The Legacy War ~Page X~ The Legend of Flame (part I)

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย yoshiki, 12 พฤษภาคม 2008.

  1. ultima

    ultima Active Member

    EXP:
    933
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: The Legacy War ~Page 1~ Flame of Heaven

    ชานะจงเจริญ ชานะจงเจริญ

    ตอนแรกก็นึกว่าจะเอาเฟทจังมาเปิดตัวก่อน ดันเป็นชานะมาได้สินะเนี่ย

    สนุกๆ ดี รีบๆ เอาตอนต่อไปมาลงนะท่าน
  2. Gunfinal

    Gunfinal Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: The Legacy War ~Page 1~ Flame of Heaven

    ไม่คอ่ยเลยนะเนี่ยพี่เรา (อิอิ) ชานะมาแต่ไกลเลย โปรโมทกันจริง คริคริ
    รออ่านตอนต่อไป
  3. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: The Legacy War ~Page II~ Blood Cross

    ~History’s Page II~

    ~The Blood Cross~



    .......จากคราวที่แล้ว ที่ชั้นได้พูดถึงการเดินทางไปยังมหานครแห่งเบลก้าเพื่อรับคนผู้นึงแต่ชั้นจะขอพักมันเอาไว้ก่อนสักแปบ ในหน้านี้ชั้นอยากจะกล่าวถึงเหล่าสมาชิกของกลุ่ม Cross Knight กลุ่มที่เป็นทั้งศัครูและมิตรของพวกเราเสียก่อน

    อย่างที่ได้เล่าไว้ตั้งแต่แรก Cross knight ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมเหล่าผู้ถือศาสตราเพื่อต่อกรกับภัยจากการตามล่าของ Section 5 โดยมีสมาชิกหลักอย่าง 12 อัศวินที่เป็นกำลังรบให้กับกลุ่มมาเสมอ นอกจากนั้นยังมีเหล่าผู้เคราะห์ร้ายจากการตามล่าและพร้อมจะถอนความแค้นคืนจาก Section 5 อยู่ในกลุ่มเป็นจำนวนไม่น้อย

    แทบจะเรียกได้เลยว่าพวกเขานี่แหละแข็งแกร่งที่สุด

    แต่ถึงกระนั้นนามที่ถูกเอ่ยแล้วต้องขนหัวลุกก็คือ “กางเขนเลือด” ผู้นำของ Cross Knight ชายผู้กวัดแกว่งดาบแห่งโลหิตเพื่อสืบหาความจริงอันถูกปิดบังในเบื้องลึกของจิตใจ

    นั้นก็คือฆาตกรผู้สังหารคนในครอบครัวของเขา

    จะเรียกได้ว่าคล้ายๆกับชั้นก็ได้นะ​


    แม้คนอื่นจะมองว่าเค้าเป็นคนเย็นชา จริงจัง โหดเหี้ยม แต่สำหรับชั้นแล้ว เค้ากลับอบอุ่นและเศร้าอย่างน่าประหลาด หรือเพราะมันมาจากมุมมองของเด็กตัวๆเล็กอย่างชั้นกันนะ ??

    ทุกครั้งที่ชั้นได้พบกับ ‘กางเขนเลือด’ และเหล่า 12 อัศวิน ความครั่นครามในจิตใจก็แผ่ซ่านไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะสถานการณ์ที่ต้องร่วมมือหรือต้องแข่งขันกันก็ตาม ชั้นรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าพวกเขานั้นช่างแข็งแกร่งและสง่างามหาใดเปรียบ

    ไม่ต่างจากเหล่าอัศวินในเทพนิยายเลยแม้แต่น้อย

    และภาพร่างเหล่านั้นก็อยู่ตรงนั้นของชั้นนับครั้งไม่ถ้วน

    นั้นคือนิยามของเหล่าอัศวินแห่งกางเขนที่ชั้นได้วาดเอาไว้​




    ณ ที่ราบสูงไร้นามของอาณาจักรฟาลาจิ สถานที่ซึ่งไม่ได้ไกลไปจากเขตแดนของรูบิเนเซียซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือไม่มากนัก ชายหนุ่มรูปร่างดีในชุดซามูไรสีน้ำเงินอ่อนๆ กำลังยืนมองนาฬิกาพกของตนราวกับรอคู่ท้าประลอง ผมสีน้ำตาลไหม้ที่ถูกมัดไว้และหนวดเคราที่ไว้แบบนักรบตะวันออก อันเป็นรูปลักษณ์ที่ไม่เหมาะกับอายุของตนเท่าใดนัก

    สำคัญคือดาบซามูไรเล่มเหมาะมือที่ถือไว้ไม่ห่างตัวนักดูน่าเกรงขามพอๆกับเจ้าตัวเลยทีเดียว...

    “ไง ‘ดาบแห่งบูรพา’ มาก่อนเวลาเสมอเลยนะ” เสียงทักทายจากชายหนุ่มรูปร่างดี ผมสีฟ้าน้ำทะเล ดวงตาสีแดงดุจโลหิตสดๆ และชุดขุนนางยุโรปอันโดดเด่นกำลังตรงเข้ามา โดยที่ข้างกายของเขามีสองสาวสวยเดินตามมาติดๆ

    ดาบแห่งบูรพา โค้งตัวลงเล็กน้อยอันเป็นการทำความเคารพต่อบุรุษในชุดขุนนางสีดำซีด “การรักษาเวลาเป็นเรื่องที่ซามูไรต้องระลึกเสมอ”

    “ข้าชอบเจ้าก็ตรงนี่แหละ นาโอกิ ‘ดาบแห่งบูรพา’ ว่าแต่แขกของเรายังไม่มาอีกเหรอ” นาโอกิส่ายหน้าเล็กน้อยทำให้ผู้ถามเข้าใจในทันที

    “แล้วท่าน....” ชายหนุ่มชุดซามูไรเว้นจังหวะพูด ดวงตาสีน้ำตาลมองไปทางผู้ติดตามทั้งสอง ซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งคู่

    คนหนึ่งเป็นคนที่เขาคุ้นตาอยู่แล้ว เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นองครักษ์ประจำตัวของ ‘กางเขนเลือด’ ราเชล โครนอส ผู้นำแห่งกองกำลัง Cross Knight

    ส่วนอีกคนนั้นทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย เมื่อเด็กสาวอายุอานามราวๆ 13-14 ปี ในชุดกระโปรงสีขาวสะอาด จะมาอยู่ที่นี่แทนที่แวมไพร์สาว ‘อัคคีพิโรธ’ โทโนะ อากิฮะ รองหัวหน้าคนสนิทของ ราเชล โครนอส

    “ถ้ากำลังมองหา อากิฮะ ล่ะก็ เธอไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกนะ ติดภารกิจอยู่อีกฝากของฟาลาจิน่ะ” ชายหนุ่มผมฟ้าตอบยิ้มๆราวกับมองทะลุไปถึงคำถามในหัวนาโอกิได้

    “สวัสดีค่ะ ท่านนาโอกิ มิได้เจอกันเสียนาน” เสียงของหญิงสาวในชุดผ้าแพรไหมสีเหลืองอ่อนดังขึ้นท่ามกลางบรรยายกาศเงียบสงบ

    “เช่นกัน ‘คมเขี้ยววิหค’ โทวกะ” นาโอกิตอบรับการทักทายด้วยท่าทางเรียบเฉย ซึ่งเป็นภาพที่เห็นกันจนชินตาในกลุ่ม 12 อัศวิน

    “แล้วไม่คิดจะทักทาย เด็กคนนี้หน่อยเหรอ” ชายในชุดขุนนางพูดท่าทางทีเล่นทีจริง พลางตบไปที่บ่าเด็กน้อยที่ยังทำท่ากล้าๆกลัวๆ

    “สวัสดี ‘ปีศาจสีขาว’ สินะ” นาโอกิกล่าวแค่นั้น

    “ส..สวัสดีค่ะ คุณนาโอกิ” เด็กสาวที่มีฉายาน่าเกรงขามไม่เหมาะความอ่อนเยาว์ภายนอกตอบด้วยน้ำเสียงสั่นครือ

    “นี่ก็ได้เวลานัดแล้วนะค่ะ ท่านราเชล” หนุ่มเนตรโลหิตพยักหน้าเล็กน้อย ราเชล โครนอส ผู้นำแห่ง Cross Knight ต้องถ่อมาถึงที่นี่ด้วยตัวเองพร้อมด้วยเหล่ายอดฝีมือในกลุ่มถึงสามคน แม้แต่เด็กตัวเล็กๆยังบอกได้เลยว่าไม่ใช่ธุระธรรมดาแน่ๆ


    และแล้วพวกเขาทั้งสี่ก็รู้สึกถึงการมาเยือนของเหล่าแขกคนสำคัญ…..

    เงาของแขกทั้งสี่ปรากฏเบื่องหน้า พร้อมด้วยสินค้าชิ้นสำคัญในมือของหญิงสาวผมไข่มุกที่เดินนำหน้าคนอื่นๆอย่างอาจหาญ พร้อมด้วยผู้ติดตามสามคน ที่พวกอัศวินกางเขนมองปราดเดียวก็รู้เลยว่ารองหัวหน้าของอีกฝ่ายพร้อมใจกันมาเลยทีเดียว

    “เจ้าพวกนั้นก็ระวังตัวแจเหมือนกันนะคะ” โทวกะ พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบและความเห็นด้วย

    “เราจะว่าเค้าก็ไม่ได้หรอกนะ” ราเชลเอ่ย พลางก้าวเดินไปหาอีกฝ่าย พร้อมเหล่าลูกน้องที่เคลื่อนไหวตามเขาติดๆ

    ไม่นานทั้งสองฝ่ายก็ยืนประจันหน้ากัน รอยยิ้มที่ดูเหมือนแสร้งจริงใจเผยขึ้นบนหน้าของผู้นำทั้งสอง “ไงๆ ‘กางเขนเลือด’ ผู้น่าเกรงขาม ดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” หญิงสาวผมไข่มุกยาวสลวย ทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส

    “เธอเองก็ยังคงดูดีเสมอนะ ‘ดวงตานรกไร้ก้น’ หรือจะให้เรียกว่า อลิซซาเบธ ริชเชอร์ ผู้นำแห่ง เนเธอร์เวิร์ด ดีล่ะ” ราเชลทักทายอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเดียวกัน

    อลิส เสยผมของตนเองไปด้านหลัง ก่อนจะโบกมือทักทายคนอื่นๆ “โอ้โห้ ตัวเป๋งๆมากันเยอะเลยนี่นะ ขาดแค่ อากิฮะจังแหะ”

    “ฝ่ายเธอเองก็ไม่เบานิ ถ้าชั้นมองไม่ผิดรองหัวหน้าทั้งสองกำลังยืนระวังภัยให้เธอเต็มที่เลยไม่ใช่เหรอ” ผู้ถูกเอ่ยถึง เผยรอยยิ้มเล็กน้อย

    “ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกลิ่วล้อข้างหลังคุณเท่าไรหรอกนะ” ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มในชุดคลุมสีดำสนิท เอ่ยพลางทำท่ากวนโมโห

    ซึ่งมันก็กระตุกต่อมพิโรธของหญิงสาวรายหนึ่งทันที “เมื่อกี้แกว่าไงนะ !!!” โทวกะกระชับดาบทรงตะวันออกในมือพลางทำท่าจะพุ่งไปตัดหัวของเจ้าหนุ่มปากเสียซะเดี๋ยวนั้น แต่มือบางๆของราเชลหยุดเธอเอาไว้ก่อน

    “อย่าเสียมารยาทกับแขกสิโทวกะ”

    “แต่ว่ามัน....”

    “เธอ คือ ‘คมเขี้ยววิหค’ โทวกะสินะ ชั้นขอโทษแทนเจ้าตัวปากเสียนี่ล่ะกัน” อลิซออกรับแทนตัวก่อปัญหาที่ยืนผิวปากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “มิได้ค่ะ ท่านอลิซ” และ’คมเขี้ยววิหค’ก็ยอมถอยไปแต่โดยดี

    “อัล แกก็อยากทำให้ชั้นต้องขายหน้ามากได้ไหม แค่ไอ้เจ้าคู่ป่วนนั้นหัวชั้นก็จะระเบิดอยู่แล้วนะ” นายหญิงแห่งเนเธอร์เวิร์ดหันไปปรามลูกน้องบ้าง

    “โทษทีๆ”

    อัลเทม่า ไทรโลจิ ‘เทพสังหาร’ นั้นคือชื่อของนายสินะ” คราวนี้นาโอกิที่นิ่งเงียบมาตลอดเป็นฝ่ายพูดบ้าง “ส่วนคนที่ยืนข้างกันคงเป็น ‘โลหิตนรก’ เซราส วิคตอเรีย

    อัลเทม่า ยิ้มขึ้นอย่างพอใจเมื่อถูกอีกฝ่ายเอ่ยชื่อและฉายาแบบเต็มยศ ส่วนหญิงสาวในชุดลำลองสีส้มพร้อมกางเกงยีนสีกรมท่า ที่ไม่ได้โดดเด่นแต่อย่างใดก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “รู้จักพวกเราดีนี่หน่า” เซราส วิคตอเรีย รองหัวหน้าแห่งเนเธอร์ เวิร์ด เอ่ยขึ้น

    นาโอกิ นิ่งเฉยไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีก “แต่คนที่ชั้นต้องเกรงไม่แพ้คนอื่นๆ ก็คงเป็นเด็กน้อยที่ยืนหลบหลัง ‘คมเขี้ยววิหค’ สินะ” อลิซพูดพลางส่งรอยยิ้มสดใสไปทางเด็กน้อยที่ยังคงอยู่ในอาการประหม่า

    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะคุณอลิซ” เด็กน้อยตอบด้วยท่าทางสดใส

    “แหม ‘ปิศาจสีขาว’ ทาคามาจิ นาโนฮะ ที่ร่ำรือกัน ไม่นึกว่าจะเป็นเด็กเลยนะ” สาวเนตรมรกต เจ้าของเรือนผมสีแดงสวยที่ถูกมัดอย่างเรียบร้อยประดับด้วยปิ่นปักผมชิ้นงาม ทักทายเด็กสาวอย่างเป็นกันเอง

    “แล้ว ‘เนตรอัคคี’ คนนั้นไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆหรือไง ‘มหาปราชญ์เหนือกาล’ คานน เอเลแกรนท์” ราเชล หยอกกลับบ้าง ส่วนคานนก็ยื่นหัวเราะคิกคักเมื่อนึกถึงใบหน้าของสาวน้อยเนตรอัคคี

    “เอาล่ะ ทักทายกันพอแล้ว คุณดวงตานรก สินค้าของผมล่ะ” ราเชลเปลี่ยนท่าทีและน้ำเสียงที่ฟังสบายหูของเขาทันที

    “นี่ไง” อลิซ โชว์กล่องไม้ในมือพลางโบกมันไปมา “ฝากไปบอกเจ้าของด้วยว่าให้เก็บมันให้ดีๆหน่อย คราวหน้าต้องไปตามคืนเอาเองแล้วนะ”

    “มันจะไม่มีคำว่าคราวหน้าอีกหรอก อลิซ” ราเชล เอ่ยอย่างมั่นใจ

    “หึ เท่านี้บุญคุณความแค้นก็จบกันแล้วนะ” ดวงตานรกไร้ก้นโยนกล่องไม้ไปทางราเชล เขารับและตรวจสอบของด้านในอย่างดีก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างพอใจ “เจอกันคราวหน้า คงเป็นในสมรภูมิล่ะนะ....แล้วอย่าหวังว่าสิ่งที่อยู่บนบ่านั้นจะได้อยู่บนนั้นตลอดไปล่ะ”

    “นายเองก็เช่นกัน กางเขนเลือด ระวังตัวให้ดีล่ะกัน”

    ราเชล เจ้าของสมญา ‘กางเขนเลือด’ เผยรอยยิ้มอีกครั้งโดยไม่มีเสียงตอบรับใดๆอีก พร้อมพาพรรคพวกของเขาก้าวเดินออกจากบริเวณ โดยที่พวกของอลิซจับจ้องการเคลื่อนไหวนั้นไม่คลาดสายตา

