เรื่องเล่าที่ร่วงหล่น ตามHDD ที่จากไป [สถาณะตายสนิท]

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย joi100, 17 พฤศจิกายน 2007.

  1. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    เรื่องเล่าจากแสงและเงา เรื่องที่ 3 หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)




    ดวงอาทิตย์ ที่กำลังจะตก ส่องแสงสี้ส้มย้อมพื้นป่าอัสร่าให้มีสีสันแปลกตา สายลมเย็นสบายที่พัดมาเรื่อยๆ บ่งบอกถึงว่า ราตรีกาลกำลังจะครอบคลุมโลกใบนี้

    เด็กชายทั้ง 4 คน ต่างกลับมาถึงบ้านของพวกเขาในเวลาเกือบจะค่ำอยู่แล้ว ก็พบว่า หน้าบ้านของพวกเขา มีเด็กสาวผมสีน้ำตาล คนหนึ่งที่รู้จักดี ยืนคอยอยู่

    เด็กสาวคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง"ทำไมถึงกลับมาช้าจังล่ะคะ? ฉันเป็นห่วงนึกว่าจะโดนสัตว์ป่าทำร้ายเสียอีกนะคะ อ้อ คุณ อาดิวก็กลับมาจากรีเวเรียแล้วล่ะค่ะ"

    เด็กชายทั้ง 4 คน หันมามองหน้ากันเองแล้วก็หัวเราะออกมา อัลกรอส จึงเอ่ยออกมาว่า "สัตว์ป่าทำร้าย? อานิรอน เธอไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกนะ ที่เธอต้องห่วงก็คือสัตว์ป่าเหล่านั้นจะถูกทำร้ายต่างหากล่ะ โดยเฉพาะเจ้านี่" ท้ายประโยคอัลกรอสบุ้ยปากไปยัง เร็กซ์ ที่ยืนอยู่ข้างๆ เวก้า

    "อ้าวไหงพูดงี้ล่ะ ถ้าอยากจะลุยนักเดี๋ยวจัดให้" เร็กซ์พูดพลางถลกแขนเสื้อขึ้น

    "เฮ้อ!!" เด็กชายอีก2คนที่เหลือ ทั้ง เวก้า และ คาเซล ถอนหายใจออกมา

    "พ่อกลับมาแล้วเหรอ? ก็ดีจะได้มีคนมาห้ามเจ้าบ้าพวกนั้น ตอนนี้ปล่อยให้เจ้าบ้า2ตัวนั่นตีกันไปเถอะ เดี๋ยวหิวเจ้าพวกนี้ก็เลิกเองแหละ โทษทีนะ อานิรอน ที่กลับมาช้า พอดีระหว่างทางเจอ พี่สาวคนหนึ่งนอนไม่สบายอยู่น่ะ เลย เสียเวลานิดหน่อย ขอตัวเอาปลาพวกนี้ไปให้ แม่ทำกับข้าวก่อนล่ะ ส่วนรายละเอียดลองถามเจ้า คาเซลดูเอาเองละกัน" เวก้าบอกเหตุผลให้ สาวน้อยฟัง พร้อมๆกับเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ เด็กชายผมขาว ตาสีฟ้ารับหน้าอธิบายทั้งหมดไป

    อานิรอนจึงหันไปคาดคั้น จาก คาเซล แทน มื้อเย็นวันนั้นกว่าจะได้กินกันก็มืดสนิทพอดี โต๊ะอาหารเย็นที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของเหล่าเด็กๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขอให้ ราโชม่อน อาดิว เล่าเรื่องของการเดินทางของเขาให้ฟังเสียส่วนใหญ่

    ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่ ราโชม่อน เวก้า ตัวเขาชอบเวลาเหล่านี้ที่สุด เวลาที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวพันทางสายเลือด แต่ เวก้าก็คิดว่า อีก 4คน นั้นเป็นพี่น้องของเขาไปเสียแล้ว




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~​





    วันคืนอันแสนวุ่นวาย ของบ้านราโชม่อน ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จาก"วัน"เป็น"สัปดาห์" จาก"สัปดาห์"เป็น"เดือน" จาก"เดือน"เป็น"ปี" วันเลาได้ผ่านไปดุจสายน้ำที่ยังคงไหลรินไปเรื่อยไม่มีการหยุดนิ่ง ทุกอย่างต่างเติบโตและเปลี่ยนแปลงไป แต่บ้านราโชม่อนก็ยังคงวุ่นวายอยู่เช่นเดิม

    แต่วันนี้ต่างไปจากทุกวันนิดหน่อย เพราะเป็นวันเกิด อายุครบ 12 ปีของ ราโชม่อน เวก้า แต่น่าเสียดายนิดหน่อย ที่ทั้งพ่อและแม่ของเขา ต่างถูกเรียกตัวด่วนไปยังรีเวเรีย โดยสัญญาว่า จะซื้อของมาฝาก เจ้าของวันเกิดในวันนี้ และ เด็กๆทุกคนในบ้าน

    ซึ่งวันนี้ เวก้า ได้แอบเอาเหล้าของพ่อเขามาซ่อนไว้หลายขวด เพื่อ งานวันนี้โดยเฉพาะ ซึ่งแน่นอน ว่า ไม่มีใครรู้นอกจาก คาเซล และ เร็กซ์ ผู้สมรู้ร่วมคิด อาจจะดูว่าทำไมถึงปล่อยให้เด็ก เพียง5คนอยู่กันตามลำพัง มันจะไม่อันตรายเหรอ?

    ถึงจะอายุเพียง 10ปีเศษ แต่เด็กๆบ้านราโชม่อน ต่างมีความสามารถ แต่ละด้านพอตัวกันเลยทีเดียว ทั้ง เวก้า และ อานิรอน ที่เรียนรู้รักษาผู้คนจาก ราโชม่อน ฟัฟิริเซีย อดีตหมอหลวงประจำเมืองรีเวเรียที่ชื่อเสียง สามารถรักษาคนเจ็บทั่วไปที่อาการไม่สาหัสมาก ได้เทียบเท่าหมอคนหนึ่งเลยทีเดียว

    ส่วน ทั้ง เร็กซ์ อัลกรอส และ คาเซล ที่ได้รับการฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ จาก ราโชม่อน อาดิว อดีตนายทหารราชองค์รักษ์ประจำตัวท่านเจ้าเมืองรีเวเรีย แต่เพราะทั้ง2คนต้องการมีเวลาให้ครอบครัว เลยลาออกจากการเป็นองค์รักษ์ และหมอหลวง มาเป็นทหารผู้ดูแลหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังถูกเรียกตัวเข้าไปช่วยงานสำคัญที่รีเวเรียเสมอๆ เด็กชายบ้านราโชม่อน รวมไปถึงเวก้า ต่างมีความสามารถในการต่อสู้ ชนิดที่ว่าล้มผู้ใหญ่ตัวโตๆได้ทีเดียว

    ซึ่งแต่ละคนก็ถนัดในคนละด้าน อัลกรอส และ คาเซล ต่างถนัดในการใช้ดาบ ส่วน เร็กซ์นั้น ถนัดใช้อาวุธระยะกลางประเภทพลอง หอก ส่วน เวก้า ตัวเขาถนัดการใช้มือเปล่าต่อสู้ระยะประชิดตัวที่สุด ใครก็ตามที่คิดจะมา รังแกเด็กบ้านนี้แล้วล่ะก็ ถือว่าเป็นการคิดผิดโดยสิ้นเชิง

    ถึงวันนี้ ฟัฟฟิริเซีย "แม่" ของทุกคนจะไม่อยู่ แต่เมื่อมีคนป่วยแวะมาขอความช่วยเหลือ อานิรอน ก็ทำหน้าที่แทนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะเธอมักจะอยู่เป็นลูกมือ คอยช่วยเวลา ฟัฟฟิริเซีย รักษาคนอยู่เสมอๆ ผิดกับเวก้าที่มันจะออก ไปฝึกวิชาการต่อสู้ หรือไม่ก็ไปเที่ยวเล่นกับพวกเร็กซ์เสียมากกว่า ทำให้คนใข้หลายๆคนไว้ใจให้เธอรักษา มากกว่าจะไปเสี่ยงรักษากับ เวก้า

    หลังจากจัดยาสมุนไพรให้คนป่วยเสร็จแล้ว อานิรอนก็เดินออกมาจากห้องที่ไว้สำหรับรักษา พร้อมๆกับคนป่วย

    "กลับถึงบ้านแล้วทานข้าว แล้วทานยา พักผ่อนให้มากๆนะคะ พรุ่งนี้อาการคงจะทุเลาขึ้น ทานยาติดต่อกัน3วัน อาการคงจะหายสนิท อย่าลืมว่าห้ามหักโหมทำงานหนักนะคะช่วงนี้ ให้หายดีก่อน" อานิรอนกำชับ ชายวัยกลางคน ที่เป็นคนป่วยของเธอ

    "ครับ คุณหนูอานิรอน นี่เป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆ อาจจะไม่มาก รับไว้นะครับ" ชายคนนั้นยื่นถุงเงินจำนวนหนึ่งให้

    อานิรอนทำสีหน้าลำบากใจ "เอ๋!! ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเป็นแค่หมอฝึกหัดเอง ไม่กล้าเรียกรับษาจากคนใข้หรอกนะคะ "

    "ยังไงก็รับไว้เถอะครับ" ชายคนนั้นยัดเยียดถุงเงินใส่มือของสาวน้อยผมสีน้ำตาล เดินเดินหายออกไปจากบ้าน ราโชม่อน

    อานิรอน แกดูภายในถุงก็พบเงินจำนวนพอสมควรเลยทีเดียว สำหรับผู้ใหญ่อาจจะไม่มาก แต่สำหรับเธอนั้นมันเยอะพอสมควรเลยทีเดียว "เอาไปแบ่ง เจ้าพวกนั้นด้วยดีกว่า จะได้ไม่ต้องไปรบกวน คุณอาดิว และ คุณฟัฟฟิริเซีย เวลาจะซื้ออะไร"

    เมื่อสาวน้อยเดินมาถึงห้องโถงก็พบว่า คาเซล และ อัลกรอส กำลังจัดโต๊ะ อาหารสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้อยู่ โดยไม่เห็นแม้แต่เงาของอีก2คน "นี่ คาเซล อัลกรอส อีก 2 คนหายไปไหนแล้วล่ะ?"

    "อ้อ เจ้าหมาบ้า กับ เวก้า ไปหาเสบียงมาเพิ่มน่ะ เห็นว่า จะลุยกันยันรุ่งเช้าเลยน่ะคืนนี้ " อัลกรอสตอบมาขณะ จัดโต๊ะอยู่

    ขณะที่ยืนคุยกันอยู่ นั่นเอง เวก้าและและก็กลับมาพร้อมกับ หมูป่าตัวหนึ่ง ที่ช่วยกันแบกมา

    คาเซลที่กำลังลากเก้าอี้อยู่ทักขึ้นมา "แหมๆ นาย2คนนี่ตายยากชะมัด กำลังพูดถึงอยู่พอดีเลยนะนี่"

    "เหอะๆ คนมันหนังเหนียวก็งี้แหละ มิน่าระหว่างทางรู้สึกเหมือนใครกำลังบ่นถึงอยู่ ใช่มะเร็กซ์" เวก้าหัวเราะ

    "เรารีบไปจัดการเจ้าหมูตัวนี้กันเถอะ เดี๋ยวจะได้เริ่มงานวันเกิดนายช้าเอาซะเปล่าๆ" เร็กซ์เอ่ยขึ้น พลางทำท่าจะเดินไปในครัวเพื่อจัดการหมูที่แบกมา

    "เดี๋ยวทุกคน เมื่อกี้มีคนมารักษา แล้วเค้ายัดเยียดนี่มาให้ เลยเอามาแบ่งให้ทุกคน" พูดจบอานิรอนก็ แบ่งเหรียญทองแดงจากในถุงให้ทุกคนคนละ2เหรียญ

    ซึ่งทุกคนก็รับไว้ โดยไม่เถียงอะไรมากนัก เพราะครั้งแรกๆ ทุกคนต่างไม่ยอมรับไว้ เพราะมันควรเป็นของ อานิรอน ที่เป็นคนรับมาซะมากกว่า เถียงกันข้ามวันข้ามคืน เล่นเอาสาวน้อยของเรา งอนไม่ยอมพูดกับอีก 4 คนไปเป็นเดือนเลยทีเดียว สุดท้ายทุกคนก็ต้องยอมรับจนได้

