เรื่องเล่าที่ร่วงหล่น ตามHDD ที่จากไป [สถาณะตายสนิท]

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย joi100, 17 พฤศจิกายน 2007.

  1. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [อัพเดทตอนใหม่ นักดาบจากแดนใต้ (2)]

    เรื่องเล่าจากแสงและเงา เรื่องที่ : 4 นักดาบจากแดนใต้ (3)

    เอซ อัลทิโอนิส เพอร์ดิเทีย รู้สึกตัวอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองอยู่ในที่ๆไม่คุ้นตาแม้แต่นิดเดียว มันเป็นห้องสีขาว มีเตียงเปล่าๆตั้งอยู่ และกลิ่นของยาต่างๆที่ลอยอยู่อบอวล ซึ่งนั่นมันก็มากพอที่จะทำให้เจ้าหนุ่มเอซ พอจะเดาได้ว่าตัวเองคงอยู่ในสถาณพยาบาลที่ไหนซักที่แน่นอน

    ขณะที่กวาดสายตาสำรวจไปรอบๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้องนั้น เธออยู่ในชุดจอมเวทย์สายรักษา ผมสีแดงสด เธอยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

    "พื้นแล้วหรือ พ่อหนุ่ม นี่เธอหลับไปหลายวันทีเดียวนะนี่ เดี๋ยวฉันขอตัวไปบอกสามีของฉันก่อนนะจ๊ะ ว่าคนใข้ที่เขาเก็บมาพื้นแล้ว แล้วเธอรู้สึกหิวรึยังล่ะ เอซ ฉันจะได้เอาอาหารเข้ามาให้ด้วยทีเดียวเลย"

    เอซ ที่เพิ่งพื้นได้แต่พยักหน้างึกๆ เพราะรูสึกคุ้นหน้า ผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน แต่เขาก็นึกไม่ออกว่า เธอและสามีเธอเป็นใครกันแน่นะ ทำไมถึงต้องช่วยเขาด้วย?

    ชายหนุ่มพยายามคิดๆ แต่เขาก็นึกออกทันที เมื่อ สามีของจอมเวทย์ขาวคนเมื่อกี้ เดินเข้ามาในห้อง พร้อมถาดอาหารในมือ "ว่าไงเจ้าหนุ่ม ไปฟัดกับตัวอะไรมาล่ะนั่น ถึงยับเยินขนาดนั้น เล่นกันหนักมือเอาเรื่องเลยนะนี่"

    "คุณราโชม่อน อาดิว!!" เอซเอ่ยชื่อของ นายทหารคนสนิทของท่านเจ้าเมืองรีเวเรีย ที่ทหารของรีเวเรียทุกคนต่างรู้ดี ว่าเขาน่าจะได้เป็นแม่ทัพใหญ่ซะด้วยซ้ำ แต่กลับปฏิเสธเพื่อเอาเวลาไปดูแลครอบครัวของเขา แต่ถึงกระนั้นทหารทุกคนก็ยังเคารพนับถือเขา

    "จะตกใจอะไรกันนักกันหนาล่ะ? เอานี่ ฟัฟฟิริเซีย ให้เอามาให้นาย แล้วก็กินยาที่วางอยู่ในถาดนั้นให้หมดด้วยล่ะ ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น" อาดิวเอาพลาง เดินไปวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างๆ เตียงที่ เอซนอนอยู่

    หลังจากชายหนุ่มพยายามกินอาหาร อย่างลำบากยากเย็น ไม่ใช่เพราะเขาไม่หิว หรือ อาหารไม่อร่อย แต่เพราะ ไม่ว่าเขาจะขยับส่วนใดของร่างกายมันก็เจ็บไปหมดทั้งตัว ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจสำหรับตัวเขา ซักเท่าไร เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องฝืนใช้พลังทั้งหมดจนร่างกายยับเยินขนาดนี้

    หลังจาก กินยาหลังอาหารเรียบร้อย อาดิว ที่นั่งรออยู่ก็เอ่ยถามขึ้นมาเรียบๆ "ว่าไงล่ะเอซ เจ้าไปฟัดกับตัวอะไรมา ถึงทำให้นักรบที่ถูกเรียกขานว่า `บุรุษผู้นอกรีตในชุดดำ` อย่างเจ้าปางตายได้ขนาดนี้ "

    "หึๆ คุณอาดิวถ้าผมบอกว่าผมทะเลาะกับว่าที่`พี่เขย`ในอนาคต เรื่องของว่าที่`ภรรยา` จะเชื่อไหมครับ" เอซตอบพร้อมกับขยับหมอน แลัวไปนั่งพิงกับหัวเตียง