    “หัวหน้า ทำแบบนี้ดีแล้วเหรอ” คานนเอ่ยถามทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายจากไปแล้ว

    “นั้นสิ เราแย่งมาได้แท้ๆ น่าจะเก็บไว้เอง” อัลเทม่าเสริม

    “มันช่วยไม่ได้ล่ะนะ ชั้นก็ไม่ได้อยากติดค้างเจ้านั้นมากนัก อีกอย่างแกน่าจะพอใจที่ได้เห็นหน้า ‘ปีศาจขาว’ ไม่ใช่เหรอ”

    “ฮะๆ นั้นสินะ ก็เป็นเหตุผลที่ผมยอมมาด้วยนี่หน่า” อัลเทม่า ‘เทพสังหาร’ เอ่ยยิ้มๆ

    “พอเป็นเรื่องผู้หญิงล่ะอย่างงี้ทุกที” เซราส วิคตอเรีย เอ่ยไม่สบอารมณ์ เพราะเรื่องผู้หญิงนี่แหละทำให้ภารกิจที่ไอ้คนที่ดูไม่เหมาะจะเป็นรองหัวหน้ารับผิดชอบอยู่ไม่สำเร็จซะที

    “เอาหน่า คุณ ‘โลหิตนรก’ คนสวย คราวหน้าผมจะตั้งใจเป็นอย่างดีเลย” อัลเทม่าพยายามเข้าไปแหย่เซราส แต่เธอไม่ได้อยากเล่นด้วยสักเท่าไรนัก

    “ธุระก็เสร็จแล้ว เรารีบกลับกันเถอะ คานนติดต่อพวกเรน่าให้นำ ฮ. มารับเราได้เลย”

    “รับทราบค่ะหัวหน้า”



    ……หลังจากที่พวกหัวหน้ากลับมา เรื่องราวทั้งหมดก็ถูกบอกเล่าผ่านรองหัวหน้าอัลเทม่า และจากที่ชั้นได้ยินมาการพบปะเพียงเพื่อส่งมอบของชิ้นเดียวนี่เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนัก ส่วนพวกเร็กซ์ในตอนนั้นกำลังหัวเสียที่ชั้นทิ้งเขาและฮิวโก้ไว้ที่เทรโน่ แต่จะมาโวยวายอะไรได้เมื่อมันเป็นคำสั่งนี่หน่า

    ถ้าอยากโวยวายก็ไปหา พี่อลิซ นู้น

    ทั้งสามคนที่ติดตาม ‘กางเขนเลือด’ ในครั้งนั้นล้วนเป็นยอดฝีมือที่ศัตรูต้องระวังตัวโดยเฉพาะ ‘ดาบบูรพา’ ที่จะได้ยินข่าวบ่อยๆว่า ได้รับภารกิจให้ฉายเดี่ยวเสมอๆ คงเป็นเพราะนิสัยรักสันโดษหรือไม่ชอบทำงานกันเป็นทีม แต่ภารกิจที่ได้รับมอบหมายแทบทุกครั้งล้วนจบลงด้วยความสำเร็จเสมอ

    ส่วน ‘คมเขี้ยววิหค’ โทวกะ ชั้นไม่ค่อยจะได้ยินเรื่องของเธอในสนามรบมากนัก อาจเป็นเพราะงานของเธอส่วนใหญ่คือองครักษ์ประจำกายของ ‘กางเขนเลือด’ ราเชล โครนอส ผู้บัญชาการแห่งกองทัพอัศวินกางเขน

    แต่สำหรับ ‘ปีศาจขาว’ เด็กสาวที่อายุใกล้เคียงกับชั้นแล้ว เรื่องราวของเธอนั้นค่อนข้างโด่งดังทีเดียว ชั้นค่อนข้างเศร้าเล็กน้อยที่นอกจากตัวของชั้นเองแล้ว ยังมีคนอายุพอๆกันต้องก้าวเข้าสู่สนามรบอยู่อีก

    แต่ทำยังไงได้ล่ะ.....

    สถานที่ ที่เรียกว่าสมรภูมิไม่เคยเลือกอายุอยู่แล้ว

    แล้วมันก็ยังพร้อมที่จะดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งเด็กและคนชราไปพบจุดจบที่น่าเศร้า

    หรือกลายเป็นฆาตกรก่อนวันอันควร.....​



    ชั้นได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดหลังจากกลับไปที่โครลิสพร้อมกับเจ้า ‘เดม่อน ลอร์ด’ ......นั้นสินะ เรื่องของชั้นมันค้างอยู่ตรงนี้นี่หน่า

    บนรถไฟของเบลก้าที่ชั้นโดยสารนั้น สิ่งที่ผู้คนในรถมักพูดคุยกันอยู่เสมอคือ เรื่องของ ‘ไอเย็นแห่งรัตติกาล’ และ ‘นภาคำราม’ เนื้อหาสาระส่วนใหญ่ก็คือ กองกำลังที่ติดตามสองคนนี้ไปขาดการติดต่อ ไม่ก็กลับมาในสภาพปางตายหรือหวาดกลัวสุดชีวิต มันทำให้ชั้นสนใจเรื่องของพวกเขาสองคนมากทีเดียว

    ดังนั้นการฆ่าเวลาในการเดินทางอันยาวนานก็คือ การนั่งฟังพวกผู้โดยสารรายอื่นๆบ่นเรื่องนู้นเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องของ ศาสตรา, Section 5 และแน่นอน บุคคลทั้งสองที่เบลก้ากำลังตามล่าสุดชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่ค้างคาใจในเรื่องนี้ก็คือ ทำไมเบลก้าถึงเบนเข็มไปตามล่าสองคนนี้มากกว่า พวกเราที่ถือครองศาสตราอยู่

    อาจเป็นเพราะสองคนนั้นถือศาสตราที่ทรงอนุภาพ

    หรือว่า.....มีเหตุผลมากกว่านั้น




    เช้าตรู่ของวันใหม่เหนือมหานครแห่งเบลก้า เมืองแห่งความเจริญด้านอารยธรรมอันล้ำสมัย เทคโนโลยี การหลอมโลหะ อาวุธ และอีกมากมายที่อาณาจักรอื่นไม่อาจเทียบเคียง เด็กสาวผมสีดำขลับก้าวลงจากรถไฟด้วยความกระฉับกระเฉง พลางกวาดตามองบุคคลต้องสงสัยที่เธอต้องมารับตัวเขาไปที่โครลิสตามคำสั่งของ อลิซซาเบธ ‘ดวงตานรกไร้ก้น’

    “เฮ้อ คนเยอะแบบนี้จะเริ่มจากที่ไหนเนี่ย” ชานะ ถอนหายใจออกมาเพราะความหงุดหงิด “ยัยบื้อนั้นก็ไม่ติดต่อมา แล้วชั้นจะไปรู้ไหมเนี่ย ว่าไอ้บ้านั้นมันคนไหน”

    ณ สถานนีรถไฟแห่งเบลก้า ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่ใหญ่โต ผู้คนมักมายหลั่งไหลมาที่นี่เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานที่อื่นๆในอาณาจักร แต่นั้นก็หมายถึงความวุ่นวายที่มากขึ้นของเนตรอัคคีที่ต้องคอยสอดส่องดูมนุษย์ผู้ชายแทบจะทุกคนที่เธอเห็น และเมื่อเจอผู้ต้องสงสัย เด็กสาวจะตรงเข้าไปถามราวกับจะขู่กรรโชกทันที

    “นายน่ะ ใช่คนที่ชั้นต้องมารับหรือเปล่า”

    เป็นคำถามที่ตอบยากจริงๆ.... อาจจะเพราะความใสซื่อหรือกริยาโผงผางทำให้เธอเริ่มเป็นจุดสนใจมากขึ้น และแน่นอนเด็กสาวเนตรอัคคีเดินวนๆอยู่ระแวกนั้นมาเกือบๆจะสามชั่วโมงแล้ว

    ไม่นานนักชานะก็หมดความอดทน คริสตัลสื่อสารก็ถูกใช้ให้ติดต่อไปที่ฝ่ายข้อมูลและสื่อสารของกลุ่มทันที และเสียงของต้นเหตุแห่งความวุ่นวายของเธอก็ดังผ่าน ‘Crystal Letter’

    “ไง ‘เนตรอัคคี’ เจอตัวหรือยังเอ่ย” เรน่า ตอบด้วยน้ำเสียงเอ๋อๆเช่นทุกที

    “ยัยบ้า คนเยอะขนาดนี้จะไปหาเจอด้วยข้อมูลลวกๆของเธอได้ไง” ชานะตวาดกลับโดยไม่กลัวว่าเสียงเธอจะดังรบกวนคนอื่นๆ

    “ใจเย็นๆก่อนสิ เนตรอัคคี เดี๋ยวไว้ชั้นนึกออกจะติดต่อไปใหม่นะ ขอตัวไปชงกาแฟให้หัวหน้าก่อน แล้วเจอกันจ้า” เรน่าร่ายยาวก่อนจะตัดสัญญาณทอดทิ้งชานะไปอย่างไม่ใยดี ยิ่งกระพือความโกรธในใจของ เกศาเพลิงเนตรอัคคีมากกว่าเดิม

    “ยัยบ้าๆๆๆๆ ไว้กลับไปเมื่อไรเธอเป็นไก่ย่างแน่ๆ” ชานะตะโกนใส่คริสตัลในมือทั้งๆที่โดนตัดคลื่นสื่อสารไปแล้ว



    “เฮ้ เธอน่ะ....” เสียงของชายหนุ่มคนนึงกำลังร้องเรียกเธอ แต่ชานะในตอนนั้นไม่ได้อยากจะเสวนาอะไรมากนัก

    “หนวกหูๆๆ ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังหงุดหงิด” ชานะตอกกลับแบบไม่ไว้หน้าทันที

    แต่เมื่อเธอหันกลับไปมองคู่สนทนา เขาคนนั้นกลับมีลักษณะตรงตามข้อมูลไม่เป็นสัปปะรดของเรน่า แต่ยังไงซะไอ้คนแบบนั้นก็เห็นมาเป็นสิบระหว่างออกตามหามาร่วมสามชั่วโมง

    “ถ้านายไม่ใช่คนที่ชั้นจะมารับล่ะก็ ไม่ต้องเปิดปากนั้นขึ้นมาเลยนะ” ชานะพูดจาไม่เกรงใจใครจริงๆ

    “เป็นเธอจริงๆด้วยสินะ เด็กสาวผมดำ ปากร้าย ตัวกระเปี้ยกตรงตามที่หน่วยข้อมูลบอกชั้นมาเลย” เมื่อได้ยินแบบนั้น ชานะก็ของขึ้นทันที “เมื่อกี้แกว่าใครห่ะ”

    มือเล็กๆแต่เรียวแรงมหาศาลนั้นกระชากคอเสื้อชายหนุ่มจนถลำมาอยู่ในระดับเดียวกัน “เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ เอ้า.. ดูนี่” ว่าแล้วก็ยืนกระดาษแผ่นเล็กๆในมือให้เนตรอัคคี

    ชานะคว้าหมับก่อนจะกวาดสายตาอ่านข้อความบนกระดาษ มันเป็นโน๊ตที่จดลักษณะของเธอจริงๆแถมยังมีลงชื่อไว้ด้วยว่าจากเรน่า ไอรีนเน่ “กลับไปเมือไรเตรียมเป็นอาหารบนโต๊ะได้เลยเรน่า...” ชานะขย้ำกระดาษในมือด้วยความฉุนสุดขีด

    “ว่าแต่จะปล่อยคอเสื้อได้หรือยัง” ชายหนุ่มชี้ไปที่มือข้างที่จับคอเสื้อของเขาไว้แน่น ชานะเดาะปากเล็กน้อยก่อนจะพลักตัวเขาจนเกือบลงไปนอนกับพื้น

    “รุนแรงจังแหะ ตัวเล็กนิดเดียว”

    “หรือนายมีปัญหาห่ะ”

    “เปล่าๆ ไม่มีๆ”

    การสนทนาถูกหยุดด้วยสายตาของทั้งคู่ที่จ้องมองกัน กับสายตาอีกหลายๆคู่ที่กำลังงุนงง ว่าไอ้สองคนนี้มันเล่นบ้าอะไรกันตรงสถานี

    ชายหนุ่มลุกปัดฝุ่นจากเสื้อคลุมสีขาวของเขาพร้อมยืนมือไปทางเนตรอัคคีที่ยังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด “ชั้นฟิโอนอส หรือจะเรียกว่า โอ ก็ได้”

    “ชานะ....” เนตรอัคคีตอบสั้นๆ โดยไม่ได้ยืนมือไปสัมผัสไมตรีแต่อย่างใดแถมยังสะบัดหน้าหนีอีกต่างหาก

    ชายหนุ่มถอนหายใจพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ “แล้วจะไปที่โครลิสกันเมื่อไรล่ะ”

    ชานะหันมองตารางเวลาเดินรถที่จะกลับไปยังเทรโน่ โชคยังดีที่เวลาเที่ยวสุดท้ายยังมีเหลือพอให้ทั้งคู่โดยสารกลับไปยังเมืองชายแดนได้ “เดี๋ยวนี้แหละ เวลาเที่ยวสุดท้ายยังพอขึ้นทันถ้าไปตอนนี้เลย”

    “แล้วจะไม่พักก่อนหรือไง”

    “ไว้ขึ้นไปบนรถไฟนายก็จะได้นั่งพักจนเมื่อยก้นเองนั้นแหละย่ะ”

    ฟิโอนอส ทำหน้าเซงๆดูท่าเขาจะเจอชานะผิดอารมณ์ไปหน่อย “โอเค เดี๋ยวจะไปซื้อตั๋วให้ล่ะกัน”

    เนตรอัคคียกมือห้าม “ไม่ต้องหรอกนายเป็นแขกของหัวหน้า เดี๋ยวชั้นจะไปซื้อให้เอง รอนี่แหละ”

    ชานะเคลื่อนย้ายตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้บุรุษเจ้าของเปลวผมสีทองประบ่ายืนโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น สายตาสีอำพันมองเด็กสาวที่กำลังเครื่องร้อนทีนึงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกับม้านั่งไม้เก่าๆ “เฮ้อ วุ่นวายจริงๆ”



    …...หลังจากนั้นชั้นก็ลากคอเจ้าคนที่ไม่ค่อยประสีประสาขึ้นรถไฟกลับไปที่เทรโน่ ในตอนนั้นไม่ว่าจะมองมุมไหนเขาก็ดูเหมือนแค่คนเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นคนนึงเท่านั้น จะดูดีก็แค่อาวุธกับการแต่งตัว แต่มันก็เท่านั้นแหละ

    ภายในรถไฟเราสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก แม้ชั้นจะถูกชวนคุยอยู่ตลอดแต่อารมณ์แบบนั้นคงจะให้คุยอะไรไร้สาระก็ใช่ที่ แต่ปกติชั้นก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วล่ะนะ

    ความประทับใจแรกสำหรับผู้ที่กำลังได้รับสมญานาม ‘เดม่อน ลอร์ด’ ไม่มีเลยสำหรับชั้น ชายหนุ่มร่างสูงผมสีทอง ดวงตาสีอำพัน ที่สวมเสือคลุมสีขาว สามารถหาได้ทั่วๆไป จะว่ายังไงดีล่ะ ชั้นก็มองไอ้หมอนี่เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาคนนึง แถมยังไม่เข้าใจอีกว่ามันมีดีอะไรถึงขนาดที่ พี่อลิซใช้ให้มารับตัว



    .....และนั้นก็คือครั้งแรกที่ชั้นได้พบกับเขา.....



    .............................................................................................................................................................................................