    หลังจากใช้เวลาพอสมควรจัดการ กับหมูทั้งตัว งานเลี้ยงเล็กๆในบ้านราโชม่อนก็เริ่ม ขึ้น เวก้าผู้เป็นเจ้าของงาน กำชับไว้ก่อนเลยว่า ไม่ต้องเอาของขวัญมาให้ แค่คำอวยพรก็พอแล้ว ซึ่งทุกคนก็ทำตามนั้นเพราะต่างรู้นิสัย เจ้าผมแดงคนนี้ดี ขืนเอาของขวัญมาให้หมอนี่ มีหวัง งานเลี้ยงล่มแน่ๆ

    หลังจากงานเลี้ยงเริ่มไปซักพัก เวก้าก็ ควัก เหล้าที่เขาและผู้สมรู้ร่วมคิด ซ่อนเอาไว้ ขึ้นมาเปิดฝาออก ทันที

    "เวก้า นั่นมันเหล้าไม่ใช่เหรอ?" อัลกรอสผู้รักความถูกต้องเหนือสิ่งอื่นใด ทักขึ้นมาเป็นคนแรก

    "ก็เออ เด่ะ มันไม่ใช่น้ำผลไม้แน่ๆล่ะ เร็กซ์ จับตัวมันไว้" เวก้าเอ่ยจบ เร็กซ์ก็ขยับตัวด้วยความรวดเร็ว ไปจับตัวอัลกรอสไว้ทันที

    "กะแล้วว่ายังไงแกก็ต้องโวยวาย วิธีแก้ก็ไม่ยาก คือทำให้แกกลายเป็นคนทำผิดด้วยกันซะเลยกรั๊กๆ" พูดจบ ว่าก้า ก็กรอกเหล้าใส่ปากอัลกรอสรวดเดียวหมดเกือบๆครึ่งขวด แล้วหัวเราะร่วน

    อัลกรอสผู้ไม่เคยรู้จักสุรามาก่อน โดนกรอก ทีเดียวมากขนาดนี้ถึงกับหน้าแดงก่ำ ลิ้นไก่สั้นทันตาเห็น "ทามมาย นายย ทาม อย่างง นี้ เวก้าาา"

    "กรั๊กๆ ไม่สนเฟ้ย ยังไงพวกพ่อก็กลับมามะรืนนี้อยู่ดี ยังไงก็จับไม่ได้หรอก" แต่เมื่อหันกลับไปมองอานิรอนที่น่าจะค้านหัวชนฝาอีกคน กลับผิดคาด เพราะตอนนี้เธอ ถือแก้วเหล้าพลางดมกลิ่นทำจมูกฟุดฟิด

    "กลิ่นมันแปลกๆดีนะ ฉันเองก็อยากจะลองชิมมันดูซักครั้งเหมือนกันนะ ครั้งนี้จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นละกัน" พูดจบเด็กสาวผมน้ำตาลก็ค่อยๆยกดื่มเหล้าชั้นเลิศในแก้ว

    "ทีนี้ก็หมดคนขวางแล้วเต็มที่ๆ" เวก้ายิ้มร่าพลางรินแจกจ่ายให้กับ ผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาทั้ง2คน แต่ยังไม่ทันได้ดื่มอะไรกันมาก จู่ๆอานิรอนก็ยื่นแก้วมาให้ เวก้า เจ้าของงานวันเกิดที่ถือขวดเหล้าอยู่

    "ขออีกแก้วสิ เวก้า" เด็กหนุ่มผมแดงที่ไม่ได้เฉลียวใจอะไรก็ยิ้มร่าพลางรินเหล้าให้ "ได้เลยน้องสาว ไม่ต้องห่วง มีอีกเยอะ จิ๊กพ่อไว้ตั้ง3ขวด"

    ขณะที่เด็กหนุ่ม3 คนกำลังคุยกันอย่างออกรส ส่วนอัลกรอสตอนนี้ลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว จุ่ๆ อานิรอนก็ตบโต๊ะเสียงดัง!

    "เหล้าหมดแล้วรินอีกเร็วเข้า!!!"

    ทั้ง เวก้า คาเซล และ เร็กซ์ ถึงกับเหวอทีเดียว

    "พวกนายหูหนวกรึไงห๊าา ฉันบอกให้รินเหล้ามาอีกแก้วไง" อานิรอน ซึ่งตอนนี้บุคลิกเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ

    "จ้าๆ " เวก้า รับคำพลางรินเหล้าให้สาวน้อยผมน้ำตาล

    อานิรอนรับแก้วเหล้าพลางยกขึ้นดื่มอีกหลายอึก "นี่พวกนายรู้ใหม คนในหมู่บ้านเค้าชอบบ่นให้ฉันว่าว่า พวกนายชอบเล่นอะไรแพลงๆ ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนรู้ใหม?"

    "นี่ๆ เธอท่าทางจะเมาแล้วมั๊งนี่ ชั้นว่าเธอไปนอนเถอะ อานิรอน" คาเซล ที่นั่งอยู่ข้างๆทัก

    "ใครว่าฉันเมา ฉันไม่เมาซักหน่อย แล้วนั่นพวกนายจะไปไหนกัน"สาวน้อยผมน้ำตาลซึ่งตอนนี้ทุกคนลงความเห็นว่าตอนนี้เธอเมาแล้วแหงแซะ

    "ฉันกับเร็กซ์ จะไปเอาหมูที่เหลือมาเพิ่มไง" เวก้าตอบกลับมา

    "ไม่ต้องๆ พวกนายต้องมานั่งฟังที่ฉันพูดก่อน" จากนั้นนรกบนโต๊ะอาหารก็เริ่มขึ้น อานิรอน บ่นๆ แล้ว ก็ บ่นๆ เรื่องเกี่ยวกับพวกเขา ซึ่ง มันก็เป็นจริงแทบทุกอย่าง ทำให้เถียงไม่ออกซักคน จนเวลาผ่านไปจนถึงกลางดึง สาวน้อยผมน้ำตาลจึงหมดฤทธิ์ ฟุบลงไปกับโต๊ะ ซึ่งก็ทำให้ ทั้งคาเซล เร็กซ์ และ เวก้าถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

    "ไม่ไหวๆ ใครจะไปรู้ว่ายายนี่กินเหล้าเข้าไปแล้วจะกลายเป็นอย่างนี้ล่ะเนี่ย เล่นเอาหูชาเลย" เวก้าบ่นงึมงำ พลางแบกสาวน้อยผมน้ำตาลไปยังห้องนอนของเธอ ส่วน เร็กซ์ และ คาเซล กำลังลาก อัลกรอส ไปเก็บไว้ที่ห้องเช่นกัน

    "น่านสิ ปกติเห็นเรียบๆ ใครจะไปรู้ล่ะ ว่ามะเร็กซ์" คาเซลหันไปถามเร็กซ์ ที่กำลังช่วยกันแบกร่างของอัลกรอสอยู่

    เร็กซ์ หัวเราะ"เหอะๆ นี่แหละน๊าที่พวกผู้ใหญ่ เขาเรียกว่าเหล้า มันก็คือ น้ำเปลี่ยนนิสัยนั่นเอง ยังดีที่แค่บ่น ขืนอาละวาดด้วยมีหวัง เก็บบ้านกันตาเหลือก นี่ก็หลับไปกันหมดแล้ว เรา3คนมานั่งกินสบายๆ ได้ยันเช้าล่ะมั๊งเนี่ย"

    "ชั้นว่าจะไม่ไหวกันเอานา โต้รุ่งเนี่ย" คาเซลออกความเห็น

    เวก้าที่เดินออกมาจากห้องของอานิรอน หันมาบอกกับอีก2คน "ไม่ลองมันจะรู้เหรอฟะ รีบๆเอาเจ้าอัลกรอสไปกองไว้ที่ห้องมัน แล้วเราไปเฮฮาข้างล่างดีกว่า"

    ไม่มีใครรู้ว่าเด็กหนุ่มทั้ง3คนนั้น กินกันถึงกี่โมง เพราะ รู้สึกตัวกันอีกทีก็พบว่า มันเป็นตอนเย็นของอีกวันเสียแล้ว

    "โอยปวดหัวชะมัด เห็นรสชาติเหมือนน้ำผลไม้ไหงมันแรงอย่างนี้ฟะเนี่ย" เวก้าบ่นงึมงัมพลางลุกเดินโซเซมาหาน้ำกินในครัว ก็พบว่าเขาเป็นคนที่ฟื้นคนสุดท้าย เพราะทั้งเร็กซ์ และ คาเซลนั่งกินข้าวต้มสบายใจเฉิบ อยู่ในครัว พร้อมๆกับ อัลกรอสที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ

    "แหมๆ ทำหน้าบูดไปได้ อัลกรอส นานทีฮาๆขำๆน่า" เวก้าเดินผ่านไปตบไหล่ อัลกรอสแล้วก็รินน้ำจากเหยือกยกดื่มจนหมดแก้ว

    "ฮาๆขำๆ นายก็รู้นี่เวก้า ถ้าพวกเรายังอายุไม่ถึง18ปี เค้าห้ามดื่มสุราหรือของมึนเมารู้ใหม?" อัลกรอสตอบมาน้ำเสียงขุ่นๆ

    เวก้ารินน้ำขึ้นดื่มอีกแก้ว แล้วเลิกคิ้วข้างหนึ่ง "วันเกิดข้าทั้งที ถือว่าหยวนๆละกันน่า พ่อคนเถรตรง" เวก้าเดินไปรับถ้วยข้ามต้มจากอานิรอนที่ตักให้ "แล้วเธอล่ะ เป็นไงบ้างสบายดีหรือเปล่า อานิรอน?"

    "ก็ไม่มีอาการที่เรียกว่าเมาค้างเลยนะ ก็เหมือนปกติน่ะ" อานิรอนตอบกลับมา

    เวก้ากำลังจะอ้าปากพูดถึงเรื่องที่เมื่อคืนสาวน้อยผมน้ำตาลบ่นพวกเขาซะหูชา เขาก็ถูก คาเซลสะกิดไว้ก่อน เวก้าจึงไม่พูดอะไรพลางมานั่งข้างๆ คนที่สะกิดเขา

    แต่คนเล่าไม่ใช่คาเซล กลับเป็นเร็กซ์ที่กระซิบบอกกับเขา "อานิรอน เธอจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลยน่ะ ชั้นกับคาเซล ก็ตกลงกันว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้จะดีกว่า เดี๋ยวเรื่องมันจะยาว"

    เวก้าพยักหน้างึกๆ พลางก้มหน้ากินข้าวต้ม เมื่อกินเสร็จกำลังจะลุกขึ้นเอาถ้วยไปล้าง ด้านนอกบ้านก็มีเสียงกรีดร้องดังลั่น เด็กๆทั้ง5คน ต่างวิ่งออกไปดูที่หน้าบ้านก็พบว่า ตอนนี้หมูบ้านของพวกเขาตอนนี้กำลังถูกโจมตี!

    เปลวเพลิงที่ลุกใหม้เผาพลานบ้านไปแล้วหลายหลัง เสียงกรีดร้องจากผู้คนที่โดนฆ่า ทุกอย่างมันราวกับฝันร้าย เวก้าที่ตั้งสติได้ก่อนใครเพื่อน คว้าแขน อานิรอน พร้อมบอกให้ทุกคนวิ่งหนีไปทางป่าอัสร่าทันที แต่มันก็ช้าไปแล้ว บัดนี้ พวกเขาทั้ง5คนต่างถูกล้อมด้วยคนในชุดสีดำทั้งชุด ไม่ต่ำกว่า10คน

    "ในที่สุดก็พบ เป้าหมาย " 1ในนั้นที่ท่าทางจะเป็นผู้นำเอ่ยขึ้น "นอกจากเจ้าเด็ก แวลวูลฟ์ และ เด็กผู้หญิงนี่ ที่เหลือฆ่าให้หมด" มันออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด แล้วทั้ง เรกซ์ และ อานิรอน ก็ถูกจับตัวไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับคนชุดดำที่หายไปเกือบหมด เหลือเพียงคนเดียว ที่กำลังชักดาบของมันพร้อมจะลงมือสังหาร

    ทันทีที่มันง้างดาบ เวก้า ดีดตัวเข้ากระแทกจนมันกระเด็นออกไป พร้อมตะโกน "คาเซล อัลกรอส แยกย้ายกันหนีเร็วเข้า!!"

    ซึ่งเสียงนี้ก็เป็นสิ่งที่ปลุก เด็กชายผมสีขาวทั้ง2คน ให้ตื่นจากอาการตกตะลึง แต่ก็ยังลังเลไม่ยอมหนีไป "หนีไปเร็วเข้า พวกเราสู้เจ้าหมอนี่ไม่ไหวหรอกนะพวกมันเป็นนักฆ่ามืออาชีพ!! ไม่ต้องห่วงข้าหนีไป!!!"

