นับเป็นฟิกเรื่องแรกที่ผมเขียนเอ่อ แนวหวานแหวน นอกจากนั้นจะเป็นแนว (กังฟู) มากกว่า ที่สำคัญ ผมค่อนข้างที่จะอ่านนิยายจีนมามากหน่อย (80%ของนิยายที่อ่าน) ดังนั้นนิยายเรื่องนี้จึงเป็นการเขียนที่ค่อนข้างใช้รูปแบบของนิยายจีนอย่าโทษกันเลยนะครับ *******************************ตอนที่1************************************ ------------------------- ห้องแต่งตัวของคางาริ กับการเขียนคิ้วของอัสรัน------------------------------- ณ มุมหนึ่งของบ้านของคางาริ "มันจะดีเหรอครับ!!!!!!" นี่คือคำอุทานด้วยความแตกตื่นพร้อมๆกับสีหน้าอันตกใจของคิระ สตรีสาวที่อยู่บ้างหน้าเขาสมควรเป็นลักซ์ ไคลน์(ที่จริงก็เป็นลักซ์นั่นแหละ) ลักซ์ยิ้มเล็กน้อย พร้อมๆกับบอกว่า "นี่มันวันเกิดเธอนะคะ ที่สำคัญมันก็วันเกิดคุณด้วยเหมือนกันคุณไม่คิดที่จะทำอะไรที่มันสร้างสรรค์หรือสนุกๆ เลยเหรอคะ" "ไอ้อยากมันก็อยากอยู่หรอกครับ แต่ว่ามันจะดีเหรอ ตอนนี้คางาริยังไม่ออกมาจากห้องเลย" ลักซ์กล่าวอย่างมีเหตุผลว่า "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ยังไงซะทุกอย่างก็อยู่ในแผนการของชั้นตั้งแต่แรก" ขณะว่ากล่าวก็ชูกำปั้นข้างขวาขึ้นแสดงความมั่นใจว่าคิดอ่านวางแผนไว้มั่นเหมาะ คิระลอบปาดเหงื่อบนหน้าผากนิดหนึ่ง ใช่ว่าเขาจะไม่ทราบความร้ายกาจของลักซ์ แต่เขายังไม่กล้าเอาคอของตนไปขึ้นแท่นประหารที่เรียกว่า ส้นเท้าของคางาริ กับกำปั้นดุ้นๆ ของอัสรัน เมื่อครุ่นคิดได้เพียงแค่ไม่กี่อึดใจชายหนุ่มก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวในบัดดล "เอาวะ ยังไงๆ ถือซะว่าเอาใจลักซ์จะเป็นไร เสียเพื่อนแต่อินเลิฟมากขึ้นคุ้มหวะ" (นิสัยไม่ดีอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) ว่าแล้วด้านมืดในจิตใจก็กลืนกินภาพอันเลอเลิศที่ผู้คนย่งย่องเป็นเทพ(เป็นเทศน์มากกว่า) แต่แล้วพลันบังเกิดมโนสำนึกอยู่บ้าง เลยถามลักซ์พร้อมๆกับยกซองเล็กๆสีฟ้าในมือว่า "แล้วไอ้ผงนี่มันผงอะไรครับ" ลักซ์ใช้มือขวากวักคิระให้เอาหูมาใกล้ๆ ริมฝีปากจากนั้นใช้มือขวาป้องปากกระซิบด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วเบาแต่กลับได้ยินชัดกระจ่างน่าฟังปานนั้นว่า "ก็แค่ "ยาลดน้ำมูกตำให้แหลกแปดเม็ด"เท่านั้นเองค่ะ" กล่าวจบเอาใบหน้าออกห่างคิระเล็กน้อยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แต่ดูเหมือนมีความสุขวาบหวามในใจ แต่คิระถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเยียบเม็ดเท่าถั่วเหลือง หลายสิบเม็ดบนใบหน้าห้วงสมองกลับครุ่นคิดว่า " "เก้าเม็ดเท่านั้นเอง" เหรอ ยาลดน้ำมูกหนะมันทำให้คนง่วงนอนนะถึงจะเป็นคนแข็งแรงขนาดไหนแต่ถ้าเจอหนักแบบนั้นเข้าก็มีหวังสลบแหละ" ครุ่นคิดได้เพียงเท่านี้ก็บังเกิดความคิดใหม่ขึ้นมา "ถ้างานนี้ความแตกเข้า มีหวังโดนบาทาไร้เงาของคางาริ กับหมัดฟันชั่งของอัสรันแน่ๆ" ขณะเพียงครุ่นคิดคิระก็หวาดผวาเสียววาบในจิตใจถึงเพียงนั้น จากนั้นลอบสาบาญในใจว่า"จะไม่มีวันให้พวกนั้นรู้ความจริงเลย" คิระถามลักซ์ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักว่า "ยาลดน้ำมูกเก้าเม็ด อัสรันจะไม่หลับไปสามวันเลยเหรอครับ" "ไม่ต้องกลัวค่ะ อย่างอัสรันหนะกระบือ(ความจริงอยากจะพูดว่าควายแต่กลัวเสียภาพลักษณ์(ลักซ์))เรียกพี่เรียกพ่ออยู่แล้วค่ะ" คิระกล่าวถามด้วยความหวาดกลัวอยู่บ้างว่า "ลักซ์รับประกันมั้ยว่าผมจะมีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้" "นี่คือคำตอบเป็นไงคะ" กล่าวจบยืดตัวขึ้นโน้มใบหน้าไปหอมแก็คิระคราหนึ่ง มาตรแม้นว่าเป็นการสัมผัสเพียงแผ่วเบาและเพียงเสี้ยววินาทีแต่ก็ให้ความวาบหวามดื่มด่ำจนหัวใจของคิระติดปีกโบยบิน ล่องลอยไปยังหุบเขาวิเศษณ์ แดนสุขาวดีนกวิเศษณ์ร้องรับขับขานเป็นท่วงทำนองแห่งความปีติ คิระตั้งสติได้เพียงชั่วครู่ ห้วงสมองก็ปรากฎความคิดประการหนึ่ง "ขอโทษนะอัสรัน แต่ถ้านายไม่เป็นชั้นนายก็คงไม่รู้ความสุขในตอนนี้หรอก" (นิสัยไม่ดีอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง(รอบ 2 )) ------------------------------------------------------------------------------------------- อัสรันกำลังยืนอยู่หน้าห้องแต่งตัวของคางาริ ซึ่งน้อยครั้งที่มันจะถูกเจ้าของของมันใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยสมบูรณ์ สำหรับคางาริแล้วห้องแต่งตัวคงเป็นห้องที่เธอให้ความสนใจน้อยที่สุดกระมัง นั่นคือความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวของอัสรัน แน่นอนมีหลายคนที่ไม่พอใจนักกับการแต่งตัวของเธอ แต่สำหรับอัสรันแล้วเขายกเว้นเป็นกรณีพิเศษ เพราะหากคางาริแต่งตัวที่มันผิดเพี้ยนไปเช่นทุกวัน และแต่งตัวแบบนั้นไปทุกเมื่อเชื่อวัน อัสรันคง"รับมือ"ต่อเรื่องราวนั้นไม่ถูก แต่นั่นไม่สำคัญเพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว นี่นับเป็นเวลาร่วมสองชั่วโมงเศษ มาน่าปลุกคางาริมาแต่งตัวตั้งแต่ตีสี่แต่แล้ว ตอนนี้ ตอนนี้ ยังไม่มีวี่แววและเค้าลางแห่งความคืบหน้าเลย ขนาดคนที่ซื้อเสื้อให้เธอไม่ใช่ใครอื่น แต่หากทว่าเป็นลักซ์ ไคลน์ เพื่อนสาวของหล่อนเอง แล้วเครื่องประดับที่ใช้ก็ไม่ใช่ของคนอื่นอีกเหมือนกันแต่เป็นของคิระ สายเลือดเดียวกันกับเธอแท้ๆ แล้วทำไมจนถึงป่านนี้"เธอ"ยังถึงไม่ออกมา นี่เป็นคำถาม มิหนำซ้ำยังเป็น"คำถาม"ที่อัสรันต้องการ"คำตอบ"มากเสียยิ่งกว่าใคร เธอหายเข้าไปในห้องนานแบบนี้ทำให้เขา"คิด"ไปไกลถึงหลายประการ ประการแรก คางาริพล้อยหลับไปแล้ว นี่มีความเป็นไปได้และยังเป็นความคิดแรกที่โผล่ขึ้นในสมองของอัสรัน คางาริอาจจะนอนไม่อิ่มเลยหลับไปแล้วก็ได้ ประการที่สอง คางาริไม่กล้าที่จะแต่งตัวเพราะเธอไม่ชอบ"กระโปรง" นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่จะให้เธอทำแบบนั้น "ด้วยตัวเอง" ประการที่สามกลับน่ากลัวอยู่บ้าง คางาริน้อยใจพวกลักซ์จนถึงขนาดฆ่าตัวตาย แต่นั่นจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่ออัสรันยังได้ยินเสียงกุกกักๆ ภายในห้องอยู่ไม่ส่าง ประการที่สี่ยังน่ากลัวกว่าประการที่สาม "คางาริถูกจับตัวไป" ขณะแค่คิดนี่ก็ทำให้อัสรันถึงกับแทบจะอยู่ไม่สุข แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้อีก ถ้าหาก"เธอ" ถูกลักพาตัวไป เวรยามที่ด้านนอกก็คงจะส่งเสียงเอะอะบ้าง ถ้าอย่างนั้นอัสรันยังคิดอะไรอยู่ แม้แต่ตัวของเขาเองเกรงว่ายังไม่ทราบแน่ชัด แต่แล้วโสตประสาทกับได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนทำลายห้วงความ"คิด"ไป อัสรันหันไปมองผู้มาเยือนที่เพิ่งจากไปเมื่อครู่ ลักซ์กับคิระเดินมาหาเขา ในมือของคิระถือ"แก้วน้ำ" แก้วหนึ่ง คิระส่งแก้วน้ำให้กับอัสรันแล้วพูดว่า "คางาริยังไม่ออกมาอีกเหรอ ทำอะไรของเค้านะ" "ไม่รู้สิ" ลักซ์เอ่ยถามอัสรันบ้าง "ไม่เข้าไปดูเธอหน่อยเหรอคะ" "ถึงจะอยากเข้าไปดู แต่ก็คงทำไม่ได้กุญแจห้องมันล๊อกเอาไว้ อีกอย่างหนึ่งคุณเองก็ลองเข้าไปคุยกับเธอแล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ให้ผมเข้าไปคงไม่ได้เรื่องอะไรมากขึ้นหรอก" คิระจ้องมองสีหน้าท่าทีของอัสรันเมื่อดื่ม"น้ำ"เข้าไปแล้วแต่ยังมีอาการ"ปกติ"อยู่เขาจึงค่อนข้างโล่งใจ ลักซ์ตอบว่า "ก็ไม่แน่นะคะ ถ้าหากว่าอัสรันเข้าไปคุณคางาริอาจจะแต่งตัวเสร็จแล้วก็ได้ หรือบางทีเธออาจจะรอให้คุณเข้าไป"จูงมือ"เธอออกมาก็ได้" อัสรันรับฟังจนถึงขนาดนึกวาดภาพออกมาในหัว หากว่าสามารถ"จูงมือ"น้อยๆของคางาริพร้อมๆกับชุดฟินนาเร่สุดสวยได้เขายังต้องการสิ่งใด ความคิดพอเสร็จสิ้นมือขวาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าคล้ายหยิบอะไรออกมาเสร็จแล้วยัดเยียดมันเข้าไปในลูกบิดประตูบิดมันคราหนึ่งจากนั้นผลักประตูก้าวเท้าเข้าไป คิระที่เห็นการกระทำเมื่อครู่โดยชัดตาถึงกับตะลึงงันแน่นิ่งไม่ไหวติง ชั่วขณะหนึ่งแทบลืมเลือนไปว่าตนอยู่ที่ใด "อัสรัน นายมีกุญแจห้องของคางาริได้ไง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" ------------------------------------------------------------------- อัสรันพอเข้าไปในห้อง"แต่งตัว"ของคางาริภาพที่ปรากฎยับเบื้องหน้าคือ คางาริกำลังนั่งอยู่กับเก้าอี้กลมตัวหนึ่งข้างหลังมีพัดลมคอยพัดให้ผมของเธอแห้งลง "แม้แต่ไดเป่าผมก็ไม่มี อะไรจะปานนั้น" นั่นคือความคิดของอัสรัน ทั้งนี้เพราะแม้แต่เขาก็ยังมีไดเป่าผม คางาริพอได้ยินสุ้มเสียงผิดปกติก็หันไปมองยังต้นเสียง พอเห็นอัสรันเข้ามาก็อุทานอย่างแตกตื่นว่า "อัสรัน น นาย นายเข้ามาได้ไง" แต่อัสรันในวันนี้คล้ายกับ"หน้าหนา" เป็นพิเศษสีหน้าปรากฏแนวครุ่นคิดพร้อมกับกล่าวว่า "นั่นสิชั้นเข้ามาได้ไง