    Talk Talk Talk

    เกิดอารมณ์แต่งฟิครั่วไม่ได้ สงสัยเพราะช่วงนี้มีเรื่องกับคนที่บ้านบ่อยเหลือเกินแถมยังตกเป็นขี้ปากชาวบ้านโดยใช้เหตุ มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตตูข้าฟ่ะเนี่ย ว้ากกกก

    ทำไมต้องชานะ ??? เห็นหลายๆคนตั้งข้อสงสัยเหลือเกินว่าทำไมยัยเปี้ยกที่ตอนนี้ผมเองก็ไม่ได้คลั่งไคล้เหมือนแต่ก่อนต้องมาเป็นคนเล่าเรื่อง (ผู้ใกล้ชิดข้าพเจ้าหลายคนก็คงเดาว่าน่าจะเป็นเฟทจังสุดที่รักของผมมากกว่า)

    ไม่มีอะไรมาก ผมอยากให้ชานะเล่าเรื่องแต่แรกอยู่แล้ว ในหัวตอนนั้นอยากจะได้ออริสักคนเป็นคนเล่าเรื่องเพราะสามารถกำหนดอินเมจได้ง่ายกว่าตัวละครที่สมัครมา และเฟทจังก็มีบทที่เหมาะสมให้อยู่แล้ว จึงกลายเป็นเนตรอัคคีคนนี้รับบทไปแทน (แอบเห็นใครบางคนดีใจวุ้ย 555+)

    http://www.picturebay.net/img/guests/Shakugan_no_Shana_Creado_DZ_1983489225.jpg รูปชานะจังเผื่อคนไม่เคยดู

    จะพยายามลงให้ต่อเนื่องที่สุดเท่าที่จะทำได้ล่ะกันนะคับ และจะพยายามเดินเรื่องไม่ให้ยืดเยื้อมากนัก หวังว่าทุกคนคงจะสนุกกับฟิคเรื่องนี้นะ ^^

    Special Thanks

    1.นารูมิ นาโอกิ โดย เนียร์คุง เพิ่งมาสังเกตว่าฟิคแต่ล่ะเรื่องที่เนียร์สมัครมักจะเป็นตัวละครลักษณะนี้ 555+ หวังว่าจะถูกใจนะ

    2.คานน เอเลแกรนท์ โดย เจ๊ยูคิฮิเมะ อยากจะบอกว่าฉายาของเจ๊โคตรเท่ห์ แต่ไอ้นิสัยแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะกะเจ๊โหดของผมเท่าไรเลยนะ น่าจะออกแนวซาดิสส์ๆมากกว่า 55+

    3.ราเชล โครนอส โดย ท่าน Hell รายนี้ก็เท่ห์ใช่ย่อยนิสัยกับบุคลิกดูจะขัดกันโดยสิ้นเชิง แต่โดยรวมก็นับว่าละเลงได้ง่ายดีนะ

    4.อัลทิม่า ไทรโลจิ โดย อัลคุง มิทราบว่าไอ้นามสกุลแปลกๆแบบนี้มันมาจากไหนอ่ะ แต่ฉายาที่ส่งมาตอนแรกนี่ขอปรับนิดนุงนะ เพราะถ้าให้ประกาศต่อหน้าศัตรูว่า ข้านี่ล่ะเฟ้ย ‘ม่อเทพสังหาร’ กระผมว่าฝ่ายนู้นมันคงขำกลิ้ง หาความน่าเกรงขามไม่ได้เล้ย

    5.อลิซซาเบธ ริชเชอร์ โดย พี่ซุมิโยะ พี่ซุ !!! ผมล่ะชอบตัวละครของพี่มาหลายฟิคแล้ว ไอ้อารมณ์พี่สาวแสนใจดีแต่พร้อมจะปาดขอเลือดสาดได้ทุกเมื่อนี่มันโดน โด๊น โดน

    Original Thanks

    1.โทโนะ อากิฮะ จาก Tsukihime
    http://img106.imageshack.us/img106/9283/2uzcxb0.jpg
    ......จริงๆเรื่องนี้ผมได้ติดตามแค่ช่วงสั้นๆเองนะ ยังไม่ถึงตอนแม่คนนี้ออกมาเลยด้วยซ้ำ แต่บังเอิญได้เล่นเกมต่อสู้ของ Ps2 ชื่ออะไรน้า เมลตี้ บลัด อะไรนี่แหละ ก็เลยได้เห็นอินเมจของเธอคนนี้ได้ชัดเจน และมอบฉายาชวนสยองแบบไม่ปราณี

    2.ทาคามาจิ นาโนฮะ จาก Magical girl Lyrical Nanoha
    http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/592/6592/images/nanoha-709572.jpg <<< คนซ้ายนะ คนขวาคือสุดที่รักของผม
    ....ตอนที่ดูลิสต์รายชื่อเหล่าออริต้องตกใจกับชื่อนี้เป็นอันมาก แล้วยิ่งเครียดหนักขึ้นเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนส่งมา (ไม่นึกว่าอัลคุงจะชอบนะเนี่ย) สาวน้อยหน้าใสวัยซนที่สามารถเป่าโลกให้กระจุยในครั้งเดียวนี่แหละ ตัวตนของปีศาจขาว

    3.เซราส วิคตอเรีย จาก HellSing
    http://img293.imageshack.us/img293/3773/selasii9.jpg
    …..คนนี้ก็เช่นกัน ไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไร แต่ก็พอจะเดานิสัยจากจำนวนตอนอันน้อยนิดที่ผ่านลูกตาเน่าๆของผมได้ ดูแล้วน่าจะได้บทตัดมุขกับเจ้าอัลเยอะโข ยังไงๆก็สู้ๆกันต่อไปล่ะกันนะจ๊ะ

    4.โทวกะ จาก Utawarerumono
    http://img489.imageshack.us/img489/7165/utawarerumono011au.jpg <<<คนผมสีม่วงหูยาวๆใส่เสื้อคลุมสีเหลืองทำท่าฟันนั้นแหละ
    ......คิดว่าหลายคนไม่น่าจะรู้จักเรื่องนี้นะ - -* เป็นอนิเมแนวสงครามอีกเรื่องที่ผมชื่นชอบและตัวละครตัวนี่ก็เป็นหนึ่งในดวงใจผมเช่นกัน สาวสวยพี่จริงจังกับทุกเรื่องและมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้านายเกิน 100% พร้อมฝีมือดาบที่หาตัวจับยากนี่แหละคือนิยามของสาวคนนี้

    ตอนนี้ทำไมมันออกมากันเยอะจังว่ะเนี่ย ขนาดคนเขียนยังจำไม่ค่อยได้เลย 555+

    โอะๆ ลืมไปอีกหน่อนึง

    -ฟิโอนอส ไอ้หมอนี้มันเป็นใคร ไม่มีอะไรมากมันคือเพื่อนคนนึงของผมนั้นเอง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสาวกรี้ดสลบเดือนมหาลัยหัวเฉียวปีที่แล้ว (สาธยายเต็มที่) เป็นเพื่อนที่อยู่ยงยาวนานกับชีวิตผมมากที่สุดแหละ ปัจจุบันก็ยังไปมาหาสูกันโดยตลอด ไว้คราวหน้าเราไปกินหมูกระทะกันอีกนะ ไอ้เพื่อนเลิฟ


    And All Friends And Fans Thanks !!!!!!!!!!
  4. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: The Legacy War ~Page 2~ Blood Cross

    ที่ฉันงงก็คือ อ่านข้ามบทของคานนไปได้ไงวะ - -

    อ่านๆไป เจอ อยู่ๆคานนก็ถามขึ้นมา มีงงเลยว่าโผล่มาตอนไหน กลับขึ้นไปดูก็ต้องร้องว่า กรรม อ่านตกไป5บรรทัด =w=


    จะบอกว่า ไอ้นิสัยโหดซาดิสม์นี่ ส่วนมากจะโดนคนยัดให้มากกว่านะ - -*นานๆทีจะเขียนเอง ส่วนมากจะเป็น ไม่เงียบ ก็เฮฮาๆ ไม่ก็บ้าพลัง ไอ้โหดซาดิสม์นึ่เคยเขียนไปฟิคเดียวเองอ้ะ (แถมไม่ได้ออกอีกต่ะหาก) - -
    ดังนั้นถ้าอยากฉีกแนวก็ต้องเขียนให้มันโลลิยิ่งขึ้นๆ ใช่ป้ะ -_-
  5. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: The Legacy War ~Page 2~ Blood Cross

    รู้สึกได้ถึงอิทธิพลและพลังของกลุ่มครอสไนท์ อาจเป็นเพราะมารวมตัวกันมั้ง และฉายาแต่ละคนก็ 55

    ในที่สุดก็ออกมาแล้ว ให้ไปรับนั่นอ่ะนะ....ว่าแต่ เรน่าเอ๋ย เน่าแน่ ๆ 555555
  6. Hell

    Hell Member

    EXP:
    405
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: The Legacy War ~Page 2~ Blood Cross

    ตอนนี้ตัวละครของหลายๆคนเริ่มทยอยกันออกมาเผยโฉมให้เห็นกันแล้ว

    ออกแนวฮานิดๆเครียดหน่อยๆ แว่วเสียงชานะมาแต่ไกลเช่นเดิม(ฮา) บุคคลิกของแต่ละตัวละคร

    ถูกถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่าอยากอ่านตอนต่อไปไวๆ
  7. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: The Legacy War ~Page 2~ Blood Cross

    ฉายาแต่ละคนโคตรเท่ห์ =[]=,, ชอบการเรียกฉายาเข้าซะแล้วแฮะ
    อร๊ากกก ขอตั้งแฟนคลับเจ๊อลิซได้ม้ายยยย เรื่องไหนๆก็ชอบเจี๊จังเลย เจ๊คร้าบ >[]<,,/~
    (โดนพี่สุมิโยะตบหัว แอ่ก! 'จะทำอะไรกับคาร์แรคเตอร์ช้านน' )
  8. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: The Legacy War ~Page 2~ Blood Cross

    แอบลุ้น ฉายาตัวเจ้าอัล แหม.... ไม่น่าเปลี่ยนเล้ย (ม่อเทพสังหาร ก้ากๆๆๆๆ)

    นิสัยเซราส ไม่รู้ก็มาถามผมได้นะครับ ผมดูเรื่องนี้ (ชอบด้วย)

    ว่าแต่เจ๊อลิสตะลุยจนมีคนขอเป็นแฟนคลับเลยเหรอเนี่ย โห ร้ายจริงๆ ก้ากๆๆ

    /me กลับไป ฟาดไหดองให้แตกต่อไป
  9. ultima

    ultima Active Member

    EXP:
    933
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: The Legacy War ~Page 2~ Blood Cross

    ^
    ^
    ^

    จริงๆ ก็ไม่น่าเปลี่ยนฉายานะเนี่ย

    ว่าแต่ที่ท่านโยบอกว่าทำไมผมถึงชอบแบบปีศาจสีขาวน่ะเหรอ เหอๆ เพราะว่าโลลิน่ะสิ
  10. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: The Legacy War ~Page 2~ Blood Cross

    ถูกใจเลยล่ะครับพี่โย ผมชอบคาร์แรคเตอร์ ประมาณนี้แหละ555+

    [action]โค้งคำนับสักทีก่อนจากไป...[/action]
  11. sumiyo

    sumiyo Vincent4ever!!!

    EXP:
    267
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: The Legacy War ~Page 2~ Blood Cross

    อลิซเราเจ้าแม่น่าดูเลย~ หึหึหึ... =________,=

    แฟนคลับงั้นรึ..? ตั้งได้เลย~เพราะเจ๊เองก็ชอบ~~ 5555+

    ว่าแต่...Netherworld มันน่าจะอ่านว่า "เนเธอร์เวิร์ล" มากกว่านะจ๊ะโยชิกิคุง ^^"
  12. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: The Legacy War ~Page III~ The Prelude of war

    ~History’s Page III~


    ~The Prelude of War ~


    ….ทำไมเบลก้าทั้งอาณาจักรถึงถูกตราหน้าว่าออกไล่ล่าศาสตราและเป็นผู้เริ่มสงคราม ทั้งๆที่การกระทำส่วนใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่ Section 5 ทีเป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนนึงทำทั้งสิ้น

    คำตอบนั้นง่ายมาก....

    ในช่วงนั้นผู้นำของเบลก้ามิได้แสดงเจตจำนงใดๆเกี่ยวกับศาสตราออกมาเลย แม้ว่า Section 5 จะถูกก่อตั้งมาได้ระยะนึงแล้วก็ตาม จนกระทั้งมีการเปิดเผยชื่อของผู้นำ Section 5 ซึ่งก็คือ ‘ยมทูตแห่งเบลก้า’ อเล็กซิส โนวินสกี้

    และเขาคนนี้ก็คือผู้ที่จะได้รับตำแหน่งผู้นำเบลก้าคนต่อไป

    เมื่อรูปการออกมาชัดเจนเช่นนี้ผู้นำของเบลก้าจึงประกาศเจรจำนงว่าต้องการรวบรวมศาสตราทั้ง 13 กลับมาอยู่รวมกันอีกครั้ง แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเมื่อได้มาแล้วจะนำไปใช้ทำอะไรและยังออกล่าผู้ถือครองทุกๆคนโดยไร้ความปราณี

    ด้วยเหตุนี้ทำให้ Section 5 จึงได้รับทั้งเงินทุนและกำลังทหารจำนวนมหาศาลอย่างเปิดเผยและมีข่าวออกมาเสมอว่าทางกลุ่มได้จ้างยอดฝีมือมากมายเพื่อเป็นมือเป็นเท้าให้ ซึ่งก็น่าจะรวมถึงบุคคลปริศนาที่ชั้นได้พบบนรถไฟในภารกิจแย่งชิง Gram’s Dagger

    บุรุษลึกลับผู้ยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทราที่สาดส่อง

    งดงามราวรูปปั้นสลัก

    น่าค้นหาเฉกเช่นสมบัติอันล้ำค่า

    การไล่ล่าของพวกเขานั้นทำให้เกิดการการรวมตัวของเหยื่อที่เป็นผู้ถือครองศาสตราขึ้นมาทั้งอัศวินกางเขนและเนเธอร์เวิร์ล ของพวกเรา แม้จะรวมตัวกันด้วยจุดประสงค์เดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องร่วมมือกัน ความไม่ไว้ใจอันเป็นทุนเดิมของเหล่าผู้ครองศาสตราที่ต้องระวังตัวตลอดเวลานั้น นำพามาซึ่งปัญหาความไม่เข้าใจระหว่างกลุ่ม ซึ่งเรื่องนี้ Section 5 เองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว

    สถานการณ์ในตอนนี้ที่คือ ทุกๆกลุ่มต่างหาโอกาสแย่งชิงศาสตราของกันและกันอันเป็นจุดเริ่มต้นสู่สงครามในภายหลัง และแน่นอนเรื่องของ “ไอเย็นแห่งรัตติกาล” และ “นภาคำราม” เองก็เป็นชนวนสำคัญเช่นกัน

    สงครามแห่งการแย่งชิงศาสตราที่สืบทอดจากบรรพชน

    The Legacy War


    .................
    ............................
    .........................................

    ยามราตรีของอาณาจักรแห่งความรุ่งเรือง ‘เบลก้า’ นั้น เอะอะวุ่นวายไม่ต่างจากตอนกลางวันสักเท่าใดนัก เสียงเครื่องจักรกลยังคงดังก้องกังวานผ่านค่ำคืนที่มิอาจหลับใหล มีเพียงดวงจันทร์ที่ลอยอย่างเงียบสงบเท่านั้นที่พอจะเป็นที่พึ่งพิงให้ ‘เนตรอัคคี’ จับจ้องได้

    ในที่นั่งตรงข้ามชายหนุ่มผมทองประบ่ากำลังนั่งเกรงเพราะบรรยากาศชวนอึดอัดจากสาวน้อยที่อายุต่างจากเขามากโข “นี่ ชานะ..”