    จบประโยค ทั้ง2คนต่างวิ่งไปคนละทาง ชายชุดดำคนนั้น ตั้งหลักได้ก็พุ่งเข้าใส่เวก้า โดยประมาทคิดว่า เด็กผมแดงคนนี้คงไม่มีอะไรพอที่จะต่อกรได้ แต่เวก้ามีดีมากกว่าที่มันคาดไว้พอสมควรทีเดียว เวก้าเบี่ยงตัวหลบพร้อมต่อยสวนเข้าที่ใบหน้า

    แต่แรงของมือเปล่าๆจากเด็กอายุเพียง 12 ปี มันไม่มากพอที่ล้มนักฆ่าที่ฝึกมาอย่างดีได้เพียงหมัดเดียว ชายในชุดดำฟาดดาบใส่เวก้าอย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กชายผมแดงต้องกระโดดถอยหลังสุดตัว แต่เขาก็พลาดล้มลงกับพื้น พริบตาต่อมาชายในชุดดำก็กระทืบเข้ากลางอกของเวก้าที่ล้มลงไป พร้อมกับเหยีบไว้ไม่ให้เด็กผมแดงขยับตัวได้ แล้วง้างดาบขึ้น

    แต่จังหวะนั้น ก็มีใครบางคนพุ่งเข้าฟัน ชายชุดดำจากด้านหลัง ทำให้มันต้องเลื่อนเวลาการสังหารเด็กผมแดง ออกไปจัดการใครที่จู่โจมมันจากด้านหลังแทน เวก้าพยายามลุกขึ้นก็พบว่า ใครคนนั้นก็คืออัลกรอสนั่นเอง

    "อัลกรอสนายกลับมาทำไม แล้วคาเซลล่ะ" เวก้าตะโกนถามพร้อมๆกับวิ่งเข้าไปช่วยอีกแรง ทั้งๆที่ตอนนี้เขาเจ็บหน้าอกหายใจติดขัดเป็นอย่างมาก

    "ชั้นให้เจ้านั่นหนีเข้าไปอัสร่าไปแล้ว ถึงพวกเราจะพลาดท่าตายกันหมดอย่างน้อยก็ยังมีคนรอดออกไปแจ้งข่าวเพื่อที่จะตามไปช่วย ทั้งเร็กซ์ และอานิรอนยังไงล่ะ" อัลกรอสตอบกลับมาขณะตั้งรับการฟาดฟันด้วยดาบในมือเขา

    "แล้วนายกลับมาทำไม?" เวก้าเอ่ยขณะเข้าไปช่วยอัลกรอสสู้

    "ไม่รู้เหมือนกัน ชั้นไม่ยอมให้ใครมาเสียสละเพื่อชั้นหรอกนะ ถ้าจะมีคนเสียสละควรจะเป็นชั้นมากกว่า นี่มันเป็นคุณธรรมของชั้น" อัลกรอสตอบกลับมา แต่พริบตานั้นดาบในมือชายชุดดำก็ทะลวงร่างของอัลกรอส พร้อมกับเลือดที่ไหลปรี่ออกมาตามบาดแผล

    แต่จังหวะที่มันจะกระชาบดาบกลับ เด็กชายผมขาว ตาสีฟ้าอ่อน กลับจับดาบเล่มนั้นไว้แน่น "จังหวะนี้แหละเวก้า" อัลกรอสกัดฟันร้องบอกออกมา

    ราโชม่อน เวก้า ทิ้งทั้งตัวต่อยสุดแรงเกิด เข้าไปยังจุดที่เปราะที่สุดบนร่างกายของคนที่เขารู้จัก นั่นก็คือปลายคาง พลั่ก!! เสียงดังสนั่น พร้อมๆกับสติของเจ้าคนชุดดำที่หลุดออกจากร่าง ทรุดฮวบลงกับพื้น แต่เวก้าไม่ได้สนใจเท่าใด เขารีบตรงเข้าไปดูอาการของอัลกรอสทันที

    เฉียดหัวใจไปนิดเดียว แต่เลือดออกมากปล่อยไว้ไม่ดีแน่ๆ เวก้าพยายามจะประคองร่างของอัลกรอสขึ้นมา แต่เอาก็กระอักเลือดออกมา "ไม่ไหวท่าทางกระดูกซี่โครงจะหักแล้วทิ่มปอด แต่ถ้าไม่รีบห้ามเลือด เจ้านี่ตายแน่ จะทำยังไงดีครับ พ่อ แม่?"

    เวก้ากัดฟันฝืนความเจ็บปวด เดินเข้าไปในบ้านเพื่อหายาห้ามเลือดที่เก็บไว้ แต่ตอนนี้ไฟได้ลามเผาผลานบ้านเขาไปส่วนหนึ่งแล้ว "ยังไงก็ต้องเข้าไป" เวก้าเดินไปกระอักเลือกของตัวเองเป็นระยะ หายใจติดขัดขึ้นเรื่อยๆ จนในที่ก็พบว่าที่เก็บยาไฟยังลามมาไม่ถึง เมื่อได้ยาห้ามเลือด เวก้า ก็เค้นเอาแรงเฮือกสุดท้าย วิ่งฝ่าเปลวเพลิงที่กำลังจะปิดทางออกอยู่แล้ว ออกมาจนได้ แต่เขาก็ถึงกับทรุดลงตรงหน้าบ้านของเขาซึ่งตอนนี้ ถุกไฟใหม้ไปจนเกือบหมดแล้ว

    ความร้อนจากเปลวเพลิงนั้น ตัวเขาแถบไม่รู้สึกอะไรเลย มีแต่เพียงความเจ็บปวดบริเวณหน้าอก และการหายใจที่ลำบากขึ้นเรื่อยๆ แต่เวก้าก็ยังพยายามจะคลาน ลากร่างกายตัวเองไปจนถึง ที่ที่อัลกรอสนอนจมกองเลือดอยู่ หลังจากพยายามดึงดาบออก และห้ามเลือดเบื้องต้นแล้ว แต่ร่ายกายของเด็กผมแดงก็ถึงขีดสุด

    "ไม่ได้!! ต้องย้ายคนเจ็บ ออกจากที่นี่ก่อน ขืนเจ้านักฆ่าฟื้นขึ้นมา ตายกันหมดแน่ แต่ร่างกายเราไม่ไหวแล้ว ทำไงดี!! ทำไงดี!!" แล้วสติของเด็กผมแดงก็ดับวูบลง โดยไม่รู้ชะตากรรมของตนที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปแม้แต่น้อย ว่ามันจะเลวร้ายไปกว่านี้ซักแค่ไหน!!




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~​
  2. pop30711

    pop30711 New Member

    EXP:
    1,155
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    นึกว่าจุดอ่อนอยู่ที่ xxx นะเนี่ย ( เริ่มหื่นละ เปลี่ยนโหมดด่วน ) ว่าแต่ทำไมไม่อัดตรง ก้านคอ ไปเลยล่ะ

    โอ้ อัลกรอส นายแน่มาก ว่าแต่จะไปรอดไม๊น่อ ไม่ใช่ว่าอยู่แค่ 2 ตอนแล้วไปนะ

    ยังมัน ยังสนุกเหมือนเดิมนะครับ จะคอยเม้นต์ต่อไป
  3. parwankorn

    parwankorn Member

    EXP:
    60
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    โอ้ น้ำเปลี่ยนนิสัย ช่างน่ากลัว ชายชุดดำ ใครเป็นผู้นำให้ทำแบบนี้กับเด็กได้หน๋อ

    น่าสงสารจังเลย
  4. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    อัลกรอส น่าจะรอดล่ะมั้ง? คำทำนายน่าจะเกี่ยวไรด้วยสินี้่? แล้วอานิรอนจังจะเป็นไง (ผมลุ้นสาวน้อยคนนี้คนเดียว นอกนั้นไม่สนใจ55+!!)

    [action]สุดท้าย แม้่แต่เวก้า ก็ยังมีชีวิตบัดซบเหมือนกันสินะนี้[/action]
  5. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    น้ำเปลี่ยนนิสัยนี่น่ากลัวดีเนอะ เหอๆๆ [action]โดนน้องสาวคนเล็กของตระกูลฟรอสเฟรตส์กรอกปาก เอื๊อก!!![/action]

    อยากรู้จริงๆแล้วแฮะว่าต่อไปจะมีใครโผล่มาช่วยมั้ยเนี่ย เพราะสถานการณ์แย่สุดๆ T^T

    แล้วชายชุดดำพวกนั้นมันใครกันหว่า..... รอชมต่อไปงับผม >w<b
  6. pop30711

    pop30711 New Member

    EXP:
    1,155
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    ููู^
    ยีน ว๊อดก้า เบลม๊อท มั๊งครับ อิอิ ( ถ้าไม่รู้รีบไปอ่านโคนัันด่วน ) :E

    [action]รีบเผ่น เดี๋ยวโดนถีบ[/action]
  7. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    สรุปเจ้าเร็กซ์ กับ อานิรอน กลายเป็นตัวนำความซวยมาโดยปริยายสิน่ะ=="

    เวก้านี่ก็เก่งเกินวัยสุดๆไปเลย สถานการณ์ขนาดนั้นยังเอาตัวรอดได้ขนาดนี้

    เอาใจลุ้นเด็กทั้งห้าคน ต่อปาย เอิ้กๆๆ
  8. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    ทุกที่ๆมีเหล้าจะกลายเป็นสถานที่อโคจรจริงๆนะ [action]นึกถึงไปรับน้องเอก เมาเละกันทั้งพี่ทั้งน้อง อุxาทว์ที่สุด[/action]


    ว่าแต่ ทิ้งตัวต่อย โดนปลายคาง*-*a? ต่อยโดนปลายคางมันน่าจะเป็นอัปเปอร์คัทมากกว่านะคะ *-*
  9. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    น้ำเมาคือน้ำดื่มศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้คนดีกลายเป็นคนเลวได้ในพริบตา 55+

    แต่ไอ้เด็กพวกนี้มันแก่แดดจริงๆอายุ 12 ริอาจซดเหล้า ไม่รู้จักชวนกันมั้งเลยฟ่ะ ก้ากๆ
  10. ZeNioR

    ZeNioR New Member

    EXP:
    2
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    แวะมารายงานตัวหุๆๆ เด๋วขอเวลาอ่านก่อนละกานช่วงนี้ยุ่งๆอยู่นิดหน่อย ^^"
  11. parwankorn

    parwankorn Member

    EXP:
    60
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    บอร์ดเปิดแล้ววว อยากให้มาลงตอนใหม่ไวๆจังเลย :D กำลังน่าติดตามมาก
  12. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    พี่จ้อย บอร์ด back to the origin แล้ว ผมรู้ว่าพี่แต่งเสร็จเรียบร้อย(เดาเอา 55+) ดังนั้นเอามาลงให้ผมลอกต่อได้แล้วงิ
  13. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    ^
    ^
    อ่าน่ะ โยคุง==" เล่นงี้เลยเหรอ...

    ท่านนักเดินทาง ในบอกว่าแต่งเสร็จแล้วไง^^ ผมรออ่านอยู่น่ะคร้าบ เอิ้กๆ
  14. kadajjang

    kadajjang New Member

    EXP:
    3
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    ง่ะ...
    พ้มหายไปแป็บๆๆ ไปไกลแล้วอ่ะ
    หมอบ้า...ยังไงก็ชอบ...อยากเป็นให้ได้แบบพี่แกคร้าบ

    (พี่นักเดินทางสบายไหมครับ)
  15. pop30711

    pop30711 New Member

    EXP:
    1,155
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    พี่นักเดินทางครับ รีบกลับมาลงตอนใหม่ได้แล้ว

    ผมจะลงแดงอยู่แล้ว หิวอีกด้วย ไม่มีฟิคให้ตกถึงท้อง
  16. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    หลังจาก บอร์ดหายล่ม ก็ว่าจะอู้อีกนิด แต่เริ่มโดนทวงถาม (รึบางทีอาจจะถึง เผาหุ่นสาปแช่ง) ถึงตอนใหม่ ก็เลยรีบมาลงให้เพราะกลับโดนสาป ฮาๆ ตอนใหม่ออกจะยาวซักนิดเพราะ มีเวลาเขียนช่วงบอร์ดล่ม เยอะพอสมควร ผมดีใจนะครับ ที่ยังจำนิยายไร้แก่สารของผมเรื่องนี้กันได้


    T VV I N - F E N I2 I R

    [action]เหอๆ หวังวาคงจะสนุกกับฟิคตอนใหม่นะครับ แต่เพิ่งรู้นินี่วา ฟิคมันกินได้ด้วย ????[/action]
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    The Guardian Of Midgard

    [action]คำตอบที่อยากรู้ต้องติดตามกัน ตอนต่อไปครับ ลงใหม่มาลงให้แล้วนะครับ[/action]
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    Near

    [action]เหอๆ ลุ้นแต่สาวน้อยรึนี่ งั้นก็คอยลุ้นกันต่อไปนะครับ ตัวละครฟิคผมหาคนดีไม่ค่อยจะเจอเลยน่ะครับ ฮาๆ[/action]
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    Paia: B-Boy Training (เพื่อ?)