นี่คางาริเธอไม่ได้ล็อกประตูเหรอ" "อะไรนะ ช้าน ชั้นไม่ได้ล็อกประตูเหรอ" "เอ๋ นี่เธอก็ไม่รู้เหรอ ถ้าอย่างนั้นชั้นเข้ามาได้ไง" "ใครจะไปรู้กับนายหละยะ แล้วอีกอย่างถึงประตูไม่ล็อกถ้าไม่มีใครจงใจ"เปิด"มัน ก็คงเข้ามาไม่ได้หรอก" อัสรันทราบว่าเธอพูดแดกดันเหน็บแนมใส่ตนแต่ก็ไม่ถือสา ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยปากว่า "ก็ใช่หนะสิ นี่ทั้งลักซ์และก็คิระ รวมทั้งตัวชั้นด้วยนะที่รอเธอนานแล้ว แล้วนี่เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ" คำ"อาบน้ำ" พอกล่าวจากปากคางาริก็หน้าแดงซ่าน ท่วงท่าที่อุทัจเอียงอายแบบนี้แม้แต่เป็นคนใจหินผายังต้องเกิดความหวั่นไหวใจอยู่บ้าง อย่าว่าแต่อัสรันเป็นคนจิตใจอ่อนปวกเปียกราวกับน้ำเมื่อเผชิญภาพเบื้องหน้าหัวใจถึงกับเต้นตูมตามไปมา คางาริเบือนหน้าหนีไปอีกทางเล็กน้อยแล็วบอกว่า "ก็ชั้นไม่กล้านี่นา" "นี่อะไรกันแต่งตัวแค่นี้ก็ไม่กล้าเหรอ ทีจำปืนผาหน้าไม้ยังไม่เห็นบ่นซักคำ" คางาริกล่าวด้วยความขุ่นเคืองคล้ายกับว่าโกรธแต่ก็เหมือนกับแง่งอนว่า "ก็มันไม่เหมือนกันหนิ แล้วอีกอย่างมันคนละเรื่องกันด้วย แล้วนายก็รู้เรื่องแบบนี้ชั้นไม่คุ้นเลยจริงๆ" "นี่คางาริเสื้อเป็นเพื่อนของเธอซื้อให้แท้นะ เครื่องประดับก็เป็นคนที่เธอบอกว่า"อาจจะเป็นน้องชาย"ซื้อให้ทำไมเธอถึงไม่ใส่มันหละ" ทำไมเธอถึงไม่ใส่มันหละ ประโยคนี้คล้ายกับจี้ใจดำของเธอน้อยนิด มีของสิ่งหนึ่งเป็นของสำคัญสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ทั้งสำคัญทั้งพิเศษของเธอให้เอาไว้ ที่เมื่อก่อนนี้เธอใส่มันไว้ตลอด แต่ตอนนี้"เธอ"ไม่ได้ใส่มันแล้ว คางาริหันมาจ้องมองถลึงตาใส่อัสรัน ดวงตาคล้ายกับเอ่อคลอหน่วยปากร้องเสียงดังว่า "นายหนะจะไปรู้อะไรหละ มีบางอย่างที่ชั้นเองอยากทำแต่ก็ทำไม่ได้เหมือนกันนะ" อัสรันงุนงงถึงกับแทบจะเสียสติ เขาไม่ทราบว่าคำพูดใดที่ไปทำร้ายเธอเอาเข้าจนถึงขนาดนี้ "นี่ขอโทษนะ ชั้นไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ชั้นก็แค่ต้องการที่จะช่วยเธอเท่านั้น" จากนั้นหยุดเล็กน้อยแล้วยิ้มแย้มอย่างนุ่มนวลว่า "เอานั่นมาให้ชั้นสิ" นิ้วของเขาชี้ไปยังชุดยาวสีเขียว "เอ๋ นายคง นายคงไม่ใส่มันนะ" อัสรันหยิบชุดยาวสีเขียวนั่นจากมือของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า "ก็ไม่เห็นตัดเย็บแปลกตรงไหนเลย พอดีกับคางาริ ไม่ยาวไม่สั้นไม่หลวมเกินไป ชุดก็ไม่โป๊ แต่ก็ไม่ได้ปิดจนเชย นี่ติดตรงไหนให้ชั้นใส่ช่วยก็ได้นะ" คางาริความจริงโกรธอัสรันเมื่อครู่นี้อยู่บ้างแต่พอได้ยินดังกล่าว ความอายก็เข้ามาแทรกแทน ใบหน้าที่ทั้งโกรธทั้งอายเป็นที่จับจิตของอัสรันถึงขณะตาตั้งค้าง ปากอ้า คางาริบอกว่า "ให้นายใส่ให้เหรอ ฝันไปเถอะ เรื่องอะไรชั้นใส่เองได้นี่" จากนั้นเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำไม่นานก็ออกมา