกกระทบจนแล่นเข้านัยน์ตาของเขา อวิ๋นหลงยกมือขึ้นบังสิ่งที่เกิดตามปฏิกริยาตอบสนองของร่างกาย น้ำตาคลอหน่วยจากความแสบสันที่เกิด

    “อ้าว....” พอลืมตามองได้อีกครั้งร่างตรงหน้าก็หายไปเสียแล้ว “ยังไม่ทันจะขอบคุณเลย...”











    คำถามมากมายก่อเกิดพร้อมกับวันคืนอันโหดห้าย



    สิ่งที่ลืมเลือนคือความตาย
    สิ่งที่จำได้คือบุญคุณ






    ===============================​






    Derick - ฟิคปีละตอน? แถมสั้นอีก ทุเรสจริง 55555 รู้สึกว่าพอไม่ได้แต่งนานแล้วมาแต่งมันแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ กร๊ากกกกก ยังคงมีปริศนาเหมือนเดิม มากมายมหาศาล จะแก้ปมไหวไหมเนี่ยตู เอิ้ก ๆ

    ช่วงที่หายไปก็ทำงาน+กับแต่งฟิคและนิยายไปด้วยอีกหลายเรื่อง เลยไม่ค่อยได้มีเวลามาต่อฟิคในบอร์ดเท่าไหร่ จริง ๆ เรื่องนี้เป็นฟิคไม่ยาวมาก เพราะมันตายกันเกลื่อน กร๊ากกกกกกก

    เจอกันปีหน้างับ ฮา~
  4. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] Pandora : ตอนที่ 3 UP!!01/01/52

    ปีล่ะตอนหรือ?

    แค่ไม่ล่มก็ขวดฉลองกันได้แล้วมิใช่หรือ (ว่าแต่เขาตัวเองยังไม่ถึงไหนเลย)

    สั้น งง รวบ ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะออกอารมณ์อย่างไรดี เหมือนดูหนังฟิมม์ขาดกลางทางเสียแบบนั้น งืมๆๆ
  5. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    *0* ในที่สุดก็ออกมาใหม่!!!
    เฟรมมันชั่วได้ใจจริงๆ

    แต่ตอนนี้ก็สั้นจริงอ่ะเน้อ ยังไงก็รอติดตามครับ *-*/
  6. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    ฟิคปีละตอน? เอาเต๊อะ ก็ยังดีกว่าไม่อัพล่ะเนอะ = =
    เฟรมชั่วโฉด แต่พอบอกว่าเป็นยักษ์มีความรู้สึกว่าอิมเมจไม่เข้ากันแปลกๆ (เฟรมในความคิดผมน่าจะเป็นหนุ่มสะโอดสะอง ผมสีแดงเพลิงแฮะ 5555+)

    รออ่านต่อไปจ้า
  7. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ไม่ได้อ่านฟิคของนุกเสียนาน >_< แต่เรื่องนี้จำไม่ได้แล้วแฮะว่าเคยสมัครไปมั้ย
  8. jamejaeja

    jamejaeja แม่มดคำสาปมรณะ

    EXP:
    119
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    โอ้วหายไปนานน่าดูออกมานิดนึงก็ยังดีกว่าไม่มีมาละนะ

Share This Page