    "จัสมิน ไอล่า ฟอรส์เฟรดส์ น่ะรึ แสดงว่าคนที่สู้กับนายก็ 1ใน10 เทพมรณะของวงการนักฆ่า ไลอัน โครเซ่ ฟอรส์เฟรดส์ น่ะสิ มิน่าล่ะ ตอนที่ฉันไปถึงแถวนั้นถึงได้ยับเยินขนาดนั้น" อาดิวตอบกับมาเรียบๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนัก ราวกับมันเป็นเพียงเรื่องของเด็กๆทะเลาะกัน

    "แล้วตอนที่คุณอาดิวไปถึง ไม่เจอ ว่าที่พี่เขย ของผมรึครับ?" เอซถามกลับมา

    "เจอสิ แต่ระหว่างทางมายังที่นี่ ดันหนีหายไปซะก่อน ทั้งที่ก็ยับเยินพอๆกับเจ้าน่ะแหละ พอดีมีคนคนส่งข่าวว่าที่ริมฝั่งแม่น้ำในอนาเขตของ รีเวเรีย มีการต่อสู้อย่างรุนแรง พอดีข้าว่างๆเลยแวะไปดูน่ะ พอไปถึงก็เจอ เจ้ากับ ว่าที่พี่เขยของเจ้านอนกองอยู่นั่นแหละ"

    "นี่เอซข้าขอถามเจ้าซักข้อสิ จะตอบหรือไม่ตอบก็เรื่องของเจ้าข้าไม่บังคับ ผู้หญิงคนหนึ่ง แถมยังเป็นนักฆ่าซะด้วย ทำไมเจ้าต้องช่วยเหลือจนตัวเจ้าบาดเจ็บขนาดนี้ด้วยล่ะ? "

    เอซมองออกไปนอกหน้าต่าง "ถ้าจะให้ตอบจริงๆ คงเป็นการช่วยเหลือตัวผมในอดีตล่ะมั๊งครับ จัสมินในตอนนี้ก็ไม่ต่างผมในอดีตเลย ถูกโชคชะตาบีบบังครับในสิ่งที่ไม่อยากเป็น ไร้ซึ่งที่พึ่ง แต่ผมยังโชคดีที่ได้พบกับเพื่อนที่ช่วยเหลือผมขึ้นมาจากความมืดมิดนั่น "

    "ทั้งๆที่ผมกับเขารู้จักกันไม่นาน แต่เขาก็ทำให้ผมได้เห็นอะไรหลายๆอย่างในมุมมองที่ไม่เคยมองมาก่อน อย่างเช่นผมไม่เคยรู้เลยว่าท้องฟ้ามันกว้างใหญ่และสวยงามขนาดไหน ทั้งๆที่แค่เงยหน้าไปเราก็จะได้เห็นแล้ว เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องผม ปกป้องในสิ่งที่เขาเชื่อ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย"

    "ผมเองก็ฝันที่อยากจะช่วยเหลือใครบางคนได้อย่างเขาบ้าง โดยเฉพาะจัสมิน ที่ผมมองเห็นเงาของตัวเองในอดีตซ้อนทับอยู่ จะให้ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วปล่อยไป ผมรู้สึกว่ามันเหมือนกับว่าตัวผมทิ้งปณิธาณที่ยึดมั่นมาไป "

    อาดิวยิ้มออกมาเล็กน้อย "อย่างนั้นรึ? แล้วเพื่อนคนนั้นเคยถามเจ้าว่า `อาวุธในมือนั้นนายกวัดแกว่งมันเพื่อสิ่งใด` ใช่รึเปล่าล่ะ?"

    เอซทำสีหน้าตกใจออกมา "คุณอาดิวรู้ได้ยังไงครับ!!??"

    "เพื่อนของเจ้าคนนั้นเป็นนักดาบ ที่มีชื่อสกุลว่า `อาคาโบชิ` ใช่ไหมล่ะ ข้าดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่า เจ้าน่ะเป็นคนที่มีบ้านเกิดอยู่ที่ อุเอรุโตะ แล้วในเกาะเล็กๆอย่างนั้น ชั้นรู้จักคนที่เป็นอย่างที่เจ้าพูดอยู่น่ะสิ แต่คงไม่ใช่เจ้าหมอนั่นน่าจะเป็นลูกศิษย์ของเจ้าหมอนั่นมากกว่า"

    "แต่ช่างมันเถอะเรื่องของคนแก่ อย่าไปสนใจเลย นอนพักให้สบาย นายต้องนอนอยู่นิ่งๆอย่างนี้ซักพักใหญ่ๆ กว่าจะออกไปซ่าได้อีกรอบล่ะนะ เรื่องค่ารักษาไม่ต้องห่วง ข้าให้เจ้าติดไว้ก่อนได้ เพราะดูยังไงเจ้าก็ไม่มีจ่ายตอนนี้แน่ๆ" แล้วเขาก็เดินออกไป ปล่อยให้ ชายหนุ่มบนเตียงจมอยู่ในห้วงแห่งความคิดของตน