ถึงแม้ว่าหน้าไม่ตกแต่งผมไม่ได้หวีสางยังน่าดูปานนั้น จากนั้นคางาริก็มานั่งลงที่ก้าวอี้ตัวเดิมอัสรันยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า "เห็นมั้ยแค่นี้ก็ใส่ได้แล้ว แต่เดี๋ยวนะหน้ายังทันได้แต่งเลย" "ไม่ต้อง" "ไม่ต้องได้ยังไง คางาริทำงานหนักตาหมองคล้ำนิดหน่อย งานนี้เป็นงานวันเกิดเธอนะ ยังไงก็ต้องให้มันดูดีหน่อยสิ" "แต่ชั้นแต่งไม่เป็น" "เธอแต่งไม่ได้ แต่ชั้นแต่งเป็นนี่นา ตอนฝึกทหารให้ฝึกพลางหน้าชั้นได้คะแนนA+นะ" คางาริครุ่นคิดว่า -แต่แต่งหน้าพรางตัวกับแต่งหน้าออกงานมันแตกต่างกันหนิ" จากนั้นอัสรันก็จัดการลงรองพื้น ทาแป้งต่างๆให้ จนถึงกระทั่งการ"เขียนคิ้ว" อัสรันหวนนึกถึงชั้นเรียนสังคมอาจารย์บอกเขาว่า "ประเพณีเขียนคิ้ว เป็นประเพณีของชาวจีนนับตั้งแต่โบราณมาเป็นการแสดงถึงความรักของสามีภรรยาที่จะขอรักใคร่กันตลอดไป" **จะรักกันตลอดไป* **ชั้นอยากจะรักคางาริตลอดไป**
************************ตอนที่(อาจจะเป็นตอนจบ) 2 รักที่แสนหวาน คืนที่แสนหวาน และสัมผัสมือจากคนรัก***************************** จำเนียรกาลผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด คางาริก็ไม่ทราบ ในที่สุดมือทั้งสองข้างของอัสรันก็ห่างจากการสัมผัสใบหน้าเธอ ช่วงเวลาเมื่อครู่ความจริงไม่เนิ่นนานเท่าใดนัก แต่สำหรับกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นกลับไม่สามารถบอกออกมาได้ อันสภาพความเป็นจริงนั้นมีหลายเรื่องราวมากมายหลายหลากที่มนุษย์ไม่สามารถบ่งบอกได้ ทั้งไม่สามารถรับรู้ได้ อันที่จริงนี่ก็เป็นเรื่องที่อับจนปัญญาทั้งนี้เพราะเรื่องราวของความสัมพันธ์ของคนๆหนึ่งกับคนๆหนึ่ง เป็นเรื่องราวละเอียดอ่อน ยิ่งเป็นเรื่องราวอันลึกซึ้ง คล้ายไร้ความหมายแต่ที่จริงสลักสำคัญ อัสรันใช้มือถือกระจกบานไม่เล็กไม่ใหญ่บานหนึ่งลุกขึ้นอยู่ด้านหลังคางาริ โน้มตัวลงถือกระจกส่องให้เธอเห็น"ใบหน้า" ที่ถูกเสกสรรค์ปั้นแต่งโดย"ผู้ชาย"คนหนึ่ง อัสรันถามเธอ "เป็นไงบ้าง พอใจมั้ย?" สิ่งที่คางาริอธิบายรูปโฉมที่ถูกอัสรันปู้ยี่ปู้ยำได้เพียงสิ่งเดียวก็คือ "หวาน" สิ่งที่เธอครุ่นคิดในหัวใจออกจากน่าขบขันอยู่บ้าง "หมอนี่แต่งหน้าหวานซะขนาดนี้ สงสัยตอนเด็กเคยเล่นแต่งงานกับคิระแหง(แอบหึงหรือไงกันนะ) ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้น่ากลัวเป็นบ้าเลยทั้งหน้าตา ทั้งผิวพรรณ ทั้งเรื่องแต่งหน้าอีก ไม่อยากคิดแล้ว" คางาริแหงนหน้ามาด้านหลังถามอัสรันว่า "นายหนะ เคยแต่งหน้ามาให้ผู้หญิงกี่คนแล้ว" "หากนับคางาริด้วยก็คงสามคนหละมั้ง" "เอ๋ แล้วใครเป็นผู้เคราะห์ร้ายของนายอีกสองคนหละ" "คนแรกคือคุณแม่ของชั้น อีกคนก็คือลักซ์" คางาริเอี้ยวบิดตัวมาด้านหลังกลายเป็นนั่งเผชิญหน้ากับอัสรัน สายตาเหลือบมองไปข้างบน กล่าวถามอย่างระแวดระวังอยู่บ้างว่า "คุณแม่นายชั้นไม่แปลกในหรอกนะ แต่ลักซ์นี่สิชั้นไม่เคยเห็นเธอแต่งหน้ามาก่อน นายโกหกชั้นใช่มั้ย?" "ที่จริงก็ไม่ได้แต่งหน้าให้หรอกนะก็แค่เคยหวีผมให้แค่ครั้งเดียวเอง" "งั้นเหรอ" .....................................'