    เสียงของฟิโอนอสทำให้สาวน้อยผมสีดำขลับเปรยตามามองแว่บนึง “ใครใช้ให้นายเรียกชื่อชั้นห้วนๆ”

    ชายหนุ่มดวงตาสีอำพันสว่างนิ่งไปชั่วครู่ “แล้วจะให้เรียกอะไรล่ะ เนตรอัคคี หรือ เปลวเพลิงแห่งสวรรค์”

    ชานะไม่ได้ตอบอะไรกลับมาในทันที ดวงตาของเธอยังจับจ้องไปที่ท้องฟ้าและดวงจันทร์กลมโต ใบหน้าที่ดูเฉยชานั้นเหมือนจะครุ่นคิดอะไรสักอย่าง “นายรู้จักชั้นดีเหมือนกันนิ”

    ชายหนุ่มทำหน้าผิดคาดเล็กน้อย เพราะเขาคิดว่าคงจะโดนตอกกลับมาเหมือนเมื่อครู่มากกว่าจะชื่นชมในลักษณะนี้ “เด็กสาวที่บุกเดี่ยวถล่มกองร้อยของ Section 5 ด้วยเปลวเพลิงในมือดุจเทพธิดาแห่งไฟ เรื่องนี้โด่งดังออกนะ”

    “งั้นเหรอ....” ชานะยังคงสนทนาโดยที่ใบหน้านั้นยังเหม่อมองออกไปด้านนอก “แต่ชั้นว่านายพูดเสียงดังแบบนี้เราจะเดือดร้อนนะ”

    ฟิโอนอสยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เพราะเขาเข้าใจจุดประสงค์ในประโยคนี้ดี จริงๆแล้วมันก็คือให้เขาหุบปากอยู่เงียบๆนั้นเอง

    เป็นเด็กสาวที่ไม่ได้มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อยจริงๆ......

    ทั้งสองหยุดบทสนทนาทั้งหมด ความเงียบกลับมาครอบคลุมทั่วบริเวณ มีเพียงเสียงจากจอโทรทัศน์ภายในห้องผู้โดยสาร ซึ่งตัวสาวน้อยเกศาเพลิงไม่ได้สนใจอะไรมันแต่แรกอยู่แล้ว จึงมีเพียงชายหนุ่มผมสีทองยาวประบ่าเท่านั้นที่ใช้งานเจ้าทีวีเครื่องนี้

    ฟิโอนอส กดรีโมตเพื่อหมุนหารายการที่น่าสนใจดูเพื่อฆ่าเวลา และหนีบรรยากาศตึงเครียดที่ออกมาจากชานะ และเข้าก็ต้องสะดุดกึกเมื่อเห็นหน้าของชายผู้นึงอยู่บนหน้าจอ

    เขาคนนั้นเป็นบุรุษสูงวัยสวมแว่นตากรอบบางใสในชุดทหารเต็มยศ ผมส่วนใหญ่แทบจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนทั้งหมดแต่ร่างกายนั้นดูกำยำเสียยิ่งกว่าเด็กหนุ่มหลายๆคน ยิ่งไปกว่านั้นลักษณะที่พบเห็นแล้วรู้สึกได้ทันทีคือ น่าเกรงขาม...

    “ชานะ..”

    “หุบปากซะ ชั้นไม่อยากคุยกับนาย”

    “งั้น เธอควรหันมาดูหน้าคุณลุงคนนี้หน่อยนะ” ฟิโอนอสพูดพลางชี้นิ้วไปทางหน้าจอ

    ชานะ เหลือบมองด้วยหางตาแว่บนึงก่อนจะหันมาดูให้เต็มตา “ยมทูตแห่งเบลก้า งั้นเหรอ”


    อเล็กซิส ซึ่งกำลังยืนอยู่บนโพเดียมไม้ที่มีไมค์วางรอบพร้อมแสงแฟลชที่สาดเข้ามาตลอดเวลา เขากวาดสายตามองกล้องที่กำลังถ่ายทอดทุกตัวก่อนจะหยุดนิ่งที่กึ่งกลางของห้องส่ง “สวัสดีครับ ประชาชนชาวเบลก้าทุกท่าน”

    “ผมคิดว่าทุกท่านน่าจะทราบถึงการบุกปล้นศาสตราจากรถไฟขบวนพิเศษของเราเมื่อคืนวาน ซึ่งทางเราระบุตัวได้แล้วว่าเป็น ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’ สมาชิกของเนเธอร์เวิร์ล กลุ่มก่อการร้ายอันเป็นศัตรูสำคัญของเรา”

    “ก่อการร้ายงั้นเหรอ....ไอ้บ้าเอ้ย” ชานะสบถออกมาแบบลืมตัว ส่วนฟิโอนอสนั้นยังคงตั้งใจฟังโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรกับคำพูดของเนตรอัคคีมากนัก

    “การกระทำของพวกมัน นั้นแสดงให้เห็นถึงความต้องการในการขัดขวางสันติภาพของเรา สันติภาพที่จะเกิดขึ้นเมื่อศาสตราทั้ง 13 กลับมารวมเป็นหนึ่ง” ความโกรธในใจของชานะเริ่มกระพือมากขึ้นเมื่อประโยคนี้ผ่านเข้าไปในหู

    “สันติภาพโดยการแย่งชิงของๆคนอื่นเนี่ยนะ” เนตรอัคคีสบถออกมาอีกครั้ง คราวนี้ฟิโอนอสต้องเข้ามาตบไหล่ของเด็กสาวเพื่อระงับอารมณ์

    ทั้งสองกลับไปจดจ้องกับหน้าจออีกครั้ง ซึ่งเหล่าผู้สื่อข่าวในห้องส่งกำลังรุมยิงคำถามสำคัญต่อผู้นำของ Section 5 “ท่านครับ แล้วเรื่องของ ‘ไอเย็นแห่งรัตติกาล’ กับ ‘นภาคำราม’ ล่ะครับ”

    “ในส่วนของอาชญกรสงครามรายสำคัญสองคนนี้ เราเพิ่งได้ที่อยู่แน่นอนมาไม่นานนัก และจะรีบล่าตัวมารับโทษให้เร็วที่สุด ของให้ทุกท่านอย่างเป็นห่วง”


    ไอเย็นแห่งรัตติกาล

    นภาคำราม

    ชื่อของยอดฝีมือลึกลับทั้งสองก้องอยู่ในหัวของชานะ ความสงสัยต่างๆผุดขึ้นมาในหัวสมองของเธออีกครั้ง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามแสดงออกมายังชัดเจน แม้แต่ชายหนุ่มผมทองที่กำลังนั่งฟังสุนทรพจน์อันหอมหวานของ ‘ยมทูตแห่งเบลก้า’ ยังจับสังเกตได้

    “สงสัยสินะ เรื่องสองคนนั้น”

    ชานะเปรยตามองใบหน้าได้รูปของอีกฝ่ายด้วยบรรยากาศกดดันเช่นเคย “นายอ่านใจชั้นได้หรือไง”

    “ก็หน้ามันฟ้องขนาดนั้น”

    “นายเองก็พูดเหมือนจะรู้อะไรดีเลยนะ”

    ไม่มีคำตอบใดๆนอกจากรอยยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย......

    “ชั้นพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่อลิสถึงอยากเจอนายนักหนา”

    “อย่าคิดให้มากไปคุณหนู ชั้นมีเหตุผลมากกว่านั้น” ชายหนุ่มผมทองว่าเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างสบายอารมณ์ ส่วนชานะเองก็หันไปให้ความสนใจกับท้องฟ้ายามค่ำคืนอีกครั้ง ปล่อยให้โทรทัศน์เก่าๆทำงานไปอย่างไร้ค่า

    ......................
    .....................................
    ..............................................
    ...........................................................


    ยมทูตแห่งเบลก้าก้าวเดินออกจากห้องส่ง.....

    อเล็กซิส เดินไปตามทางเดินแคบๆโดยมีบอดี้การ์ดมากมายล้อมรอบดุจผู้นำประเทศก็มิปาน มือที่ดูทรงพลังล้วงหยิบคริสตัลใสในกระเป๋าเสื้อก่อนจะขยับมาให้ใกล้กับมุมปาก “เตรียมแผนต่อไปหรือยัง”

    “อะไรกันคะ มาถึงก็เปิดเรื่องงานกันเลยเหรอ” เสียงหญิงสาวตอบผ่านคริสตัลสื่อสาร

    “ถูกชิงกริดไปแบบนั้น จะให้ชั้นอยู่เฉยหรือไง” อเล็กซิส กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ

    หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อย พลางขยับอุปกรณ์สื่อสารในมือจนได้ยินเสียงชัดเจน “ถ้าจำไม่ผิดชั้นแนะนำให้ ‘ราชาแห่งศาสตรา’ ไปกับรถขบวนนั้นด้วยนี่คะ”

    “ใช่ แต่กริดก็ยังถูกชิงไป” บุรุษวัยกลางคนสวนกลับทันที

    “อืม...เท่าที่ชั้นประเมินฝีมือของเขาไม่น่าพ่ายให้ “เกศาเพลิงเนตรอัคคี” นะคะ”

    ยมทูตแห่งเบลก้าขุ่นเคืองใจขึ้น เขาหลับตาลงครู่นึงก่อนจะสนทนาต่อ “ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” อเล็กซิสเว้นจังหวะพูดเล็กน้อย “เรื่องแผนการขั้นตอนไปก็ขอฝากด้วยล่ะกัน”

    “คิดว่าชั้นเป็นใครกันคะ คุณยมทูตแห่งเบลก้า เรื่องแค่นี้น่ะสบายมาก” น้ำเสียงสดใสตอบกลับมา

    “นั้นสินะ ยังไงก็ทำให้สมฉายา นางฟ้าอัจฉริยะ ด้วยล่ะกัน”

    “ค่า เจ้านาย”

    แล้วทุกอย่างก็เงียบลงอีกครั้ง ท่ามกลางฝีเท้าที่มิอาจจับจังหวะได้ อเล็กซิสเพ่งมองไปเบื้องหน้าประตูทางออกนั้นมีชายหนุ่มผมสีกรมท่ายาว ในชุดเสื้อโค๊ทสีแดงกำลังยืนรอรับเขาอยู่

    ยมทูตแห่งเบลก้าเผยรอยยิ้มขึ้น พร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก.......



    -----------------------------​



    ........การเดินทางกลับจากเบลก้านั้นลุล่วงไปด้วยดี แม้ว่าจะมีปัญหาเล็กน้อยตอนอยู่ที่เทรโน่แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาหนักหนาเท่าไร ซึ่งที่นั้นเร็กซ์และคานนได้มารอรับพวกเราทั้งสองคนอยู่แล้ว เรื่องต่อจากนี้จึงราบรื่นตามที่คาดไว้

    ย่านชานเมืองริริอาที่เคยเกิดโศกนาฏกรรมในอดีต คือที่ตั้งของบ้านหลังใหญ่ของพวกเรา โดยมีพี่อลิสเป็นนายหญิงใหญ่ ซึ่งชั้นว่ามันก็ดูเหมาะสมดีอยู่แล้วและทุกๆคนเองก็เห็นพ้องในเรื่องนี้แม้ว่าตัว ดวงตานรกไร้ก้น จะพยายามพูดอยู่เสมอว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันก็ตาม

    ระหว่างทางเร็กซ์เคยหาเรื่องคุยตลอดเวลาซึ่งมันน่ารำคาญสิ้นดี อาจจะเพราะตอนนี้ตัวชั้นมีเรื่องให้คิดจนรกสมองเด็กอายุสิบสองอย่างชั้น ก็คนมันสงสัยนี่หน่า หรือเพราะว่าชั้นยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจเรื่องยากๆแบบนั้นก็ไม่รู้

    แต่ทำไมชั้นต้องสงสัยอะไรมากมายแบบนั้น

    หรือว่าจะเป็นลางอะไรสักอย่างกันนะ



    “เร็กซ์ นายเอารถไปจอดซะ” คานนที่เพิ่งกระโดดลงจากรถเปิดประทุนเก่าๆชี้นิ้วสั่ง

    “ขออยู่กะชานะจังอีกแปบนึงสิ” เร็กซ์ยังคงทำตัวดื้อหลังพวงมาลัย

    “เอารถไปจอด...” ชานะ เอ่ยเสียงโหดพร้อมส่งสายตาอาฆาตไปทางเร็กซ์ทันที ทำเอาเทพอัสนีบาตรรีบพยักหน้ารับคำ

    ทั้งสี่คนกำลังถูกห้อมล้อมด้วยบรรยากาศอันร่มรื่นที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ตั้งเรียงรายเป็นสีแดงส้ม อันเป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม่ผลิ เบิ้องหน้านั้นเป็นบ้านอิฐทรงยุโรปหลังใหญ่ที่พอจะเรียกว่าคฤหาส์ได้ หญิงสาวในอาภรณ์สีแดงพร้อมผมสีขาวไข่มุกปลิวไสว กับสตรีผมสีทองยาวเลยต้นขอในชุดลำลองดูสบายเข้ากับสถานที่ ยืนรอต้อนรับพวกเข้าที่ประตูไม้ด้านหน้า

    “สวัสดีฟิโอนอส ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” อลิส เจ้าของสมญา ‘ดวงตานรกไร้ก้น’ นายหญิงใหญ่แห่งเนเธอร์เวิร์ลทักทายชายหนุ่มอย่างเป็นกันเอง

    “สวัสดีครับ คุณอลิส” ชายหนุ่มดวงตาอำพันตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส พลางหันไปทักทายเซราสที่ยืนอมยิ้มอยู่ “คุณเซราสเองก็ไม่ได้พบกันนานนะครับ”

    เซราสผงกหัวเล็กน้อยเป็นเชิงรับคำพลันเดินตรงเข้ามาตบบ่าชายหนุ่ม “เฮ้ โอ วันนี้มาเมายันเช้ากันดีกว่าไหม”

    “แหะๆ ผมขอผ่านล่ะกันนะ”

    คานนและชานะที่ยืนสงสัยในความสนิทชิดเชื้อเกินเหตุของหัวหน้าและรองหัวหน้าต่อชายหนุ่มที่เพิ่งไปรับตัวมาสดๆร้อนๆ ใบหน้าของหญิงสาวทั้งสองต่างพากันฉงน “นี่รู้จักกันนานแล้วเหรอ” ในที่สุดคานนก็เอ่ยปากถาม

    “ใช่แล้ว” อลิสตอบกลับ

    “มิน่า ถึงสนิทกันจริง” เนตรอัคคีกล่าวไม่สบอารมณ์เท่าไรคงเพราะไม่ถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบกระมัง

    “หน่า ชานะจัง เดี๋ยวตั้งแต่วันนี้เขาก็จะมาเป็นสมาชิกของพวกเราแล้วนะ” เซราส วิคตอเรีย เบือนหน้าไปทางฟิโอนอสที่กำลังยืดอกราวกับเยาะเย้ยเด็กสาว

    “เหอะ แล้วชั้นจะคอยดูว่าฝีมือนายมันจะแน่สักแค่ไหน” ชานะ หงุดหงิดมากขึ้นทันตาพลันเดินแหวกพวกอลิสเข้าไปในบ้านหลังใหญ่พร้อมปิดประตูดังโครม

    “ไร้มารยาทแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่าครับเนี่ย” ชายหนุ่มผมทองถามด้วยน้ำเสียงแห้งๆ

    “อย่าไปถือสาเลยหน่า นายหัวทอง” คานนตอบคำถามพร้อมเดินมาที่ข้างตัวชายหนุ่ม

    “ก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ต้องใส่ใจหรอก....เอาล่ะเข้าไปข้างในกันเถอะ ชั้นมีเรื่องต้องคุยกันนายเยอะทีเดียว” อลิสกล่าวพร้อมเดินนำหน้าคนอื่นๆสู่ฐานบัญชาการของกลุ่ม..


    ภายในตัวบ้านนั้นเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ ทั้งเก้าอี้ เคาเตอร์บาร์ โต๊ะ ตู้เก็บของ และอีกสารพัดอย่าง ได้ถูกตกแต่งไว้อย่างดีและทุกชิ้นดูสะอาด มันเงา แทบทั้งหมด เยื้องไปบริเวณมุมของชั้นแรกมีเปียโนหินอ่อนสีไม้โอ้กตั้งไว้ ฟิโอนอสมองไปรอบๆอย่างพอใจ

    “แล้วนี่คนหายไปไหนหมดครับเนี่ย”

    “อ้อ ส่วนใหญ่ออกไปทำงานน่ะ มีแต่หน่วยข่าวกรองซุ่มซ่ามที่ชั้นเกรงว่าจะออกไปเป็นเหยื่อเลยให้ประจำอยู่ที่นี่ตลอดเท่านั้นเอง” ไม่ต้องให้เดาเลยว่านายหญิงกำลังพูดถึงใคร เรน่า นั้นเอง

    “ว่าแต่ยัยเรน่าทำงานอยู่ใช่ไหมหัวหน้า” คานนถามขึ้น

    “เปล่า นอนกลางวันน่ะ” เซราส ที่อยู่ถัดไปเป็นผู้ตอบคำถาม

    เสียงหัวเราะร่วนของทุกคนก็ดังขึ้นเบาๆ คานนปลีกตัวขึ้นไปชั้นสองตามด้วยเซราส เป้าหมายคือห้องข่าวกรองที่เรน่างีบหลับอยู่ อลิสหัวเราะคิกๆขึ้นมาอีกครั้งพลางเงยหน้ามองชายหนุ่มที่ยังดู งงๆ “โอ ตามไปที่ห้องของชั้นล่ะกัน มีเรื่องอยากถาม...เยอะเลยแหละ”

    ................................
    ..................................................
    ............................................................
    .......................................................................