    [action]ตอนใหม่มาให้ชมแล้วครับผม ขอให้สนุกนะครับ[/action]
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    MaxlanceR : Azura Flame Mode

    [action]ก็ประมาณนั้นน่ะครับ ตอนใหม่ที่เคยคุยไว้ลงแล้วนะครับ[/action]
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ยูคิฮิเมะ~ Gespenst Jaeger

    [action]เป็นธรรมดา ของของเหลวที่ถูกเรียกว่า "สุรา" นั่นแหละครับ อืมๆต่อยปลายคงไม่จำเป็นต้องต่อยจากด้านล่างเสมอไปหรอกครับ ในกรณีนี้ เวก้า บิดตัวเหวี่ยงหมัดทิ้งทั้งตัวต่อยเข้าบริเวณปลายคางจากด้านข้างน่ะครับ

    ปล. ไม่แนะนำให้ไปทำจริงๆ เพราะขึ้นขั้นกรามหลุดได้เลยนะครับ[/action]
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    Yoshiki : Amethyst


    [action]แหมๆ มันเดาแม่นจริงวุ้ย สงสัยมีสายข่าว แล้วขอโทษนะครับคุณน้อง โยชิกิ ฟิคเฮียไม่ใช่การบ้านนาเฟ้ยจะได้ต้องมารอ"ลอก" ต้องบอกว่า "ให้แรงบรรดาลใจ" เรียกให้มันหรูหราดูดีหน่อยสิฟะ![/action]
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ZeNioR

    [action]ตามสะดวกเลยจิ๊บคุง เม้นช้าไม่เป็นไร ขอให้แวะมาเวลาบ้างๆบ้าง ฮาๆ[/action]
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    Reno_DanteInside

    [action]อ้อ สบายดีครับขอบคุณนะครับที่ยังจำผมและ ฟิคเรื่องนี้ได้ ว่างๆก็แวะมาอ่านได้ตามสะดวกครับ[/action]
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
  17. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    เรื่องเล่าจากแสงและเงา เรื่องที่ 3 หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (6)



    ความเจ็บปวดที่ได้รับ ความสูญเสียที่เกิดขึ้น มันช่างราวกับฝันร้ายในวันที่ร่างกายเจ็บป่วย แต่หากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงฝันร้ายก็คงจะดีไม่น้อย สำหรับเด็กชายผมแดงที่มีนามว่า "ราโชม่อน เวก้า" ของขวัญวันเกิด ที่เขาได้รับนั้น มันคือ การสูญเสียบุคคลที่เป็นดั่งพี่น้อง โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่น้อย แม้กระทั่งปกป้องชีวิตตนเอง!

    เด็กชายผมแดง สะดุ้งตื่น ขึ้นพร้อมๆกับอาการเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้าอก จนเขาต้องทิ้งตัวลงไม่นอนกับเตียงอีกครั้ง เมื่อตั้งสติก็พบว่า เขาอยู่ในห้อง ที่น่าจะเป็นห้องพักของคนใข้ ใช่แล้วเขาจำได้ว่า ที่ตรงนี้เป็น ห้องพักในสถานพยาบาล ณ เมือง รีเวเรีย ที่ๆแม่เขาทำงานอยู่ในสมัยเขายังเป็นเด็ก

    เวก้า มองไปข้างๆก็พบร่างของ อัลกรอส นอนอยู่บนเตียงข้างๆกัน ขณะที่หันรีหันขวางอยู่นั่นเอง เวก้า็้ได้ ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนมาหยุดที่หน้าห้อง พร้อมกับเสียงพูดคุย เด็กชายผมแดงไม่รอช้าค่อยๆเดินไปจนถึงประตูก็พบว่า เสียงพูดคุยกันอยู่นั้น เป็นเสียงของ พ่อ และ แม่ของเขานั่นเอง เวก้าค่อยๆ แง้มประตู ก็พบว่า พ่อ และ แม่ ของเขา กำลังยืนกับชายชราคนหนึ่งที่เขาคุ้นหน้าเสียเหลือเกินแต่ก็นึกไม่ออกว่า เขาเป็นใครกันนะ

    "ขอบคุณนะคะคุณพ่อ ที่ไปช่วยพวกเด็กๆไว้ ไม่งั้น คง......." เสียงของ ฟัฟฟิริเซีย หายไปในลำคอ

    ชายชราคนนั้น ลูบหัวหญิงสาวตรงหน้าเชิงปลอบใจ "ไม่ต้องมาขอบคุณข้าหรอก ว่าแต่เด็กๆที่เหลือล่ะ ได้ข่าวบ้างรึยังอาดิว?"

    หลังจากที่ได้ยินการสนทนา ในที่สุดเวก้า ก็นึกออก ว่า ชายชรา คนนี้ก็คือ คุณตาของเขา ที่มี ชื่อว่า "ชิเก็น" นั่นเอง ซึ่งแม่ของเขาเล่าให้ฟังอย่างภูมิใจเสมอๆว่า คุณตาเป็นคนที่เก่งมาก ทั้งด้านการรักษาโรคภัย และ การต่อสู้

    ราโชม่อน อาดิว ส่ายหน้าอย่างหมดหวัง "3 วันมานี้ ผมพยายามใช้ เส้นสายทั้งหมด ตามหาข่าว แม้กระทั่ง สายข่าวของ `ไดฮาคุ` ที่ว่ายอดเยี่ยมที่สุดบน เอลเทอเฟีย ยังไม่มีข่าวของพวกเขาเลยครับ"

    "บางครั้งคนเราก็ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้ พวกเจ้าทำดีที่สุดแล้วล่ะ ไปพักผ่อนซะเถอะ นี่ไม่ได้นอนมาตลอด3วันเลยไม่ใช่รึ เดี๋ยวพวกเจ้าเป็นอะไรไปอีก เจ้าเด็กที่เหลือมันจะไร้ที่พึ่ง" ชิเก็น เดินไปตบบ่าสามีภรรยาทั้งคู่ แล้ว บอกเชิงออกคำสั่งให้ไปพักผ่อนบ้าง

    เมื่อชายชราเดินเข้ามาในห้องก็พบเด็กหนุ่มผมแดงยืนพิงกำแพงกำหมัดไว้แน่น

    "ว่าไงเจ้าหลานชาย แค้นงั้นรึ? กับพวกที่ทำเช่นนี้กับครอบครัวเจ้า?" ชายชราเอ่ยถามพลาง จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วเดินไปที่หน้าต่าง

    ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอยู่เป็นเวลาอึดใจใหญ่ๆ เวก้าก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ "ถ้าบอกว่าไม่โกรธแค้นอะไรเลย ก็เท่ากับโกหกตัวเองล่ะครับ คุณตา แต่ความรู้สึกที่มากกว่านั้น มันคือ ความเจ็บใจครับ"

    ชายชราหันมามองหน้าหลานชายของตน "เจ็บใจงั้นรึ? เรื่องอะไรล่ะ?"

    "ผมเจ็บใจที่ไร้กำลังไม่สามารถปกป้องในสิ่งที่ผมอยากจะปกป้อง เจ็บใจตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลย เจ็บใจ........." เสียงสั่นๆของเวก้าหายไปในลำคอ มีแต่เพียงมือทั้ง2ข้างที่กำหมัดเอาไว้แน่น จนเล็บจิกเข้าเนื้อเลือดไหลออกมาเป็นทาง

    ชายชราเดินเข้ามาขยี้หัวอย่างเอ็นดู "ถึงเจ้าจะอ่อนแอไร้กำลังแต่เจ้าก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วไม่ใช่หรือ อย่างน้อย ตัวเจ้า และเพื่อนของเจ้าก็ยังมีชีวิตรอดมา ตราบใดก็ตามที่เจ้ายังไม่หมดลมหายใจ คนเราก็ยังคงจะก้าวเดินต่อไปได้เรื่อยๆ"

    "บางคนที่สิ้นหวังพ่ายแพ้ เลือกที่จะท้อแท้หมดอะไรตายอยากในชีวิต แต่บางคนนั้นเลือกที่จะลุกขึ้นเผชิญหน้ากับชะตากรรม ไม่ว่ามันจะขมขื่นหรือล้มลงอีกกี่ครั้งก็ตาม เจ้าจะเลือกทางไหนล่ะ หลานชายของข้า ราโชม่อน เวก้า?"

    คำพูดง่ายๆจาก คุณตาของคนทำให้เด็กน้อย นิ่งไปนานพอสมควร จนในที่สุดเขาก็เงยหน้าสบตากับชาชรา ด้วยสายตาอันมุ่งมั่น "ผมเลือกข้อหลังครับไม่ว่ามันจะลำบากแค่ไหนก็ตาม นี่เป็นเส้นทางที่ผมจะเลือกและไม่มีวันเปลี่ยนใจเป็นอันขาด"

    ชายชราแสยะยิ้ม พลางพ่นควันบุหรี่ออกมา "งั้นเจ้าตามข้ามา ข้าจะสอนทุกอย่างที่ข้ารู้ให้แก่เจ้า ที่วิชาแพทย์ และ การต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่ข้าถนัดที่สุด"

    แล้วทั้งคู่ก็เดินหายออกไปจากห้องโดยไม่รู้ว่า เด็กชายอีกคนที่นอนพักอยู่ในห้องนั้น ได้ยินบทสนทนาทั้งตั้งแต่ต้น "ชั้น ก็เลือกข้อหลังเช่นกัน" เด็กหนุ่มผมขาว ดวงตาสีฟ้าอ่อน พึมพัมกับตนเอง แล้วหลับตาลง




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~​




    8 ปีเต็มๆ ที่ไม่มีใครรู้ว่า ราโชม่อน เวก้า หายไปไหน นอกจาก ครอบครัวที่เหลืออยู่ของเขาทั้ง3คน

    รีเวเรีย วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่มีพิธีแต่ตั้งอัศวิน ทำให้ทั้งญาติพี่น้อง ของเหล่าอัศวินมารวมตัวกันที่นี่ จนทำให้เมืองใหญ่อย่างรีเวเรีย เล็กลงไปถนัดตาทีเดียว แต่ถึงกระนั้น การวางกำลังรักษาความปลอดภัยของ รีเสวเรีย ก็คงถูกตระเตรียมมาเป็นอย่างดี และปีนี้ มีเรื่องที่พิเศษกว่าทุกปีอยู่ซักหน่อย เพราะว่า การสอบปีนี้มีผู้ที่ทำคะแนนสูงสุด นับตั้งแต่เริ่มทดสอบอัศวินมา

    หลังจากพิธีอันยิ่งใหญ่และทรงเกียรติ ณ โถงใหญ่ ปราสาทเจ้าเมืองรีเวเรียผ่านไป อัศวินผู้ได้รับการแต่งตั้ง ก็ค่อยๆทยอยเดินออกมา เพื่อพบ ญาติมิตรที่รออยู่ด้านนอก แต่มี 1ในจำนวนนั้น ที่สะดุดตาทุกคน และ เรียกเสียงซุบซิบจากคนทั่วไปทุกที่ที่เขาเดินผ่าน

    อัศวินหนุ่มคนนั้น ผมสีขาวยาวจนถึงไหล่ ดวงตาสีฟ้าอ่อนๆ สวมชุดเกราะสีขาวบริสุทธิ์เกือบทั้งตัว โดยมีส่วนที่เป็นสีทองอยู่ด้วยเล็กน้อย มีผ้าคลุมสีขาวโดยมีสัญลักษณ ์รูปเทพเจ้าแห่งแสงสว่างที่ตรงกลางผ้าคลุม รองเท้าบูทเป็นโลหะสีทองอร่าม

    เขาเดินมาหยุดตรงหน้าชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นเป้าสายตาของทุกคนในบริเวณนั้น

    "ยินดีด้วยนะจ๊ะ อัลกรอส ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินเต็มตัวตามที่หวังไว้" หญิงสาวในชุดจอมเวทย์ขาวเอ่ยขึ้น

    "ผมคงไม่มีวันนี้ได้ ถ้า ไม่มี ทั้งคุณ ฟัฟฟิริเซีย และ คุณ อาดิว คอยดูแลเหมือนผมเป็นลูกแท้ๆของึคุณคนหนึ่ง ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมานะครับ" อัศวินในชุดเกราะสีขาวก้มหัวแสดงความคราวะต่อ ชายหญิงคู่นั้น