ก็อัสรันหนะยังไม่เคยหวีผมให้ชั้นแม้แต่สักครั้งเลย'....................................................... แต่แล้วอัสรันก็เปลี่ยนกิริยาบทเป็นคุกเข่า ใช้สายตามองเธอจากด้านล่าง จากนั้นยิ้มน้อย พร้อมกับใช้มือข้างขวาลูบไรผมของเธอจากแผ่วเบา คล้ายเกิดขึ้นจริงแต่ก็คล้ายนึกฝัน บังเกิดเป็นความรู้สึกอันวาบหวามดื่มด่ำอย่างประหลาด อัสรันขยับริมฝีปากเล็กน้อย ยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชื่นช้าตามปกติ "แต่สำหรับเธอคงไม่ต้องหรอกมั้ง เพราะชั้นชอบแบบนี้" คางาริถูกคำเยินยอจนขวยเขินเอียงอายหน้าแดงซ่าน จนไม่อาจเผชิญสายตาของคนที่อยู่เบื้องหน้าได้ "ขอบคุณนะที่ชม........." จากนั้นกุ้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายกับบังเกิดความน้อยใจแล้วพึมพัมอีกว่า "เพราะว่าไม่เคยมีใครตามใจชั้นเรื่องนี้มาก่อน" น้ำเสียงตอนสุดท้ายเปลี่ยนเป็นเศร้าโศกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ้าง จนแม้แต่อัสรันเองยังอดที่จะให้กำลังเธอไม่ได้ "ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ชั้นเองก็ตามใจเธอตลอดมาไม่ใช่เหรอ" คางาริยิ้มให้เขาเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่เหมือนเมื่อวันวาน ในใจก็ครุ่นคิดด้วยความสุขสมใจอยู่บ้างว่า "ตามใจชั้นงั้นเหรอ รวมทั้งเรื่อง"แหวนนั่นด้วย" หากอัสรันเข้าใจชั้นและก็ตามใจชั้นแบบนั้นจริงๆก็ดีสินะ เหมือนกับที่ชั้นเคยตามใจนาย" อัสรันจ้องมองเธออยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นเห็นว่าตนเข้ามาในห้องกับเธอสองต่อสองนานแล้ว ไม่ควรทำให้ใครบางคนที่อยู่นอกห้องต้องคิดมากอีก(เพิ่งรู้ตัวเหรอแก) "นี่เดี๋ยวก่อนนะ แต่งหน้าเสร็จแล้วผมไม่ต้องหวีเพราะดูดีอยู่แล้ว เหลืออะไรที่น๊า.............. อ้อเครื่องประดับ ใช่สิคางาริจะใส่อันไหนเหรอ" "เรื่องแบบนี้ชั้นไม่รู้หรอก นายน่าจะรู้มากกว่าชั้นนะ ยังไงๆ ก็ช่วยเลือกให้หน่อยแล้วกัน" ช่วยเลือกให้หน่อยแล้วกัน ถ้าหากว่าเขาเลือกให้แล้วเธอใส่ก็ดีสินะ ไม่ใช่ใส่เป็นแค่ครั้งคราว หรือใส่เมื่อไม่มีคนเห็น แต่อยากจะขอให้เธอใส่มันตลอดไป เหมือนกับชั้นที่ยังคง"ใส่"ของเธอ ถึงแม้จะครุ่นคิดไปก็อาจจะทำให้เขาบังเกิดความท้อแท้ใจสิ้นหวังต่อเรื่องราวของความรักเสียเปล่าๆ อัสรันได้แต่ทิ้งมัน ถมมันลงไปในทะเลใจครั้งแล้วครั้งเล่าหลายครั้งครา จากนั้นหยิบกล่องเครื่องประดับที่ลักซ์เป็นคน"ซื้อให้คางาริ"ขึ้นมา แต่แล้วพอเขาเปิดกล่องขึ้นมาเขาก็อดแปลกใจอยู่บ้างไม่ได้ เพราะในกล่องมีกระดาษใบหนึ่ง อัสรันอ่านมันเล็กน้อย แต่ไม่ทำอะไรเป็นที่ผิดสังเกตให้แก่สายตาของคางาริได้เห็น