    “นายท่านคะ มีรายงานมาว่าพวก Section 5 กำลังยกกำลังเข้าไปที่ชายแดนโครลิสค่ะ” สตรีในชุดผ้าแพรไหมสีเหลืองอ่อน อ่านรายงานในมือฉับไว

    “จำนวนล่ะ” ชายหนุ่มผมสีฟ้าอ่อนสวมใส่ชุดขุนนางกำลังใส่ใจกับกระดานหมากรุกตรงหน้า

    “ราวๆพันคนได้ค่ะ” ราเชลหยุดนิ่งเล็กน้อยเมื่อได้ยินจำนวนศัตรู หญิงสาวที่นั่งอยู่อีกฝากของกระดานเปรยตามองหน้าราเชลเล็กน้อย “กลัวหรือไง”

    “เปล่า แค่อยากรู้ว่ามันนึกยังไงเอากำลังไปทางโครลิสเยอะแยะ” ราเชล ขยับหมากบนกระดานก่อนเงยหน้ามองคู่สนทนา “โครลิสนั้นรักสงบก็จริงแต่ใช่ว่าจะอ่อนแอ ที่สำคัญเหตุการณ์ที่ริริอาเมื่อหลายปีก่อน องค์ราชาแห่งโครลิสคงไม่ยอมให้พวกนั้นเข้ามาในประเทศง่ายๆอยู่แล้ว”

    “อยากรู้นักก็ให้คนไปสังเกตการณ์สิ” คำตอบสั้นได้ใจความผ่านจากริมฝีปากของหญิงสาวผมดำยาว

    “นั้นสินะ...” ราเชลพูดพลางหลับตาลงเล็กน้อย “โทวกะ”

    “คะ... นายท่าน”

    “ไปตาม อัศวินแห่งความเงียบ ปีศาจสีขาว เงาแห่งความตาย มาหาชั้น บอกว่ามีงานสำคัญ”

    “รับทราบค่ะ” โทวกะรับคำก่อนจะโค้งตัวด้วยความน้อบน้อมพลันก้าวออกไปจากห้อง

    หญิงสาวที่กำลังนั่งเล่นหมากรุกกับราเชลมองเขาด้วยสายตาประหลาด “ส่งไปตั้งสามคนเลยเหรอ”

    “ทำไมล่ะ หรือว่าไม่มีชื่อของ ‘อัคคีพิโรธ’ แล้วหงุดหงิดเหรอ” ชายหนุ่มในขุนนางเอ่ยพลางเปล่งเสียงหัวเราะร่วน

    “ชั้นจะหงุดหงิดที่ไม่มีชื่อตัวเองไปทำไมกันห่ะ”

    “ก็ท่าทีเธอมันแสดงออกมานี่หน่า อากิฮะ” ราเชลเดินตัวหมากเข้าล้อมขุนของอีกฝ่ายจนหมดทางหนี “รุกฆาต”

    “เชอะ” โทโนะ อากิฮะ เดาะลิ้นไม่สบอารมณ์

    ........................
    ...................................
    ...............................................
    ...........................................................


    ไกลออกไป ณ แม่น้ำลิเวียธานอันเป็นเส้นแบ่งพรหมแดนตามธรรมชาติของโครลิสและเบลก้า ซึ่งมีเทรโน่เป็นเมืองที่อยู่ระหว่างเขตขัณฑสีมาตั้งอยู่นั้น สูงขึ้นไปบนยอดเขาเล็กๆแต่สามารถมองลงมาเห็นทิวทัศน์ของทั้งสองฝั่งได้อย่างถนัดตา ร่างของชายหนุ่มสูงโปร่ง ผมสีเงินยาวสลวยในชุดผ้าคลุมสีดำกำลังจับจ้องไปทางอีกฝากของแม่น้ำ ไม่ห่างกันเด็กสาวผมทองที่มัดปมเอาไว้ทั้งสองข้างยืนอยู่ไม่ห่าง

    “พลาดจริงๆที่ปล่อยให้พวกมันหนีรอดไปได้” ชายหนุ่มพูดไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก

    “งั้นเราก็ไม่ควรอยู่ที่นี่นานแล้วนะ” เด็กสาวเสนอความเห็น

    “นั้นสินะ ดูท่าเรากำลังจะสร้างปัญหาให้กันที่นี่ซะแล้ว...เอาล่ะ เราจะเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยให้อีกฝ่ายรู้ว่าเราสองคนอยู่ที่ไหน จะได้หลีกเลี่ยงการปะทะที่โครลิสได้”

    “เสี่ยงมากเลยนะ” เด็กสาวพูดขึ้นสั้นๆ บุรุษผมเงินกุมสร้อยสีฟ้าอ่อนของตนก่อนจะกล่าววาจา “การที่มันทำแบบนี้ก็เพื่อบีบให้เราปรากฏตัว ดูท่า ‘นางฟ้าอัจฉริยะ’ คงวางหมากเกมนี้ไว้น่ากลัวทีเดียว”

    ทุกสิ่งจมอยู่ในความเงียบไร้ซึ่งบทสนทนาจะต่อยอด ร่างทั้งสองผละออกจากสถานที่นั้นอย่างช้าๆ ทอดทิ้งขุนเขาให้เดียวดายเชกเช่นสายลมที่พัดมาและจากไปเสมอ.....


    ....................................................................................................................................................................................................

    Talk Talk Talk

    ขอประทานอภัยจริงๆ ผมเริ่มเอาตอนนี้ลงนึกว่าลงไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประกบกับไม่ได้เข้ามาดูบอร์ดเลย ต้องขออภัยทุกท่านจริงๆครับ ความผิดผมเอง T T

    ช่วงนี้งานผมค่อนข้างยุ่งมากๆๆๆๆ คิดว่าสักสัปดาห์หน้าจะรีบขนตอน 4 หากไม่มีอะไรผิดผลาดนะ

    เออ วันเสาร์และอาทิตย์นี้ใครว่างๆก็ไปดูผมเล่นคอนเสิร์ตที่สยามดิสคัฟเวอรี่ (ในวันเสาร์) และสยามพาราก้อน (ในวันอาทิตย์) ได้นะครับ เวลาประมาณบ่ายโมง ขอมาโฆษณาในนี้คงไม่ผิดเนอะ

    Special Thanks

    -Alexis Nowinski จากท่านวินเซ้น ยังไงล่ะ ผู้นำ ที่เยือกเย็น น่าเกรงขาม ลูกน้องเคารพเชื่อฟัง วาจาดุจประการสิทธิ์คงเป็นนิยามของตัวละครตัวนี้ล่ะนะ

    -และคนอื่นๆที่ออกมาแค่สมญา 55+

    And All Friends And Fan Thank You !!!!

    ปล.ขอบคุณพี่ซุมิ ที่แนะนำมาครับจริงๆผมก็เคยทำนะ แต่หลังมามันขี้เกียจอ่ะ เลยไม่เคยใส่เลย 555+
  13. sumiyo

    sumiyo Vincent4ever!!!

    EXP:
    267
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: The Legacy War ~Page 3~ The Prelude of War

    ....กำเวน...คฤหาสน์เจ๊เราออกจะใหญ่โต....แต่รถที่ใช้ดันเป็นเปิดประทุนเก่าๆงั้นเร๊อะ!!

    [action]อลิซเซ็นอนุมัติงบซื้อรถใหม่!!![/action]


    ..คือ..อยากจะแนะนำนิดนึงอ่่ะค่ะ..
    เวลาเปลี่ยนฉาก อยากจะรบกวนให้ทำเส้นคั่นไว้หน่อยก็ดีนะคะ...
    ...เราเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทันอ่ะ... ^^"
    บางทีเว้นบรรทัด 2-3 บรรทัด มันแบ่งไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่น่ะค่ะ


    ยังไงก็...ขอโทษด้วยนะคะที่เพิ่งมาบอกเอาป่านนี้.. = ="
  14. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: The Legacy War ~Page 3~ The Prelude of War

    ..ชิ ไม่มีเค้าง่า ส่งเค้าไปทำงานสินะโยจัง...บู่..

    เจ้าเร็กขับรถเปิดประทุน..เเล้วมอเตอไซร์ของเเกหายไปไหนฟะเจ้าเร็กขายไปเเล้วเรอะ ก๊ากกกกกก

    สองคนที่โผล่มาตอนจบไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นใคร รู้ๆกันอยู่

    ปล.ไปสมัครฟิคผมด้วยดิโยจัง 555+
  15. Hell

    Hell Member

    EXP:
    405
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: The Legacy War ~Page 3~ The Prelude of War

    ตอนใหม่มาแล้ว ในที่สุดตอนนี้อากิฮะจังก็ได้ออกมาแล้ว
    บุคคลิกใช่เลย ถูกใจผมจริงๆ(ฮา) ส่วนตัวละครใหม่ที่ออกมาตอนนี้
    ยมทูตแห่งเบลก้า ก็สร้างอิมเมจออกมาได้น่าเกรงขามมากๆสมกับเป็นผู้นำ
    ของ Section 5 จริงๆ
  16. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: The Legacy War ~Page 3~ The Prelude of War

    อืม น่าเกรงขามมาก แต่ผมน่าจะเปลี่ยมทรงผมเป็นครัวซองค์ ด้วยนะเนี่ย

    ถ้ามีเสนาธิการ ฝีปากกล้า อีกสักคน เราก็ได้จะได้ภาพลักษณ์ของผู้นำทหารเบ็ดเสร็จขึ้นมา


    ส่วนชานะจัง เอาเมล่อนปังไปกินก่อนน่า (อย่าพึ่งโกรธคุณลุงคนนี้เลย)
  17. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: The Legacy War ~Page 4~ The Demon Lord

    The History’s Page IV

    ~The Demon Lord~



    …….ทุกๆคืนที่ชั้นหลับฝันภาพคมดาบสีดำสนิทอาบไปด้วยเลือดมนุษย์ที่กองพะเนินกัน ยังคงตามหลอกหลอนชั้นอยู่ตลอด พี่ชายที่ใจดีและอ่อนโยนยิ่งกว่าผู้ใดกลับกลายเป็นมัจจุราชผู้พรากชีวิตมากมายเพื่อเบิกทางให้พวกเราหนีรอดจากการตามล่าในตอนนั้น หยดเลือดสีแดงข้นพุ่งตามรอยฟันที่ตัดผ่านลำตัว โลหิตแปดเปื้อนชุดสวยของพวกเราจนดูเหมือนฆาตกรก็ไม่ป่าน


    จนแม้แต่บัดนี้ ภาพอันโหดร้ายนั้นยังคงปรากฏเสมอเมื่อชั้นหลับตาลง.....​


    หลังจากที่ฟิโอนอสมาอยู่กับพวกเราได้ไม่นาน ความรู้สึกประหลาดบางอย่างก็ก่อเกิดขึ้นกับชั้น .....มันไม่ใช่ความรู้สึกรักชอบเหมือนหนุ่มสาว ไม่ใช่ความรู้สึกชิงชังเหมือนศัตรูที่หมายเอาชีวิต แต่เป็นความครั่นคร้ามที่ชั้นเองไม่เคยสังเกต ความครั่นคร้ามแบบเดียวกับที่ชั้นเคยรู้สึกได้จากพี่ชายในเวลานั้น

    ปีศาจในคราบมนุษย์...

    คงเป็นคำนิยามที่อธิบายได้เป็นอย่างดี

    ข่าวการเคลื่อนไหวของ ‘ไอเย็นแห่งรัตติกาล’ และ ‘นภาคำราม’ กลายเป็นข่าวใหญ่ที่ทุกคนต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด การที่เบลก้าประกาศเคลื่อนพลเข้าใกล้เขตของโครลิสนั้น ก็เพื่อบีบให้ทั้งสองต้องปรากฎตัวทั้งที่พวกเขาเองก็สามารถเมินเฉยต่อความปลอดภัยของราชอาณาจักรโครลิสแห่งแดนตะวันออกได้

    แต่พวกเขากลับเลือกที่จะไม่ทำ...​


    สมรภูมิจึงกลับกลายเป็นบริเวณรอยตะเข็บชายแดนทางฝั่งตะวันตกแทน ทางด้านฟาลาจิเองก็คอยตรึงกำลังที่ชายแดนของตนอย่างเต็มที่ แต่ยังไงซะสำหรับชั้นการส่งคนเป็นพันเพื่อล่าคนแค่สองคนมันก็ยังไงอยู่ แม้แต่เหล่าหัวหน้าในกลุ่มของเราเองก็อดสงสัยไม่ได้ ซึ่งนอกจากเราแล้วทางนักรบกางเขนก็ได้ส่งสมาชิกระดับแนวหน้าไปสังเกตการณ์ศึกครั้งนี้เช่นกัน

    และ ณ ทุ่งราบยามอัสดงนั้น....

    จ้าวแห่งปีศาจทั้งมวลก็ได้ถือกำเนิด



    ....แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณทอแสงสีเหลืองทองผ่านหน้าตาไม้ทรงยุโรป ร่างของชายหนุ่มผมสีเทาอ่อนกำลังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนโตขนาดเข้าไปซุกกันได้ถึงสามคน เตียงเปล่าชั้นบนถูกทิ้งเอาไว้เนื่องจากเจ้าของที่ยังไม่กลับมากภารกิจที่ ‘ดวงตานรกไร้ก้น’ นายหญิงใหญ่ของกลุ่มสั่งไปทำ เจ้าของห้องจึงเหลือเพียง ‘เทพอัสนีบาต’ เร็กซแนล ซาเมอท์ เพียงคนเดียวเท่านั้น

    (พอไอ้ฮิวโก้ไม่อยู่รู้สึกเราหลับสบายขึ้นเยอะเลยแหะ)

    เร็กซ์ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ความงั่วเงียยังคงเล่นงานเขาอยู่ร่ายกายส่วนใหญ่จึงยังไม่ตอบสนองต่อการทำงานของสมองเท่าใดนัก เร็กซ์บิดตัวไปทางขอบเตียงพลางคว้าหมอนข้างสุดเน่าของเขามากอดไว้

    (ทำไมมันนิ่มๆผิดปกติว่ะ)

    สองมือของชายหนุ่มเริ่มลูบไปตามความสงสัย เมื่อสัมผัสที่คุ้นเคยมันผิดแผกไปจากทุกที
    (เริ่มรู้สึกว่ามันไม่เหมือนหมอนแล้วแหะ)

    ..แต่คราวนี้เขาสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง บวกกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆที่ลอยออกมาจากใต้ผ้าห่มของเขา
    (เหล้า....เมื่อคืนตูก็ไม่ได้กินเลยนี่หว่า แล้วไอ้สัมผัสนิ่มๆเหมือนผิวสาวๆนี้มันอะไรว่ะเนี่ย)

    เร็กซ์ ตัดสินใจเปิดผ้าห่มออกช้าๆ.....และภาพที่สามารถทำนายอนาคตของเขาว่าจะไม่อาจอยู่รอดได้ถึงวันพรุ่งนี้ก็ปรากฏตรงหน้า

    สาวน้อยผมสีดำขลับในชุดเสื้อซับในบางๆกำลังหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าที่อ่อนเยาว์จนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าพอตื่นขึ้นมาจะกลายเป็นเด็กสาวจอมเอาแต่ใจและแข็งแกร่งสมฉายา ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’

    แน่นอนเด็กสาวที่นอนข้างเร็กซ์ทั้งคืนก็คือ ..... ชานะ

    (เอาล่ะไงล่ะ ขืนตื่นมาตอนนี้กุตายชัวร์)