    "พูดอะไรอย่างนั้นเล่า อัลกรอส เรา2 คนไม่เคยคิดว่า เธอเป็นคนอื่นเลยนะ เธอก็เป็นลูกชายของเราคนนึงน่ะแหละ ใช่ใหม ฟัฟฟี่?" อาดิวหันไปถามภรรยาของตน ซึ่งคำตอบที่ได้รับนั้นเป็นรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน

    ขณะที่ทุกคนคุยกันอยู่นั่นเองก็มีเสียงกรีดร้องขึ้น เมื่อมองไปยังต้นเสียงก็ พบหญิงสาวคนหนึ่งกอดบุตรชายของตนที่กำลังร้องไห้ ไหล่ซ้ายของเด็กคนนั้นหลุดออกจากตำแหน่งปกติ จนเห็นได้ชัด ก่อนที่ใครจะขยับตัวทำอะไร ก็มีร่างของคนในเสื้อคลุมสีขาวทั้งตัว เดินเข้าไปหาเด็กชายคนนั้น เพียงชั่วอึดใจเด็กคนนั้นก็หยุดร้องไหล่กลับเป็นปกติ ซึ่งแม่ของเด็ก ขอบคุณเป็นการใหญ่

    ไม่นานนัก คนในชุดคลุมสีขาวก็เดินจนมาถึงที่ๆทั้ง3คนยืนอยู่ พร้อมเปิดผ้าคลุมหัวตนเองออก เผยให้เห็น ชายหนุ่มผมสีแดง สวมที่คาดผมสีขาวธรรมดาๆ ไว้ อันหนึ่ง ตาสีเขียว พร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ ที่ทุกคนแสนจะคุ้นเคย

    "ไม่เจอกันซะนานนะทุกคน หวังว่าพ่อ กับแม่คงจะสบายดีนะครับ แล้วว่าไง เจ้าคนเถรตรง ได้ข่าวไปสร้างวีรกรรมตอนสอบไว้ไม่น้อยนี่หว่า แต่จะว่าไปคนอย่างแกก็เหมาะกับอัศวินที่สุดแล้วล่ะ ว่ามั๊ยครับ พ่อ แม่?"

    "ยินดีต้อนรับกลับมานะ เวก้า" ฟัฟฟิริเซียเอ่ยพลางเดินเข้ามาลูบหัวบุตรชายของตนอย่างอ่อนโยน ทำเอาเวก้าทำหน้ายุ่งๆ บ่นงึมงัมว่าตนเองไม่ใช่เด็กๆแล้วซักหน่อย เรียกรอยยิ้มจากบิดาเขาได้อีกคน

    เย็นวันนั้น ณ ร้านอัลบารทรอส ร้านเล็กๆด้านทิศใต้ ของรีเวเรีย ร้านอาหารที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสบายๆ

    ทั้ง4คนต่างรับประทานอาหารมื้อใหญ่เพื่อฉลองให้แก่ความสำเร็จของอัลกรอส ทุกคนต่างคุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระทั่วๆไป จนเวลาผ่านไป พ่อ และ แม่ ของเวก้า กลับบ้านไปก่อน เพราะพรุ่งนี้ต่างมีภาระกิจต้องทำ ปล่อยใช้ชายหนุ่ม 2 คนที่ไม่ได้เจอกันมานานนั่งคุยกันต่อ

    "นี่เจ้าคนเถรตรงได้ข่าวว่าแก ลุยเข้าป่าอัสร่า เข้าวิหารเทพแห่งแสง ไปเอาดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวมา รอดมาได้ไงฟะน่ะ เห็นว่าลำบากลำบนเฉียดตายไปก็หลายรอบ ไม่ใช่เรอะ ในป่านั่นน่ะ เหอๆ " เวก้าถามพลางโยนเนื้อเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

    อัลกรอสยิ้มออกมาเล็กน้อย "ชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คล้ายๆกับว่ามีคนนำทางชั้นอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นแหละ"

    "ดาบของเทพแห่งแสงที่สร้างขึ้นมาเพื่อความเที่ยงธรรม อย่างนั้นรึ มันก็เหมาะกับคนบ้าคุณธรรม เถรตรงเป็นไม้บรรทัดอย่างแกแล้วล่ะนะ" เวก้าหัวเราะหึๆ

    "ว่าแต่เรื่องของนายล่ะ เห็นว่าไปฝึกวิชากับ ท่านชิเก็น ที่รับการขนานนามว่า `หมอเทวดา` น่าจะได้อะไรๆมาเยอะนะน่ะ" อัศวินเกราะขาวถามบ้าง

    ชายหนุ่มผมแดงตอบกลับมา "ก็พอสมควรเท่าที่สมองอันทึบๆของข้าจะรับได้ล่ะนะ"

    "อย่างนั้นนายน่าจะไปสอบใบรับรองการรักษาคน จาก ชายน์ แล้วล่ะสิ เท่าที่รู้ คนที่จะเป็นทำงานเป็น หมอจะต้อง มีใบรับรองนี่ทุกคนไม่ใช่รึ?" อัลกรอสยังคนถาม ชายหนุ่มผมแดงต่อ

    เวก้าถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง พร้อมคำตอบสั้นๆง่ายๆ "ตกว่ะ"

    อัลกรอสร้องออกมาอย่างแปลกใจ "หา!! นายนี่นะตก ที่เรียนมาจาก ท่านชิเก็นไม่เข้าหัวนายหรือไงน่ะถึงสอบตก"

    เวก้าส่ายหน้า "เปล่าไม่ได้สอบตก โดนปรับตกต่างหาก ดันไปต่อยปากคนคุมสอบเข้าน่ะสิ"

    พอได้ยินประโยคนี้ อัศวินเกราะขาวก็หัวเราะออกมา "สมเป็นนายจริงๆล่ะนะ แล้วเรื่องเป็นไงมาไงล่ะน่ะ"

    เวก้า ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แล้วเล่าด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ "ก็คนคุมสอบมันกวนประสาทนี่หว่า กัดข้าตั้งแต่ยังไม่เข้าห้องสอบ หาว่าเป็นพวกบ้านนอก ความรู้ไม่ถึงริจะมาสอบอะไรประมาณนี้ ช่วยไม่ได้สารรูปตอนนี้ข้ามันเยินจริงๆ ขนาดรีบออกเดินทางยังไปถึงเกือบไม่ทันเวลา เลยเข้าสอบทั้งชุดเยินๆนั่นแหละ แต่นี้ก็แค่ส่วนประกอบ เรื่องมันเกิดตอนเข้าห้องสอบแล้วน่ะ"

    "ข้านั่งสอบตรงริมหน้าต่าง หลังจากนั่งสอบไปซักพักข้อสอบกล้วยๆแบบนั้น แป๊ปเดียวก็เสร็จ แต่ต้องนั่งรอจนกว่าจะหมดเวลาสอบถึงจะส่งข้อสอบได้ มองไปมองมาก็เจอคนแก่เป็นลมอยู่ใกล้ๆ ห้องสอบ ข้าก็จะรีบออกไปช่วย มันก็บอกว่าถึงจะทำข้อสอบเสร็จแล้ว แต่ถ้าออกนอกห้องสอบก่อนเวลาก็ปรับตกอยู่ดี"

    "ข้าก็บอกไม่สนเว้ย มันก็ดันพูดว่า ไร้มารยาทสงสัยพ่อแม่จะไม่ได้สั่งสอน จริงๆแล้วทำข้อสอบไม่ได้เลยหาข้ออ้างที่ จะตกแบบไม่ขายหน้าใช่มั๊ยล่ะ ข้าล่ะฉุนขาดเลยซัดซะหน้าหงาย"

    "แล้วนายก็พูดใส่หน้าคนคุมสอบว่า ข้าเป็นหมอเพื่อที่จะช่วยคนป่วย หากการจะได้ใบรับรองอะไรนี่ ทำให้ช่วยคนเจ็บที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้แล้วล่ะก็ กระดาษเสร็งเคร็งนี่ข้าไม่เอา ใช่รึเปล่า?" อัลกรอสต่อประโยคให้

    "อะไรกัน แกก็รู้นี่หว่า แล้วยังจะมาให้เล่าอีกทำไมเสียเวลา" เวก้าบ่นงึมงัม

    อัลกรอสยิ้มๆ "ก็เรื่องนี้มันออกจะดังนี่นา เรื่องของผู้เข้าสอบแต่ดันไปทำร้ายกรรมการคุมสอบเข้าซะได้ ชั้นอยากได้ฟังเรื่องจากเจ้าตัวมากว่า ข่าวที่ลือกันมาเป็นทอดๆน่ะ"

    "แล้วนายจะทำยังไงต่อไปล่ะเวก้า" อัศวินหนุ่มในชุดเกราะสีขาวเอ่ยถามเพื่อนร่วมโต๊ะ

    เวก้า หัวเราะหึๆอีกครั้ง "คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้วล่ะ ข้าจะตามหาคนที่ชั้นไม่สามารถปกป้องได้ อย่างน้อยข้าก็อยากที่จะเอ่ยคำขอโทษกับเจ้าพวกนั้นซักครั้ง"

    ประโยคนี้ทำเอา อัลกรอสที่กำลังยกแก้น้ำขึ้นมาดื่มถึงกับ สะดุดกึก "นายยังคงแบกความผิดครั้งนั้นไว้คนเดียวอีกงั้นรึ ทั้งๆที่มันไม่ใช่ความผิดนายซักหน่อย"

    "อืม ข้อนี้ข้าก็รู้ แต่ทำไงได้ ถึงวิถีชีวิต และ ชะตากรรม ถูกขีดมาให้สวนทางกันขนาดนี้ แต่ข้าเองก็อยากจะเอ่ยคำขอโทษกับเจ้าพวกนั้นซักครั้ง" เวก้าตอบกลับมาง่ายๆ

    "แกเดินตามเส้นทางของคุณธรรมของแกน่ะดีแล้ว ส่วนข้าเองก็จะเดินไปตามปณิธาน ที่สืบทอดมา หวังว่ามันคงไม่สวนทางกัน จนทำให้ข้ากับแก มาซัดกันเองก็คงจะดีนะ แต่จริงๆในใจข้าก็แอบหวังไว้ลึกๆ นะว่าพวกเราทุกจะกลับมานั่งกินข้าวกันพร้อมหน้าอีกซักครั้ง"

    อัศวินหนุ่มยิ้มออกมาเศร้าๆ "นายก็น่าจะรู้ข่าวของ เร็กซ์ และ คาเซล เหมือนที่ชั้นรู้นี่เวก้า"

    " อืม ที่ทั้ง เร็กซ์ และ คาเซล กลายเป็นนักฆ่า แถมฝีมือสูงจนติด 2 ใน 10 เทพมรณะ ของวงการนักฆ่าใช่ป่ะ? แต่เท่าที่รู้ เจ้า2คนนี้มันเรื่องมากเลือกงานที่ทำนี่นา ชื่อเสียงก็ไม่ได้เสื่อมเสียซักเท่าไรหรอก ดีไม่ดีมีคนหลายคนแอบชื่นชมเอาซะด้วย เหอๆ" ชายหนุ่มผมแดงถามกลับ อย่างไม่จริงจังนัก

    อัลกรอสยืนขึ้นแล้ว ทุบโต๊ะ "แต่นักฆ่า ก็คือ นักฆ่า นายเข้าใจมั๊ยเวก้า พวกนั้นมีอาชีพฆ่าคนนะ!!"

    เวก้าเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดเรียบๆกลับไปว่า "แล้วยังไง อัลกรอส บางครั้งคนเรามันก็เลือกเส้นทางเดินไม่ได้หรอกนะ แล้วนายจะให้ข้าทำยังไง ไปจับพวกนั้นมาส่งทางการอย่างนั้นเรอะ?"

    ประโยคง่ายๆของเวก้า ราวกับมีดที่กรีดหลอดเสียงของคู่สนทนา ให้พูดไม่ออกในทันที ขณะที่อัลกรอส ไม่สามารถตอบคำถามของเวก้าอยู่ได้นั้น ชายหนุ่มผมแดงก็พูดอะไรบางอย่างออกมา ที่ทำให้ อัศวินหนุ่มผู้มีคุณธรรมสูง ถึงกับ ทรุดตัวนั่งลงเพราะไม่สามารถเถียงอะไรได้แม้แต่น้อย

    "แล้วการที่อัศวินอย่างที่แกเป็น สังหารศัตรู นั้นมันไม่ใช่การฆ่าคนรึไง อัลกรอส ถ้านายจะบอกข้าว่าเพราะพวกนั้นเป็นคนเลว จึงฆ่าได้โดยไม่ผิดคุณธรรมของนาย ข้าว่ามันก็เป็นเพียงข้อแก้ตัวเท่านั้น เพราะยังไงมันก็คือการฆ่าคนอยู่ดีใช่รึเปล่าอัลกรอส?"