บนกระดาษมีข้อความจำนวนหนึ่งเป็นลายมือของลักซ์ มีใจความว่า เครื่องประดับพวกนี้ความจริงเป็นของคุณเคยให้ชั้นเอาไว้ แต่ชั้นขอคืนมันให้แก่คุณ เพราะชั้นคิดว่าคุณคงมีใครสักคนหรือว่าพบใครสักคนที่คุณอยากจะสิ่งของเหล่านี้แก่เธอ ชั้นอยากให้คุณแน่ใจในสิ่งที่คุณรับรู้ ไม่ใช่เอาแต่ดูท่าทีหรือลังเลในการตัดสินใจ อยากให้คุณทำอะไรด้วยความต้องการของคุณเอง ไม่ใช่คบหากับใครเพราะว่า"ความเหมาะสมหรือสมควร" อัสรันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เพราะสำหรับเขาแล้วเรื่องเกี่ยวกับลักซ์ ไคล์นถือเป็นเรื่องราวอันมัศจรรย์เหนือความคาดหมายเสมอ แต่สิ่งที่ไม่เหนือความคาดหมายของเขาคือสตรีสาวที่อยู่เบื้องหน้า เขารักเธอ ที่สำคัญคือเธอรักเขา และดีต่อเขาไม่น้อยตลอดมา นั่นเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนเขาไม่สามารถบ่งบอกเป็นอย่างอื่นได้อีกนอกเสียจาก.................................... สัมผัสรักอันวาบหวาบจากริมฝีปาก ------------------------------------------------------------- --------ยัง ยังไม่จบนะครับ ยังมีต่อ ผมขอตัวไปท่องบทอาขยานก่อนเพราะเปิดเทอมแล้ว เปิดไวเสียเหลือเกิน (เปิดเมื่อวันที่แปด)----------------------
ทั้งสองเดินออกมาจากห้อง แต่ก็ไม่ปรากฎแววของคนอีกคู่หนึ่งแล้ว คางาริหันซ้ายแลขวาแต่ไม่เห็นแม้แต่เงา จากนั้นหันมามองหน้าคนด้านข้าง อัสรันก็มองตอบแต่สายตาคล้ายคนปัญญาอ่อนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกที่จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าเขาถูกกลั่นแกล้ง จากนั้นขบคิดคู่หนึ่งเห็นว่าบางทีตนอาจเข้าไปนานทั้งลักซ์กับคิระต่างเกิดอารมส์เบื่อหน่ายเดินทางล่วงหน้าแล้วก็ได้ "พวกนั้นคงไปรอเราอยู่ข้างนอกมั้ง.............." อัสรันพูดออกมา ยังไม่ทันจะได้กล่าววาจาต่ออีกฝ่ายก็บ่นออกมาว่า "เพราะนายนั่นแหละที่ทำให้ชั้นช้า" "ขอโทษนะ" อัสรันพูดออกมาในทันที "แต่จะทำยังไงได้ ออกไปรอข้างนอกกันเถอะ" พูดจบเดินออกไปนอกประตูแต่เดินไปได้ไม่ถึงสิบก้าวก็ต้องหันหนังมา คางาริกลับไม่เดินตามเขามาแล้ว อัสรันหันหลังกลับไปมองหน้าเธอ จากนั้นลดสายตาลงไปที่ข้อเท้าเห็นข้อเท้าสั่นกรึกๆไม่หยุดยั้ง ที่แท้เป็นเธอก้าวขาไม่ออกนี่เอง ดังนั้นจึงเดินไปใกล้กระซิบที่ข้างหูแม้แผ่วเบาแต่ชัดเจนยิ่ง ฟังแล้วให้ความรู้สึกวาบหวามดื่มด่ำอย่างประหลาด "ให้ชั้นอุ้มเธอมั้ย" แต่อีกฝ่ายไหนเลยยอมถูกกระทำโดยง่ายดังนั้นจึงรีบเอ็ดขึ้นมา "ไม่ต้องชั้นเดินเองได้" "ทำอย่างนั้นได้ยังไง เห็นอยู่ชัดๆว่าแม้แต่ยกขาเธอก็ยังยกไม่ได้" "ก็ทีตอนนั้นยังทำได้" อัสรันทำสีหน้าสงสัยพร้อมกับเปรยออกมา "ตอนนั้น ตอนไหนเหรอ?" "ก็ตอนงาน แต่................. " คำพูดพอออกจากปากค่อยรู้ตัวว่าไม่สมควร