    เม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกจากร่างกาย พร้อมๆกับความกลัวว่าเมื่อคืนเราเผลอไปจับอะไรตรงไหนของเธอบ้างแถมตอนนี้เธอกำลังนอนหนุนแขนซ้ายด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข จนตัวเร็กซ์เผลอจ้องหน้าเล็กๆนั้นไประยะนึงตามประสาชายหนุ่มที่หลงชอบหญิงสาวอายุน้อยกว่า

    (เดี๋ยวเด้ อย่าเพิ่งคิดอะไรพิเรน !!!)
    ท่ามกลางบรรยายกาศน่าขนพองยิ่งกว่าสนามรบ ประตูไม้หน้าห้องก็พลันเกิดเสียงขึ้น ใช่แล้วมันคือเสียงเคาะประตูนั้นเอง “เฮ้ย ไอ้คนข้างในตื่นได้แล้ว สายแล้วนะโว้ย”

    เสียงเข้มหนักของชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของประตูดั่งลั่น พร้อมๆกับสีหน้าของเร็กซ์ที่ซีดลงไปเรื่อยๆ เด็กสาวในอ้อมแขนบิดตัวไปทางหน้าประตูพลางตะโกนสวนกลับไปทันที “รู้แล้วๆ ขอหลับอีกแปบ”

    .....แล้วเธอก็นอนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    แม้เร็กซ์จะโล่งใจแต่ก็วางใจไม่ได้ เมื่อตนเองรู้ตัวดีว่าหากชานะฟื้นขึ้นมาในสภาพนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รอช้าเร็กซ์ค่อยๆถอนมือตัวเองออกมาจากหัวเล็กๆของชานะอย่างระมัดระวัง แต่สาวน้อยเนตรอัคคีกลับคว้าแขนข้างนั้นไปนอนกอดซะได้

    “อืมๆ....” ชานะเปล่งเสียงเบาๆจากลำคอพลางเขยิบเข้าไปใกล้เร็กซ์มากขึ้น

    (เวรแล้ว ทำไงดีว่ะกุ)

    ด้วยความลุกลี้ลุกลนนั้นเอง เร็กซ์ที่พยายามจะแกะตัวชานะออกก็เสียการทรงตัวล้มกลิ้งตกลงมาจากเตียงพร้อมๆกับสาวน้อยในอ้อมแขน และแน่นอนเธอคนนั้นก็ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมทั้งเห็นว่ามีใครบางคนกำลังนอนคร่อมตัวเธออยู่

    “เอ่อ....ชานะจังใจเย็นๆนะ ผมอธิบายได้”

    โครม !!!!!



    “เสียงดังอะไรน่ะ” ชายหนุ่มเนตรอำพันที่กำลังซดกาแฟจากแก้วใบเล็กๆถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ

    “ไม่ต้องใส่ใจไปหรอก” เสียงที่ตอบกลับมาเป็นของชายผมดำยาวในชุดสูทสีดำเข้มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ด้านหน้ามีแก้วกาแฟแบบเดียวกันที่ยังไม่ได้ถูกแตะต้อง ส่วนในมือนั้นเป็นหนังสือพิมพ์ที่ได้มาตอนเช้า

    “ผมว่ามันน่าจะมีอะไรนะครับ คุณมุคุโร่ เสียงดังออกปานนั้น”

    “อาจมีใครบางคนตกเตียงเท่านั้นแหละ”

    ความสงสัยของฟิโอนอสหยุดลงเมื่อเร็กซ์ค่อยๆเดินลงบันใดมาช้าๆพร้อมกับรอยฟกช้ำที่แก้มขวา “ไปทำอะไรมาน่ะ”

    “อ้อ แค่ตกเตียง” เร็กซ์ตอบสั้นๆ คล้ายเสียงบ่นพึมพำ

    “มั่นใจเหรอ ชั้นว่านายโดนใครชกมามากกว่านะ”

    “บอกตกเตียงก็ตกเตียงดิ มีน้ำสักแก้วไหม เรน่า” เร็กซ์เอ่ยถามเรน่าที่กำลังง่วนอยู่ในเคาท์เตอร์

    “แปบนะจ๊ะๆ” น้ำเสียงใสตอบกลับมา โดยที่ตัวเจ้าของเสียงยังผลุบๆโผล่อยู่ที่เคาท์เตอร์

    “เจ็บไหม” มุคุโร่ มองลอดแว่นตากรอบใส่มาทางเร็กซ์ คล้ายเป็นการเย้ยหยั่นหน่อยๆ

    “เจ็บ....มากเลยด้วย” เสียงที่ตอบกลับมานั้นสะอื้นเต็มทน “แล้วทำไมชานะจังถึงไปอยู่ในห้องผมได้ฟ่ะ คุณมุคุโร่ !!!”

    “อ้าว ชานะไปนอนห้องนายเหรอเร็กซ์”

    “เออเด้”

    “แสดงว่าไอ้บนหน้านั้นก็ไม่ได้ตกเตียงสินะ” ฟิโอนอสพูดพลางชี้ไปที่รอยบนแก้ม

    ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำค่อยๆวางหนังสือพิมพ์ลงพร้อมถอดแว่นตาออก มือขวาหยิบแก้วกาแฟก่อนจิบมันอย่างใจเย็น “ก็นึกว่าแกชอบ”

    “ชอบกะผีน่ะสิ โดนต่อยเข้าไปเต็มรักแถมยังโดนถีบออกมาจากห้องตัวเองอีก” เร็กซ์โวยวายลั่น “แล้วสรุปชานะจังเข้าไปในห้องผมได้ไงฟ่ะ”

    “เมื่อคืนเรามีปาร์ตี๋ไร้สาระกันใช่ไหมล่ะ” มุคุโร่เริ่มต้นเล่า

    “พอนายกับเจ้าโอหนีไปนอนทั้งคู่ ชั้นก็เลยท้าชานะแข่งซดเหล้า” คนเล่านั้นอยู่ในท่าผ่อนคลาย แต่คนฟังตาเหลือกเหมือนเห็นรถบรรทุกชนตรงหน้า

    “เฮ้ย แล้วชานะจังเอาด้วยเหรอ”

    “ก็นั้นแหละ ปกติเธอไม่ดื่มใช่ไหม” มุคุโร่เว้นจังหวะเล็กน้อย “แต่ถ้าโดนท้าเข้าล่ะก็เด็กคนนั้นถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว และแน่นอนชั้นชนะ” คนอื่นๆเมื่อได้ยินแบบนั้นแทบอยากจะตอกกลับว่า มันก็แหงอยู่แล้ว

    “ทีนี้พอเมาได้ที่ ชั้นก็เลยบอกให้เรน่าพาไปห้องแก เพราะแกเกิดอาการอยาก<beep> ยัยนั้นมันเชื่อคนง่ายๆอยู่แล้วด้วยก็จัดแจงพาเจ้าสาวเนตรอัคคีเข้าห้องหอเรียบร้อย”

    “ว่าแต่เมื่อคืนคงมั่วเละเทะเลยสินะ” ชายหนุ่มในชุดสูทพูดพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี ส่วนฟิโอนอสนั้นหนีไปขำเป็นที่เรียบร้อย

    “เป็นแผนของคุณหมดเลยสินะ”

    “ถูกต้องแล้ว” สีหน้าของมุคุโร่นั้นบ่งบอกถึงความสนุกบนความทุกข์คนอื่นอย่างเห็นได้ชัด

    “ว้ายๆๆๆ เร็กซ์ระวัง” เสียงร้องเตือนของเรน่าที่เดินเอียงไปมาเสียหลักล้มหน้าฟาดพื้นพร้อมน้ำทั้งเหยือกก็พุ่งกระเด็นเข้าหาเร็กซ์ที่ไม่ทันระวัง

    “เออๆ ซวยอะไรกันนักกันหนาว่ะ”

    “ขอโทษนะๆๆๆๆ” หญิงสาวยกมือไหว้ปลกๆ ใบหน้าขาวถูกผมสีน้ำตาลอ่อนคลุมมิด เธอคือเรน่า ไอรีนเน่ จอมซุ่มซ่ามและเฟอะฟ่ะประจำกลุ่มเนเธอร์เวิร์ลนั้นเอง

    “เร็กซ์...เสื้อเป็นอะไรไหม” มุคุโร่พูดพลางชี้ไปทางเสื้อที่เปียกโชก

    “หัดเป็นห่วงผมบ้างดิเฟ้ย”



    .......ยามเช้าที่แสนวุ่นวานในคฤหาสน์ของกลุ่มนั้นก็เป็นความสงบสุขอย่างนึงของคนที่นี้ แม้เช้าวันนั้นพวกเราส่วนใหญ่จะออกไปปฎิบัติภารกิจกันหมด ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้ากับรองหัวหน้าที่ยังพกแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดไปด้วย(ยังไม่สร่างเมานั้นเอง) ส่วนตัวชั้นวันนี้ยังคงเป็นวันว่างแม้ยังต้องคอยเฝ้าระวังฐานกำลังก็ตาม

    ส่วนฟิโอนอสนั้น เขามาอยู่กับเราได้ราวเดือนนึงแล้วแต่ก็ยังไม่ปรากฏผลงานใดๆนอกจากนอนขี้เกียจไปวันๆไม่ก็นั่งขัดดาบที่ไม่เคยได้เอาออกไปใช้ จนบางครั้งชั้นเองก็อดรู้สึกหมั่นไส้ไอ้หมอนี้ไม่ได้

    ข่าวยามเช้าของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ คือ การสู้รบกันที่ชายแดนฟาลาจิเนื่องจากการส่งทหารเข้าล่ำอาณาเขตของฟาลาจิโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ทางเบลก้านั้นให้เหตุผลว่าดินแดนแห่งตะวันตกนั้นได้ทำการปกป้องอาชญกร ซึ่งชั้นคิดว่ามันเหลวไหลสิ้นดี ในความเป็นจริงแล้วสองคนนั้นอาจจะเดินเล่นอยู่ที่เบลก้าก็ได้ใครจะรู้

    ส่วนทางเราได้ส่ง รองหัวหน้าอัลทิม่า กับ ‘เทพวายุ’ ฮิวโก้ ไปสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด ก่อนที่พี่คานนกับร็อกซัสคู่หู่คนสนิท จะตามไปสมทบ

    อีกไม่นานคงจะถึงคิวที่ชั้นจะต้องไปที่สนามรบตรงนั้นก็ได้ หรือ อาจจะได้นั่งๆนอนๆแบบนี้ต่อไป คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้.............



    .......................................
    ...........................................................
    .....................................................................................



    “แผนคราวนี้ก็ไม่เลวเลยนะ อเล็กซ์” ชายในเสื้อโค๊ทหนังสีน้ำตาลเอ่ยพลางหันมองหน้าคู่สนทนาผ่านกระจกมองหลัง

    “นางฟ้าอัจฉริยะ ยังคงเฉียบแหลมเช่นเคย ทั้งการที่เราโยนความผิดให้ ‘ไอเย็นแห่งรัตติกาล’ กับ ‘นภาคำราม’ กลายเป็นฉนวนสงคราม ทั้งล่อพวกผู้ถือครองที่เอาแต่หดหัวออกมาจากที่ซ่อน เด็กคนนี้น่ากลัวจริงๆ”

    ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่เบาะหลังเอ่ยปากขึ้น แม้จะอ่านเอกสารเต็มมือ “ยังไงซะก็ต้องขอบคุณทางฟาลาจิด้วยที่ยอมเล่น “สงครามปลอม” กับพวกเราน่ะนะ”

    “แม้จะต้องเสียเลือดเนื้อกันจริงๆน่ะเหรอ”

    บทสนทนาภายในรถลีมูนซีนคันหรูหยุดลงชั่วครู่ก่อนที่ ‘ยมทูตแห่งเบลก้า’ จะเป็นฝ่ายว่าต่อ “คนเราจะเป็นใหญ่ได้ก็ต้องเสียสละกันบ้างแหละ การ์เซีย”
    ชายในเสื้อโค๊ทส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเล็กน้อย พลางคว้าซิกก้าขึ้นมาจุดสูบอย่างสบายอารมณ์ “นั้นสินะ”



    ............................
    .............................................
    ........................................................
    .......................................................................



    “ชานะ ผมขอโทษน้า” เร็กซ์ก้มกราบเด็กสาวที่หน้าบึ่งตีงมาตลอดทั้งวัน แม้คนอื่นจะออกลูกสงสารแต่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับ ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’ ยามหงุดหงิดอยู่ได้

    “หุบปาก หุบปาก หุบปาก นายมันน่ารำคาญสิ้นดี !!!” ชานะตวาดใส่ไม่ยั้ง

    “หุหุหุ คู่นี้เค้าสนิทกันจังเลยนะคะ พี่มุคุโร่” เรน่าอมยิ้มน่ารัก ส่วนมุคุโร่ได้แต่นั่งหัวเราะเบาๆด้วยความสะใจเล็กๆ

    “ว่าแต่ เรน่า พวกคุณอลิสไม่ได้ติดต่ออะไรเลยเหรอ” ฟิโอนอสที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนโซฟาเอ่ยถาม

    “ไม่เลยอ่ะ ไม่มีการติดต่ออะไรเลย”

    “ไม่ใช่ว่าเธอลืมตรวจเช็คข้อความในห้องสื่อสารหรือไง” มุคุโร่ เอ่ยพลางเขกกะโหลกเด็กสาว

    เรน่า ยืนอ่ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทำหน้าตาเลิกลั่กพลางแสดงออกอย่างร้อนรน “ว้ายๆๆๆๆ จริงด้วยชั้นลืมขึ้นไปดู”

    ไม่รอช้าเรน่าก็สปีดเต็มกำลังขึ้นไปที่ห้องสื่อสารแต่พลาดตกบันใดลงมาทีนึง ก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปชนกับประตูห้องและเสียงโครมครามอีกมากที่ตามมาติดๆ

    “เธอเป็นแบบนี้เสมอเลยเหรอคับ” ชายหนุ่มเนตรอำพันมองพร้อมหัวเราะแห้งๆ

    “ถึงได้หน้าที่นั่งเฝ้าฐาน 24 ชั่วโมงไง” มุคุโร่ยัดขนมโมจิเข้าปากเหมือนเหตุการณ์รอบตัวเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา(และไม่ปกติสำหรับคนที่เพิ่งมาอยู่ใหม่)

    เนื่องจากเรน่าเป็นคนซุ่มซ่ามแต่กำเนิด มุคุโร่ที่เปรียบเสมือนพี่ชายสุดที่รักของเธอก็ใช่ว่าจะปล่อยให้เรน่าต้องชนนู้นชนนี่บ่อยๆ แต่ไม่ว่าจะหาวิธีแก้ความซุ่มซ่ามอย่างไร ตัวเรน่าก็ไม่สามารถปฎิบัติตามได้สักทีและยังคงความเฟอะฟ่ะอยู่เสมอ ดังนั้นทางเลือกที่มุคุโร่เห็นว่าไม่ต้องทำให้เขาปวดหัวมากที่สุดนั้นคือ การนิ่งเฉย

    แต่ทันใดนั้น เสียงแผดร้องก็ดังมาจากชั้นสองที่เป็นห้องสื่อสารพร้อมกับร่างของสาวน้อยผมสีน้ำตาลยุ่งที่หน้าตาตื่น “แย่แล้วค่ะทุกคน พวกคุณอัลทิม่าที่เป็นสังเกตการณ์ติดกับดักศัตรูหมดเลยค่ะ”

    !!!!!!


    ............................
    .....................................................
    .....................................................................
    .....................................................................................