    "ถึงแกจะถูกเลือกจากเทพแห่งแสง ให้ถือ ดาบศักดิ์สิทธิ์ Final Angel เพื่อพิทักษ์คุณธรรมอะไรนั่น สุดท้ายแกก็ยังเป็นมนุษย์ อยู่ดี แกไม่มีสิทธิที่จะไปตราหน้าว่าคนนั้นดีหรือคนนี้ไม่ดี ถ้าแกไม่รู้ในสิ่งที่เป็นเหตุที่ทำให้พวกเขากระทำเช่นนั้น อาจารย์สอนยัดใส่กะโหลกข้ามาเสมอว่า"

    "อย่าตัดสินคนด้วยสายตา และ เหตุผลของเราเท่านั้น แต่ต้องมองให้ถึงแก่นแท้ของการกระทำนั้น แล้วค่อยตัดสินด้วยจิตใจที่เที่ยงธรรม นั่นแหละคือสิ่งที่มนุษย์ พึงกระทำ ที่ชั้นพูดมามีอะไรผิดไปจากความเป็นจริง ที่เกิดขึ้นในโลกทุกวันนี้หรือเปล่าอัลกรอส?"

    โต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบงัน อัศวินหนุ่มนั่งนิ่งมึนงงด้วยความรู้สึกราวกับว่าเพิ่งถูกเวก้า ต่อยเข้าเต็มหน้า ส่วนตัวชายหนุ่มผมแดงก็ยังคงนั่งกินอาหารบนโต๊ะ โดยไม่สนใจอาการของฝ่ายตรงข้ามซักเท่าไร

    จนเวลาผ่านไปซักใหญ่ๆ อัศวินหนุ่มก็เอ่ยออกมา"นั่นสินะเวก้า ที่นายพูดมาทั้งหมด มันก็จริง แต่ชั้นก็อยากจะเชื่อในคุณธรรมของชั้นต่อไป"

    "ก็ไม่มีใครว่าอะไรนี่ เพราะมันเป็นชีวิตของแกจะเดินไปยังไง จะเชื่ออะไรมันก็เป็นสิ่งที่แกเลือก ที่ข้าพูดออกมานี่ไม่ใช่ว่าจะแก้ตัวให้เจ้าพวกนั้น แต่อยากจะให้แกรู้ถึงความจริงที่เป็นไปบนโลกเบี้ยวๆใบนี้ มันไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่ทุกคนต้องการหรอกนะ มันก็เหมือนแสงสว่างและเงามืด ที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้ชั่วนิรันด์ นั่นและ" เวกัาตอบกลับมา

    อัลกรอสถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ "นายที่พูดเหมือน พ่อ กับ แม่ของนายไม่มีผิด แล้วนายได้ข่าวของ อานิรอนบ้างรึเปล่า? คุณอาดิวพยายามหาข่าวของเธอมาตลอด 8 ปี นี่แต่กลับไม่มีวี่แววแม้แต่น้อย"

    เวก้าส่ายหัว "ขนาดพ่อยังหาข่าวไม่ได้ จะมาถามอะไรกับข้าที่ฝึกวิชาอยู่กับ อาจารย์ ในป่าล่ะ"

    "งั้นรึ แล้วนายจะออกเดินทางเมื่อไร?" ชายหนุ่มผมสีขาว ในชุดอัศวินถามมา

    "กะว่าจะมาอยู่บ้านให้พ่อกับแม่เห็นหน้าซัก 4 - 5 วันก็จะไปแล้วน่ะ คราวนี้คงจะไปนานหน่อย " เวก้าตอบกลับมาพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

    แล้วคืนนั้น กว่าที่ทั้ง 2 คนจะกลับบ้านก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า อีกไม่นานคนที่เขาตามหานั้น จะกลับมาอย่าต่อหน้าพวกเขาอีกครั้ง





    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~​





    หลังจากงานแต่งตั้งอัศวินที่ รีเวเรีย ผ่านไปเกือบเดือน กลางป่าอัสร่าได้มีชายหนุ่มผมสีแดงสด สวมที่คาดผม ในชุดคลุมสีขาว กำลังเดินลุยป่าแห่งนี้อยู่

    "ไม่น่ารับปากแม่ ว่าจะมาหาตัวยาแถวนี้เลยไปให้ก่อนออกเดินทางพับผ่า " ชายหนุ่มคนนั้นบ่นงึมงับอยู่เพียงลำพัง

    ขณะนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังไม่ห่างออกไปนักดังลอยมา ชายหนุ่มคนนั้นไม่รอช้าวิ่งตามเสียงนั้นไปทันที เมื่อมาถึงก็พบ สิ่งที่ทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง ซากของนักรบชาวออค ที่ว่ากันว่าเป็นชนเผ่าที่เก่งกาจด้านสู้รบมากที่สุดอีก 1 ชนเผ่าในป่าอัสร่า นอนกองเต็มไปหมด จากสายตาคำนวนแล้วถ้าไม่ถึง ก็เฉียดๆ 100ศพเลยทีเดียว กลิ่นคาวเลือดลอยคละคุ้งไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปโดยรอบเพื่อหาว่าใครเป็นคนที่ทำเช่นนี้ แต่เขาก็พบเพียงความว่างเปล่า ทั้งๆที่ไม่กี่นาทีก่อนเขายังได้ยินเสียงการต่อสู้อยู่เลย!!

    ชายหนุ่มที่ยืนหันรีหันขวางอยู่นั่นเองไม่นานนัก เขาก็พบว่า ยังมีนักรบชาวออคคนหนึ่งยังไม่สิ้นลมหายใจ ชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาว รีบไปดูอาการทันทีก็พบว่า บาดแผลเปิดกว้างเสียเลือดไปไม่น้อย อาการร่อแร่เต็มที

    "เฮ้ พี่ชายทำใจดีๆไว้ ข้า ราโชม่อน เวก้า จะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ" เวก้า เอ่ย พลางตบหน้าเรียกสติ แต่ก็ไร้ผล เพราะนักรบออคคนนี้หายใจรวยรินเต็มที

    ขณะที่เวก้า กำลังจะเริ่มจัดการกับบาดแผล นั่นเอง มือของเขาก็ถูกคว้าไว้ แล้วนักรบออคคนนั้น ค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วเอ่ยออกมาอย่างลำบากยากเย็น "มนุษย์ตัวน้อยเอ๋ย ข้าขอขอบใจในน้ำใจของเจ้าแต่ข้ารู้ตัวดีว่า ชีวิตต้องดับลงในวันนี้แหละ อย่างน้อยอยากอยากจะฝาก ดาบเล่มนี้กลับไปให้ลูกชายข้า....." จู่ๆเสียงของนักรบคนนั้นก็ขาดหายไป

    เวก้า รู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาค่อยๆเอามือลูบใบหน้าเพื่อปิดดวงตาที่เปิดค้างอยู่นั้นให้ปิดลง จากนั้นชายหนุ่มผมแดงก็ค่อยๆ หยิบดาบที่ได้รับการฝากฝังไว้ ถึงเขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องอาวุธมากนัก เขาก็รู้สึกได้เลยว่าดาบเล่มนี้ ไม่ใช่ดาบธรรมดาที่วางขายกันทั่วไปแน่ๆ

    แล้วจากนั้นเขาก็เดินสำรวจศพทั่วบริเวณทั้งหมด ก็พบว่า โดยรอบมีแต่ร่องรอยการต่อสู้เต็มไปหมด แล้วศพนักรบออคแต่ละศพนั้น เกิดขึ้นจากอาวุธเพียง ชนิดเดียว เท่านั้นคือดาบขนาดใหญ่

    แต่มีเรื่องที่หน้าแปลกใจสำหรับหมอหนุ่มผมแดงอีกอย่าง คือบางศพนั้นมีร่องการถูกกระแทกด้วย อะไรบางอย่างที่เรียบๆ ขนาดใหญ่พอสมควรทีเดียว เวก้าพยายามนึกอยู่นานทีเดียวว่ามันคืออะไรกันแน่นะ

    แล้วจู่ๆ เขารู้สึกได้เลยว่า มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ไม่ไกลจากตัวเขานัก "เหอะๆ ท่าทางจะไม่สนุกแล้วแฮะงานนี้"

    พริบตาก็มีร่างของนักรบออคที่มีผิวกายสีเขียว รูปร่างสูงใหญ่ ง้างดาบในมือ พุ่งเข้าใส่เขาทันที แต่เวก้ากลับไม่ได้ขยับตัวหลบแต่อย่างใด เขาทำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่คิดที่จะทำกันเป็นอันขาด คือยกมือขึ้นจับคมดาบที่ถูกฟันลงมาด้วยมือเพียงข้างเดียว ดาบเล่มนั้นหยุดกึกราวกับถูกเวทย์มนต์สะกด ทั้งๆที่คนที่ถือมันนั้นเป็นนักรบเผ่าออค ที่มีพละกำลังมากกว่าคนปกติหลายเท่า

    "ท่าทางนายจะเป็น ลูกชายของเจ้าของดาบเล่มนี้ พ่อนายฝากฝังมันไว้ก่อนตายน่ะ ว่าอยากจะให้มันกลับไปหานาย แล้วบอกไว้ก่อนนะว่าหมดนี่นายกำลังเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นคนทำจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจนาย เพราะดูจากท่าทาง นายน่าจะรู้ดีว่า ศพเหล่านี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร" เวก้าร้องบอกออกมา พลางปล่อยมือ ออกจากดาบที่จับไว้ แล้วปัดมันออกให้พ้นตัวเขา พร้อมกับยื่นดาบที่เขาถือไว้ในมืออีกข้างให้


    นักรบออคคนนั้น ค่อยๆเอื้อมมืออันสั่นเทา มารับดาบเล่มนั้นไป "แม้กระทั่งท่านพ่อที่เป็นนักรบที่เก่งกาจที่สุด ของเผ่าเรายังพลาดท่าแก่พวกมันรึนี่" เขารำพึงออกมา เวลาเดียวกับที่นักรบออคนนั้นกำลังรำพึงอยู่นั่นเอง จู่ๆก็มี เสียงอะไรบางอย่างดังมาจากท้องฟ้าเมื่อแหงนไปมองก็พบ ร่างของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่มีร่างเป็นสิงโต แต่กลับ มีหัว และ ปีก แบบนกอินทรี

    เวก้าถึงกับร้องออกมา "เฮ้ย นั่นมันกรีฟอน ไม่ใช่รึน่ะมันน่าจะมีอยู่แต่ในนิทานก่อนนอนนี่หว่า"

    แล้วทันทีที่จบประโยคอุทานของชายหนุ่มผมแดงก็มีร่าง ของ อัศวินในชุดเกราะ สวมหมวกเกราะปิดหน้าตา สีดำสนิททั้งตัว พร้อมดาบและโล่ขนาดใหญ่สีเดียวกับเกราะ กระโดดลงมาจากหลัง เจ้าสัตว์ที่หลุดมาจากนิทานตัวนั้น ทำให้ หมอเถื่อนผมแดงของเรารู้ได้ทันทีว่า รอยกระแทกที่เขาสงสัยนั้นเกิดจากโล่นี่เอง

    "พบชนเผ่าออค ยืนยันตามคำสั่งเดิมกวาดล้างให้สิ้น" อัศวินเกราะดำนั้นพูดออกมาประโยคหนึ่ง แล้ว พุ่งเข้าใส่ ออคที่อยู่ใกล้มันที่สุดทันที ซึ่งก็คือนักรบออคที่ยืนอยู่ตรงหน้าเวก้านั่นเอง

    แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เวก้า ไปยืนขวางทางอัศวินเกราะดำคนนั้นไว้ พร้อมๆกับใช้หลังมือปัดดาบขนาดใหญ่ที่ถูกฟันเข้าใส่ พร้อมดีดตัวเตะเข้าที่คอ อันเป็นจุดเปราะจุดเดียวที่อยู่ระหว่างเกราะ และ หมวก อันแข็งแกร่งนั่น

    แทนที่มันจะทรุดไปดังที่เวก้าคิดไว้ ตรงข้ามกันกลับไม่มีทีท่าสะดุ้งสะเทือนใดๆเลย มันใช้โล่ในมืออีกข้างกระแทกเข้าใส่ร่างของเวก้าจะกระเด็น ขณะที่มันจะตามเข้ามาซ้ำนั่นเอง มันก็ถูกฟันโดยฝีมือนักรบออคคนนั้นนั่นเอง

