!!! White Feather // Devil FanG [Update 04/09/10>>Memo Page VIII<< ~Memo page VIII~ After day – Fan

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย maxlancer, 3 กันยายน 2008.

  1. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    ได้กลายสภาพครึ่งปีศาจโดยที่คงสติได้แล้ว TTwTT

    ว่าแต่...... เหม่ยหลินโผล่ไม่เกิน 10 วิอีกแล้วเหรอเนี่ย TT___TT
  2. ultima

    ultima Active Member

    EXP:
    933
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    อัพเมื่อไหร่ ไม่บอกกล่าวเลยเพื่อน

    กว่าจะได้มาอ่าน = ="
  3. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    ~Memo Page VII~

    ~The Thing Fighting For~

    “ไหนว่า ทางนี้จะเชื่อมลงไปยังกราวด์อีกทางไงคะ คุณอลิซ”

    “ไม่ได้บอกเลย แค่ตามเจ้าหมอนนี่มาเท่านั้น เห็นว่าเป็นจุดที่พวกเจ้าหน้าที่ข้างบนจะมา”

    “ทำไมไม่กลับไปถามศพไอ้พวกนั้นที่อยู่ข้างบนล่ะ เห็นบ่นกันจัง”

    ณ เวลาประมาณหนึ่งทุ่มกว่าๆ หากนับจากการระเบิดครั้งสุดท้าย บนผืนแผ่นดินแห่งนครเอเดนก็ปาไปสองชั่วโมงได้แล้ว สองเทวดาสาวแห่งกลุ่มบทเพลงแห่งรุ่งอรุณ กับ หนึ่งสายพันธุ์ปีศาจอันเป็นหนึ่งในตัวหอกแห่งกลุ่มเขี้ยวอสูร กำลังเคลื่อนไปตามเส้นทางที่มืดมิดที่ค้นพบในโพรงขุดเจาะของเจ้าหน้าที่ ที่เพิ่งสังหารไป

    เนื่องด้วย ทันทีที่ลงมายังโพรงขุดเจาะ สิ่งแรกที่สะดุดตา ชายหนุ่มเผ่าปีศาจผู้มีสีผมหน้าเป็นขาวหลังเป็นดำแลดูสะดุดลูกตา ฟรานเซสก้า คาร์ลอส รอยร้าวบางจุดบริเวน ผนังโพรง เมื่อทั้งหมดได้ลงไปในความลุกเกือบร้อยเมตร ก่อนที่จะค้นพบเส้นทางดังกล่าวหลังผนังโพรง จนจำเป็นต้องแยกเส้นทางค้นหา โดยส่งสองผู้ติดตามของอลิสซาเบท แห่งเผ่าเทวดา ลงไปต่อ

    สามหนุ่มสาวเคลื่อนด้วยความไวที่สุดที่ทำได้ แต่หลังจากทะยานอยู่ในช่องทางขนาดสองคนอันปูผนังเหล็กสี่ด้านมากกว่าห้านาที สิ่งเดียวที่คิดได้คือน่าจะมีผิดทางอย่างแน่นอน

    “จะว่าไป”

    ผู้เอ่ยถามคือ หญิงสาวผมสีบรอนด์สลวยได้ทรงกับตากลมโตสีมรกตนาม อลิซซาเบท

    “ฟรานเซสก้า ปีกของนาย”

    อลิซซาเบธ เนซซ่า เฟอร์ลากูน ผู้โบยบินด้วยปีกสีแดงสด เอ่ยถาม เมื่อสังเกตร่างครึ่งปีศาจของฟานเซสก้า ปีกพญามารสีดำทมิฬได้ขาดหายไปข้างนึง จากผลของดาบหนึ่งเล่ม และยังไม่สามารถฟื้นฟูได้

    “หึ...ไม่ได้สำคัญถึงขั้นให้ เทวดาหน้าโง่อย่างเธอมาสนใจหรอก” ปีศาจหนุ่มลั่นวาจากวนสันเท้า

    “อย่าให้มันเกินไปนักนะ!!”

    แน่นอนว่าสาวน้อยผู้มากับทรงผมทวินเทลสีทองในชุดเครื่องแบบนักเรียนหญิงสีแดง ฉายานาม นางฟ้าพิพากษา หรือ เรเชล เดอ อเมทิส กำลังหงุดหงิดจนเดือดได้ที่ กรณีต้องมาร่วมงานกับศัตรูของกลุ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเห็นพี่สาว(ของกลุ่ม)โดนดูถูก ยิ่งกระตุ้นให้อยากเอาคมดาบสะบั้นลิ้นเสียๆนั่นทิ้งเข้าไปทุกๆที

    “ขี้โมโหจริงนะ คุณหนู” ฟรานเซสก้าหันมาด้วยใบหน้าหยอกล้อ “มิน่าล่ะ ได้ข่าวว่า มีเรื่องกับพ่อหนุ่มจอมหน้ามืดอย่างไวลด์ซะด้วย ไม่แปลกว่า เมื่อวานทำไมหมอนั่น นั่งเพ้อถึงเธอเป็นวันเลย”

    สีหน้าเรเชลแดงก่ำถึงใบหูเหมือนโดนนิ่งได้ที่ พลันระลึกถึงชายหนุ่มผู้มากับผมม้ายาวเป็นเส้นกับใบหน้ากวนๆแสนทะเล้น ยิ่งประโยคระดับเสี่ยวเรียกอาเตี่ยด้วยแล้ว พลันทำเอาเจ้าตัวผู้โดนเข้า อับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีทีเดียว

    “อย่ามาพูดบ้าๆนะ!! สักวัน ชั้นจะเชือดหมอนั่นให้ได้เลย!!”

    “โฮ๋? อาการแบบนี้ แสดงว่าพ่อหนุ่มของเราก็มีหวังสิเนี่ย แม่หนู [ปาก - ไม่ – ตรง - กับ - ใจ]”

    เสียงหัวเราะพุ่งตามมาอย่างสนุกสนาน ก่อนสาวเจ้ากลบเกลือนความอายสไตล์คุณหนูเบาๆ ด้วยดาบยาวหนึ่งเล่มที่สร้างออกมาจากละอองแสงที่ปีก พร้อมสะบั้นปอยผมสีขาวของฟรานเซสก้านิดหน่อย…..

    “ยัยบ้านี่!!! จะเอาใช่มั้ย!!” โทสะบังเกิดทันทีที่คมเกือบปาดเอาลูกตาของตัวเองไปแล้ว

    “หนวกหูน่า!!” เด็กสาวเหวี่ยงดาบไปมากลบเกลือบ

    ดาบสองคมยาวหนึ่งเล่มจากมือสาวน้อยฟาดตรงกลางศีรษะ ฟรานเซสก้ายกสองมือประกบในระยะเพียงสิบเซนติเมตรก่อนโดนเฉาะกระบาล ทั้งสองส่อเค้าใบหน้าพร้อมเอาอีกฝ่ายให้เดี้ยงเลยทีเดียว

    “เงียบๆหน่อยซิ”

    “ว่าไงนะ อลิซ แกกล้าออกปากสั่ง!!"

    “หุบปากซักสามวินาทีได้มั้ย? ได้ยินเสียงอะไรแว่วๆหรือเปล่า ?”

    ภายใต้ความเงียบตามคำขอ ทั้งสามหลับตาลง เพ่งสมาธิลงสู่ประสาทการรับฟัง เสียงแรกที่ผ่านหูมีเพียงสายลมที่พัดผ่านมาซึ่งไม่น่าแปลกใจนักสำหรับพื้นที่ที่ดูไม่ต่างจากช่องระบายอากาศนี้

    หากแต่ภายในสายลมนั้น กลับกลบซ้อนเสียงของเครื่องจักรบางอย่างกำลังเดินเครื่องต่อเนื่อง เป็นจังหวะ หากแต่ความดังนั้นเทียบได้กับเสียงฝีเท้ามดเลยทีเดียว

    “เสียงมาจากอีกฝั่ง” เรเชลเอาหูแนบผนังเหล็ก

    “จะว่าไป...ที่นี่ก็กว้างเกินกว่าจะเป็นแค่ช่องระบายอากาศนะ ฟรานเซสก้า”

    “....” ชายหนุ่มเมินหน้าหนี จากท่าประกบมือรับดาบของเรเชล ก่อนถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย

    “อลิซ ส่งคุณหนูเธอกลับตรงไปทางโน่นประมาณหนึ่งนาที น่าจะเจอช่องทางลงหลังจากนั้น จะไปโผล่ที่ทางวงกต ให้มองตรงเพดานไว้ จะมีลูกศรเล็กชี้ทาง….ในที่มืดขนาดนั้น มีแต่สายตาเผ่าเทวดากับปีศาจนั่นแหละที่จะเห็น

    “ให้มันน้อยๆหน่อย….นายคิดว่านายเป็นใครมาสั่งโน่นสั่งนี้”

    “ทำตามที่เค้าพูด เรเชล แล้วพาพวกนั้น เข้าไปยังบ้านของลูซิเฟเรีย ชั้นจะสั่งคนเข้าไปช่วยทันที”

    ถึงขนาดหัวหน้าสาวสั่งการ เรเชลก็ไม่อาจปฎิเสธได้ ก่อนจะเชิดใส่ฟรานเซสก้าแล้วทะยานออกไปตามคำสั่ง

    “ว่าง่ายอย่างนี้ แสดงว่ารู้สินะ ว่าทำไมชั้นถึงทำอย่างนี้”

    “หึ..ตอนนี้จะรังเกียจแค่ไหน แต่ก่อนหน้านี้ ยังไง เราก็เคยทำงานร่วมกันมาก่อน คนอย่างนายมันเดาง่ายจะตาย” สาวผมบรอนซ์ ถอนหายใจ

    “เล่ามาซะ ดูเหมือนนายจะรู้จักแถวนี้ดีนะ ฟรานเซสก้า” อลิซ เค้นหาคำตอบ

    “……ชั้นพอจะรู้นะ…ข้อมูลที่เธอลงทุนไปขอซื้อจากยัยแม่ค้าข่าวลูซิเฟเรียนน่ะ”

    “ฮึ….ก็เพราะนายรู้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ชั้นกับนายก็รู้กันอยู่แล้วว่าสิ่งที่ทำให้พวกเราต้องมาฆ่ากันเอง มันสำคัญขนาดไหน ชั้นถึงต้องขวนขวายทุกๆอย่างเพื่อได้มันมาไงล่ะ ”

    “แต่ไอ้การเล่นหาที่อยู่ของ “H.E.A.V.E.N” เพื่อเตรียมทลอบเข้าไปน่ะ มันเป็นการลงทุนเริ่มต้นที่เสี่ยงเอาการนะ”

    “พูดมาแบบนี้แสดงว่านายเหนือกว่ากาวหนึ่งแล้วสินะ”

    “ก้าวหรือสองก้าวมันไม่สำคัญหรอก อลิซซาเบท มันไม่ใช่ที่ๆจะเข้าไปได้ง่ายๆ”

    พูดจบ ฟรานเซสก้าลงมือต่อยเข้ากับผนังข้างๆสุดแรงจนทะลุ ก่อนกระชากผนังออกจนเป็นรูกว้าง เผยเส้นทางหินที่ทอดยาวออกไปเล็กน้อย ทั้งสองคลายสภาพการกลายร่างกลับเป็นคนเหมือนเดิม ก่อนเดินออกไป

    “นี่คือสิ่งที่เธอตามหาอยู่”

    อลิซชะโงกมองออกไป จากจุดสิ้นสุดของทางหิน ซึ่งลึกลงไปอย่างมาก สิ่งที่มีรูปร่างราวกับตึกเหลี่ยมจำนวนสามตึก เรียงกันสามด้านเป็นมุมสามเหลี่ยม ทอดยาวจากบนชั้นหินลงไปล่างจนลับสายตา

    “…..มิน่าล่ะหาไม่เคยเจอ……แสดงว่าตอนนี้ เราอยู่เกือบใจกลางของนครเอเดน…ไม่สิ มหาพฤกษา เซฟิรอธสินะ”

    นางฟ้าปีกแดงพูดตามที่เห็น เมื่อสังเกตไปรอบๆ เห็นได้ชัดว่า มีส่วนของรากไม้ขนาดมหึมา ผุดโผล่ออกมาตามผนังดินที่เสริมด้วยโครงสร้างเหล็ก ไม่ให้ชั้นดินถล่มลงมา

    “ลำบากกว่านั้นคือ เราไม่มีทางบุกเข้าไปจากตรงนี้ได้ เห็นด้านล่างนั่นมั้ย?”

    ด้วยสายตาของเผ่าพันธุ์ ทำให้มองเห็นส่วนของป้อมปืนกลต่อต้านอากาศยานมากมายโดยรอบตึก ราวกับรู้ว่าซักวันจะมีคนมาบุกทางนี้ก็มิปาน

    “สุดท้ายแล้ว นายก็เหนือกว่าอยู่ดีสินะ นี่ถ้าม่มาด้วย ชั้นคงไม่รู้ขนาดนี้”

    “ก็ไม่เชิง เพราะส่วนที่เก็บข้อมูลทั้งหมด อยู่ในส่วนลึกสุดของH.E.A.V.E.N อีกทั้งการจะผ่านเข้าไปได้ ตรงผ่านด่านรักษาความปลอดภัยนับสิบชั้น การจะเข้าไปมีอยู่แค่ทางเดียวเท่านั้น คือจากภายใน ซึ่งสำหรับชั้นยังไม่ได้เลย”

    ฟรานเซสก้า หยุดหายใจก่อนพูดต่อ

    “อีกอย่าง….ชั้นมองไม่เห็นเลยว่า การลอบเข้าไปในฐานที่อยู่ในความลึกขนาดนั้น จะกลับมาได้อย่างปลอดภัย”

    “แต่ถึงอย่างงั้น พวกนายก็ยังมาสู้กับพวกชั้น เพราะสิ่งๆเดียว ยังไงมันก็คุ้มค่า ถ้าสิ่งนั้นมันใช้ได้ผลจริง”

    ประโยคนี้ ทำเอาปีศาจอดหยุดพูดสวนไม่ได้

    “....คิดจริงๆเหรอว่ามันจะกลับไปได้จริงๆ ไอ้การเป็น “มนุษย์” น่ะ”

    “นั่นแหละที่ กลุ่มบทเพลงแห่งรุ่งอรุณต่างจากนาย พวกเรามีความหวัง เราเชื่อว่าเราไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ที่ผิดแพรกมาตั้งแต่ต้น เราถึงได้หาทางรักษาไงล่ะ”

    “แล้วไง? จะเดิมพันกับเงื่อนงำเดียวที่นำไปสู่การรักษา? เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่หรือไง ที่ทำให้พรรคพวกเราล้มตายกัน ทั้งๆที่มันแทบจะพิสูจน์ไม่ได้ด้วยซ้ำไป”

    “แล้วนึกว่าชั้นอยากให้มันเกิดมากนักหรือไง!!! อย่าลืมสิ วันนั้นเหมือนสองปีก่อน…นายกับชั้น เพิ่งจะรู้ตัวเองว่าไม่ใช่คนน่ะ คนที่เริ่มก่อให้เกิดการแบ่งแยก มันคือพวกรุ่นแรกฝั่งนายกันทั้งนั้น”

    “พอเถอะ....” ฟรานเซสก้าอดกลั้นความโมโหอีกครั้ง ก่อนยกมือห้ามปากอีกฝ่าย ไม่งั้น เค้าคงเผลอลงมือซัดไปก่อนแน่นอน เจ้าตัวคิดอย่างงั้น

    “รู้ทั้งรู้มันเป็นเรื่องที่เถียงไม่จบ ทางชั้นเองกยืนยันเหมือนกันว่า พวกรุ่นพี่เผ่าเทวดาของเธอต่างหากที่เริ่มก่อน ชั้นถึงได้จงเกลียดจงชังเผ่าเทวดาอย่างพวกเธอไง”

    “แล้วจะเอายังไง….”