    ภายใต้แสงจันทรายามค่ำคืนที่สาดส่องราวกับแสงไฟที่ไล่หานักโทษแหกคุก ‘เทพสังหาร’ อัลทิม่าและสมาชิกเนเธอร์เวิร์ลคนอื่นๆ พยายามใช้ความมืดตามเงาไม้หลบหนีการตามล่าของกองกำลังติดอาวุธแห่งเบลก้า ไม่เพียงเท่านั้นสมาชิกอัศวันกางเขนอีกสามคนก็ร่วมชะตากรรมติดในดงศัตรูครั้งนี้ด้วย ทั้งหมดลองไปตามเส้นทางที่จะเป็นทางหนีแทบจะทุกทางแล้วแต่กลับทุกปิดล้อมเอาไว้หมดและอีกไม่นานพวกเขาจะต้องถูกพบตัวแน่

    “กับดักสินะ” บุรุษหนุ่มผมสั้นสีดำปรกหน้าและหูยาวที่บ่งบอกถึงเผ่าพันธุ์เอลฟ์สนทนากับผู้อื่นผ่านเงามืดด้วยเสียงแผ่วเบา

    “แล้วคิดว่าเป็นอะไรล่ะ ปาร์ตี้นองเลือดพวกเราหรือไง” อัลทิม่าตอบไม่สบอารมณ์พลางช่วยกดแผลจากเด็กสาวในชุดสีขาวสะอาดที่พลาดถูกกระสุนสลายพลังเวทย์เข้าเต็มหัวไหล่

    “ขอโทษนะคะทุกคน เพราะชั้นไม่ระวังแท้ๆ” เด็กสาวพูดพลางหายใจรวยระริน โดยมีคานนคอยทำแผลให้อยู่

    “ให้มันได้แบบนี้สิ พวกมันกะให้พวกเราออกมาสังเกตการณ์อยู่แล้วสินะ จากนั้นมันก็เตรียมกับดักรอเอาไว้เพียบ” ฮิวโก้วิเคราะห์สถานการณ์

    “แต่ไม่นึกจริงๆว่าต้องมารวมกลุ่มกับพวกเนเธอร์เวิร์ลอีก” เสียงทุ้มต่ำของชายผมยาวประบ่า ในชุดมือสังหารสีขาวหมองกล่าวไม่สบอารมณ์นัก

    “เหอะ ทำเป็นพูดดีไปถ้าไม่ได้พวกเราแล้วแกจะได้กริดน้ำแข็งนั้นคืนไหม” ฮิวโก้สวนกลับทันควัน มือสังหารหนุ่มกระชากคอเสื้อ ‘เทพวายุ’ หมายจะเอาเรื่อง แต่เอลฟ์เพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มรีบหยุดทั้งสองคนเอาไว้

    “ตอนนี้เรื่องก็ยุ่งมากพออยู่แล้วยังจะกัดกันเองอีกนะ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบดุจสายน้ำที่ไม่ไหวติง

    เอนน์ นี่ไม่ใช่เรื่องของแก” แม้จะเป็นคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยโทสะ แต่เอนน์ ไลเนอร์ ‘อัศวินแห่งความเงียบ’ ก็ยังคงสำรวมท่าที

    “ถ้างั้นไว้รอดไปได้ค่อยตามสะสางกันเองล่ะกัน ตอนนี้พวกแกทั้งคู่ต้องหยุดกัดกันก่อน” บุรุษมือสังหารเมื่อได้ยินดังนั้นก็ปล่อยคอเสื้อของฮิวโก้ ตัว ‘ เทพวายุ’ เองก็กำชับคอเสื้อให้มั่นคงโดยที่สายตายังจ้องมองราวจะกินเลือดเนื้อยู่

    “ชั้นจะจำเรื่องนี้เอาไว้ ฮิวโก้ แล้วเราจะได้เจอดีกัน”

    “ได้เลย เลนาส เซอราท ‘เงาแห่งความตาย’ ชั้นจะรอแน่”

    ทั้งสองค่อยๆผละออกจากกันโดยมีสมาชิกในกลุ่มตนเองจับแยกออก สถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขาอันตรายยิ่งนัก แม้ว่าจะมีศาสตราอันเปี่ยมอนุภาพอยู่ในมือหลายชิ้นแต่หากออกไปซัดกับคนจำนวนมากขนาดนั้นแล้วก็ยากที่จะรอด ยิ่งเทคโนโลยีของเบลก้านั้นก้าวไกลขนาดให้กำเนิดอาวุธที่มีคุณสมบัติพิเศษแจกจ่ายให้เหล่ากำลังพลใช้งานกันเช่นนี้แล้ว

    “นาโนฮะจัง ลองใช้เวทมนต์อีกทีสิ” คานนที่จัดการทำแผลเบื้องต้นให้เด็กสาวเรียบร้อยแล้ว เอ่ยขึ้นเบาๆในความมืด

    “ไม่ได้เลยค่ะ เหมือนพลังเวทย์ของชั้นมันถูกดูดหายไปหมดเลย” นาโนฮะกล่าวด้วยสีหน้าวิตก เนื่องด้วยกระสุนสลายมนต์ที่เธอโดนเข้าไประหว่างหลบหนีนั้นได้ทำการปิดผนึกความสามารถของเธอโดยสมบูรณ์ ทำให้เธอไม่ต่างอะไรกับเด็กตัวเล็กๆคนนึง

    “คานน เธอช่วยดูแลนาโนฮะสักแปบล่ะกัน ขอตัวขึ้นไปคุยกับอัลบนต้นไม้หน่อย” เสียงนุ่มจากชายหนุ่มผมทองหัวยุ่งดังขึ้นในระดับพอดี คานนพยักหน้ารับทีนึงก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นไปสมทบกับอัลทิม่าที่สังเกตการณ์อยู่บนต้นไม้

    “เป็นไงบ้าง”

    “ไม่ไหวแหะ พวกมันวางรูปแบบสกัดพวกเราเต็มไปหมด จะฝ่าออกไปก็ไม่แน่ว่าจะต้องโดนกระสุนแปลกๆแบบนั้นอีก” อัลทิม่ากล่าวเสียงเรียบ โดยที่ยังส่องกล้องส่องทางไกลอยู่

    “แบบนี้ก็ได้แต่รอความช่วยเหลือจากฐานเราน่ะสิ”

    “ก็คงเป็นแบบนั้นถึงจะไม่ชอบก็เหอะ มีคนเจ็บด้วยแบบนี้ออกไปไม่คุ้มแน่” อัลทิม่าหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อย “ว่าแต่ด้านล่างเป็นไงกันบ้างล่ะ ร็อกซัส”

    “ก็ไม่มีอะไร เด็กที่ชื่อนาโนฮะอะไรนั้นคานนดูแลอยู่แต่เท่าที่ดูต้องมีคนแบกล่ะนะ ส่วนคนอื่นก็มีกัดกันนิดหน่อย” ที่ชายผมยุ่งพูดถึงก็คือคู่ฮิวโก้กับเลนาสนั้นเอง

    “อืม...” อัลทิม่าตอบรับสั้นๆ พลางจับตามองการเคลื่อนไหวต่อ

    เสียงจากพุ่มไม้ด้านข้างดังขึ้นกะทันหันทำให้ความสนใจของทั้งคู่ถูกเบนไปในทิศทางนั้น สิ่งที่ปรากฎคือวัตถุทรงกระบอกที่มีแถบสีขาวพาดกลางและสลักอยู่บนหัว อัลทิม่ารีบร้องตะโกนทันทีโดยไม่ต้องคิด “ระเบิดแสงทุกคนหลับตาเร็ว !!!”

    เสียงสว่างจ้าสาดส่องไปทั่วบริเวณซ่อนตัว ปฎิกริยาของทุกคนถือว่ายอดเยี่ยมอยู่แล้ว จากการเตือนเพียงไม่กี่วิของรองหัวหน้ากลุ่มเนเธอร์เวิร์ลทำให้คนที่อยู่ด้านล่างรวมถึงร็อกซัสเอามือปิดตากันไว้ได้ทันทั้งหมด แต่ก็ไม่วายถูกระเบิดควันเข้าเล่นงานอีก

    กลุ่มติดอาวุธราวๆสิบถึงยี่สิบคนระดมยิงใส่หมอกควันไม่ยั้ง แต่พลันเกิดเงามืดพุ่งเข้าหาโดยที่ไม่มีใครจะทันได้ตั้งตัวจนเมื่อรู้สึกตัวกันตัวของพวกเขาก็เริ่มกลายเป็นน้ำแข็งจากบาดแผลยาวที่ได้รับ มันคือความสามารถพิเศษของ Grim’s Dagger กริดแห่งไอเย็นของเลนาส เซอราทนั้นเอง

    เสียงปืนและเสียงโหยหวนเรียกกองกำลังสนับสนุนจากรอบๆเข้าสมทบแต่ถูกกลับถูกคีย์เบรดสีขาวดำรูปร่างวิจิตรและแปลกประหลาดเข้าเล่นงาน ซึ่งเป็นร็อกซัสนั้นเองที่คาดการ การมาของกำลังสนับสนุนและซุ่มรอเล่นงานในเวลาเสี้ยววินาที

    พื้นที่ด้านหน้ากำลังปะทะกันดุเดือดโดยสมาชิกระดับประจัญบานของทั้งสองกลุ่ม กลุ่มที่คุ้มกันด้านหลังก็ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าทหารเบลก้าที่กรูกันเข้ามา ‘อัศวินแห่งความเงียบ’ ที่ดักรออยู่แล้วก็จัดการแผลงศรด้วยธนูคู่กายเล่นงานพวกทหารไปได้หลายคน พวกที่หลุดมาได้ก็เจอฮิวโก้ซัดกระเด็นหมดสภาพ

    ส่วนอัลทิม่ากำลังอุ้มสาวน้อยที่ได้รับบาดเจ็บไปอีกเส้นทางพร้อมกับมีคานนช่วยคุ้มกันก็กำลังเจอศึกหนักเช่นกัน เมื่อกองร้อยที่ประจำการเส้นทางตรงนั้นปิดล้อมพวกเข้าเอาไว้รอบด้าน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถของ ‘มหาปราชญเหนือกาล’ ร่างเล็กและดาบ ออสคูโร่ หนึ่งในมหาศาสตรา คานนรีบเข้าเล่นงานพวกถืออาวุธหนักด้วยความรวดเร็วก่อนจะไล่เก็บพวกที่เข้าใกล้อัลทิม่าและนาโนฮะ ด้วยอาวุธที่ไม่น่าเชื่อว่าคนร่างเล็กอย่างเธอจะสามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว

    ทาง ‘เทพสังหาร’ ก็ไม่แพ้กัน แม้จะต้องหิ้วเด็กสาวไว้ แต่มืออีกข้างก็คว้าคีย์เบรดสีเหลืองทองที่มีโลหะคล้ายปีกนกครอบคลุมพร้อมจัดการพวกที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาด้วยความเร็วจัด ไม่เสืยชื่อรองหัวหน้ากลุ่มเนเธอร์เวิร์ล

    “อัล ระวัง !!” เสียงคานนที่อยู่ห่างออกไปร้องเตือนเมื่อเธอพบกลุ่มติดอาวุธหนักที่กำลังจะประเคนจรวดทำลายล้าง ซึ่งอยู่ในระยะที่ตัวเธอไม่อาจจะไปช่วยได้ทันเนื่องจากติดพันศึกตรงหน้าอยู่

    อัลทิม่าเมื่อเห็นเป้าหมายเด่นชัดพลันกระซิบเข้าที่ข้างหูเด็กสาว “ขอโทษนะจ๊ะที่รัก”

    “เอ๊ะ...” นาโนฮะหลุดเสียงออกมาเล็กน้อยก่อนจะพบตัวเองลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางสายตางุนงงของพวกเบลก้าที่มองตามสาวน้อยชุดขาวที่ถูกโยนขึ้น

    ในระหว่างนั้น ‘เทพสังหาร’ คว้าคีย์เบรดสีดำสนิทที่ตัวด้ามจับเป็นลักษณะปีกค้างคาวมาไว้ที่มือซ้ายอย่างเชี่ยวชาญก่อนจะพุ่งตัวแสดงเพลงดาบคู่อันเหนือชั้นเล่นงานกลุ่มทหารเบื้องหน้าโดยไม่ปล่อยโอกาศแม้จะให้หายใจ ซึ่งแสดงแสนยานุภาพของ อัลทิเมท และ ออบบริเวียน ดาบคู่ที่เป็นสุดยอดศาสตราได้อย่างดี

    ร่างของเหล่าทหารลอยเคว้ง บ้างถูกฟันขาดสองท่อน บ้างโดนฟันผ่ากลางด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า ก่อนจะเก็บดาบทั้งสองพลางกระโดดรับเด็กสาวได้พอดิบพอดี คานนที่เห็นภาพอันน่าทึ่งนี่ได้แต่อมยิ้มเล็กก่อนจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ดาบยักษ์ในมือเป็นปืนลำแสงกวาดพวกทหารตายเป็นแทบๆ

    อัลและคานนฝ่าแนวต้านแรกไปได้เช่นเดียวกับพวกที่เหลือ ที่สามารถทะลวงกลุ่มทหารที่ปิดล้อมพวกเขาเอาไว้ได้ แต่นั้นยังไม่พอเมื่อกองกำลังกลุ่มอื่นตามมาสมทบตามแผนปิดล้อมที่พวกเขาได้วางเอาไว้อย่างดี

    “อ่ะ...” เสียงอุทานสั้นๆของอัลทิม่าหลุดออกจากลำคอเมื่ออยู่ๆพวกเขาก็มารวมตัวกันในพื้นที่โล่งกว้างไร้ที่กันบัง

    “ทำไมอยู่ๆมาโผล่นี่ว่ะเนี่ย” ฮิวโก้เองก็ตกใจไม่แพ้กัน

    “แย่ล่ะ พวกมันกะต้อนเรามาตรงนี้แต่แรกแล้ว” เอนน์กล่าวด้วยน้ำเสียงวิตก

    รอบข้างนั้นเต็มไปด้วยกองกำลังเบลก้าที่จ่ออาวุธมาที่พวกเขา ทั้งหกคนเตรียมพร้อมรับศึกหนักที่จะเกิดขึ้นทุกด้านโดยที่มีนาโนฮะอยู่กลางวง “ดูท่ารอบนี้จะรอดยากนะ.... ว่าไหม” คานนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ

    “เอาหน่าก็แค่ตาย” ร็อกซัสเองก็พูดด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

    “เหอะ ก็แค่ตาย..จริงอย่างว่า” ฮิวโก้รวมสมทบ ส่วนเอนน์และเลนาสยังปิดปากเงียบไม่พูดอะไร

    “เอาล่ะนะ...” เมื่ออัลเห็นว่าไม่มีทางเลิอกนอกจากสู้ตายคีย์เบรดคู่ก็ถูกส่งเข้ามาอยู่ในมือและเตรียมให้สัญญาณกับคนอื่นๆนั้นเอง เปลวเพลิงสีแดงเข้มก็ตรงเล่นงานทหารเบลก้ากลุ่มใหญ่ที่ยืนกระจุกตัวกันอยู่โดยไม่ทันระวัง พร้อมกับร่างของเด็กสาวที่กระโจนขึ้นจากพุ่มไม้โดยมีดาบคาต่าน่าเล่มยาวที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงในมือขวา

    “เกศาเพลิงเนตรอัคคีเหรอ” เลนาสร้องขึ้น

    “ชานะจัง !!” คานนตะโกนเรียก ชานะหันควันมาครู่หนึ่งก่อนจะรวบรวมเปลวไฟซัดกลุ่มทหารทางกราบซ้าย อัคคีสีแดงเข้มพุ่งราวกับคลื่นที่ไหลบ่าทำให้พวกเบลก้าต้องถอยกรูออกจากพื้นที่ตรงนั้น

    และร่างที่ไม่มีใครคาดคิดก็ปรากฏขึ้นเมื่อชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาวสะอาดตาค่อยๆเดินเข้าหา ผมสีทองสวยประบ่าปลิวไสวไปตามแรง ดวงตาสีอำพันส่องสว่างเมื่อสะท้อนกับแสงไฟจากทะเลเพลิง ดาบสีขาวถูกถืออย่างหลวมๆก่อนเจ้าตัวจะยกพาดบ่าสบายอารมณ์ ส่วนเส้นทางที่เขาไม่น่าจะผ่านมาได้กลับเต็มไปด้วยกองซากศพนอนเรียงรายที่ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือของคนๆเดียว

    “สวัสดีทุกคน ค่ำคืนนี้ท่าจะร้อนแรงนะ” ฟิโอนอสเอ่ยยิ้มๆพลางเดินเข้าใกล้พวกอัลทิม่า

    “ไอ้หมอนี่ใคร” รองหัวหน้ากลุ่มเนเธอร์เวิร์ลเอ่ยถามทันที ซึ่งคานนเป็นผู้ตอบคำถามนี้