    อัศวินเกราะดำ หันเป้าหมายกลับมาเป็นนักรบออคทันที ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างต่อสู้อย่างสูสี เวก้าพอตั้งตัวได้ก็พุ่งเข้ากระโดดถีบเข้าเต็มหัวของอัศวินเกราะดำ และชั่วจังหวะเดียวกันนั่นเอง นักรบออคก็เหวี่ยงดาบของบิดาตนฟันเข้าที่คอของอัศวินเกราะดำ จนมันหลุดกระเด็นลอยไปกระแทกต้นไม้ใกล้ๆ

    แต่มันน่าตกใจเหลือเกินสำหรับ ราโชม่อน เวก้า แทนที่มันจะเป็นเลือดสีแดงสดของมนุษย์ ที่พุ่งออกมา กลับเป็น ของเหลวสีเงินที่ไหลออกมาจากคอที่ถูกตัดขาดพร้อมกับร่างที่ทรุดลง

    "เฮ้ย ไม่ใช้คนนี่หว่า" เวก้าร้องออกมาอย่างแปลกใจอีกครั้ง ขณะที่เดินไปดูซากของอัศวินเกราะดำที่ไม่มีหัวนั่นเอง

    "ก็ใช่น่ะสิเจ้ามนุษย์ พวกมันเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไม่รู้จักความเจ็บปวด ทางเดียวที่จะหยุดพวกมันคือฟันให้หัวมันหลุดออกจากบ่าเท่านั้น" นักรบออคคนนั้นเอ่ยออกมา

    "อืมเป็นอย่างนี้เองน่ะรึ ยังไงข้าก็ขอขอบคุณนายมากนะ ข้า ราโชม่อน เวก้า เป็นหมอพอดีเข้ามาหาสมุนไพรไปทำยาน่ะ" เวก้าแนะนำตัวเอง

    นักรบออคคนนั้นหันกลับมามองหมอผมแดงคนนี้แปลกๆ "หมอ? เจ้านี่นะเป็นหมอ ถ้าบอกว่าเป็นนักสู้ข้าจะเชื่อเจ้าซะมากกว่านะ ข้า ไลเนล เป็นลูกชายหัวหน้าเผ่าออค"

    "งั้น นักรบออคคนนั้นก็เป็นหัวหน้าเผ่าสินะ ข้าเสียใจด้วยเรื่องพ่อของเจ้า ข้ามาช้าเกินกว่าจะช่วยพ่อเจ้าได้ ขอโทษด้วยนะ" เวก้าเอ่ยคำขอโทษออกมาอย่างจริงใจ

    "ไม่หรอก พ่อข้า และ เหล่านักรบผู้ทรนง ของเผ่าเรายืนหยัดต่อสู้กับเจ้าพวกเกราะดำนี่ ทั้งๆที่จำนวนน้อยกว่าและท่านพ่อก็บาดเจ็บอยู่แล้ว เพื่อถ่วงเวลา ให้ข้าพาพวกเด็กและผู้หญิงที่ไม่อาจต่อสู้ได้ ไปหลบซ่อนในที่ปลอดภัย พวกข้าถึงจะชื่นชอบการต่อสู้ แต่ก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวเรื่องราวนอกป่าแห่งนี้ ทำไมมันต้องมากวาดล้างพวกเราด้วย" นักรบออคนามว่าไลเนลกัดฟันกรอด พลางทุบต้นใกลๆ้เพื่อระบายอารมณ์

    "หมายความว่า เจ้าพวกเกราะดำนี่ไม่ได้มีตัวเดียวสินะ แล้วตอนนี้เผ่าออคไม่มีนักรบเหลืออยู่เลยงั้นรึนอกจาก นายไลเนล?" เวก้าถามกลับไปทั้งๆที่ ตนเองกำลังสำรวจซากของเจ้าเกราะดำอย่างสนอกสนใจ

    "ไม่ นอกจากข้าแล้วยังเหลือนักรบออค คอยปกป้องเหล่าเด้กและผู้หญิงที่สู้รบไม่ได้อีก เกือบๆ20คน ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของชนเผ่าเรา ข้าไม่อยากให้คนนอกเผ่ามาเดือดร้อนด้วย ขอให้เจ้าไปหาสมุนไพร ของเจ้าต่อเถอะ" นักรบออคไลเนล หันหลังเดินออกจากที่นั่นทันทีแต่ก็ต้องหยุดชะงัก

    "เห็นทีข้าจะทำตามอย่างที่เจ้าบอกไม่ได้หรอกนะ ไลเนล เห็นว่ามีคนเดือดร้อนอยู่ตรงหน้าแล้ว สันดานเสียๆที่ชอบจุ้นเรื่องชายบ้านมันกำเริบทุกที ยิ่งรู้ว่าพวกนายสถาณการ เป็นรองขนาดนี้ยิ่งปล่อยผ่านไม่ได้เข้าไปใหญ่ ขนาดทัพใหญ่ของเผ่านายยังไม่อาจต้านทานได้ แล้วคิดว่าที่เหลืออีก 20 คนจะรอดงั้นหรือ?" เวก้าเอ่ยทักออกมา

    "ข้ารู้ดีแต่พวกข้าก็ต้องต่อสู้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะนี่คือสิ่งที่นักรบอย่างข้าพอจะทำได้ แล้วเจ้าล่ะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย จะเดินเข้าไปหาที่ตายทำไม" ไลเนลถามกลับมาอย่างกังขา

    "เพราะปณิธาณที่สืบทอดมายังไงล่ะ ปณิธาณที่ว่าจะช่วยเหลือผู้คนเท่าที่กำลังของตนเองจะทำไหว และ หัวใจอยากจะกระทำ" เวก้าตอบกลับมา

    นักรบออคบุตรชายหัวหน้าเผ่าหัวเราะออกมาเสียงดัง "เจ้ามันบ้าชัดๆ ราโชม่อน เวก้า"

    "นายเพิ่งรู้เรอะ เรื่องที่ว่า ราโชม่อน เวก้า เป็นคนบ้าน่ะเค้ารู้กันทั่งหมู่บ้านแล้วล่ะ เอาเถอะศพของนักรบพวกนี้จะปล่อยให้เป็นอาหารพวกสัตว์ มันจะดูไม่ให้เกียรติ เหล่านักรบผู้หารกล้าแห่งเผ่าเจ้า ข้าว่าเรา2คนมาช่วยจัดการกันเถอะ"

    แล้ว 1 มนุษย์ และ 1 ออค ก็ช่วยกันรวบรวมศพ ของเหล่านักรบผู้เสียสละชีวิต ของพวกเขาเพื่อปกป้องบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง จนเวลาผ่านไปจนเกือบพลบค่ำ เปลวไฟสีแดงฉานก็ถูกจุดขึ้น ที่ลานโล่งกลางป่า เพื่อส่งเหล่าวิญญาณอันหาญกล้าไปสู่สุขคติ แล้วเวลานี้เอง ที่ไลเนลยืนนิ่ง รำลึกถึงบิดาที่เขาแสนจะภูมิใจเป็นครั้งสุดท้าย

    เปลวไฟทำหน้าที่ของมันเผาพลาดทุดสิ่งให้มอดเป็นเถ้าธุลี 1 มนุษย์ และ 1 ออค ต่างยืนนิ่งจนเปลวไฟมอดดับลง พริบตานั้นเอง สายลมจู่ๆก็กรรโชกแรงราวกับมีพายุ พัดพาเอาเถ้าของเหล่านักรบ ลอยหายไปในป่าลึกที่ยามนี้เต็มไปด้วยความมืดมิด เพราะดวงอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปนานพอสมควรแล้ว

    ไลเนลหลับตาลง แล้วหันหลังออกเดินกลับไปยังที่ซ่อนตัวของ เผ่าออคที่เหลือทันที "ถ้าเจ้าอยากยุ่งเรื่องของพวกข้านักเจ้าก็ตามข้ามา ราโชม่อน เวก้า" แล้ว 1 มนุษย์ และ 1 ออค ก็เดินหายไป ความมืดของป่าอัสร่า





    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~​





    ณ ถ้ำแห่งหนึ่ง ใจกลางป่าอัสร่า ไลเนล และ เวก้าก็เดินมาหยุดหน้าถ้ำแห่งนั้น ทหารยาม รีบเข้ามาทำความเคารพ บุตรชายของหัวหน้าเผ่า ผู้ซึ่งตอนนี้เป็นผู้นำเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ โดยมีสายตาสงสัยจำนวนไม่น้อย กับ มนุษย์ ผมสีแดง ที่เดินตามมาด้วย แต่ไลเนลก้ได้อธิบายทุกอย่างให้ทุกคนที่เหลือรอดฟัง พร้อมๆ บอกข่าวร้ายให้ทุกคนได้รู้

    หลังจากได้รับฟังข่าว ภายในถ้ำแห่งนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ไม่อาจบรรยายได้ ความเศร้าโศก และ สิ้นหวัง ตรงเข้าจู่โจมทุกคนในเผ่า ความเงียบชนิดได้ยินเสียงลมหายใจดังชัดเจน เวก้าเลือกที่จะเดินเลี่ยง ออกมายังหน้าถ้ำ แล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบเป็นตัวแรกของหลายวันนี้

    ไม่นานนัก ไลเนล ก็เดินตามออกมา เมื่อเวก้า เหลือบไปเห็น จึงบอกกับ ผู้นำของเผ่าออคในเวลานี้ว่า "นี่ ไลเนล ถ้าใครไม่สบาย หรือเจ็บป่วยตรงไหนก็ให้ออกมาหาข้าตรงนี้ละกัน"

    นักรบออคร่างใหญ่เดินมายืนข้างๆ มนุษย์ ที่สูงแค่หัวไหล่ตนเอง "เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจดีนะเวลา ถ้าได้เจอกันในสถาณการที่ดีกว่านี้ ข้าจะชวนเจ้าดื่มเหล้าแน่ๆ"

    "อาจารย์ข้าเคยบอกไว้ว่า ตราบใดก็ตามที่ยังไม่หมดลมหายใจ คนเราก็ยังคงจะก้าวเดินต่อไปได้เรื่อยๆ ถึงตอนนี้มันจะไม่มีความหวัง แต่อย่างน้อยก็ยังเหลือลมหายใจนี่ ไหนๆก็จะตายลองดิ้นรนอย่างสุดกำลังหน่อยจะเป็นไง อย่างน้อยตายไปก้ไม่มีอะไรค้างคานี่" ราโชม่อน เวก้า พลางพ่นควันบุหรี่ ออกช้าๆ พลางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่วันนี้พระจนกลมโตจนเกือบจะเต็มดวง

    "มนุษย์นี้เป็นอย่างเจ้าทุกคนรึเปล่าเวก้า ข้าเองก็ไม่เคยออกไปป่าแห่งนี้เลยไม่รู้น่ะ" ไลเนลถามกลับมาซื่อๆ

    เวก้ายิ้มออกมาเล็กน้อย "ถ้ามนุษย์ทุกคน เป็นเหมือนข้าทุกคนโลกมันคงจะวุ่นวายพึลึกล่ะนะ"

    "หึๆข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ" ไลเนลหัวเราะออกมา

    แล้วการสนทนาของ 1 มนุษย์ และ 1 ออค ก็ถูกขัดขวางด้วยเสียงของ สิ่งมีชีวิตที่หลุดออกมาจากนิทาน แต่มันต่างกันนิดหน่อยตรงที่ คราวนี้มันมากันชนิด บดบังท้องฟ้าซะมิด!!