    “เรื่องที่กราวด์น่ะ ชั้นสั่งพวกของชั้น “เอเจนท์” ให้จัดการไปแล้ว จุดประสงค์จริงๆที่ลงมาน่ะ คือที่นี่”

    “เพราะฉะนั้น ไหนๆเธอก็มารู้เอาซะแล้ว ชั้นก็ขออะไรแลกเปลี่ยนหน่อยละกัน”



    ........
    .....
    ....
    ..
    .
    ตูม!!!

    หมัดขวาพิสุทธ์ พุ่งซัดเข้าชายโครงมนุษย์ครึ่งเสือโคร่งในชั่วพริบตา เสียงกระทบกระดูกดั่งสนั่นราวกับลำโพงขยายเสียง หากแต่สีหน้าของเป้าหมายกลับไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลง เจ้าของกำปั้นสีขาว ไวลด์ ไลสเนอร์ กลับเป็นฝ่ายรู้สึกวิกฤต

    “เป็นอะไรไป ไอ้หนูสีขาว? หมัดแกเบาลงเรื่อยๆแล้วนะ?”

    ใบหน้าประดับลายครามสีดำ แสยะยิ้มถากถาง เช่นกันกับหมัดซ้ายสีขาวที่อัดเข้าเต็มปลายคางโดยไม่หยุดรอให้พูดจบ

    “ว้ากกกกกกก”

    ไวลด์พุ่งประชิดตัวพร้อมกระหน่ำมือเท้าใส่ดุจพายุ แต่ก็ไม่ต่างจากเด็กทารกต่อย ร่างดั่งภูพาอังยิ่งใหญ่ไม่ได้สะท้านสะเทือนต่อการจู่โจมเลยแม้แต่น้อย กระนั้นแล้วเด็กหนุ่มก็นังคงระดมโจมตีต่อไป

    “น่ารำคาญโว้ย!!”

    ความอดทนถึงจุดสิ้นสุด ฝ่ามือพยัคฆ์เข้าตะปบเด็กหนุ่มอย่างเหลืออด หากแต่เด็กหนุ่มครึ่งปีศาจเอี้ยวถอยจนกรงเล็บเฉี่ยวไปเพียงปลายผม พร้อมเตะเสยปลายคางด้วยความเร็วสุดหยั่งถึง

    “ลืมชั้นไปหรือเปล่า ไอ้หนู!!”

    เสียงอีกหนึ่งนายเป็นสัญญาณเตือน นายตำรวจครึ่งเทวดาปีกขาวสลับดำปรากฏจากมุมอับสายตาด้านหลังในพริบตา พร้อมมีดทหารพร้อมจ้วงแทง

    เคร้ง!!!

    ฟันสีขาวสะอาดกัดเข้าเต็มใบมีด เด็กหนุ่มเอี้ยวคอหยุดใบมีดด้วยปากราวกับมีตาหลัง ก่อนถีบส่งร่างของนายตำรวจครึ่งปีศาจออกห่างทันที

    แกร็ก…เสียงประกับปืนแว่วเข้าหู มืออีกของครึ่งเทวดาชักปืนพกสีดำทมิฬ เข้าเล็งเผาขนที่ขมับของเด็กหนุ่มโดยไม่รู้ตัว พร้อมระเบิดนกไกเข้าจนหมดแม็กกาซีน ร่างของไวลด์ลอยออกจากแรงกระสุน

    แต่ทว่าเทวดาปีกขาวสลับดำกลับหยุดชะงัก ฝ่ามือสีขาวเข้าคว้าใบหน้า ทั้งๆที่เด็กหนุ่มเพิ่งโดนสาดกระสุนนับสิบนัดเข้าเต็มศีรษะ แต่ก่อนจะมองเห็นอะไรต่อมิอะไร ร่างทั้งร่างก็ถูกเหวี่ยงอัดพื้นที่ห่างออกไปจนพื้นแตกกระจาย

    “ให้ตายสิ….ไอ้เราก็นึกว่าจะทำอะไร ดันชักปืนมายิงเฉยเลย…”
    ไวลด์พูดเหมือนไม่แยแสเท่าไหร่ จนสองตำรวจอมนุษย์แปลกใจ ถึงกับเงยหน้ามอง

    ลูกตะกั่วบุบร่วงลงสู่พื้น ผิวใบหน้าครึ่งซีกของเด็กหนุ่มฉีกขาด แต่กลับแทนที่ด้วยเปลือกสีขาวราวกับเกราะหมวกปกคลุมครึ่งซีกของใบหน้า แรงระเบิดลูกปืนทำให้เนื้อหนังที่ริมฝีปากกระจุย เนื้อสีเลือดสดพร้อมฟันเขี้ยวสีขาถูกวเผยออก จนเด็กหนุ่มเป็นมนุษย์สองหน้าก็มิปาน

    “แก...แบบนี้มันยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดแล้วนะเฟ้ย”

    “พวกแกก็พอกันนั่นแหละ” เนื้อบริเวณคางจนถึงริมฝีปากค่อยๆงอกใหม่อย่างช้า “แมวป่าตัวนึงที่อัดยังไงก็ไม่สะเทือน กับ ลูกครึ่งเทวดาที่….”

    เด็กหนุ่มหยุดพูด เมื่อเทวดาปีกขาวดำพุ่งเข้าประชิดพร้อมฝ่ามือที่ประทับชายโครงของไวลด์โดยไม่รู้ตัว

    ตูม!!

    “อั้ก!!” พริบตานั้น แรงอัดมหาศาลไหลผ่านจากฝ่ามือเข้าสู่ร่าง ปีกของเทวดาจากขาวสลับดำ กลายเป็นสีดำสนิทก่อนร่างของไวลด์จะถูกแรงถีบลอยละลิ่วออกไป

    “หมายถึงชั้นงั้นเหรอ…” ครึ่งเทวดาแสยะยิ้ม ใบหน้าที่ฉีกขาดจากแรงบีบของเด็กหนุ่ม ทำให้ดูไม่ออกว่าเป็นใคร

    “ไม่อยากบอกเลยวะ พวกชั้นน่ะ ถูกส่งมาเพื่อจับตัวแกโดยเฉพาะเลยรู้มั้ย”

    “แค่ก...อย่างที่คิดไว้ “ดูดซึบซับแรง” ได้สินะ แกน่ะ”

    “ถูกต้องนะคร้าบบบ ลักษณะพิเศษของชั้นคือสามารถดูดซึบแรงกระแทกทุกๆอย่างด้วยปีกของชั้น และสามารถปลดปล่อยออกมาด้วยแรงลักษณะเดียวกัน ที่แกโดนเมื่อกี้ เป็นแรงหมัดที่แกซัดมาก่อนหน้านี้ทุกหมัดรวมกันไงล่ะ”

    “นายสามารถปรับแต่งลักษณะเซลล์ การเรียงตัว ความแข็งแกร่ง รูปร่าง ของร่างกายได้ตามสะดวก ทั้งการเพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อพละกำลัง โครงสร้างกระดูกเพื่อความเร็ว การเรียงตัวของผิวเพื่อการป้องกัน แต่….ทุกๆอย่างมันก็อยู่ที่แรงทั้งนั้น ซึ่งแพ้ทางพวกชั้นอย่างแน่นอน”

    “พูดจาแสนรู้จริงแฮะ สรุปคือ ชั้นมีอัตชีวประวัติประจำอยู่ในเอเดนหนึ่งเล่มหรือไงเนี่ย? คนมันดังก็แย่อย่างนี้แหละ”

    “...ดังงั้นเหรอ…อย่าพูดให้ขำดีกว่า” แกเองก็น่าจะรู้ดีนี่ ว่าทำไมพวกเราถึงรู้หมดว่า แกเป็นอะไรยังไง"

    “หืม..." เด็กหนุ่มเงียบลองฟังอีกฝ่าย

    "ก็เพราะข้อมูลแกน่ะ มันมีอยู่ตั้งแต่แรกแล้วไงล่ะ ไวลด์ ไลสเนอร์!! ไม่สิ…ไวลด์ ไลสเนอร์น่ะ มันเป็นชื่อที่แกตั้งเอง จริงๆแล้วต้องเรียกแกว่า…ไว..ผัวะ!!!!!

    จากจุดที่นอนอยู่ พุ่งเข้าประชิดตัว ส่งกำปั้นเข้าเต็มๆใบหน้าของครึ่งเทวดารวมเป็นเวลาเพียงไม่ถึงวินาที แรงหมัดเหวี่ยงร่างของศัตรูอัดลงกับพื้นในชั่วพริบตา

    “...พวกแกรู้มากไปแล้ว...” เสียงเด็กหนุ่มสั่นเครือ ความโกรธผันเป็นความนิ่งเฉย ใบหน้าของเด็กหนุ่มกล่าวอย่างเย็นชา

    “อะไรกัน!!” สัญชาตญาณสัตว์ป่าร้องลั่น ครึ่งปีศาจในร่างมนุษย์เสือโคร่งกระโจนเข้าจู่โจม แต่ทว่า…

    สวบ....เสียงอันแผ่วเบาแว่วเข้าหูพร้อมความเจ็บปวดราวกับถูกทิ่มแทง โลหิตแดงฉานไหลออกช้าๆ เดือยสีขาวสุดคมเสียบเข้ากลางอกของมนุษย์เสือโคร่ง

    “สงสัยเหมือนกันว่า พวกแก อ่านโปรไฟล์ชั้นมาครบหรือเปล่า…”

    เดือยคมดาบยืดยาวออกมาจากปลายศอกของของหัตถ์ปีศาจ ฉายา.”ความตายสีขาว” ไวลด์ ไลสเนอร์

    “ลักษณะพิเศษของชั้นน่ะ….ควบคุมทุกสัดส่วนของร่างกายได้ตามใจนึก ยันระดับอนุเซลล์ ไอ้ที่ผ่านมาน่ะ แค่เพิ่มระดับกล้ามเนื้อ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่า จะ”สร้าง” ชิ้นส่วนร่างกายใหม่ไม่ได้หรอกนะ”

    “แก…ทำไมถึงไม่ใช้แต่แรก?!!!”

    “ท่าไม้ตายมันเก็บไว้ใช้วินาทีสุดท้ายเฟ้ย”

    ฉัวะ!!!!

    จากกลางอกตวัดยาวจนถึงช่วงเอว เนื้อหนังฉีกขาดออกตามเส้นทางวาดผ่านของคมเดือยที่แปรผันเป็นคมดาบ ของเหลวมหาศาลพร้อมชิ้นส่วนภายในทะลักออก ก่อนครึ่งปีศาจจะทรุดลงไปราวกับหุ่นไร้สายเชิด

    “ที่ชั้นคงอยู่ทุกวันนี้น่ะ เพื่อหาทางกวาดล้างพวกแกให้สิ้นซากต่างหาก…..นี่คือเหตุผลที่ร่างกายต้องสาปนี่ยังมีชีวิตอยู่”

    “ร่างกายต้องสาป… นี่แกโง่หรือว่าโง่เนี่ย ร่างกายแกมันเป็นสมบัติของมนุษยชาติ วิวัฒนาการที่จะเป็นอนาคตต่อไปนะ!!”

    “แกมีแค่ปีกทุเรศลูกกะตานั่นข้างเดียงถึงได้กล้าพูดไง…..ลองมีร่างกายแบบชั้นสิ กว่าจะควบคุมได้น่ะ เหนื่อยนะเฟ้ย”

    วาจาไม่ใยดีราวกับถือไม้เหนือกว่า หากแต่ก่อเกิดช่องว่างขึ้น ฝ่ายเทวดาเกิดความคิด

    “นายเองก็พอกันนั่นแหละ ไวลด์ ไลสเนอร์….คิดจะมาเนียนอยากเป็นเด็กนักเรียนดูบ้าบอไปวันตลอดไปหรือไง?

    “ว่าไงนะ?

    “ชื่อเสียง ใบหน้า อายุ นิสัย ตัวตนที่เรียกว่า ไวลด์ ไลสเนอร์น่ะ…..มันเป็นแค่เรื่องแต่งหลอกเด็กที่แกเอามาบังหน้าไงละ!!!

    “...หุบปากนะ...”

    “ฮึ อะไรกันแค่พูดความจริงเข้าหน่อย หน้าเปลี่ยนสีเลยนะ

    “….บอกให้หุบปากไง”

    “นายเคยคิดบ้างมั้ย เพื่อนๆแต่ละคนที่โรงเรียน คนรู้จักอื่นๆ เค้าจะคิดยังไง ถ้าคนที่เรียกว่า ไวล์ด น่ะ เป็นเพียงสิ่งหลอกลวงที่แกปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมา!!!”

    “พูดมากจริงวุ้ย…”

    จากน้ำเสียงครุ่นเครือด้วยโทสะ กลับเหลือเพียงความราบเรียบ ดวงตาสีทองเปล่งประกายแสงสว่างผ่าน นัยน์ตาสองข้าง ภายใต้เครื่องแบบสีแดงเพลิงที่ขาดวิ่นเกิดการปลดปล่อยสายลมกระโชกออกมา

    “นั่นไงล่ะ!!! เกิดอารมณ์อยากฆ่าขึ้นมาแล้วล่ะสิ!!! ต่อไปใครรู้ความลับนี้ แกก็จะฆ่ามันเหมือนกันสินะ!! ถ้าเพื่อนๆที่โรงเรียนรู้ พวกนั้นคงโดนแกฉีกเป็นชิ้นๆ แกก็แค่ฆาตกรอัปลักษณ์เน่าๆตัวนึงนั่นแหละ”

    วาจายั่วโกธากระหน่ำใส่เป็นชุดๆ ฝ่ายครึ่งเทวดาหมายตาจะจี้จุดเพื่อให้อีกฝ่ายเสียความเยือกเย็น หากแต่เด็กหนุ่ม ไวลด์ ไลสเนอร์หาได้เป็นไปตามคาด

    “แค่งอกดาบจากร่างได้อย่างคิดว่าจะทำอะไรชั้นได้นะโว้ย!! ปีกแห่งเทวดา สามารถป้องกัน….แกทำอะไรของแกน่ะ”

    ฝ่ายเทวดาประหลาดใจเมื่อ แขนขากล้ามเนื้อสีขาว พร้อมเกราะใบหน้าที่ป้องกันกระสุนและคมดาบที่ข้อศอก กลับคืนสภาพเป็นมนุษย์ดังเดิมอีกครั้ง แต่สายลมกระโชกยังคงอยู่

    “แกบอกว่าร่างนี้น่ะ คือสมบัติของมนุษย์ใช่มั้ย?” เสียงกระดูกนับร้อยทั่วร่างกายลั่นอย่างพร้อมเพรียง

    “งั้นก็แหกตาดูให้ดี….ร่างสมบูรณ์” ไวลด์ยื่นฝ่ามือบดบังใบหน้า พร้อมกระชากผิวหนังใบหน้าออก เผยให้เห็นผิวเนื้อสีขาวภายในเล็กน้อย ก่อนสายลมจะก่อเป็นวายุกระโชกพัดพาฝุ่นรอบกายบดบังสายตา


    “อย่าหวังเลย!!!” โคนปีกเทวดาชี้เล็งไปยังพายุตรงหน้า ก่อนสลัดกระสุนขนนกเหล็กสีขาวราวกับปืนกลทะลวงสายลมหมุนเข้าไป แต่กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเล็ดรอดกลับมา

    “แต่….” เสียงมนุษย์แต่เดิมถูกแปรเปลี่ยน ราวกับมีผู้พูดพร้อมๆกันหลายคนซ้อนกัน

    สายลมคลายออก พร้อมปรากฏร่างกายสีขาวสว่างจนตัดกับบรรยากาศรอบตัว รูปทรงที่คงเค้าของมนุษย์สูงเกินสองเมตรยืนเด่นสง่า หากแต่มวลความหนาของร่างกายกลับเพิ่มขึ้น โครงกระดูกจำนวนมาก ปกคลุมตามสัดส่วนของร่างกาย กระดูกสันหลังและแผ่นหลังขยายออกจะเด่นชัดอยู่กลางหลัง ศีรษะถูกปกคลุมด้วยเปลือกกระดูกมากมายราวกับหมวก พร้อมซี่โครงหกซี่ปิดครอบบริเวณปากจนถึงคาง

    “ค่าดูน่ะ คือความตายของแก” รอยต่อทั่วร่างพ่นระบายอากาศออก

    ย่างก้าวปีศาจสีขาวค่อยๆเดินเข้าหาอย่างช้าๆ พื้นรองเท้าบุบแตกทุกๆครั้งจากน้ำหนักมหาศาลของอีกฝ่าย ก่อเกิดความหวาดกลัวในจิตใจแก่นายตำรวจเทวดาขึ้นมา

    สองมือแห่งนายตำรวจว่องไวตามที่ฝึกฝน ปืนพกลำกล้อง.44 ถูกชักออกจากหลังเอว พร้อมสับนกไกยิงสลูดแบบไม่คิดชีวิต

    ในระยะเพียงสี่เมตร ตะกั่วบินพุ่งหมายพิฆาตเป้าหมาย แต่พริบตาที่สัมผัสผิวเกราะสีขาว กระสุนปืนกลับคาอยู่เพียงผิวหน้าไม่ไหวติง ก่อนจะถูกดูดกลืนไปในร่างของไวลด์

    “แกมันตัวอะไรกันแน่!!”