เหตุการณ์ที่คิดกล่าวออกไปเป็นหนึ่งในเรื่องที่กระทบต่อความสัมพันธุ์ของทั้งสองอยู่ไม่น้อย อัสรันหลับตาลงเล็กน้อยแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเฉยชา จากนั้นบอกว่า "ก็ตอนนั้นคนเหม่อลอย ขาดสติไม่ว่าอะไรก็ทำได้" คางาริคล้ายกับว่าซึมเศร้าก้มหน้าก้มตาอยู่ครู่หนึ่งค่อยเงยหน้าขึ้นมา แก้มสองข้างปรากฎรอยแดงซ่านเล็กน้อย "งั้นก็ได้แต่ไม่ให้นายอุ้มนะ" อัสรันยิ้มเล็กน้อยเผยมือขวาไปยังเบื้องหน้า *******มาหาชั้นสิคางาริ********** **********หา ชั้นสิ ช้นสิ******************* เสียงนี้คล้ายเสียงกระซิบกระซาบ บรรดาลให้เกิดแรงในการก้าวเดินต่อไปอย่างประหลาด ในที่สุดทั้งสองเดินมาถึงเบื้องนอกพอก้าวพ้นออกจากประตู ก็เห็นเงาของคนคู่หนึ่ง เป็นลักซ์กับคิระนั่นเอง "ช้าจังเลยนะคะ" ลักซ์พูดออกมาทันทีที่เห็นเงาของคางาริ "เอ่อ ช้าเหรอ" "ค่ะ" "แย่จัง ทำไมเธอไม่รีบบอกชั้น" "ชั้นเคาะห้องคุณเกือบ สิบรอบนะคะ อีกอย่างมันก็นานตั้งแต่ก่อนที่อัสรันจะเข้าไปแล้วด้วย" "ขอโทษแล้วกันงั้นรีบไปกันเถอะ" ขณะที่อัสรันจะเปิดรถของเขาก็ถูกคิระลากตัวออกมาเสียก่อน "บอกมานะนานได้กุญแจห้องคางาริมาได้ยังไง" คิระถามออกมาทันที "อ๋อง่ายมาก" อัสรันพูดออกมาด้วยความสบายใจ "ง่ายยังไงหละ" คิระรีบถามต่อทันที อัสรันพูดพร้อมกับรอยยิ้มท่าทีภาคภูมิใจยิ่ง "ก็แค่คุกเข่าขอต่อหน้ามาน่าเกือบหนึ่งวันเต็มๆ" คิระถอนหายใจออกมาคล้ายรู้เหมือนก้างที่คอเพิ่งหลุดออกไปพรางบ่นเบาว่า "ค่อยยังชั่วหน่วย" แต่พอก้นอัสรันถึงเบาะรถก็ได้ยินลักซ์ถามออกมาทันที "อัสรันให้คิระขับไม่ดีกว่าเหรอคะ" คิระที่นัดแนะมากับลักซ์ก็ให้การสนับสนุนว่า "ใช่สิหน้านายดูซีดๆนะ" "ไม่เป็นไร" ลักซ์รีบลุกไล่ต่อทันที "ไม่ง่วงเหรอค่ะ" "ไม่หนิชั้นสบายดี ชั้นโอเค" "แน่ใจนะคะ" "แน่ใจสิชั้นขับเองได้ พวกเธอไม่ต้องห่วงหรอก" คิระหันไปสบตากับลักซ์ทีอยู่เบาะหลัง "ถึกกว่ากระบือจริงๆด้วย" ทั้งสองต่างคิดออกมาเช่นนั้นนี่ซาร่าตั้งเก้าเม็ดยังโค่นเขาไปลงแม้แต่น้อย ทั้งสองมาถึง สโมสร "ทหารผ่านศึก" อัสรันจอดรถเข้าไป ผ่านหน้ารปภ. พร้อมกับรายงานว่า " ครูฝึกซาล่า ขอพอท่านผู้แทนอัธฮาเข้าไปงานครับ" หน้าที่ของอัสรันเป็นครูฝึก เขาเลือกหน้าที่นี้เพราะมันง่ายดีอีกอย่างเขาชอบที่จะอยู่กับพวกนักเรียนเพราะเมื่อใช้ชีวิตกับนักเรียนทำให้เกิดความรู้สึกฮึกเหอมไม่มีวันแก่ อาจจะฟังดูแล้วเหมือนเรื่องโกหก แต่ตอนนี้อัสรันรู้สึกว่าเขาแก่แล้วจริงๆ เมื่อจอดรถแล้ว ทั้งสีต่างต้องไปตามทางของตน อัสรันต้องไปเตรียมขบวนสวนสนาม ส่วนทั้งสามนั้นเดินเข้าไปในฮอลเตรียมเปิดงาน "ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม พัฒนาเศรษฐกิจ" ซึ่งเป็นงานที่กระทบมาจากผลสงครามทั้งสิ้น -------------------------------------------------------- ติดตามตอนต่อไปไม่ได้แต่งนาน แต่งทีรู้สึกเหนื่อยๆยังไงก็ไม่รู้ว่ามั้ยครับ