    “สมาชิกใหม่กลุ่มเราน่ะ”

    “นายจัดการพวกนั้นหมดเลยเหรอ” ร็อกซัสชะโงกหน้าไปดูอย่างไม่เชื่อสายตา

    “เอาไว้เล่าที่หลังล่ะกัน ผมกับชานะจัดการเคลียร์ทางหนีให้เรียบร้อยแล้ว แค่ไปตามทางนั้นก็พอแหละกันชานะจะนำทางพวกคุณไปเอง” ชายหนุ่มเนตรอำพันพูดพลางทอดสายตาไปเบื้องหน้า ซึ่งเป็นภาพการอาละวาดของ ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’

    “ชานะ !!! ที่เหลือชั้นจัดการเองรีบพาคนอื่นๆไปเร็ว” ฟิโอนอสตะโกนเรียกสุดเสียง ชานะที่กำลังดวลเดือดอยู่ก็รีบถอยกลับโดยพลัน แถมด้วยห่ากระสุนจำนวนมากที่ยิงไล่หลังเธอมา

    “แกจะบ้าหรือไงนั้นพวกเบลก้าเกือบๆพันเลยนะ อย่างน้อยๆก็ต้องมีหกหรือเจ็ดร้อยรนหาที่ตายชัดๆ” เลนาสตะคอกใส่หน้าบุรุษผมทองที่ยืนไม่สะทกสะท้าน

    “ถ้าผมตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณนี่...ไปได้แล้ว” เขาพูดสั้นๆก่อนจะแบกดาบยาวทรงยุโรปสีขาวสะดุดตาไปหาศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว

    ชานะที่วิ่งสวนกลับมาเอ่ยกับฟิโอนอสสั้นๆ “อย่าทำให้ผิดหวังล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถีบตัวเข้าหาฝูงศัตรู

    “ทุกคนตามมาทางนี้” สาวน้อยเนตรอัคคีตะโกนบอกคนอื่น ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าออกจากสนามรบโดยไม่เหลียวกลับมาแม้แต่นิด

    ชายหนุ่มชุดขาวพร้อมดาบสีขาวที่ถูกสลักลวดลายอย่างงดงามตัวด้ามจับเป็นรูปปีกเทพธิดามีอัญมณีสีฟ้าเข้มประดับอยู่ที่ตัวด้ามบวกกับออร่าอันรุนแรง เขายืนจังก้าหน้ากองทหารเรือนพันอย่างไม่เกรงกลัวด้วยรอยยิ้มที่แสดงความมั่นใจสุดขีด

    “เอาล่ะ ได้เวลาปาร์ตี๋กันแล้ว !!!!”

    ไม่รอช้าเขาพุ่งเข้าหาศัตรูราวกับคนบ้าหาที่ตาย ห่ากระสุนจำนวนมากพุ่งเข้าหาแต่ไม่อาจแตะต้องเขาได้แม้แต่นัดเดียว ดาบยาวโบกสะบัดเพียงลมวูบเดียวก็ตัดหัวทหารไร้ฝีมือไปได้ถึงสามคน ก่อนจะยกดาบขึ้นฟันผ่ากลางก่อเกิดคลื่นสีขาวนวลพุ่งทะลวงร่างทหารเบลก้าไปอีกหลายศพ ฝีเท้ารวดเร็วรีบเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองหลบวิถีกระสุนที่พุ่งเข้ามา ทุกฝีก้าวที่ผ่านจุดใดดาบขาวสะอาดก็ปลิดชีวิตที่อยู่ใกล้ราวกับนักมายากลที่กำลังเล่นกับความตายของผู้อื่นก็ไม่ป่าน

    “เฮ้ย มันมีคนเดียวไม่ต้องไปกลัวมัน” เสียงนายพันที่คุมกองกำลังตะโกนผ่านสายลมในสนามรบ พวกทหารที่ยังย่ามใจเรื่องจำนวนก็กรูกันเข้าไปรับความตายกันถ้วนหน้า จรวดสังหารนับไม่ถ้วนถูกยิงเข้าเป้าหมายแต่ไม่อาจผ่านเกราะประหลาดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเวทย์คุ้มกายไปได้ บุรุษผมทองเคลื่อนไหวด้วยความเร็วราวกับพระเจ้าเข้าเล่นงานพวกถืออาวุธอันตรายจนเกลี้ยงตามด้วยพวกทหารราบ แม้จะโดนระเบิดหลากหลายประเภทเข้าก่อกวนแต่ก็ไม่อาจหยุดคมดาบสีขาวไปได้

    “เหวอ....ปีศาจ !!” ทหารหนุ่มคนนึงร้องขึ้นก่อนจะทิ้งอาวุธหนีเตลิดเข้าไปในป่า

    “มันไม่ใช่คนแล้ว”

    “อย่าเข้ามานะไอ้จอมปีศาจ”

    “จ้าวปีศาจ งั้นเหรอ....” นายพันอุทานออกมาพลางมองเหล่าลูกน้องที่ขวัญหนีดีฝ่อวิ่งหนีตายกันไม่คิดชีวิต พวกที่ยังสู้อยู่ก็กลายเป็นเพียงเหยื่อของจ้าวปีศาจที่คลืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ต่างกับโชว์ของนักร่ายรำดาบชั้นยอดบนเวทีที่เต็มไปด้วยเลือด

    ไม่นานฟิโอนอสก็ยืนประจันหน้ากับนายพันตัวๆ พวกลูกน้องที่เหลือถ้าไม่ตายก็หนีหัวซุกหัวซุนไม่รู้ชะตากรรม ชุดสีขาวสะอาดถูกปกคลุมไปด้วยโลหิตหากไม่ใช่ของตนเองแต่เป็นของศัตรูที่นอนเรียงราย เช่นเดียวกับดาบสีขาวที่ดื่มเลือดจนหน่ำใจ “ได้ยินพวกแกเรียกชั้นว่าปีศาจนี่นะ” ชายเนตรอำพันพูดขึ้น

    “ถ้างั้นฝากกลับไปบอกตัวใหญ่ฝั่งแกด้วยว่า จ้าวปีศาจมาแล้ว” เขาโน้มตัวเข้าหาเป็นการข่มขู่ ฝ่ายนายพันได้แต่พยักหน้าหงึกๆก่อนจะทรุดฮวบราวสิ้นเรี่ยวแรง


    ฟิโอนอสผละออกจากซากสนามรบตรงออกไปสมทบกับพวกชานะในยามรุ่งอรุณของวันใหม่พร้อมสิ่งอัศจรรย์เหลือเชื่อที่แม้แต่สมาชิกของอัศวินกางเขนยังแทบไม่อยากจะเชื่อ....

    ..............................
    ...............................................
    ..............................................................
    ..............................................................................


    …..การต่อสู้ที่กินเวลาร่วมหลายชั่วโมงในวันนั้นทำให้ชั้นได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของบุรูษเพียงคนเดียว ทั้งการที่เราสองคนบุกเข้าไปช่วยพวกรองหัวหน้าที่ตกในวงล้อมก็เป็นฝีมือของเขาแทบจะทั้งหมด ยามอาทิตย์ต้องขอบฟ้าในยามเช้าเขาเดินกลับมาพร้อมชัยชนะอันน่าทึ่งและสมญานามที่จะกลายเป็นสิ่งน่าหวาดผวาเมื่อคู่ต่อสู้ได้ยินนั้นคือ Demon Lord…..




    ……………………………………………………………………………………..

    Talk Talk Talk

    ที่ผมหายหัวไปนานไม่ได้ไปทำอะไรหรอก แค่ไปสอบเท่านั้นเอง 555+ ดูห้องฟิคตอนนี้ก็เกิดอาการหมักดองกันเป็นแทบๆซึ่งผมว่ามันก็เรื่องธรรมดาเมื่อยามเปิดเทอมล่ะเนอะ

    ตอนเข้าห้องฟิคมาตกใจเล็กน้อยเมื่อไอ้ฟิคปัญญาอ่อนของผมยังมีคนติดตามอยู่ กะว่าจะพักมันยาวๆแหละนะ เพราะเขียนเรื่องนี้มันกว่าทุกระบวนท่าเลย (ยกเว้นรั่วไม่เท่านั้นแหละ)

    ตอนนี้เขียนสนองตัณหามากพอควรเลยแล้วก็ยาวใช้ได้ให้เหมาะกับที่หนีไปนาน ไม่รู้จะถูกใจเพื่อนๆพี่ๆน้องๆหรือไม่ก็ขอให้ติดตามตอนหน้าที่จะเป็นตอนพิเศษเขียนเอาฮาล่ะกันนะค้าบบบบบ

    Special Thanks

    โรคุโด มุคุโร่ From Katekyu Hitman Reborn มีปัญหาในการเขียนตัวนี้เหมือนกันเพราะผมไม่เคยดู 555 หลังจากดูอินเมจแล้วก็เลยให้นิสัยประมาณชายหนุ่มวัย 20 กลางๆที่ชื่นชอบการกลั่นแกล้งเพื่อนๆ คิดว่าคงจะถูกใจในระดับนึงนะ

    ร็อกซัส From Kingdom heart สารภาพเลยว่ายังไม่ได้เล่นเกมส์นี้ (หลังเขาไหมฟ่ะ) แต่ได้ยินกิตติศัพท์ไอ้หมอนี้มานานแล้วสักวันต้องหาโอกาสไปเล่นให้จงได้เลย

    เลนาส เซอราท From kirashin เย้ๆๆ ในที่สุดนักฆ่าผู้นี้ก็ได้ออกมาวาดลวดลายแล้วหลังจากเป็นแค่นามมาสองสามตอน ฮาๆ

    เอนน์ ไลเนอร์ From คุณเทรน อืมๆ ตัวละครแบบนี้ผมค่อนข้างจะทำให้ผมปวดหัวพอควร (เช่นเดียวกับคนด้านบน) เพราะผมติดนิสัยเขียนเอาฮา เลยต้องละเอียดหน่อยนึง แต่ก็นับว่าชอบเลยแหละ ดูเท่ห์ดี คริๆ

    Grencia Eckener From cowboy bebop รายนี้ยังออกมานิดๆหน่อยๆ เนื่องด้วยผมยังหัวตื่อๆอยู่ ก้ากๆๆๆ แต่เคยเห็นบิทเรื่องนี้เหมือนกันว่าจะลองโหลดมาดู

    And All Friends And Fans ThankS !!!!!!!!!!!

    ปล. Demonophobia หลอนมากเลยครับพี่น้อง !!!
  18. ultima

    ultima Active Member

    EXP:
    933
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    Re: The Legacy War ~Page 4~ The Demon Lord

    ในที่สุด ก็มาอีกตอนแล้วสินะท่านโย รอมาตั้งนาน

    เจ้าแม็กทำอะไรชานะไปบ้างฟร้า~~~~~~~~ อิจฉาเว้ย
  19. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: The Legacy War ~Page 4~ The Demon Lord

    =[]=" อะไรมันจะขนาดนั้น เจ้าเร็กซ์เอ๊ย....จะซวยได้ซวยดีไปถึงไหน ....เอ็งนอนกอดต่อซักพักก็ได้นี่หว่า ไหนๆก็จะต้องโดนอยู่แล้ว ไม่รู้จักกอบโกยเอาซะเลย g

    [action]ตูม!!!! โดนชานะจังเสยคางเข้าให้[/action]

    อย่าว่าแต่ท่านตกใจเรื่องฟิคเลยครับ แค่ผมเห็นท่านมาอัพก็ตกใจโครตแล้ว ไม่เห็นตั้งนานนึกว่างานยุ่งมากๆ

    ส่วนเรื่องหมักดอง.... สังเกตว่าฟิคหน้าเก่าของหมู่เฮาทั้งหลาย เงียบหายไปเยอะเลยนะ เหอะๆๆ ส่วนไหของผมก็....พยายามอยู่==" (ถ้าตูแต่งเรื่องใหม่แทนไปเลย ใครจะว่าตูบ้างวะเนี่ย)
  20. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: The Legacy War ~Page 4~ The Demon Lord

    ตูโดนส่งไปทำงานเเต่เจ้าเร็กกลับนอนสบาย ไม่ยุติธรรมมมมมมม เเวมไพร์คู่กายของหนูไปหนายยยยยยยย

    [action]พูดพลางวิ่งหลบห่ากระสุนไปพลาง!![/action]

    เจ้าเร็กได้บทเซอวิสคนเดียว ไม่ยอม ไม่ยอม

    ทางไหของผมคงดองไว้ก่อนนะ ขอสอบให้เสร็จก่อน จะได้ลุยล่ะทีนี้
    ( เล่นเกมเพลินด้วยเเหละก๊ากกก )
  21. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: The Legacy War ~Page 4~ The Demon Lord

    ทำสงครามปลอมๆ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เจ้าอเล็กนี่ ร้ายไม่เบาเลยสำหรับนักการทหาร

    เกี่ยวกับ นิสัยของการเซียนี่ ทั้งตัวจริงและในฟิค จะออกมาแนว สหายร่วมรบเก่า ที่เสมือนทั้งครอบครัว เพื่อน และ พันธมิตรสำคัญของอเล็กซิส (ทั้งยามงานและเรื่องส่วนตัว)


    ฟีโอนอส : ขึ้นหมายจับผู้ก่อการร้ายชั้นหนึ่ง จากกองทัพเบลก้าหลังจบงานนี้เป็นแน่แท้

    ผู้แต่ง : อุกรี๊~~~~~~~ บทดุเดือดนี่เลือดพล่านสาแก่ใจมากมายเคอะ รอ ร๊อ รอ ตอนใหม่อย่างใจจดใจจ่อ

    เสียงแว่วๆ : "แล้วเมื่อไหร่ฟิคตอนต่อไปของท่าน(ผู้แต่ง(ตัวเอง))จะมากันหือ?"

    ผู้แต่ง(ตัวเอง) : "........"


    ย่องหายเข้ากลีบเมฆ.....
  22. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: The Legacy War ~Page 4~ The Demon Lord

    มาอ่านตั้งยาวเหยียด แต่สนุกมาก ๆ เลยค่ะ หุๆ ชอบชานะ d~>_<~b

    มารออ่านตอนต่อไปนะคะ หุๆๆ
  23. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: The Legacy War ~Page 4~ The Demon Lord

    กร๊ากกกกกกกกกกกก แม้จะไม่ตรงอิมเมจมุคุ แต่ก็น่ารักดีครับผมว่า ดูมันขี้แกล้งขนาดหนักดี 55555

    ส่วนเรน่า....อยู่ในฐานไปจนตายเหอะ -*-

    ขำเร็กซ์ ปกตินายก็ซวยอ่ะนะ แต่ที่ว่าน่าจะซวยหนักเพราะมาเจอกับเรน่าและมุคุโร่มากกว่า 5555

    รอตามต่อครับ
  24. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: The Legacy War ~Page 4~ The Demon Lord

    กร๊ากก ร็อคซัสตรู ขอนิ่งอีกนิสสสสสสสส(เกือบได้ละกรี๊ดดด)

    ทุกคนต่างแอบโชว์เทพ แต่รู้สึกรัศมีของฟิโอนอสบดบังหมดแฮะ 5555+


    ตอนนี้พิมพ์ผิดเยอะนะโย รีบไปหน่อยอ๊ะป่าว
  25. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: The Legacy War ~Page 4~ The Demon Lord

    ขอเปลืองรีพลายเล็กน้อยนะ

    จะประกาศว่าอีกไม่นานจะไปปิดกระทู้สมัครแล้ว ผู้ใดยังประสงค์จะเข้าร่วมขอให้ไปลงนามอีกกระทู้ได้เลยนะก้าก

    http://www.all-final.com/forum/viewtopic.php?f=15&t=2161

    เจ๊ เจ้าโอมันก็ต้องบดบังรัศมีคนอื่นหมดอยู่แล้วก็เพราะมันเป็นพระเอกนี่หว่า - -* ส่วนเรื่องพิมผิดเพราะผมขี้เกียจไปแก้เองแหละคับเจ๊ ตอนลงนี่เที่ยงคืนเข้าไปแล้วผมง่วงจนทนไม่ไหวแล้วง่ะ T T

Share This Page