    ”นักเรียนชั้นปีที่สามแห่งทัสทารัส สถานศึกษาเอเดน นามกร ไวลด์ ไลสเนอร์”

    กำปั้นเคลือบเกราะกระดูกชูขึ้น สีขาวที่เด่นสง่าจนเป็นเป้าสายตาของเทวดาผู้กำลังเคราะห์ร้ายจะต้องรับหมัดนี้ไป

    ไวลด์ระเบิดแรงถีบมหาศาลจนพื้นแตกร้าวไปทั่วบริเวณ ร่างประดับเกราะแคลเซียมแหวกอากาศเข้าจู่โจมเป้าหมายราวกับลูกปืนใหญ่

    ร่างสีขาวทิ้งตัวอัดกระแทก ครึ่งเทวดาจนกลิ้ง แม้ปีกสีปักษาที่กลับเป็นขนสีขาวสลับดำจากการดูดซึบแรงโจมตีแล้ว แต่ไม่อาจรับน้ำหนักอันมหาศาลราวกับตะกั่วหนักร่วมตันเข้าไปได้โดยง่าย จึงกระเด็นออกไปอย่างหยุดไม่ได้

    “อึ้ก!!” ร่างเทวดากระแทกมือทั้งสองลงพื้นเพื่อหยุดร่างกายตัวเอง ปีกปักษาที่ดูดซับแรงทั้งหมดแปรสภาพเป็นสีดำสนิท วึ่งหมายถึงมีพลังงานสะสมอยู่จนเต็มเปี่ยม

    หากแต่ร่างปีศาจกลับไวเกินทายาด จากจุดกระแทกครั้งแรกกลับกระโจนเข้าถึงตัวในชั่วอึกใจ ก่อนที่สายตาของนายตำรวจครึ่งเทวดาจะมองเห็นเพียงสีขาวของกำปั้นเพียงอย่างเดียว ฝ่าเท้าของไวลด์กระทืบพื้น เพิ่มแรงส่งหมัด

    โครม!!

    สิ่งเดียวที่ไวลด์ลืมคือ เวทีต่อสู้ครั้งนี้ อยู่เหนือตึกอารามมากมายที่ผู้คนได้อพยพหนีหายไปหมดแล้ว จากการระเบิดทั่วเมือง ด้วยน้ำหนักมหาศาลร่างปีศาจสีขาวร่วงลงสู่ภายในโดยไม่คาดคิด

    ฝ่ายนายตำรวจสบโอกาส ไม่รอช้าทะยานขึ้นฟ้าหนีอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า สายตากลับสังเกตเห็นร่างของสหายคู่บุญนอนจมกองเลือดไม่ไหวติง พลันต้องพุ่งลงไปหาดูอาการทันที

    “เฮ้ย!!! ยังไม่ตายใช่มั้ย?!!” สองมือเขย่าร่างครึ่งสมิงเรียกสติ หากแต่กลับไร้การตอบสนอง บาดแผลคมดาบที่กวาดฟันภายในตั้งแต่ลำไส้จนถึงหัวใจจนขาดสะบั้น เห็นได้ชัดว่า ได้เสียชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว

    “เสียใจด้วยนะ นายเองก็กำลังจะเป็นรายต่อไป….”

    “!!!!!!!!!!!!!!” นายตำรวจไม่ทันรู้ตัว ท่อนแขนสีขาวแกร่ง โผล่จากพื้นขึ้นมากระชากข้อเท้า ก่อนร่างทั้งร่างจะถูกดึงทะลุพื้นลงสู่ภายในตึก

    อสูรกายแห่งความตายเหวี่ยงร่างครึ่งเทวดาในมือหวดลงพื้นชนิดไม่ยั้งมือ ใบหน้าประดับเกราะไม่เผยอารมณ์ของสีหน้า

    “เอาล่ะ ขอถามข้อสงสัยหน่อยล่ะกัน” ฝ่าเท้ายักษ์กระทืบลำตัวนายตำรวจอย่างไม่ปรานี

    “การที่พวกแกได้โปรไฟล์ในอดีตของชั้นมา ทั้งๆที่โดนชั้นกวาดล้างจนสิ้นสภาพไปเมื่อสองปีก่อนเนี่ย แสดงว่า โครงการบัดซบนั่นยังอยู่สินะ…”

    “หนอย….”

    “ไม่ตอบแสดงว่าถูก…..ยิ่งดูจากพวกแกแล้ว ไม่น่าใช่พวกที่ตื่นจากการหลับใหลของเซลล์โดยธรรมชาติเลย นี่แสดงว่าเป็นผลงานทดลองที่สำเร็จแล้วสินะ ถึงมันจะทำได้แค่ คนครึ่งแมวตัวนึง กับ ไอ้เทวดาน่าโง่อย่างแก”

    “หึ…..อย่าได้ชะล่าใจไป ไอ้หนู….คิดว่าตัวเองแน่ที่สุดหรือยังไง ไอ้ของใช้แล้วทิ้ง!!…แกมันก็แค่ขยะที่คงอยู่เพื่อข้อมูล….คิดว่าตัวเองจะคงอยู่เป็นมนุษย์ไปได้อีกซักเท่าไหร่? แกน่ะจะรู้ตัวดีนี่ว่า ชีวิตแกน่ะ!!!”

    โครม!!!

    บาทาเท่าใบพายกระทืบใบหน้าอีกฝ่ายอย่างไร้เยื่อใย

    “จะพูดอีกนานมั้ย?”

    อสุรกายเกราะขาวถอนฝ่าเท้าออก ก่อนจะถอยหลังทิ้งระยะ รอให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมาอย่างงุนงง

    “แกบอกว่า…สามารถดูดซึบการโจมตีของชั้นได้ใช่มั้ย?” มือทั้งสองบีบหักกระดูกก่อนยกประดับอก

    “พนันเลย ภายในห้าวินาที…..แกจะตาย”

    “อะไรนะ?!!”

    สิ้นคำพูด ไวลด์พุ่งเข้าประชิดตัวครึ่งเทวดาในชั่วพริบตา เช่นกันนนกับปีกปักษาที่สยายออกไปป้องกันด้านหน้าในทันที

    ตูม!!!

    หมัดฮุคขวากระแทกผืนปีกสีดำสุดแรงเกิด หากแต่เอ็กเฟ็กซ์การดูดซับทำให้พลังการทั้งหมดหายไปในทันที

    “ไร้ประโยชน์น่า ตราบใดที่แกไม่สามารถปล่อยลำแสงจากตา แกก็ทำอะไรชั้นไม่!!

    “เหรอ?”

    ไวลด์ไม่สนใจจะมาโต้วาทีหรือบลัฟใส่กัน สองหมัดกระหน่ำชกเข้าการ์ดปีกที่สีดำเริ่มทวีความเข้มข้นเป็นการบ่งบอกความจุของแรงที่สั่งสม

    พริบตาที่หนึ่งหมัดพุ่งเข้าไป ปีกสีดำสะบัดออก เผยร่างของครึ่งเทวดาที่รอคอยจังหวะจู่โจมกลับ ฝ่ามือพุ่งตรงเข้าใส่ปีศาจสีขาวพร้อมระเบิดแรงเข้าใส่

    กรอบ!!

    หารู้ไม่ว่ากลับเป็นฝ่ายของไวลด์ ไลสเนอร์ ที่รอยอีกฝ่ายเผยร่างออกมา กระดูกฝ่ามือของฝ่ายเทวดาแตกละเอียด เมื่อกำปั้นสีขาวอีกข้างซัดเข้าใส่

    “ไม่รีบกางปีกป้องกันอีกเหรอ….หมัดต่อไปจะไปล่ะนะ”

    ความตายสีขาวหยอกล้อคู่ต่อสู้ด้วยความอำมหิต สันมือตวัดเล็งฟาดเข้ากลางศีรษะ แต่ปีกสีดำยังคงขวางป้องกันได้ทันท่วงที

    เสียงกัมปนาทจากหมัดสองข้างระดมเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง สีหน้าเจ้าของเกราะปีกเทวดาย่ำแย่เมื่อระดับการโจมตีทวีความรวดเร็วมากขึ้น พลังงานที่ดูดซึมเพื่อเตรียมการสะท้อน อัดแน่นเหมือนลูกโป่งน้ำที่เกินความจุจนล้น

    “ยังหรอก!!! แกไม่มีทางทำลายสุดยอดการป้องกันนี่ได้หรอก!!!”

    ปีศาจสีขาวเสยปลายเท้าถีบอัดสุดแรงเกิด

    “ยัง!!”

    ร่างครึ่งเทวดาทรุดลง หากแต่หมัดปีศาจยังคงชกรัวต่อเนื่อง

    “แกไม่มี…….อ้ากกกกกกก!!!!”

    แว่วเสียงราวกับอะไรบางอย่างแตกโพล้ะออกมา โลหิตทะลักออกจากร่างกายของนายตำรวจทุกทวาร เมื่อไม่อาจคงแรงทั้งหมดที่สั่งสมไว้ได้จนระเบิดออกภายในร่าง

    “หึ…จำไว้อย่างนะ ไอ้คุณตำรวจ” อสุรกายหนุ่มหยุดกำปั้นเหนือหัว ร่างเทวดาอาบเลือด

    “สุดยอดการป้องกันน่ะ มันคือการบุกต่างหากเล่า!!”

    กำปั้นขวาบิดเบี้ยว ขยายตัว จากขนาดเพียงมือของมนุษย์เพิ่มพูนจนราวกับลูกตุ้มเหล็กขนาดยักษ์

    “แก….เตรียมใจไว้เถอะ…….หมอนั่นฟื้น………ขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็….”

    “ปากดีจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ”

    ตูม!!

    กำปั้นเหล็กยักษ์ทุบอัดเข้าเต็มๆ ร่างทั้งร่างทะลุลงไปยังชั้นล่างของตึก หากแต่ปีศาจขาวไม่หยุด ยังคงทุบซ้ำจนกระทั่งทั้งสองร่วงลงสู่ชั้นสุดท้ายของเวทีการต่อสู้ครั้งนี้

    ภายใต้ร่างอสูรกายสีขาว บัดนี้เหลือเพียงร่องรอยเศษเนื้อที่แหลกจนไร้รูปร่าง กำปั้นยักษ์อาบเลือดค่อยหดกลับลงสู่สภาพเท่าเดิม สายตาที่สอดส่องทุเปลือกเกราะใบหน้าจดจ้องลงไปยังอดีตร่างมีชีวิตของสิ่งมีชีวิตเผ่าเทวดา

    “ชั้นเตรียมใจตายมาตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าตัวเอง ไร้ทางแก้ไขแล้วล่ะ”

    ไวลด์เอ่ยอย่างเศร้าๆ พลันก้มลงไปหยิบเศษเนื้อขึ้นมา ก่อนเกราะดูกกรามที่ปกปิดใบหน้าส่วนล่างจะเปิดออก ให้เห็นคมเขี้ยวสุดคมที่อ้าปากรออยู่แล้ว

    ปีศาจสีขาวหย่อนเนื้อของศัตรูเข้าปาก ก่อนบรรจงเคี้ยวอย่างรวดเร็ว
    …………………
    ………….
    ……..
    ….
    .


    “ว้ากกกกกกกกกก”

    เสียงคำรามเรียกความกล้า พร้อมดาบโค้งใบกว้างสีเงินราวกับบูมเมอแรงหมุนจากมือเด้กหนุ่ม บินเข้าสู่เป้าหมาย

    ปลายทางของคมดาบ ร่างมนุษย์ที่เหลือเพียงกล้ามเนื้ออาบเลือดทั้งตัว เป้าตากลวงโบ๋ราวกับมนุษย์โดนควักลูกตาส่องประกายแสงสีทอง สิ่งมีชีวิตที่เหลือเพียงเส้นเอ็นและเนื้อแดงสด คำรามคลื่นเสียงความถี่สูงก่อเกิดแรงอัดอาวุธบินจะร่วงออก

    หากแต่เจ้าของดาบบินพุ่งวกเข้าข้างหลังในอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มมนุษย์ในชุดเครื่องแบบนักเรียนสีแดงเพลิงที่ขาดวิ่น เกศาสีขาวหงอกชูตั้งดุจไฟช็อต แขนขวาจนถึงแก้มประดับเกราะคมดาบขนาดเล็กมากมายที่งอกทะลุผิวเรียงติดกัน นี่คือสภาพครึ่งปีศาจของเอมิยะ เรียวชิโร่

    เด็กหนุ่มโดดทะยานพร้อมตั้งหมัดขวาเข้าต่อยทันที แต่ทว่าพริบตาที่หมัดเข้าใกล้เป้าหมาย เส้นเอ็นตามร่างของอีกฝ่ายกลับพุ่งเข้ามัดโดยไร้ช่องโหว่

    “หนอย!!”

    จิตสำนึกของเรียวชิโร่กำลังสับสนเล็กน้อย เขาจำความรู้สึกของตัวเอง ยามเคยเปลี่ยนสภาพครั้งแรกไม่ได้ แต่ทว่าสมองราวกับถูกป้อนข้อมูลทุกอย่างทันทีที่กลายร่าง ประสาทสัมผัสทั้งห้าร่ำร้อง ขยายขอบเขตการรับรู้จน รวมทั้งความสามารถของร่างกายตัวเอง และการควบคุม

    จากคมดาบที่เรียงติด ชูขึ้นดุจเม่น ก่อนหมุนรอบตามลำแขน บังเกิดสว่านคมมีดฉีกกระชากหนวดระยางที่พันธนาการทิ้งอย่างง่ายดาย

    “อึ้ก!!!” ความเจ็บปวดทรมานแล่นจากโคนแขนสู่สมอง แม้จะกลายสภาพเป็นปีศาจ แต่การที่คมดาบนับร้อยวิ่งจากตามผิวหนัง ย่อมเป็นสิ่งที่ตอนเป็นคนธรรมดาไม่เคยพบเจอ

    เรียวชิโร่สละการคำนึงถึงความเจ็บทิ้ง ก่อนใช้ท่อนแขนคมดาบหมุนฟาดใส่ร่างปีศาจกล้ามเนื้อทันทีที่มีช่องว่าง แต่ทว่า

    ฉึก!!

    ไม่ทันที่คมดาบจะสัมผัสถึงร่าง หนวดเนื้อแดงฉานทะลวงจากแขนจนถึงไหล่ขวา เรียวชิโร่รับรู้ถึงบาดแผลไม่ทันไร ร่างทั้งร่างก็ถูกกระชากลอยออกไปตามแรงเสียบ

    แต่เด็กหนุ่มกลับคงสติได้ แขนขวาคมดาบเหวี่ยงหมุนมัดรยางค์เลือดเข้าจนแน่นตึงก่อนส่งแรงดึงเหวี่ยงร่างอมนุษย์สีเลือดจนลอยตามตัวเองมาเพื่อสวนกลับทันที

    ร่างสีแดงเลือดพุ่งลอยตามแรงกระชากของเด็กหนุ่ม หากแต่อสุรกายซอมบี้ตนนี้กลับไม่สะทกสะท้าน หน่อเนื้อเยื่อทั่วร่างงอกออกก่อนสานตัวเป็นเดือยแหลมขนาดยักษ์ พุ่งเข้าโจมตีต่อ

    “อะไรวะ?!!”