    เวก้ากวาดสายตาประเมินจำนวนของศัตรู ในทันทีก็พบว่า มันมากกว่า 100 แน่นอน พร้อมกับแสยะยิ้มออกมา แล้วพึมพัมกับตัวเอง "100กว่าตัวอย่างนั้นรึ ก็ดีพ่อจะเล่นให้ชิบหายกันไปข้าง ยังไงก็ไม่ใช่มนุษย์นี่หว่า ผมไม่ได้ผิดคำสัญญาเลยนะอาจารย์" ไลเนลมองหน้าของเวก้าในเวลานี้ จิตใต้สำนึกบอกกับนักรบออคผู้นี้ได้ทันทีว่า มนุษย์ที่ยืนอยู่ข้างๆเขานี่มัน มารร้าย ชัดๆ

    เวก้าหยิบถุงมือสีน้ำเงินสดออกมาสวมมือทั้ง2ข้างแล้วหันมาบอกกับ ผู้นำของเผ่าออคในเวลานี้ "ไลเนล นายกับนักรบที่เหลือ ทำยังไงก็ได้อย่าให้เจ้าพวกนี้หลุดเข้าไปในถ้ำได้ แค่นั้นแหละ ที่เหลือข้าจัดการเอง"

    อึดใจต่อมา อัศวินเกราะดำที่ถือดาบและโล่ขนาดมหึมา นับร้อย ก็กระโดดลงมาจากหลังเหล่า สิงโตที่มีหัวและปีกเป็นอินทรี "กรีฟอน" ลงมายืนหน้าลานกว้าหน้าถ้ำแห่งนั้นเต็มไปหมด เวก้าสาวเท้าเดินช้าๆ มาหยุดตรงหน้าเจ้าพวกอัศวินเกราะดำ พลางหลับตาลง จากนั้น มือที่สวมถุงมือสีน้ำเงินสดทั้ง2ข้างของเวก้า ก็เรืองแสง พริบตานั้นเวก้าก็ลืมตาขึ้นพร้อมๆ กับจิตการต่อสู้อันแรงกล้าที่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ซึ่งมันก็เป็นดั่งระฆังเริ่ม ของการต่อสู้ที่จะถูกจารึกไว้ในความทรงจำของนักรบเผ่าออค ผู้ที่พบเห็นมันทุกคน

    เงาสีขาว วิ่งเข้าใส่ กองร้อยของอัศวินที่มีเกราะสีตรงกันข้าม ราวกับ ดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นสู่ท้องฟ้าในยามค่ำคืน ทุกครั้งที่เงาสีขาวนั้น ผ่านไปทางใด ก็จะมีร่างของอัศวินเกราะดำลอยกระเด็น ออกมา บ้างก็ทรุดลงหยุดการทำงานเอาดื้อๆ การต่อสู้อันดุเดือดดำเนินไป อย่างบ้าคลั่ง อัศวินเกราะดำจำนวนไม่น้อยที่หลุดจากการโจมตีของเงาสีขาว แต่พวกมันก็เจอนักรบเผ่าออค ที่ตั้งรับอยู่แล้วนั้น เข้าเป็นคู่ต่อสู้อย่างถวายชีวิต เพื่อปกป้องเหล่าผู้รอดที่อยู่ในถ้ำแห่งนั้น

    นักรบออค ไลเนลซึ่ง ที่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรท ี่เขาวิ่งเข้าใส่กองร้อยอัศวินเกราะดำ โดยที่ไม่ได้ตั้งรับอยู่ที่หน้าถ้ำเหมือนนักรบออคคนอื่นๆ เวลานี้ดาบที่สืบทอดในมือเขา เปล่งประกายสีฟ้าอ่อนจนเห็นได้ชัดในที่มืดมิด และทุกครั้งที่มันถูกตวัดฟันก็ต้องมี อัศวินเกราะดำล้มลง 1 คนเสมอ

    เวลานี้ทั้งเวก้า และ ไลเนล ต่างยืนหอบหันหลังชนกัน เพื่อรับมือ อัศวินเกราะดำที่ล้อมเขาอยู่ทุกด้าน "ฝีมือไม่ธรรมดาเลยนี่ ไลเนล" เวก้าที่ตอนนี้เสื้อคลุมสีขาวของเขามันเลอะเป็นด้วยของเหลวสีเงิน ฝุ่นและเลือดของเขา เอ่ยออกมา

    "ข้าโดนพ่อจับฝึกโหดทุกวันเพื่อเป็นผู้นำคนต่อไปของเผ่านี้ล่ะนะ ขืนสู้กับเจ้าพวกนี้ไม่ได้ข้าก็ไม่อาจ สู้หน้าดาบเล่มนี้ของท่านพ่อได้หรอก" ไลเนล ตอบกลับมาพลางเช็ดเลือดของเขาเอง ที่ไหลออกมาจากคิ้วที่แตกเพราะโดนกระแทก ซึ่งพูดได้เลยว่าสถาพของทั้ง2คนนี้ยับเยินเต็มทนแล้ว

    จากนั้น อัศวินเกราะดำทั้งหลายก็ถูกลดจำนวนลงเรื่อยๆ ด้วยฝีมือของ 1 มนุษย์ และ 1 ออค ที่อาละวาดอย่างดุจคนเสียสติ จนพวกนั้นเหลือเพียงไม่ถึง10 สถาณที่พลิกกลับ จู่ๆมันก็เลวร้ายลงทันตาเห็น เมื่อมี กรีฟอนสีดำสนิทตัวหนึ่ง บินลงมาที่พื้นดิน พร้อมด้วย อัศวินที่ใส่เกราะแบบเดียวกัน แต่สีของมันกลับเป็นสีทองอร่าม ในมือถือดาบสีเดียวกับเกราะ และโล่สีฟ้า ขลิบทองเป็นลวดลายรูปปีกนก

    "หึๆ ตามบทในนิยายเป๊ะ พอลูกน้องจะถูกกระทีบตายเรียบ หัวหน้าก็ปรากฎมาถลุง พวกพระเอกที่กำลังจะหมดก๊อกอยู่แล้ว แม่มเว้ย!!! ไม่ต้องให้เหมือนนิยายขนาดนั้นก็ได้" เวก้าร้องออกมาพลางเตะอัศวินเกราะดำคว่ำไปคน

    "ที่เค้าบอกชีวิตเหมือนนิยายที่ท่าจะจริง ข้าให้เจ้าเป็นพระเอก ที่เหลือข้าจัดการเอง เจ้าไปสู้หัวหน้ามันได้เลย" ไลเนลเอ่ยออกมาขณะตวัดอัศวินเกราะดำหัวหลุดไปคนหนึ่ง

    "ชิ!!! ก็ข้าไม่อยากเป็นพระเอกนี่หว่าแล้ว นี่ก็ไม่ใช่นิยายที่พระเอกชนะอย่างเดียวนะเฟ้ย"เวก้าบ่นแต่ก็วิ่งเข้าใส่อัศวินเกราะทองคนนั้นอยู่ดี

    เวก้าพุ่งเข้าใส่อย่างไม่กลัวเกรง จิตการต่อสู้อันรุนแรงของ อัศวินเกราะทองคนนั้นแม้แต่น้อย แล้ว เงาสีขาวและสีทองก็ปะทะกันอย่างรวดเร็วและรุนแรง เวก้าบิดตัวหลบคมดาบ ที่ถูกแทงเข้าใส่ พร้อมหมุนตัวเตะแต่ก็ถูก กันไว้ด้วยโล่ พร้อมกับกระแทกจนเขากระเด็นออกมา

    แต่อัศวินเกราะทองคนนั้น หาได้พุ่งเข้าใส่เวก้าที่เสียหลักไม้ แต่กลับชูดาบสีทองในมือขึ้น พร้อมตวัดคลื่นพลังเข้าใส่เวก้า

    บรึ้ม!! เสียงระเบิดดันสนั่น แต่ตัวเวก้ากลับไม่ได้อยู่ตรงนั้น เขาลอยตัวอยู่เหนืออัศวินเกราะทองคนนั้นแล้ว "เฮ้ย!! ใช้พลังจิตได้อย่างนี้ ไม่ใช่เครื่องจักรเหมือนเจ้าพวกเกราะดำนี่หว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอดูหน้าหน่อยเถอะ"

    มือขวาของหมอหนุ่มผมแดง ถูกปกคลุมด้วยคลื่นพลังสีดำ

    "เคล็ดวิชาหมัดอาคมดำ แหวกนภา ถล่มพสุธา!!"

    อัศวินเกราะทองคนนั้น พยายามจะยกโล่ในมือขึ้นมากัน แต่มันก็ช้าไป 1 จังหวะ เพราะ หมัดที่สวมถุงมือสีน้ำเงินสดของเวก้า กระแทก เข้าเต็มๆ เพล้ง!!! เสียงเกราะส่วนหัวของอัศวินคนนั้นแต่ละเอียดด้วยแรงกระแทกมหาศาล พร้อมกับร่างเจ้าของเกราะที่แตก กระเด็นไปไกลพอสมควร

    แต่เพียงชั่วอึดใจ ร่างเจ้าของเกราะนั้นก็ลุกขึ้นพร้อม กับ เผยให้เห็นว่าร่างที่สวนเกราะอยู่นั้นเป็นหญิงสาว ผมตรงยาวประไหล่สีน้ำตาลออกแดง ดวงตากลมโตสีน้ำตาล แต่แววตาคู่นั้น มันเย็นชาไร้อารมณ์ ราวกับน้ำแข็ง

    ภาพตรงหน้านั้น ทันทีที่ ราโชม่อน เวก้า ได้เห็นทำให้เขายืนนิ่งค้าง เวลานี้ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาต่อหน้าต่อเขาก็ไม่สร้างความตกใจ ให้เขาเท่ากับใบหน้าของร่างของหญิงสาวในชุดเกราะสีทอง ที่เขาได้เห็นอยู่ตอนนี้

    "ไม่จริงน่า อานิรอน ทำไมเธอถึง......." เวก้าพึมพัมออกมาดุจคนละเมอ




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~​
  18. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    โอะๆ กลายเป็นอานิรอนซะงั้น จะมีฉาก XXX ต่อไหมเนี่ย ก้ากๆ

    [action]คิดออกแต่เรื่องพวกนี้แหะตู[/action]

    แต่ชอบมิตรภาพสองเผ่าพันธ์แบบนี้มากเลย ถูกใจคับเพ่

    ปล. เค้าเรียกลอกล่ะถูกแล้ว อย่าไปใช้ศัพท์หรูให้เปลืองหน้ากระดาษเล่นเลยพี่จ้อย 555+
  19. pop30711

    pop30711 New Member

    EXP:
    1,155
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    แบบนี้เค้าเรียกว่า โชคชะตาเล่นตลกล่ะสิเนี่ย

    ว่าแต่ เวก้าหนอเวก้า ต่อยผู้หญิงเลยหรือเนี่ย ไม่ดูเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย

    จะรออ่านต่อไปครับ
  20. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    เวก้า เอ้ย เวก้า ดันแจ็คพอร์ตต่อยผู้หญิงไปซะได้ แถมเป็นใครไม่เป็น ดันเป็นอานิรอนซะนี่

    ส่วนเจ้าเร็กซ์กับคาเซลจับพลัดจับพลูยังไงไปเป็นนักฆ่าซะได้ เหอะๆ (แล้วไหงเจ้าเร็กซ์ไปเจออาเรียได้น่ะเนี่ย โอย ปริศนามากมาย )

    ฟิคมื้อนี้ช่างอรอ่ยเหาะสมการรอคอยจริงๆ แล้วจะรอมื้อต่อไป เอิ้กๆๆ
  21. parwankorn

    parwankorn Member

    EXP:
    60
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: Tale Of Light and Shadow [ลงตอนใหม่ หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (5)]

    การร่วมมือกันจะนำพาไปสู้ชัยชนะ

    อานิรอน เธอไปโดนอะไรมา ???

    คุณ นักเดินทางงับ ของฟิกไปลงเว็บอื่นได้มะเอ่ย ชอบอะ อยากเผยแพร่ :spin:
  22. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: Tale Of Light and Shadow [หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (6) ตอนใหม่จ้า]

    งืมๆๆ งืมๆๆๆ - - "

    [action]จะอะไรแล้วก็ไม่รู้แล้ววุ้ย!!! รออ่านอย่างเดียว 55+[/action]
  23. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: Tale Of Light and Shadow [หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (6) ตอนใหม่จ้า]

    โชคชะตาเล่นตลกดีเนอะ ไปเจอใครไม่เจอมาเจออานิรอนซะงั้น ป๊าดโธ่ พบกันครั้งใหม่ในสถานะแบบนี้เรื่องมันจะยุ่งขนาดไหนละนี่ = ='a

    มิตรภาพระหว่างคนกับออคคราวนี้เจ๋งมากเลยท่าน >w< ว่าแต่ต่อไปจะเป็นยังไงละนี่......

    รอชมต่อไปครับผม ^^b
  24. kadajjang

    kadajjang New Member

    EXP:
    3
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (6) ตอนใหม่จ้า]

    แงๆๆๆ
    ติดใจอ่ะๆๆๆ
    จบดื้อๆเลยอ่ะ
    (ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์) โอ้ว...สงสารพ่อหมอออออ

    จะรอชมตอนต่อไปนะครับ
  25. moko

    moko New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [หมอบ้าเที่ยวล่าสุด (6) ตอนใหม่จ้า]

    กลับมาแวะทักทายอีกครั้ง หลังจากนั่งรอนอนรออยู่นาน ในที่สุดก็มาต่อแล้ววววว

    [action]ยกหมอน มุ้ง ที่นอน กลับมานั่งรอ[/action]

Share This Page