    เรียวชิโร่สบถอย่างงุนงง หากได้แต่ทิ้งตัวเอี้ยวถอยหลบสุดชีวิต เดือยสีเลือดเฉี่ยวหน้าผาก กวาดเส้นผมสีขาวงอกจากการกลายร่างของตนไปหลายเส้น ก่อนร่างปีศาจดังกล่าวจะพุ่งผ่านออกไปจนลับสายตา

    เป็นโอกาสที่ยากจะให้หลุดลอย คมดาบรอบแขนหมุนอีกคราเพื่อสะบั้นหนวดที่พันธนาการทิ้ง เด็กหนุ่มกระชากซากเนื้อที่คาท่านแขนทิ้ง บาดแผลเริ่มสมานตัวอย่างช้าๆ จนเรียวชิโร่ที่ประสบกับตัวเอง อดทึ่งไม่ได้

    ไม่ว่าจะเป็นความสามารถทางร่างกายทุกด้านที่เพิ่มสูงขึ้นจนเหลือเชื่อ

    แต่ทันทีที่คิดได้ดังนั้น เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็นึกได้ วินาทีที่เค้าเคยเกิดความหิวที่โรงเรียน วินาทีที่เกือบขย้ำเข้าลำคอของนักเรียนหญิงที่โรงเรียน และ ภาพนิมิตที่ปรากฏในช่วงสุดท้ายของความทรงจำก่อนจะกลายร่างเป็นครึ่งปีศาจเมื่อวันก่อน ภาพเด็กสาวผมยาวสีน้ำตาล นอนจมกองเลือด เด็กสาวผู้มีสนิทชิดเชื้อที่สุดของตน พาลทำให้ความรู้สึกรังเกียจตัวเองบังเกิดขึ้น

    ทว่าไม่มีเวลาให้นั่งพิจารณาตัวเองขนาดนั้น เสียงลากเท้าแว่วเข้าหู เมื่อร่างมนุษย์ที่เหลือเพียงเอ็นกัลป์กล้ามเนื้อ ค่อยๆเดินกลับมาอีกครา พร้อมวัตถุประหลาดในมือ…….

    “นั่นมัน…..ขา?”

    ครึ่งปีศาจผมขาวประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเจอของที่ไม่คิดว่าจะเห็น แถมส่งที่ตนเรียกว่าขานั้น กลับเป็นขาหน้าของสุนัขสีขาว หรือพูดให้ถูก มันเคยเป็นแขนซ้าย(หรือขาซ้ายด้านหน้า)ของเฟรเรียร์ในร่างปีศาจสมบูรณ์นั่นเอง

    ร่างประดุจซอมบี้ ขยายกรามออกกว้าง ก่อนจะเริ่มหย่อนชิ้นส่วนสีขาวในมือลงปาก จนขั้นที่ว่า เรียกว่ากลืน จะนิยามแทนง่ายกว่ากิน แต่น่าพิศวงที่มันสามารถยัดลงไปได้จนมิด ทั้งๆที่มวลเกือบๆเท่าลำตัวเลยทีเดียว

    ทันใดที่ปากปิดสนิท กล้ามเนื้อทั่วร่างก็เคลื่อนไหวเหมือนมีงูเลื้อยไปมาอยู่ร่าง กระดูกทั่วร่างบรรเลงทำนองแสลงหูดังกรอบแกรบ ก่อนเค้าโครงมนุษย์จะขยายออก จนรุปร่างไม่ต่างจากลิงกอริลลาที่โดนถลกหนังตัวเป็นๆ

    “จากซอมบี้ กลายเป็นตัวอะไรไปละเนี่ย?” เรียวชิโร่พึมพำกับตัวเอง แต่ในใจเกิดอาหารหวาดหวั่นต่อสิ่งมีชีวิตตรงหน้าอย่างอดไม่ได้

    ท่อนแขนแดงล่ำหนึ่งข้างเริ่มแตกออกเป็นสายราวกับผืนผ้า เสียบทะลุลงสู่พื้นเป็นวงกลมโดยรอบ ก่อนกระชากแท่นหินกลมยาวร่วมเมตรออกมาอย่างง่ายดาย

    “เหวอ!!!”

    เรียวชิโร่ถลาหลบออกข้าง เมื่อแท่งหินปูนเหวี่ยงฟาดลงมาโดยไม่ได้ตั้งตัว

    แต่ความพลิ้วไหวของหนวดแดงที่ควบคุมกลับเหนือความคาดหมาย แท่งหินที่พริบตาจะฟาดลงพื้น กลับหักทิศทางตามร่างของเด็กหนุ่มด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนฟาดโดนเข้าเต็มๆศีรษะจนร่างหมุนควงกระเด็น

    ไม่รอให้มีการตั้งตัว อมนุษย์ร่างยักษ์โดดถลาเข้าใส่ราวกับราชสีห์ขย้ำเหยื่อ เรียวชิโร่ซึ่งขมับแหกเลือดอาบอยู่ไม่ทันตั้งตัว

    โครม!!

    ปีศาจสีดำลอยข้ามหัวเด็กหนุ่ม กำปั้นลุ่นๆ เสยปลายคางลิงยักษ์สีเลือดที่พงเข้ามา ก่อนแรงเหวี่ยงจะส่งร่างปลายทางหมัดออกไปได้ทันท่วงที

    “คุณแอชเรียล!!”

    แผ่นหลังที่ประดับซากของโลงศพทั้งสี่ชโลมโลหิตไปทั่วร่างอย่างเห็นได้ชัด ขาสองขาสั่นระทมเป็นสัญญาณบอกถึงอาการยังไม่สู้ดี เรียวชิโร่ที่กุมแผลที่ศีรษะตกใจที่ สภาพนี้ยังยืนอยู่ได้

    หากแต่ตะลึงได้ไม่นาน ก็เป็นไปตามคาด เมื่อแอชเรียลกลับทรุดฮวบลงไปอีกครา

    เรียวชิโร่พุ่งเข้าไปดูอาการของแอชเรียล แทงเครโด รุ่นพี่แห่งกลุ่มเขี้ยวอสูร ผู้ยังคงร่างปีศาจเต็มตัว

    “รู้สึกว่า….มันจะเฉี่ยวโดนหัวใจซะด้วยแฮะ..”

    ร่างยักษ์สีดำกระอักเลือดเล็กน้อย พร้อมแผลสดใหม่ที่อกซ้ายพอดี โชคยังดีที่สำหรับร่างปีศาจตอนนี้ ยังนับว่าเป็นแผลที่ไม่ร้ายแรงนัก

    “ทำใจดีๆให้นะครับ!!”

    เด็กหนุ่มเรียกสติอสุรกายยักษ์สีดำที่ที่ราวกับว่าจะสูญเสียสติไปทุกที

    หากแต่ทันทีที่แอชเรียลทำ สิ่งแรกที่ทำไม่ได้ถามหาทุกข์สุขดิบหรือสอบถามอาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่ม กลับกระชากคอเสื้อที่ยับเยินของเรียวชิโร่ เข้ามาใกล้ๆ

    “ฟังให้ดีเรียวชิโร่…แค่ก….ไอ้ปีศาจนั่นน่ะ มันไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน”

    “หา? ทำไม…”

    “สำนึกของนายคิดอยู่ใช่มั้ยล่ะ…ว่า “ไอ้นั่น” มันคือมนุษย์” การโจมตีของนายมันฟ้องว่าลังเลอยู่”

    คำพูดแทงใจดำทันที ตั้งแต่เห็นการก่อนหน้านี้แล้ว แม้ภาพที่เผชิญผ่านมาจะแสดงให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่เคยมีหน้าตาเป็นคนปกติอยู่ไม่นาน จะพิลึก น่าสยดสยองเกินกว่าจะนับได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแล้วก็ตาม แต่หากพิจารณาเช่นนั้นแล้ว ก็เท่ากับการยอมรับเช่นกันว่าตัวเองในตอนนี้ ก็ผิดมนุษย์พอกัน เด็กหนุ่มจึงพลันแต่คิดว่า อีกฝ่ายยังคงเป็นมนุษย์อยู่แน่นอน จึงไม่อาจยั้งใจลงมือได้เท่าที่ควร

    “ชั้นเข้าใจความรู้สึกนาย แต่ตอนนี้น่ะ ถ้าเราไม่รีบกำจัดเจ้านั่นซะล่ะก็ นายคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

    “ไอ้สัตว์ประหลาดนี่มาจากไหน ไว้จบเรื่องชั้นจะเล่าให้ฟังอีกที แต่ตอนนี้…..มาแล้ว!!”

    เสียงฝีเท้าดุจสัตว์ป่าสี่เท้าพุ่งเข้ามา อสุรกายสีเลือดพร้อมหนวดเส้นหนารอบกายที่พ่วงเศษซากอิฐปูน ท่อเหล็ก อันเคยประกอบเป็นร้านค้าต่างๆของกราวด์มานับไม่ถ้วน

    ท่อเหล็กจำนวนมากถูกปาเข้าใส่ดั่งห่าธนู จนเรียวชิโร่ต้องฉากหลบอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่ใช่แอชเรียลที่เป็นฝ่ายวิ่งสวนเข้าไปโดยหาได้หวาดกลัว

    สวบ!!

    เหล็กสีนิลเสียบเข้าหัวไหล่อย่างง่ายดาย ด้วยแรงขว้างมหาศาล แต่ร่างอันถึกทนของปีศาจยังคงฝ่าเข้าไปไม่หยุดจนได้ระยะ

    ซากสิ่งที่เคยเป็นโลงศพประจำหลังพุ่งเข้าจู่โจมเหยื่ออีกคราแม้เหลือเพียงเศษชิ้นส่วน พร้อมเพียงกันที่สัตว์ประหลาดตรงหน้าสวนกลับด้วยหนวดแหลมทิ่มแทงซากโลงทั้งสี่ไว้กลางอากาศ

    แอชไม่หยุดความพยายาม พริบตานั้น มือทั้งสองควบรวมกันไว้แน่น กว่ากระโดดเหวี่ยงทุบลงไปหมายขยี้หัวเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่ายต่อ

    “ฮุ่ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

    เสียงคำรามดังสนั่นอีกครั้ง ปีศาจสีเลือดจู่โจมด้วยคลื่นเสียงความถี่ระยะประชิด จนเกิดกำแพงแรงอัดขวางไว้ หากแต่แอชยังคงกดมือเข้าสู้

    ทว่าเสียงความถี่กลับส่งผลเกินคาด ประสาทหูที่ดีกว่าปกติ รับฟังเข้าไปเต็มๆในระยะประชิด พาลทำให้สมองปั่นป่วนจนแทบแตกเป็นเสียงๆ

    “ว้ากกกกก”

    เรียวชิโร่คำรามลั่น ก่อนโดดข้ามหัวแอชเรียลขึ้นมาทันที ในมือมีเพียงท่อเหล็กที่คว้าติดมาพร้อมตั้งท่ายกเสียบลงไป เหนือหัวของปีศาจสีเลือด แม้กำแพงเสียงก็ไม่อาจรับแรงที่โถมทั้งตัวได้ เสี้ยววินาทีนั้น ท่อเสียงทะลวงเข้าเต็มๆเบ้าตาอีกฝ่าย

    “!!!!!!!!!!!”

    คำร้องไม่เป็นศัพท์เสียงของอีกฝ่ายดังลั่น ราวกับเครื่องจักรที่เสียการควบคุม กลับกลายเป็นว่าเกิดคลื่นเสียงความถี่หนักหน่วงกว่าเก่าอัดกระแทกทั้งคู่จนสะเทือนไปถึงกระดูกก่อนทั้งคู่จะถูกกระแทกออกไป

    แผ่นหลังอัดกระแทกไม่นิ่มนวลเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เจ็บเท่าบาดแผลของเด็กหนุ่ม แรงสั่นมหาศาลถูกถ่ายจากท่อเหล็กเข้าที่แขนขวาเต็มๆ เกราะคมดาบที่เคยมีอยู่แหลกร้าว ซึ่งเมื่อมันเป็นชิ้นส่วนที่งอกมาจากร่างของเขาด้วยแล้ว แขนขวาของเรียวิโร่ตอนเรียกได้ว่าหมดสภาพเลยทีเดียว

    ฝ่ายสัตว์ประหลาดสีเลือดกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้จะมีวัตถุแปลกปลอมทะลวงส่วนหัวอย่างน่าสยดแล้ว แต่ไม่ได้ทำให้ร่างกายที่มีเพียงกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นหยุดทำงาน หากแต่กลับอาละวาดหนัก แถมยังคงปลดปล่อยความถี่เสียงออกมาไม่หยุดหย่อน

    ครืน….โครม!!!

    “?!!!”

    เหตุการณ์ไม่คาดฝันบังเกิด กราวด์นั้นตั้งอยู่ภายผืนดินของเมืองเอเดนด้วยความลึกพอสมควร แต่การระเบิดนับยี่สิบลูกพร้อมๆกัน ย่อมกระทบต่อโครงสร้างภายในอย่างแน่นอน และด้วยการสั่นสะเทือนจากคลื่นเสียงมหาศาลที่ต่อเนื่อง ไม่ต้องแปลกใจที่ภายในจะกำลังถล่มลง

    “แย่ล่ะสิ….”

    เรียวชิโร่พยายามผลักร่างตัวด้วยเองขึ้นด้วยเรี่ยวแรงที่มี ครั้นหันไปเจอร่างของแอชเรียลที่ร่างกายเริ่มเกิดไอพวยพุ่งออกมา เป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังจะคืนสภาพ

    “หือ?…”

    ความประหลาดใจโถมเข้าใส่ ตั้งแต่เมื่อกี้ที่เกิดการต่อสู้ขึ้น เอมิยะ เรียวชิโร่ สนใจเพียงเรื่องตรงหน้าเท่านั้น จนลืมสังเกตไปเลยว่า เคยมีสองเทวดาที่ต่อสู้ด้วยก่อนหน้านี้ คือ เอ็นโด คริปโตส กับ คาเรน ไฟนอลวาเลนไทน์ ซึ่งได้หายตัวไปอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงเฟรเรียร์ กาลู ไลคานอฟ ที่นอนกึ่งเปลือยอยู่ไกลๆ ทำให้นึกเสียใจที่แขนซ้ายของเฟนส์โดยเขมือบไปไม่นาน

    น่าเสียดายที่การเข่นฆ่ายังไม่จบสิ้น ย่างก้าวที่แทบจะลากคลานของซอมบี้ยักษ์ตรงหน้ากำลังคืบคลานเข้าหาเรียวชิโร่อย่างเหลือเชื่อ จนห่างกันเพียงสองก้าวพร้อมร่างที่กำลังค่อยๆหลุดเป็นชิ้นๆทีละเล็กทีน้อย

    “บ้าน่า!!”

    ไม่ทันเสียแล้วที่จะป้องกัน เมื่อมือของอีกฝ่ายพุ่งเข้าใส่เรียวชิโร่ที่นอนไร้ทางป้องกันโดยไม่ได้ตั้งตัว

    หากแต่พริบตานั้นราวกับโชคช่วย หรือพระเจ้าเมตตา ฝ่ามือขวาของเด็กหนุ่มทาบวงลงสู่พื้นอันใกล้เคียง ประกายแสงสีทองไหลผ่านเหมือนกระแสไฟฟ้าไหลลงสู่ดิน พริบตานั้นก่อเกิดสิ่งเหนือความคาดหมาย


    ฉัวะ!!!!


    เป็นสิ่งที่เรียวชิโร่ไม่อยากเชื่อ จากเศษดินที่ฝ่ามือทาบมือวางไป ก่อนเกิดการแยกส่วนออก และสานตัวใหม่ เรียงเป็นวัตถุรูปทรงโค้งยาวผ่านใบหน้าไป พริบตานั้น ท่อนแขนทั้งท่อนของอีกฝ่ายขาดกระจุยอย่างง่ายดาย ด้วยคมดาบที่งอกขึ้นมาจากผืนดิน

    ความคิดหยุดนิ่งลง สมองไม่ทำงาน เหลือเพียงสัญชาตญาณที่ควบคุมร่างกาย เด็กหนุ่มผลักตัวขึ้นมือขวาพร้อมประกายไฟฟ้าสีทองสัมผัสผ่านต้นขั้วของคมดาบ ก่อนวัตถุที่ปลายมือจะเปลี่ยนแปลงอีกครา กลายเป็นดาบใบโค้งยาวหนึ่งเล่มทันทีที่ฝ่ามือขวาสัมผัส

    ฉัวะ!!!

    มือขวาคว้าศาสตราในมือเหวี่ยงเข้าลำคออีกฝ่ายสุดแรงเกิด จนพ้นวงสวิง เสียงคมดาบเฉือนเข้าเนื้อแว่วเข้าหู จนมั่นใจว่าเด็ดหัวอีกฝ่ายได้

    “อะ….อ้าก!!!”

    เรียวชิโร่กลับเป็นฝ่ายกรีดร้อง กลายเป็นว่าดาบโค้งสีดินที่แกร่งกว่าปกติ ถูกฟันคาอยู่ที่ลำคออย่างประหลาด เมื่อมือขวาประดับคมดาบคู่บุญ เกิดอาการไม่พึงประสงค์ ทันทีที่ประกายแสงไหลผ่าน ความเจ็บปวดมหาศาลก็ไหลเข้าตัวจนไม่อาจทนคว้าอาวุธไว้ได้

    “กรร!!!” เมื่อคมดาบไม่อาจปลิดหัวออกจากบ่าได้ อสุรกายสีเลือดก็พร้อมเข้าสังหารเรียวชิโร่ทันที

    “นี่เหรอ ความสามารถของนาย….”

    ร่างเด็กหนุ่มที่เสื้อผ้าขาดแทบไม่เหลือเค้าทรง กลายเป็นเพียงผ้าคาดปิดท่อนล่าง ผมสีดอกเลารองอาบเลือดเล็กน้อย ปรากฏข้างตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมคว้าคมดาบที่คาลำคออีกฝ่ายแน่น

    “ขอโทษด้วยน่ะ…..”

    ฉัวะ!!!

    คมดาบสะบั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีเสียงวัตถุหล่นกระทบพื้น คมดาบศิลาอาบของเหลวแดงสด ก่อนแตกสลายกลับเป็นดินเช่นเดิม

    “คุณแอชเรียล?”

    เรียวชิโร่ยังคงกุมแขนขวาเอาไว้แน่นพร้อมความเจ็บปวด ครั้นหันไปมองเด็กหนุ่มที่เข้ามาช่วย จนพอเข้าใจว่าเป็นใคร

    “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย….ที่นี่จะถล่มแล้ว เราต้องรีบหนีกันก่อน” พูดจบ แอชเรียลก็รีบเข้าไปแบกร่างกึ่งเปลือยที่สิ้นสติของชายหนุ่มผมดำยาวสลวยซึ่งเคยเป็นหมาป่าสีขาวเมื่อไม่นานมานี้ขึ้นไหล่

    ทั้งสองที่ยังมีเรี่ยวแรงออกเดิน พร้อมใจกันหันไปดูซากของสิ่งมีชีวิตที่ไร้หัวนอนสิ้นใจไปแล้ว และได้แต่คาดหวังว่า มันจะไม่ทะลึ่งลุกขึ้นมาเดินอีก แตกลับเป็น่สิ่งที่พวกเค้าคิดกันเหนือกว่านั้น

    [ระบบเสียหาย ระบบเสียหาย เริ่มการทำลายหลักฐาน]

    “หา?!!” ทั้งสองพร้อมใจกันร้อง

    [เริ่มทำการนับถอยหลัง]

    “บ้าชัดๆ ไอ้นี่เป็นหุ่นยนต์เหรอเนี่ย!!!” เรียวชิโร่ ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น

    [ห้า……สี่….]

    “โถ่เว้ย!!!” แอชเรียลเริ่มจนหนทาง

    [สาม...]

    “!!!!” สายตาของแอชเรียลหันไปเจอบางอย่าง

    [สอง..หนึ่ง..]

    “ทางนี้!!!!”

    [ศูนย์...]

    บรึ้ม!!!!!!!!!

    ร่างเนื้อระเบิดออก ก่อเกิดกำแพงไฟยักษ์ที่ขยายออกรอบบริเวน ก่อนจะกลืนกินทุกๆอาณาบริเวนโดยรอบวงอย่างรวดเร็ว ก่อนฉากทั้งหมดจะปิดลง ด้วยการถล่มของดาดฟ้า

    ภายในเวลาเพียงสองชั่วโมงกว่าๆ มหานครเอเดน สูญเสียไปนับหลายพันล้านจากความเสียหายโดยรอบ และที่สำคัญ นับตั้งแต่วันนี้ไปไม่นาน พื้นที่ตลอดใต้ดินที่อยู่มาอย่างยาวนานของเอเดนก็ได้สูญสิ้นลงไปอย่างถาวร

    ...........
    ......
    ....
    ..
    .

    TO BE CONTINUED >>>




    -------------------------------------------------------------------------------------------------------

    บ่นเล็กน้อยกับคนแต่ง

    ไม่อยากเชื่อมากกว่าเดิม คือตัวเองเข็นตอนใหม่ออกมาทั้งๆที่เพิ่งลงตอนเก่าไปได้ ==" เหลือเชื่อได้ิอีก (ฮา)

    ตอนนี้ก็เป็นจุดสิ้นสุดอันยาวนานแล้ว ของความพินาศที่เป็นปฐมฤกษ์ของสงครามเลยทีเดียว เชื่อว่ามีทั้งเรื่องที่ปริศนาไขแล้ว และเรื่องที่ยังเป็นปริศนาใหม่ต่อไป หวังว่าผู้อ่านจะมาร่วมไขกันนะครับ หึหึหึ

    ไม่พูดอะไรมาก ขอไปสลบก่อนล่ะครับ ไม่ไหวแล้ว =="

    maxlancer

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------
  4. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    เห กระทู้แม็กกี้ไม่เป็นตัวหนาแล้วแฮะ!
    (หรือมีการแก้ไขบัคแล้วหว่า?)

    แต่แบบนี้แหละดีอ่านง่ายดี ;w; )

    ตอนนี้ยาวมาก....อ่านกันจนจุใจเลยทีเดียว =v=b
    บู๊กันสนั่นตอนรวดๆมากมาย เหมือนปริศนาต่างๆจะเริ่มคลายปมทีละน้อยและแน่นอน ก็มีปมใหม่ที่เพิ่มเข้ามาด้วย (ฮา)

    เช็คคำผิดอีกนิดเน้อ ยังเห็นประปรายระหว่างอ่าน เลยไม่สามารถระบุให้ได้ว่าตรงไหนบ้าง ^^"
    รอตอนต่อไปคร้าบบบบ
  5. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    เรียวชิเริ่มเมพขึ้น รัศมีเริ่มร้อนแรง

    ยังคงฟัดกันกระจาย ว่าแต่ไอ้ปีศาจ(ไม่อยากเรียกแบบนี้เลย)บทจะตายก็เอาซะง่ายเชียวกร๊ากกกกกกก แต่อย่างว่าถ้าให้เอาจริงคงยาวไป 3 ตอนก็ไม่จบกับมันสักที พอเห็นแบบนี้แล้วทำให้คิดว่าตัวต่อ ๆ ไปมันจะเมพขนาดไหน

    ในเรื่องดูเหมือนว่าจะมีคนที่พัฒนาฝีมือได้อีกมากอยู่ไม่เยอะ(รึเปล่า??) เหมือนมีแต่พวกที่คงตัวแล้วเสียส่วนใหญ่ ระวังเรื่องความสมดุลย์ด้วยนะแม็กกี้ มอนเมพจัดแต่ตอนแรก ๆ นี่น่ากลัวนะเธอ~*

    รอตามต่อจ้า~*
  6. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    ยังมีปริศนาหนึ่งที่ยังค้างคา.... เหม่ยหลินจะเป็นนางเอกจริงๆรึไม่!?!?

    [action]เผ่นสิ ตูจะอยู่ทำไม[/action]
  7. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    มาคอมเม้น ช้าไปนิด สรุปคืนจบภาคระเบิดเมืองกันแล้วใช่ไหมเนี้ย 0.0 แล้วภาคต่อไปจะเป็นไงต่อ เมืองก็เละเทะกันไปหมดล่ะ

    การมีตัวตนของไอสองเผ่านี้ ก็ชัดเจนยิ่งขึ้น แล้วไอการทดลองหลับๆนี้มันคืออะไรอีกกล่ะเนี้ย โอ้ววว ว่าแล้วก็เอาตอนใหม่มาซะ พี่แม๊กกกกก
  8. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    เรียวชิมันเมพแล้ว จะโหดไปไหนเนี่ย ฉีกเนื้อ กระชากตับไตไส้พุง เสือดสาดกระจาย
    เห็นด้วยกับนุ๊กกี้ว่า ปีศาจตายง่ายไปหน่อย
    แม็กซ์ใช้สำนวนโต้ตอบในบทบู๊ได้เท่มากๆ อย่าง “ค่าดูน่ะ คือความตายของแก” คิดได้ยังไง TwT สอนผมหน่อย ผมอยากแต่งได้แบบนี้

    เมืองเละแล้ว ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย
  9. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    ^
    ^
    ^

    "ถ้าเป็นไปตาม สเต็ป....อีกหน่อย ตัวร้ายต้องเผยกายยย :penhappy: "

    เท่าที่อ่านๆมา ยังไม่พบตัวร้ายหลักของเรื่อง ทำอะไรจริงๆจังหรือสู้ด้วยตัวเองเลยน่อ (ที่ซัดกันนรกแตก เรายังเห็นว่าไม่ใช่ตัวร้ายนะ)

    แต่กลิ่นของทรษฎีสมคบคิดเรื่องแรงขึ้นตามลำดับ กับ แนวความคิดเรื่อง คนชั้นล่าง กับ คนชั้นบน ที่ดูจะเริ่มแบ่งกันอย่างชัดเจนมากขึ้น

    (พื้นที่ด้านล่างไปแล้ว แต่พื้นที่ด้านบนเอาเป็นว่าอย่างมากก็เกิดความไม่สบายใจ ผิดกับด้านล่างที่แม้แต่ใจก็ไม่เหลือแล้ว)

    รอที่จะได้เห็นตอนต่อไปนะครับ :hsunglass:
  10. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    ตอนใหม่นี่มาเร็ว จนน่าตกใจ แถมยาวกระหน่ำ สำนวน และ รูปแบบการเขียน ตอนนี้เห็นได้ถึงการพัฒนาเลยจริงๆ อ่านง่ายขึ้นพอสมควรเลยทีเดียว ทั้งสำนวนและบทบรรยาย (หรือมันมาติดๆกันทำให้ ไม่ต้องนั่งระลึกชาติหว่า -3-) แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าตอนนี้เป็นตอนปิดบทที่ทำออกมาได้ดีทีเดียวในสายตาผม
  11. soulmaster

    soulmaster Endorphinlism

    EXP:
    403
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    18
    ไม่มีแบบความเดิมอะไรเหรอครับ

    อยากเห็นการคอมโบกันหลายๆตัวแฮะ อย่าง3on3 หรือ 5-5apem

    :555:
  12. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    ฟัดกันมันหยดเลยฟ่ะแม็ก หนุกดีๆๆๆ

    ปล. เรเชลจังตรูซึนได้ใจ น่าร้ากกกกกก
  13. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    ยังคงหลงทางอยู่ สินะ สินะ สินะ...............


    ชีวิตคุณตำรวจช่างวุ่นวาย(เหมือนหัวพี่แก)โดยแท้~
  14. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    ~Memo page VIII~

    ~After day – Fang Part~​


    ปัจจุปันคือศักราชเอเดนปีที่ เดือนสิบ หลังจากได้ย่าวกรายเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปีได้ไม่กี่วัน ลมหนาวเริ่มพัดผ่านสู่มหานครเอเดนอย่างช้าๆ

    แม้เหล่าผู้คนจะยอมรับว่าตอนนี้อากาศมันก็ไม่ได้หนาวเท่าไหร่ สำหรับชาวเมืองเอเดน หากเป็นคนที่อยู่มายาวนานหลายสิบปี คงจะแอบหวั่นไม่น้อยถึงสภาพฤดูหนาวที่ผิดแผกของโลกใบนี้ ภายหลังปรากฏการณ์Winter Impact หน้าหนาวถือเป็นสภาพอากาศที่น่ากลัวที่สุด ด้วยอุณหภูมิ ติดลบที่หนักหน่วงขึ้นแทบทุกปี ด้วยการที่อูณหภูมิพื้นฐานที่ผ่านมานั้น เพียงแค่ 23 องศา นั่นแดงว่าสิ่งที่เรียกว่าฤดูหนาวย่อมโหดร้ายอย่างแน่นอน

    ท่ามกลางย่างก้าวฤดูก่อนเข้าสู่เหมันต์ กลางคืนที่มืดมิดยังคงปกคลุมไปทั่วเฉกเช่นทุกคืน โดยเฉพาะ พื้นที่ส่วนหนึ่งในเอเดน ที่ถูก ตัดขาดจากแสงสว่างอย่างสิ้นเชิง

    จากการเหตุการณ์ที่ถูกกล่าวถึงอย่างยาวนาน ว่าเป็น โศกนาฏกรรมที่ไม่เคยเกิดนับตั้งแต่ยุคก่อตั้งมหานคร ก่อเกิดความโศกเศร้าที่เกินกว่าจะทนจดจำได้

    LOST GROUND

    ในพื้นที่คล้ายคลึงกับวงแหวน ที่ตีวงรอบกลางของมหานครเอเดน ได้ถูกทำให้ประชาชนพึงระลึกจดจำวันนั้น ด้วยการก่อวินาศกรรมจากระเบิดC4 มากมายที่ทำการระเบิดจุดเข้าออกสำคัญทุกๆด้านในทุกๆเขตทางเข้าสู่กราวด์ แหล่งตลาดใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดแห่งเอเดน

    “เพียงแค่สองชั่วโมงสามสิบหกนาทีจากการให้ข้อมูลของหน่วยตำรวจ กราวด์ไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกได้ จึงเกิดการถล่มในช่วงที่ว่างวงแหวนซึ่งเป็นวงกลมรอบเขตชั้นนอกของเอเดนทั้ง22เขต ผลคือมีผู้เสียชีวิตมากถึง 348 คนในพลเรือนทั่วไป และ 43 คนซึ่งเป็นพลเรือนชั้นสูง”

    นี่คือรายงานเบื้องต้นจาก สำนักข่าว เอเดน ที่ประกาศสรุปความเสียหาย หลังเหตุการณ์ผ่านไปได้หนึ่งสัปดาห์
    แต่ทว่าความเลวร้ายในความเป็นจริงกลับมากกว่านั้น เมื่อฐานเสียความคงตัว ก็เป็นไปไม่ได้ ที่ชั้นบนจะอยู่ดีเหมือนเดิม เมื่อหลายสิบจุด ที่อยู่เหนือพื้นที่กราวด์พอดี ได้เสียฐานรองไปอย่างสิ้นเชิง ผลคือ บ้านเรือนหลายส่วนได้ทรุดพังลงเพียงชั่วยามจากการทรุดตัวของพื้นผิว ความเสียหายลากผ่านจำนวนเขตครึ่งหนึ่งของเอเดนเลยทีเดียว

    แม้แต่บัดนี้ หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เศษซากที่แตกหักยังคงตกค้างอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากการไม่คงตัวของพื้นผิว รัฐยังไม่อาจเข้าทำการจัดการได้ รวมถึง ยอดผู้เสียชิวิตที่แน่นอน ด้วยสภาพการซ้อนทับของซากที่เหนือกว่าเครื่องมือที่มีจะทำการจัดการได้ จึงได้มีมาตรการ กั้นเขตอันตรายจากส่วนที่เสียหายในรัศมีสองกิโลเมตรทันที

    ............
    .......
    ....
    ..
    .

    “จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา นับว่าเป็นความโศกเศร้าที่สุดในรอบหลายสิบปีนะครับ นับตั้งแต่ยุคก่อตั้งมหานคร...."

    ภายในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งล่างระดับพื้นดินปกติเล็กน้อย ผนังที่ปูวอลแปอร์เก่าๆสีน้ำตาล ยิ่งพาให้แสงสว่างที่ออกมาจากหลอดไฟสลัวๆ รอบห้อง

    กลุ่มคนจำนวนเพียงเจ็ดคน กำลังพักผ่อนหย่อนใจอย่างสงบและเฮฮา เสียงโทรทัศน์รุ่นยังใช้ตัวหมุนเปลี่ยนช่องที่แขวนอยู่บนเพดานห้อง กำลังบรรเลงข่าวสารรอบดึกไปด้วยกัน พาลทำให้ชายหนุ่มไร้วิญญาณบางคน ยิ่งทวีความอยากหลับเข้าไปใหญ่ ถ้าไม่นับกลุ่มวงไพ่ที่ครื้นเครงปานคนบ้ากินยาดอง

    “โชคยังดี ที่มีกลุ่มผู้รอดชีวิตจำนวนหกสิบสามคนที่หนีเข้าสู่ทางตรอกวงกตของกราวด์ได้ทันท่วงที นำโดยหนึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง ซึ่งกำลังอยู่ในเหตุการณ์ภายใน ได้แสดงความสามารถและการตัดสินใจ นำพาผู้รอดชีวิตทั้งหมดหลบเข้าไปยังตรอกวงกตใต้ดิน และ สามารถนำพาไปยังจุดที่ทางเจ้าหน้าที่ส่งความช่วยเหลือไปถึงได้..."

    บริเวณมุมห้องที่ว่างโล่ง ใต้หลอดไฟสว่าง หนึ่งชายผู้มีเรือนผมสีดอกเลากำลังร่ายรำโบกสะบัดฟาดฟัดแท่งไม้หยาบๆสองมืออย่างรวดเร็ว แอชเรียล แทงเครโด ที่ชุ่มเหงื่อทั้งร่าง

    “ตวัดข้อมือช้าไปแล้ว!! เรียวชิโร่!!!”

    ถ้อยคำหนักหน่วงของแอช ตะโกนลั่นห้อง สวนทางกับเด็กหนุ่มผู้โดนตะคอกใส่ที่การกวัดแกว่งอาวุธยังมือสมัครเล่น

    ตรงหน้าของแอชเรียล คือ เด็กใหม่คนล่าสุดแห่งกลุ่มเขี้ยวอสูร ผู้มาโดยบังเอิญ เรือนผมสีส้มที่ไม่เหมือนใครของ เอมิยะ เรียวชิโร่ ทำให้เค้าถูกจดจำได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเจ้าตัวจะรู้จักไม่ถึงครึ่งก็ตาม

    “ว้ากกกกกกกกกก”

    เรียวชิโร่ที่ใส่เพียงกางเกงวอมขายาว พร้อมไม้หนึ่งแท่งดุจดาบในมือ ฟาดฟันต่อสู้ แม้ว่าดูจากภายนอกจะไม่ต่างจากหวดลมก็ตามที

    “ฝีมือที่นายใช้ตอนสู้กับไอ้ซอมบี้เมื่ออาทิตย์ก่อนมันหายไปไหนหมด เรียวชิโร่ แบบนี้เราไม่มีทางรอดแบบครั้งที่ผ่านมาหรอกนะ!!!”

    คำกล่าวของแอชเรียลพาลทำให้เรียวชิโร่หวนระลึกเหตุการณ์วันนั้น
    ..........
    ......
    ...
    .
    .

    [ระบบเสียหาย ระบบเสียหาย เริ่มการทำลายหลักฐาน]

    “หา?!!”

    เรียวชิโร่และแอชเรียลที่สารรูปทรุดโทรมสุดขีดหลังการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่ราวกับเผ่าปีศาจ ทั้งสองประคองไหล่กันและกัน รวมไปถึงแบกร่างอันยับเยินไร้สติของเฟรเรียร์ไปด้วย

    [เริ่มทำการนับถอยหลัง] เสียงแข็งๆจากเครื่องยนต์ภายในร่างกล้ามเนื้อสีแดงสดที่นอนไร้หัว


    “บ้าชัดๆ ไอ้นี่เป็นหุ่นยนต์เหรอเนี่ย!!!” เรียวชิโร่ ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ว่าอภิมหาสัตว์ประหลาดที่เกือบพรากชีวิตเค้าทั้งคู่จะเป็นเครื่องจักร

    [ห้า……สี่….]

    “โถ่เว้ย!!!” แอชเรียลเริ่มจนหนทาง สมองที่ล้าสุดขีดครุ่นคิดหาทางแก้ไข

    [สาม...]

    “!!!!” สายตาของแอชเรียลหันไปเจอบางอย่าง ถัดออกไประยะไม่กี่หลา ผนังกำแพงสุดขอบของกราวด์ กลับมีช่องว่างที่แตกหักใหม่ๆอยู่ อย่างไม่น่าเชื่อ

    [สอง..หนึ่ง..]

    “ทางนี้!!!!” ไม่มีเวลาจะลังเลในเมื่อชีวิตก็อยู่เป็นเส้นด้าย แอชเรียลรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ระเบิดแรงขา โถมเข้าสู่ช่องทางแห่งชีวิต เส้นทางแคบที่ทอดยาวขึ้นไปเป็นเนิน เป็นทางหวังเดียวที่จะรอด

    [ศูนย์….]

    บรึ้มมมมมม

    “มาแล้ววววว”

    เรียวชิโร่ครางเสียงหลง เมื่อมหาอัคคีสีแดงเพลิงลอดช่องตามหลังมาติด สองคนลากฝีเท้าสุดชีวิตแม้ว่าความร้อนจะไล่หลังไปทุกวินาที

    “หนอยยยยยย “ ดวงตาเปล่งสีทองคำอีกครั้ง แขนขวาที่เพิ่งกลับสู่สภาพเดิมของเรียวชิโร่ ระเบิดเลือดออก คมดาบนับพันผลิบานทั่วท่อนแขน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะหวดมือขวาทะลวงผนังข้างๆจนทะลุ

    “เรียว นายคิดจะ?!!!”

    แสงไฟฟ้าปะทุออกมา เป็นภาพที่แอชเรียลยังคงติดตา เด็กหนุ่มแขนคมดาบ ลากฝ่ามือที่ทะลวงผนังออกไปตามทาง ก่อนทุกสิ่งที่สัมผัสผ่านกระแสไฟสีฟ้าจะเปลี่ยนรูปเป็นใบดาบเล็กใหญ่จำนวนมหาศาลผุดแทงขึ้นมาจากกำแพงที่ถูกลากผ่าน ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ว่าเยอะและมากมายแค่ไหน แต่พริบตาเดียวก็ปิดทางไฟได้หมดจด

    “แฮ่ก แฮ่ก อึ้ก!!!” เด็กหนุ่มกลัสู่สภาพมนุษย์สมบูรณ์อย่างรวดเร็ว สีหน้าซีดลงอย่างชัดเจน รวมถึงแขนขวาชุ่มเลือดที่สั่นระริกด้วยความเจ็บปวดที่พุ่งแทงไม่หยุด

    แม้ว่ามีคำถามมากมายในหัว ไม่ว่าจะเรื่องทางออกโดยบังเอิญนี้ หรือ พลังที่เห็นเมื่อครู่ แต่ไม่ใช่เวลาที่จะพูด แอชเรียลจึงหันกลับเล้วเร่งฝีเท้าเดินไป พร้อมเรียวชิโร่
    …………………….
    …………….
    …..
    ..
    .
    กลับสู่เวลาปัจจุปัน อีกครั้ง เมื่อเสียงที่คุ้นหูแว่วเข้าสู่ประสาทรับรู้

    “ “ดิฉัน แค่ทำตามหน้าที่ค่ะ” ภาพตำรวจหญิงผมดำขลับยาว พร้อมข้อความชื่อ”ร้อยตำรวจเอกหญิงสังกัดหน่วยตำรวจ [กลาเซียร์สเอเลแกรนท์]” กล่าวในสารรูปที่โทรมพอดู พาลทำให้ วงไพ่ที่นั่งกลางห้องขำขันเป็นแกล้มอบายมุข เป็นภาพข่าวของตำรวจหญิงที่แอชเรียลจำได้ว่าเจอเมื่อลงไปหาข่าวกับแม่ค้าผู้หนึ่ง



    “ทั้งนี้ต้องขอบคุณเด็กสาวอีกคนหนึ่ง จากคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิตที่ได้ชี้เส้นทางให้กับทางเจ้าหน้าที่ จึงสามารถส่งคนไปช่วยเหลือได้ทันเวลา เธออ้างว่าเป็นเพียงผู้ที่ค้นพบเส้นทางขุดเจาะแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นทางต่อลงไปในตรอกวงกต และนำทางให้ผู้รอดชีวิตที่ยังเส้นทางที่ปลอดภัย ทางเราเองก็กำลังสืบหาตัวเธอคนนั้นอยู่นะครับ"

    ถ้อยคำบรรยายอย่างชัดคำของผู้สื่อข่าวยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ภายใต้ทีวีจอแก้วโกโรโกโส พาลทำให้วงไพ่ต้องวิจารณ์ถึงข่าวนี้

    “สรุปงานนี้ มีแต่เสียและเสียสินะ” หนึ่งเสียงสาวออกดัดลูกคอ กล่าวอย่างหัวเสีย ขณะเรียงไพ่ในมือ

    “เอาน่า อย่างน้อยๆ ข้อมูลที่ซื้อจากลูซิเฟเรียก็ยังอยู่ ถึงมันจะแลกมาด้วย…………..อะไรหลายๆอย่างล่ะนะ เอ้า!!! สเตรทฟลัท แดร็กเรียบวะ” เรียงไพ่ถูกวางลงโต้ะอย่างมั่น สำหรับชายหนุ่มหน้าเอเชีย ผมสีชาพลิ้วไหวเบาๆ เมื่อผู้แสยะยิ้มอย่างผู้คว้าชัย

    “พระเจ้าช่วย กล้วยทอด จอร์จตกใจ!!! ตูได้ โรยัลสเตรทฟลัท วะ คิชิเอ๋ย” อีกชายที่นั่งปะปนในกลุ่มวง ผู้มีผมม้าที่ยาวปานงูเขียว ไวลด์ ไลสเนอร์ วางไพ่ในมือลงโต้ะเก่าๆตรงหน้าอย่างบ้าพลัง หน้าไพ่แทบทำเอาขาไพ่อีกสาม ร้องเรียกหาป้าแมรี่เลยทีเดียว

    “พูดถึงลูซิเฟเรีย….แล้วคราวนี้ ยัยนั่นจะไปอยู่ไหนล่ะ?” แอชเรียล ที่อยู่ห่างออกไปจากกลางห้องตะโกนถามขึ้น พลางเอี้ยวหัวถอยหลบวงสวิงของเรียวชิโร่อย่างง่ายดาย

    เหตุผลที่ถาม คงไม่จำเป็นต้องให้คนในห้องอธิบาย ในเมื่อเหตุการณ์ความพินาศที่ผ่านมา กลุ่มเขี้ยวอสูรแห่งเผ่าปีศาจ มีเอี่ยวเต็มๆ ด้วยการต่อสู้ครั้งใหญ่ภายใต้เอเดน ทำเอากราวนด์ถล่มลงไม่เหลือ ซึ่งรวมถึงบ้านตากอากาศสุดรักของ ลูซิเฟเรีย ไพรด์ แม่ค้าขายข่าวที่ตั้งอยู่ในนั้น

    “ระดับยัยนั่นน่ะ เดี๋ยวก็หาทางได้เองนั่นแหละแต่เห็นว่าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนเจ้าไวลด์เผ่นแทบไม่ทันเลยไม่ใช่หรือไง” ขาไพ่มุมหนึ่งแอบแสยะยิ้มขำเล็กๆ แต่สีหน้าถากถางอย่างสะใจ จนเส้นผมสีม่วงสลวยของเจ้าตัวสั่นเบาๆ

    “มันน่าตลกนักหรือไงฟะ “โฟร์ท” โดนอีโต้ไล่ปาหัวเนี่ย ดูดี้!! ผมตูแหว่งไปเลยนะโว้ย!!!” กล่าวจบ ไวลด์ก์ก็เปิดหนังหัวที่แหว่งไปนิดหน่อยให้ดูอย่างเจ็บแค้น พาลสร้างเสียงฮาเข้าไปทั้งห้อง

    วงสนทนายังคงดำเนินอย่างวุ่นวาย ปน เฮฮา จนกระทั้ง

    ฉัวะ

    “หือ?”

    สายลมที่ไม่น่ามีอยู่ในห้องไร้ช่องอากาศพัดผ่าน หยดเลือดไหลออกจากติ่งหูเล็กน้อย เมื่อไวลด์ถูกโลหะบางอย่างบินเฉี่ยวหน้าไป

    “งั้นเอาใบหูแกซักข้างมั้ย ไอ้หน้าจิ้งจก มันตลกมากใช่มั้ยที่ทำบ้านชั้นพังเนี่ย!!!”

    วงไพ่แตกออกราวกับผึ้งรังแหก ต้นทางของมหาอีโต้บิน เป็นหญิงสาววัยสิบแปด ผมสีน้ำตาลเข้มยาวดัดปลาย ดวงตาสีฟ้าอมเขียว ผิวขาวราวไข่มุก เป็นรูปพรรณสัญฐานที่เหล่ากลุ่มเขี้ยวอสูรยังผวา เมื่อเจ้าแม่ข่าวสารแห่งตลาดมืด ลูซิเฟเรีย ไพรด์ปรากฎกาย

    “ชิบหาย วายป่วง ยังไม่ลงหลุมอีกเหรอวะเนี่ย?!!!!” หนึ่งสาวโดดพรวดออกจากเก้าอี้ แสงไฟสาดส่องจนเห็นหน้าเรียวผิวสีขาวของ ไลเรส รูเพลซ่า พร้อมน้ำเสียงอีกแบบที่แมนจนลืมดัดจริต ชนิดขัดกับเรือนผมซอยสั้นระดับคาง กับใบหน้าสวยคมของเจ้าตัว

    “อะไรนะ!! ยัยกระเทยถึก จะลองดีกับแม่เหร้ออออออ”

    “ป่าวคร้า~~~” ชายในร่างหญิง ไลเรส ตัวหดแทบเหลือเท่าลูกไก่ เมื่อเจ้าแม่แผ่ออร่าจอมมารออกมา

    “นึกถึงคำสุภาษิตจีนสมัยศควรรษก่อนเลยวะ พูดถึง ลูซี่ ลูซี่ก็มา” หนุ่มหน้าเอเชีย พร้อมเรือนผมระดับคอสีน้ำชา กล่าวแบบดัดแปลงต้นฉบับ ชายตาขวางสีน้ำตาลของ คุโรกิ เซย์คิชิ หรือ คิชิ จดจ้องอย่างหวาดๆ

    “เชอะ…กะอีแค่ป๊าแก่คนนึง แถมเป็นแค่มนุษย์ พวกแกจะกลัวอะไรนักหน ปอดแหกซะจริง” โฟร์ท ไอ เธอแลนท์ ลุกขึ้นเสยผมสีม่วงราวกับอัญมณีอย่างเสียอารมณ์ เผยให้เห็นความยาวของเกศาสีรักที่ยาวจนถึงหลัง แม้ว่าจะรวบแล้วก็ตาม

    “ปากดีจังเลยนะ ว่าใครป้ายะ เดี๋ยวบั้ด!!!” ไวเหนือการรับรู้ ลูซิเฟเรีย เข้าประชิดตัว โฟร์ท พร้อมยิงลำแสงสายตาเข้าท้าทายในระยะเผาขน

    “มีปัญหาหรือไง ยัยหน้าแก่” วาจาเชือดเฉือนพร้อมใบหน้าเพิกเฉยราวกับปริ้นส์จากกระดาษมาแปะหนังหน้า

    “ชั้นเพิ่งสิบแปดเอง ไอ้พวกลักเพศอย่างนายเอาแต่ตาไปจ้องบันท้ายผู้ชายหรือไง พ่อหัวม่วง”

    “ว่าใครลักเพศฟะ ยัยปากเสีย อยากเป็นศพอยู่ตรงนี้หรือไง”

    ภาพลูซิเฟเรียในชุดเสื้อยืดยีนส์กางเกงขาสั้น ท้าวสะเอว กับ โฟร์ท ที่ถลกแขนเสื้อยืดยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างกับกุ้ย สบตาแข่งกันจนควันแทบพุ่ง ช่างดูมาคุเสียจน สองชายหนึ่งนายสาวนั่งสั่นระทมเหมือนระเบิดนิวเคลียร์จะลงกันไปเลยทีเดียว

    “ลูซิเฟเรีย นี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ คุณแอช” เรียวชิโร่ที่อยู่ห่างออกไปกระซิบถาม

    “ชนิดที่ทำให้นายฝันร้ายไปทั้งชีวิตเลยล่ะ” แม้แต่แอชเรียลที่ดูสุขุมที่สุดยังแอบหน้าซีดเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึง

    “สบายใจจริงนะพวกแก….”

    ปลายทางของบันไดที่ลงมายังห้องนั่งเล่น ถัดจากอาเจ๊มหาประลัย ผมสีขาวปรกหน้าที่ตัดกับเรือนผมดำของฟรานเซสก้า คาร์ลอส เด่นมาแต่ไกล สีหน้าที่เคยเย่ยหยิ่งกลับมาในมาดนิ่งสงบ

    “ดูคนหายไปเยอะนะ ทั้งๆที่ชั้นไม่มาแค่เดือนเดียว”

    “ก็นะ…..หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา มีหายไปหลายคนเลยล่ะ สงสัยม่องไปแล้ว” โฟร์ทตอบในท่วงท่าจ้องสวนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

    “ช่วยไม่ได้แฮะ……ลูซี่ เลิกบ้าแล้วเอาของมาซักที” ฟรานเซสก้าขึ้นเสียง เมื่อแม่ค้าวัยสิบแปดที่ยังไม่เลิกยิงแสงอาฆาตจะสายตาซักที

    “ชิ….ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกแก” ลูซิเฟเรีย ถอยออกก่อนจะล้วงของบางอย่างจากกระเป๋าเป้เล็กๆที่แบกมา วางกลางวงโต้ะไพ่ จนอุปกรณ์อบายมุขกระจายคนละทิศทาง

    “เฮ้ย!!! โรยัทเสตรท!!!......เออ ไม่มีไรลืมมันซะเถอะ” ไวลด์หุบปากเงียบกริบเมื่อคิดจะโวยวาย สำหรับชัยชนะที่เกือบจะกินเงินจนอื้อซ่า เมื่อโดนจิตสังหารส่อจากแม่สาวผมดัดปลาย

    “สินค้าที่นายสั่งมีสองอย่าง รู้มั้ยว่าแลกด้วยบ้านสุดรักของชั้นไปเลยนะ ฉะนั้น อย่าคิดเบี้ยวเชียว”

    “เอาอย่างแรกมาก่อนเลย ข้อมูลของคนที่รอดชีวิตจาก Lost ground ทั้งหมด”

    “ข้อมูล?” คิชิเอ่ยอย่างงุนงง

    “อยากรู้เหรอ ว่าทำไมต้องหามา ดูข่าวที่กำลังถ่ายทอดอยู่นี้ก็รู้

    “สมทบกันกับเหตุการณ์นะครับ หลังจากผู้รอดชีวิตได้ได้ถูกช่วยเหลือไว้เรียบร้อยแล้ว เราก็ได้เข้าไปทำการสัมภาษณ์อย่างใกล้ชิดนะครับ แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่จะพยายามขัดขวาง แต่ช่างกล้องของเราก็จับคำพูดขอผู้ที่รอดออกมาได้นะครับ เป็นประโยคที่น่าสนใจมาก ลองไปรับชมกันนะครับ"

    “ป๊ศาจ…..พวกนั้นคือปีศาจ…..”

    “………………” รอยยิ้มของทุกคนในห้องหดหายไป

    “ลูกชั้น พวกมัน เพราะพวกมัน!!"

    "มนุษย์หมาป่า ตัวสีขาว มันสู้กับ คนที่มีปีก จริงๆนะ เชื่อผม!!!”


    สีหน้าของเหล่าพรรคสมาหชิกเขี้ยวอสูรหายหดไปในบัลดล แต่ก่อนที่แต่ละคนจะได้ดูกันต่อ ทีวีโกโรโกโสตรงหน้าก็ดับลงในทันที

    “หมดเวลาดูกันแล้วสหาย”

    ผู้มาคั่นฉากคือ เอเจนท์ เทเลอัน หนุ่มผมสีแดงไฟในชุดกาวน์ยืนถือสายไฟที่พ่วงต่อออกมา

    “เรื่องลูกหลง หรือ โดนเห็นตัวน่ะ เราก็ทำใจว่ามีโอกาสเกิดกันมานานแล้ว แต่…..”

    “ไว้ก่อน เอเจนท์ เรื่องนี้ไว้ทีหลัง” หัวหน้าทีมฟรานเซสก้าคั่นบททันควัน ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องต่อ

    “เห็นข่าวแล้ว พอเข้าใจอะไรบ้างมั้ยล่ะ”

    “นายจะบอกว่าพวกคนที่รอดมาเนี่ย เห็นเหตุการณ์ใช่มั้ยล่ะ ฟรานเซสก้า ซึ่งเหตุการณ์ที่ว่า ต่อให้โง่แค่ไหน ก็น่าจะเดาออกว่า สภาสูงอยู่เบื้องหลังแน่นอนด้วยแล้ว” โฟร์ทวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดได้ในทีเดียว

    “จะบอกว่า คนพวกนั้น กำลังจะโดนฆ่าปิดปากเหรอ? บ้าไปแล้ว!!” คิชิที่นั่งฟังอยู่ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

    “บ้าไม่บ้า ก็ดูเอาละกัน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา มีคนร่วมยี่สิบสี่คนที่ขาดการติดต่อ กับ อีก สิบคนเสียชีวิตในโรงพยาบาล” ข้อมูลในเอกสารหยาบๆ ถูกชูขึ้นให้ทุกคนเห็น

    “……ชั้นไม่เข้าใจ”

    เรียวชิโร่ คั้นบทสนทนา อย่างเจ็บแค้นใจ แม้ว่าจะมีส่วนร่วมในโศกฎนาถกรรมครั้งนี้ แต่เรื่องอยุติธรรมที่ได้ยินดังกล่าวเกินกว่าจิตสำนักจะยอมรับได้

    “กับพวกนายยังพอเข้าใจ แต่ทำไมประชาชนตาดำๆ ถึงได้….. พวกมันต้องการอะไรกันแน่!!!” เด็กหนุ่มกัดฟันอย่างเจ็บแค้นใจ

    “มาโวยตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ แต่ในเมื่อเป็นเรื่องที่เราเกี่ยวด้วยแล้ว ยังไงๆ ก็คงจะเมินไม่ได้”

    ฟรานเซสก้าไม่สนท่าทางของเรียวชิโร่ ก่อนวกกลับเข้าเรื่องเดิม

    “เอาเอกสาร นี่ไปก้อปปี้ซะ ตั้งแต่พรุ่งนี้ แยกกันไปดักดูแต่ละคนที่ยังอยู่ดีอยู่ก่อน อย่าประชิดโดยตรง และให้ระวังตัวไว้ด้วย เพราะเราไม่รู้เลยว่า ไอ้พวกนั้นมันจะทำอะไรบ้าง”

    ไลเรส ชายหน้าหวานเกิดข้อขุ่นเคืองใจขึ้นจนต้องถามออกมา

    “ฟรานเซสก้า นายเองก็เป็นสภาสูงกับเค้าด้วยไม่ใช่หรือไง ไหงไม่รู้อะไรซักอย่างล่ะ”

    “เธอไม่ได้มาเป็นเหมือนชั้นจะมาเข้าใจ สภาบ้าเนี่ย มันคอรัปชั่นขั้นสายเลือดไปแล้ว ทุเรศจนขนาดชั้นเองที่หาข้อมูลมาตลอดยังไม่เจออะไรที่แปลกประหลาดหรือส่อพิรุธเลย ยกเว้นเจ้า….”

    “ให้เดาเลยว่า นายหมายถึงไอ้คุณเดเนฟ ลูน่าซี ใช่มั้ย” ไวลด์นึกถึงหน้าตาเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจกอสรพิษแลดูกวนบาทา วุฒิสมาชิกปากเสียในชุดสูทขาว ที่เจ้าตัวพบเจอล่าสุดก็เมื่อเรียวชิโร่เพิ่งตื่นจากการหลับไหลในเขตสิบสาม

    “เออ….ไอ้บ้านี่ น่าสงสัยที่สุดแล้ว แต่กลับได้แบ็คอัพหนาซะจนชั้นทำไรมันไม่ได้ซักอย่าง” น้ำเสียงของฟรานเซสก้า ส่อแววอาฆาตสุดๆ

    “แบ็คงั้นเหรอ? “ คุโรกิ เซย์คิชิ ไม่เข้าความหมายของแบ็ค ที่ว่า

    “คนหนุนหลังนั่นแหละ ยังไม่ยืนยันหรอก แต่ชั้นคิดว่า คนที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ น่าจะเป็น คีล ลอเร็นซ์

    “คีล ลอเร็นซ์?!! นี่นายหมายถึง ผู้คืนชีวิตแห่งเอเดน ประธานาธิปดี คีล ลอเร็นซ์ คนนั้นเนี่ยนะ!!!” ไลเรส หลุดเสียงชายควายถึกทันทีที่ได้ยินเรื่องดังกล่าว

    “หา…คนที่ว่านี่คือ หัวหน้าสภาสูงเหรอ” หนุ่มหน้าม้อประจำแก้งค์ นั่งเกาหัวแกร็กๆอย่างมึนๆ

    “เออซิยะ นายเรียนมากี่ปีแล้ว ไม่รู้จักเนี่ย” นายสาวไลเรส อดดูถูกด้วยความสมเพศไม่ได้ สำหรับไวลด์ที่เป็นนักเรียนมาตั้งหลายปี ก่อนจะเริ่มคิดจะบรรยายวิชาบุคคลสำคัญเข้าหัวเด็กหนุ่มผมม้า

    “หุบปากเรื่องวิชา การเมือง ตรงนั้น ไอ้พวกบ้า!!!” ฟรานเซสก้าอดด่าไม่ได้ ด้วยความรำคาญ

    “เอาเป็นว่านี่คือสาเหตุที่ ชั้นไปซื้อข้อมูลจากลูซิเฟเรียมาอีกอย่าง……เฮ้ย ลูซี่ของล่ะ”

    “ปากน่ะ ระวังๆหน่อย เดี๋ยวแม่ตบล้างน้ำ สั่งได้สั่งเอา” เจ้าแม่ลูซิเฟเรีย เกิดอารมณ์อยากปาดคอไอ้บ้าอำนาจข้างๆซะจนตัวสั่น แต่ด้วยความงกเงินจึงต้องยอมล้วงสินค้าออกมา เป็น ซองน้ำตาลใหญ่หนึ่งซอง

    “นี่คือ?” เกือบทุกคนเอ่ยถาม

    “มันคือรหัส การ์ดและ แผนที่ ของทางเดินLV5 ไปยัง 6 ของ HEAVEN” หัวหน้าทีมเขี้ยวอสูรตอบ

    “ฟรานเซสก้า นายคงไม่คิดจะบุกไปเอาข้อมูลที่อยู่ชั้นในสุดใช่มั้ย แบบ สายลับในหนังอะไรแบบเนี่ย” ไวลด์ครุ่นนึกถึง สายลับโหนตัวลงจากเพดานอะไรอย่างว่า

    “เออ คิดไปแล้ว วางแผนแล้ว และจะลุยตั้งแต่พรุ่งนี้เลยด้วย”

    “ปกติ นายเป็นพวกบ้าๆ ไม่คิดหน้าคิดยังอยู่แล้ว ไม่แปลกใจหรอกที่จะซื่อบื่อบุกไปหาศัตรูตรงๆแบบนี้” หนุ่มผมสีม่วงยาวสลวยเอ่ยแบบไม่ไว้หน้า

    “ชั้นจะลืมซะว่า เคยได้ยินคำพูดหมาๆจากนายเมื่อกี้ละกัน โฟร์ท เอาเป็นว่า ชั้นจะเสี่ยงเข้าไปด้วยตัวเอง ภายในสองวันจะกลับมา” ฟรานเซสก้าพยายามรวบยอดเรื่องให้สั้นที่สุด

    “ถ้าเกิดตายโหงอยู่ในนั้นล่ะ ทำยังไง” โฟร์ทยังกล่าวเป็นลางไม่หยด

    “นอกจากสีผมทุเรศแล้ว ยังปากเสียอีกนะ แกเนี่ย” จิตสังหารเริ่มส่อเค้าออกจากฟรานเซสก้าเล็กน้อย

    “เอาเป็นว่า แยกย้ายกันทำงาน ส่วนไอ้ที่หายหน้าไป ก็ทิ้งๆโน้ตไว้ให้มันละกัน จบ!!”

    “เฮ้ย ฟรานเซสก้า ตังค์ชั้นล่ะ “ ลูซี่ตะโกนลั่น เมื่อเห็นเหมือนลูกค้าคิดเบี้ยว

    “รู้แล้วโว้ย ยัยงกนี้ ตามมา”

    พรรคเขี้ยวอสูรแยกย้ายกันออกไปคนละทางอย่างรวดเร็ว โฟร์ททอดน่องออกจากห้องไปแบบไม่กล่าวลา ส่วนคิชิ และ ไลเรสต่างก็เตรียมตัวออกจากที่ซุ่มซ่อน

    หากแต่แอชเรียล ทอดสายตาข้ามหัวพรรคพวกไปหลังหนึ่งชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงแถวๆ มุมของห้องนั่งเล่นโทรมๆแห่งนี้


    เฟรเรียร์ กาลู ไลคานอส เป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุดจากการต่อสู้ เนื่องจากรับศึกหลายยก หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะพึ่งความสามารถการรักษาที่เหนือมนุษย์ของเซลล์เผ่าปีศาจ แต่ทว่าเนื่องด้วยผลจากการกลายสภาพที่เรียกว่าร่างสมบูรณ์ ร่างกายจึงยังรักษาได้ไม่สนิท ผ้าพันแผลจึงยังคงปกบาดแผลบางส่วนตามร่างกายเป็นที่ๆ โดยเฉพาะแขนซ้ายที่ขาดไปเกือบทั้งไหล่ ยังคงไม่ฟื้นฟู จึงได้แต่นอนไร้สติอยู่ที่

    “จะว่าไป ชั้นเคืองอยู่อย่าง……ไอ้สัตว์ประหลาดที่พวกชั้นเจอด้านล่างนั่น ตอนนั้น…..นายคิดว่ายังไง เอนจ์” แอชหวนระลึกถึง ร่างมนุษย์ธรรมดาคนนึง ที่จู่ๆกลายเป็น ร่างที่มีแต่เส้นเอ็นกับกล้ามเนื้ออาบเลือด

    “จากที่นายบอก มันฝังระเบิดไว้กับตัวเอง ทันทีที่ใกล้จะตาย แสดงว่า มันต้องห้ามทิ้งหลักฐานใดๆไว้ ชั้นเองก็คงคิดอย่างอื่นไปไม่ว่า มันเป็นฝีมือของสภาสูง”

    “เรื่องนี้คงต้องหวังจากเจ้า ฟรานเซสก้ามันว่าจะเจออะไรบ้างล่ะนะ” แอชตัดจบหัวข้ออย่างรวดเร็ว

    “แล้วไหนจะเรื่องที่ เจ้าบ้านั่น คลั่งถึงกับใช้ร่างสมบูรณ์ต่อหน้าคนทั่วไปอีก ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างมันจะยอมทำขนาดนั้น แค่จะฆ่าฝ่ายเทวดาคนเดียว” เอเจนท์ทอดสายตามองร่างที่ไม่เหลือเค้านักสู้ของเฟนส์

    “ขนาดชั้นที่อยู่ตรงนั้นยังไม่อยากเชื่อเลย” แอชถอนหายใจยาวๆหนึ่งที ก่อนกล่าวต่อ

    “ทั้งฝ่ายเรา กับ ฝ่ายเทวดาก็รู้กันดีว่า ถึงแค้นกันแค่ไหน การเปิดเผยตัวต่อหน้าผู้คนเป็นกฎเหล็กต้องห้าม แต่การกระทำของเฟนส์น่ะ ทำให้ชั้นคิดได้ว่า…….”

    “สัญชาตญาณดิบของเซลล์ปีศาจเกินการควบคุมแล้วใช่มั้ยล่ะ” เสียงที่ไม่คิดว่าจะยินดังขึ้น

    หนุ่มผมยาวสลวยสีดำ ที่นอนหมดสภาพนักสู้อย่างสิ้นเชิง ร่างกายที่ซูบเซียวพันไปด้วยผ้าพันแผลทั่วร่าง กลับตื่นขึ้นอย่างเงียบงัน

    “อาจจะ คนที่แปลงเป็นร่างสมบูรณ์ได้น่ะ หมายถึงร่างกายโดนเซลล์ปีศาจเข้าแทนที่เกินครึ่งหนึ่งของร่างกายไปแล้ว อีกทั้ง นายน่ะ เป็นคนแรกๆ เลยที่ตื่นจากการหลับใหล ยิ่งการแปลงร่างซ้ำๆ ที่ผ่านมาด้วยแล้ว” เอเจนท์พูดหมายจะให้อีกฝ่ายเริ่มสำเนียกในสิ่งที่ตัวเองทำไป

    หากแต่เจ้าแห่งหมาป่า กลับดูสงบนิ่ง แม้ว่าบรรยากาศโดยรอบจะมาคุสุดขั้ว

    “อย่ามาตลกนา ชั้นแค่เหม็นขี้หน้า เจ้าเอ็นโด จนทนไม่ไหวก็แค่นั้น ความโกรธมันห้ามยากนายก็รู้ไม่ใช่เหรอ”

    ”ชั้นไม่คิดว่ากะอีแค่ฟิวส์ขาดจะทำให้แกยอมทำถึงขนาดนั้น เฟนส์”

    แอชเรียล เริ่มเค้นเสียงมากขึ้น ปกติแล้ว แอชจะเป็นคนที่เข้ากับคนในกลุ่มดีที่สุด อัธยาศัยนับว่าไม่มีใครดีเท่าแล้ว สำหรับกลุ่มที่มีแต่ลูกระเบิดเดินไ กับ บ้าๆบอๆ นี่คือสิ่งที่เอเจนท์รู้ดี ซี่งการพูดจาดังกล่าวนี้ ทำให้รู้ชัดเลยว่า สหายหนุ่มคนนี้ใกล้ระเบิดเต็มแก่แล้ว

    “แล้วแกจะมาสาวเรื่องให้ยาวยืดทำไมในเมื่อเรื่องก็จบไปแล้ว แอช” …..หรือแกอยากจะต่อกันรอบสองตอนนี้เลย ถึงเหลือแขนข้างเดียวก็ไม่ใช่ว่าจะกลัวนะโว้ย!!!”

    “งั้นแสดงว่าอยากได้อีกแผลที่กลางหน้าผากสินะ เสียทีจริงๆที่ลากศพแกหนีออกมาด้วย”

    จากอารมณ์เย็นๆ เริ่มแฝงความดุเดือดขึ้น แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของแอสเรียลปูดออก เป็นสัญญาณที่จะกลายร่างเป็นครึ่งปีศาจ เช่นกันกับเฟนส์ ที่แผงขนสีขาวเริ่มงอกออกตามใบหน้า

    “หยุดซักที ”

    เพียงชั่วอึดใจ ก่อนสองปีศาจจะเข้าปะทะกัน เปลวเพลิงสีแดงก็ลุกโชนเป็นกำแพงไฟเข้าขวางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะม้วนตัวกลับไปยัง มือของอัคคีวินาศ ผู้มีดวงตาเปล่งประกายสีทองกับเรือนผมสีอัคคี งอกยาวจนม้วนรอบตัว เอเจนท์ เทเลอัน สร้างความอึ้งตะลึงให้แก่ ทุกๆคนในห้อง

    “พอตรงนั้นเลย……ชั้นไม่อยากลงแรงเผาพวกแกให้เกรียมเพื่อห้ามศึกหรอกนะ เผลอๆทนไม่ไหวอาจจะเผาจนเละไปก่อนก็ได้” ร่างของเอเจนท์ค่อยๆ กลับเป็นมนุษย์ปกติ

    “เหตุผลฝั่งเราน่ะ ไม่ค่อยอยากรู้หรอก แต่ถ้าเป็นเอ็นโด คริปโตส ที่ฉะกับเฟนส์ล่ะก็ คงมีเหตุผลพอที่จะฉีกนายเป็นชิ้นแน่นอนล่ะ”

    เฟรเรียร์ฟังคำของเอเจนท์ก็เข้าใจถึงสิ่งที่พูดอย่างรวดเร็ว จึงเริ่มเอ่ยปาก

    “เมื่อสองเดือนก่อน…ชั้นลงมือฆ่าคู่หูมันไป…….”

    “คู่หู?” ชายผมแดงเพลิงนึกสงสัย

    “มันเป็นเรื่อง ช่วงสงครามของกลุ่มรุ่นที่หนึ่งน่ะ ชั้นลงมือฉีกหมอนั้นกับมือ แล้วเอ็นโดมาเห็นพอดี เรื่องมันก็แค่นั้น ดังนั้นในเมื่อมันแค้นใจมาก ชั้นก็เลยสนองซะ”

    ดวงตาของเฟนส์แฝงแววอำมหิต ขณะเล่าเรื่อง ราวกับสิ่งที่ทำไป พาลทำให้สมาชิกกลุ่มเขี้ยวอสูรโดยรอบตึงเครียดมากยิ่งขึ้น หากแต่มีเพียงเรียวชิโร่ที่เกิดข้อสงสัย

    “ช่วงสงครามของกลุ่มรุ่นที่หนึ่งน่ะ มันคืออะไรเหรอครับ”

    หนึ่งคำถามที่ทุกๆคนไม่เคยสงสัย ทำให้ความเงียบแฝงอยู่ในวงสนทนาช่วงนึง เมื่อเรียวชิโร่แทรกการสนทนา

    “จริงสินะ เรียวชิโร่ เพิ่งเข้ากลุ่ม เลยยังไม่รู้อ่ะไร จะเล่าให้มันฟังก่อนมั้ย” ไวลด์เดินเข้ามาสมทบ

    เฟรเรียร์ เงียบราวกับครุ่นคำนึงบางอย่าง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มหัวส้มจึงยอมเอ่ยปาก

    “แต่เดิมน่ะ มันไม่มี กลุ่มเขี้ยวอสูรเนี่ยหรอก มีแต่กองกำลังไร้ชื่อ ที่นำโดยเผ่าปีศาจคนแรกสุดของเอเดน นานแล้วนะ ตอนนั้นชั้นก็ยังไม่ตื่นจากการหลับไหลด้วยซ่ำ”

    เรื่องเล่าเริ่มไหลออกมาจากปากของ เจ้าหมาป่า

    “ช่วงนั้นน่ะ เผ่าเทวดา กับปีศาจยังคงดีกันอยู่ ไม่สิ เดิมมันก็เป็น กลุ่มเดียว เรียกว่า เป็นกลุ่มที่รับพวกเราผู้ที่กลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์อย่างสิ้นเชิงเข้ามาอยู่ด้วยกัน หาทางวางตัวในสังคม แก้ไข ปลอบใจ……….นายน่าจะเข้าใจอารมณ์นะเรียวชิโร่ การที่จู่ๆต้องมารู้ว่าตัวเองไม่ใช่สิ่งที่ควรอยู่ร่วมกับมนุษย์เป็นยังไง”

    ประโยคสุดท้าย ทำให้เรียวชิโร่เผลอนึกถึงภาพของผู้คนที่ตัวเองรัก จมกองเลือด เห็นดังนั้น แอชเรียลพูดสมทบในทันที

    “แต่ตอนนั้นมันเลวร้ายมาก ช่วงแรกที่มีข่าวลือคนหายเอย คดีฆาตกรรมที่เกินความจริงเอย ล้วนเกิดจากที่ทั้งสองเผ่าน่ะ คุมความกระหายเนื้อครั้งแรกไม่ได้ ของเผ่าเทวดาน่ะ ยังดีที่เป็นการดูดซับสารอาหารออกจากร่างคน แต่พวกเราน่ะหนักกว่า จำคดีเมื่อต้นปีได้มั้ยล่ะ เด็กวัยรุ่นสิบสองคน นั่นคือจำนวนที่เค้าคาดว่าใช่ เพราะศพไม่เหลือเค้าว่าเป็นคนด้วยซ้ำไป นั่น

    “พวกรุ่นแรกน่ะ ก็มีคนเก่งๆหลายคน จึงหาทางรักษาอาการและหาวิธีรับมือได้ ผลสรุปคือ กองกำลังของเรามีหน้าที่ตามหาคนที่เพิ่งตื่นมา แล้วสอนให้ใช้ชีวิต สอนการควบคุมตัวเอง ทุกๆอย่างมันดูง่ายขึ้น และ ก็ทำให้ชีวิตปกติเรากลับคืนมา”

    เฟนส์หยุดปากหลังจากนั้น เหมือนกับสิ่งที่จะกล่าวหลังจากนี้เป็นอะไรที่ไม่น่าเล่าให้ใครฟัง ซึ่งเรื่องราวในยุคแรกๆ ของสังคมปีศาจเทวดา มีเพียงแค่ ฟรานเซสก้า กับ เฟรเรียร์ สองคน ที่ตื่นจากการหลับใหลมาตั้งแต่ยุคนั้น จึงไม่มีใครสามารถเล่าต่อได้ดีนัก

    “แล้วทำไมจู่ๆ สองเผ่าถึงมาสู้กันล่ะ? ทั้งๆที่มันดูออกจะสมบูรณ์ขนาดนั้น“

    “……………………เพราะว่า………...”
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    “สิ่งที่เรียกว่า “ยารักษา” ไงล่ะ”



    TO BE CONTINUED >>>




    -------------------------------------------------------------------------------------------------------

    บ่นเล็กน้อยกับคนแต่ง

    บทนี้ ยอมรับว่า น้อยไปหน่อย สำหรับมาตรฐานฟิคแม็กกี้ อีกทั้ง ไม่มีฉากตบกันเลย 555 ยังไงก็ขออภัยถ้าไม่จุใจเท่าตอนเก่าๆนะครับ^^

    maxlancer


    -------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอขอบพระคุณตัวละคร

    - ไลเรส รูเพลซ่า By jamejaeja - ไม่รู้คนคิดตัวละคร ยังเล่นบอร์ดอยู่มั้ย==?

    - โฟร์ท ไอ เธอแลนท์ By > T r A i N < - สมัครมาได้บทเลย ไวจริงๆ

    - คุโรกิ เซย์คิชิ By C.sign - เฉกเช่น โฟร์ทคุง ที่มาถึงได้เลย

    และขอพระคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่คอยติดตามนะครับ พบกันใหม่ตอนหน้าครับ
  15. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ไปๆมาๆกลายเป็นว่ายารักษาคือชนวนเหตุซะอย่างงั้นแฮะ เพราะอะไรกันล่ะเนี่ย
  16. derick

    derick Member

    EXP:
    339
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    18
    เหมือนจะมีการเฉลยปริศนาบางส่วน แต่ก็เหมือนจะมีอะไรเคลือบแคลงมากกว่านั้น

    ตอนนี้ถึงตัวละครจะออกมาเยอะ ก็ไม่งงนะ จะมึนก็ไอ้คนที่ถูกกล่าวถึงนิด ๆ หน่อย ๆ ว่ามันใครวะ 55555555

    ดูอิแอชจริงจังมากเลยนะเนี่ย

    รอตามต่อ :medance.:
  17. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    เพราะอะไรก็ตาม นี่ก็แสดงถึงความเป็นมนุษย์ในตัวเผ่าทั้งสองเป็นอย่างดี

    รัก โลภ โกรธ หลง สิ่งที่มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่แสดงออกมาได้โหดร้ายกว่าเผ่าพันธ์อื่นๆ

    แต่เหนืออื่นใด ตัวร้ายฉากหน้าก็ปรากฎตัวออกมาแล้ว แบบนี้เนื้อเรื่องจะเข้าสู่บทเข้มข้นแล้วสินะครับ :hsunglass:
  18. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    ยารักษามันขาดแคลนถึงต้องแย่งกันเองรึเปล่าหนอ ปมที่เอ็นโดแค้นเฟนเรียร์ยังพอว่า แล้วปมที่เฟนเรียร์แค้นล่ะ.... คงจะเฉลยแบบละเอียดต่อๆไปสินะขอรับ =w="

    ปล.แล้วเหม่ยหลินล่ะ /me เผ่นป่าราบเลย เผ่นจนป่าราบ TT^TT
  19. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    โอ้ส!! กระชับฉับไวชัดเจน บทนี้อาจจะเป็นหนึ่งบทเพื่อโหมโรงสู่ประเด็นหลักของเรื่องสินะ อาจจะมาช้าไปบ้างยังคงติดตามอยู่เสมอนะเอ้อแม๊กกี้ๆ
  20. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    ออกหน้าออกตา ออกทีวีเสียขนาดนั้น

    คุณตำรวจเธอมีแววโดนเก็บเป็นแน่แท้ =___,="
  21. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    ว่าแล้วเชียว ปมเหตุที่ฆ่ากันตายคือยารักษา เราเดาถูก!!

    สรุปว่าทั้งเทวดาและปีศาจ ก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ประหลาดอะไรเลยสินะ

    มาตรฐานแม็กกี้ ถือว่าตอนนี้เลือดสาดน้อยไปหน่อยครับ 555+
  22. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    ตัวร้ายเค้าหายอ่า พี่แม้กก~~

    สรุปคือตอนแรก ปีศาจกับเทวดาเป็นมนุษย์มาก่อน? แล้วถูกสร้างขึ้นรึเปล่า? แล้วถ้าถูกสร้างขึ้นจริงๆ จะทำมาเพื่ออะไรล่ะเนี้ย? รอตอนต่อไปมาเฉลย เรื่องอดีตกาลกัน...หุหุ
  23. train

    train Member

    EXP:
    498
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    ขออภัยที่มาเม้นท์ช้ามากๆเน้อแม็กกี้ ;w; )
    เพิ่งมีโอกาสได้มาอ่านอย่างละเอียด(ตอนที่บอกว่าอัพผมรีบผ่านตาเพราะทำงานอยู่เหอๆ)

    ก่อนอื่นก็ขอบคุณสำหรับบทเจ้าโฟร์ทมากครับ ฟลุคได้บทซะงั้น!
    ตอนใหม่นี่เหมือนเรื่องจะยกระดับไปสู่อีกขั้นนึงแล้ว มีปมให้มาแก้กันใหม่

    ว่าไปตอนนี้ก็ไม่มีบู๊เดือดเลือดพล่านแบบที่ผ่านมาเลยจริงๆด้วย!!! (ก๊าก)
    บทบรรยายยังมีบางช่วงรู้สึกว่ามึนงงน้อ ทำนองว่าไอ่นี่มันใครหว่า เพราะตัวละครเยอะมั่ก! แต่นอกเหนือจากนั้นก็โอเคเน้อคร้าบ

    รอตอนต่อไปครับผม
  24. Fujizaki

    Fujizaki New Member

    EXP:
    17
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    1
    อุ่ย ไม่ได้เข้ามาอ่านนาน -*- เห็นตอนใหม่ต้องกรี๊ส อ่านก่อนๆ
  25. jamejaeja

    jamejaeja แม่มดคำสาปมรณะ

    EXP:
    119
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    มาแบบไม่ทันได้ดูเข้าบอร์ดบ้างแต่ไม่ถี่ ตายละร้องแบบนั้นลูกสาวแม่กลับไปเป็นผู้ชายดีไหม ฮี่ๆ ยังไงก็ยังติดตามนะ

Share This Page