    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~





    ณ หมู่บ้านเล็กๆด้านตะวันออกของริมุเน่ ชายหนุ่มผมสีดำสนิทกระเซิงๆยาวลงมาปิดดวงตา ใส่เสื้อสีดำสวมทับด้วยแจ๊คเก็ตแขนสั้นสีน้ำเงินเข้ม กางเกงสีเดียวกัน ถือห่อผ้าลักษณะเป็นแท่งๆยามประมาณ1เมตร กำลังเดินตรงเข้าไปยังหมู่บ้านแห่งนั้น

    แต่จู่ๆก็มีลูกธนูพุ่งเฉียดใบหน้าของเขาไป ทันที่ที่เขาหยุดเดินหันไปเพื่อมองที่มาของลูกธนูดอกนั้น รอบตัวเขาก็ถูกล้อมด้วย คนในเครื่องแบบของ กองกำลังทหารเวทย์ แห่งริมุเน่ แล้วก็มีหญิงสาวผมสีทองยาวสลวย รวบผมไปด้านหลังผูกด้วยริบิ้นสีเขียวอ่อน เป็นหางม้า อยู่ในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มขลิบขาว เช่นเดียวกองทหารเวทย์คนอื่น

    แต่ที่สะดุดตาก็คือ คันธนูสีเงิน พร้อมกระบอกลูกศรที่สะพายหลังเธออยู่นี่สิ แทนที่จะเป็นผ้าคลุมสีขาวเหมือนดั่งเช่นทหารเวทย์ปกติทั่วๆไป "ปกติกองทหารเวทย์ของริมุเน่ ส่วนก็จะนักเวทย์นี่นา แต่นักธนูนี่เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ?"

    "ขออภัยด้วยที่เสียมารยาท แต่ทางเราขอควบคุมตัวคุณในฐานะผู้ต้องสงสัย ในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในละแวกนี้" เธอคนนั้นเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เฉียบขาด

    "คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง? แล้วทำไมถึงสงสัยว่าเราเป็นคนร้ายล่ะ หรือเพราะว่าคดีที่เกิดขึ้นเหยื่อทุกคนโดนทำร้ายด้วยอาวุธมีคมลักษณะยาวเรียว เช่นเดียวกับดาบที่เราถืออยู่ อย่างนั้นรึท่านหญิง?" ชายหนุ่มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเนือยๆ นี่ครั้งที่เท่าไรกันแล้วนะที่เขาต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยในสิ่งที่ไม่ได้ทำทุกที

    แต่มันก็ว่าไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเขารู้ดีว่าคนร้ายเป็นใคร แล้วก็สมควรอยู่แล้วล่ะ เพราะเขามักจะปรากฎตัวไล่เลี่ยกับคดีที่เกิดขึ้นนี่นาแถมถืออาวุธประเภทเดียวกับคนร้ายซะด้วย มันก็ไม่น่าแปลกใจนักที่เขาจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายซะเอง

    "นายก็รู้ตัวดีนี่ แต่ถ้านายมั่นใจในความบริสุทธิ์ของนาย ก็ช่วยไปกับพวกเราด้วย ไม่เช่นนั้นทางเราคงต้องใช้กำลังจับกุม" สาวสวยผมสีทองเอ่ยตอบกลับมาพร้อมจ้องเขาด้วยสายตาคมกริบ

    "จริงๆเราก็อยากทำตามที่แม่หญิงต้องการนะครับ แต่เราก็ต้องรักษาคำมั่นที่ได้รับปากไว้กับ อาจารย์ว่าจะหยุดเรื่องราวครั้งนี้ ก่อนที่จะมีผู้เดือดร้อน ล้มตายมากไปกว่านี้ คงต้องขออภัยแม่หญิงด้วย ที่ไม่อาจทำตามความต้องการได้" ชายหนุ่มผมสีดำเอ่ยตอบกลับไปเรียบๆ พร้อมกับก้มศีรษะให้นักธนูสาว ตรงหน้าเล็กน้อย แล้วหันหลังกลับไปทางหมู่บ้านในทันที

    พริบตานั้นเอง ลูกธนูก็ถูกฉวยออกจากกระบอกศรพร้อมกับขึ้นสาย แล้วเหนี่ยวพุ่งตรงไปยังขาของชายหนุ่มผมดำทันที ทหารเวทย์ที่ล้อมกรอบอยู่ ก็ลงมือร่ายเวทย์ เพื่อจับกุมชายหนุ่มผมดำคนนี้ทันที

    ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างของเขา หายไปจากที่ๆ ยืนอยู่ พร้อมๆกับร่างของเหล่าทหารเวทย์ที่กระเด็นไปคนละทิศ เพราะโดนอะไรบางอย่างกระแทก ร่างของชายหนุ่มผมดำปรากฎขึ้นอีกครั้งด้านหลังของ นักธนูสาวผมทอง

    จังหวะนั้นเองที่ลูกธนูในมือของเธอถูกจ่อเข้ากับคอของผู้ที่มายืนอยู่ด้านหลัง "จะจัดการฉันมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ"

    "สมเป็น `ราเคล เรนเกล` เทพธิดาแห่งคันศร บุตรีคนโตของมหาอุปราชอัลฟรีด แห่งริมุเน่ ในที่สุดเราก็นึกชื่อของแม่หญิงที่ผู้คนต่างร่ำลือในความงามและฝีมือออกซักที" ชายหนุ่มผมดำเอ่ยออกมาอย่างไม่สะทกสะท้านต่อลูกธนูในมือหญิงสาวที่จ่อคอของเขาอยู่ในขณะนี้แม้แต่น้อย

    ขณะที่นักธนูสาวกำลังพยายามจ้องเข้าไปยังดวงตาที่ถูกผมปิดอยู่นั้น จู่ๆชายหนุ่มผมดำก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป ราวกับรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งเธอเองก็รู้สึกได้เช่นกันถึง จิตสังหารอันน่าหวาดกลัว กลิ่นไอแห่งความตาย ที่ลอยออกมาจากหมู่บ้านที่ไม่ห่างออกไปนัก

    ชายหนุ่มผมดำไม่พูดจาอะไรต่อไปอีกนอกจาก พุ่งไปยังหมู่บ้านตรงหน้าอย่างสุดกำลัง นักธนูสาวเหลือไปมองผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ ซึ่งหลายๆคนลุกขึ้นมาด้วยอาการมึนงง แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บจากของมีคมแม้แต่น้อย

    "นายคนนั้นไม่ยอมชักดาบออกจากฝักซะด้วยซ้ำ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่นะ หรือจะเป็นคนอื่นที่เป็นคนร้าย?" ราเคล เรนเกล คำนวนสถาณการณ์อยู่ในใจ

    "ทุกคน แบ่งกำลัง ล้อมหมู่บ้านไว้ แล้วติดต่อขอกำลังเสริมจากริมุเน่ เร็วที่สุด มีความเป็นไปได้ที่คนร้ายที่เราต้องวการตัวอยู่ในหมู่บ้านแห่งนั้น ขอย้ำให้ทุกคนตรึงกำลังล้อมหมู่บ้านไว้ อย่าเข้าไปในตัวหมู่บ้านเป็นอันขาด" นักธนูสาวสั่งการอย่างรวดเร็ว แล้วตัวเธอก็วิ่งเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้น อย่างรวดเร็ว




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~




    "ราเคล เรนเกล" บุตรสาวของคนโต อุปราช แห่งริมุเน่ "อัลฟรีด" ผู้ซึ่งเลื่องลือไปทั่วดินแดนเอลเทอเฟียว่า พลังและความรู้ในด้านเวทย์มนต์อยู่ในระดับแถวหน้า แต่ตัวเองหาได้สนใจในเวทย์มนต์ดั่งเช่น บิดา และ น้องสาวของเธอ "เฟท" แต่เธอกลับเลือกที่จะจับคันธนู มากกว่า ซึ่งเธอก็ทำได้ดีมาก จนทางกองทหารเวทย์ยอมรับให้เธอเข้าร่วมด้วย ทั้งๆที่เธอไม่ได้จบจากโรงเรียนสอนเวทย์มนต์ และ ใช้เวทย์มนต์ได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น

    สิ่งที่ทำให้เธอได้รับการยอมรับ นอกจากฝีมือในการใช้ธนูแล้ว ยังมี ความสามารถในการแกะรอย ประเมินสถาณการณ์ อย่างรอบคอบและเยือกเย็น ทำให้เธอเป็นถึงหัวหน้าหน่วยพิเศษของ กองทหารเวทย์แห่งริมุเน่

    เมื่อ อาทิตย์ก่อน ได้เกิด คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนไม่น้อย บริเวณใกล้เคียงกับ ริมุเน่ ทำให้ชาวบ้านแถบชานเมือง ตกอยู่ในความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก "เซเน็ต วาเลท" หัวหน้ากองทหารเวทย์ ได้มีคำสั่งลงมาให้หน่วยของเธอ ตามสืบเกาะรอยคนร้ายที่ลงมือในครั้งนี้ให้ได้

    หลังจากสืบสวนไปได้ไม่นาน เธอก็ได้แบะแส ว่า ทุกครั้งที่เกิดคดี จะมีชายหนุ่มคนหนึ่งผมสีดำ ถือห่อผ้าลักษณะเป็นแท่งเรียวยาวปรากฎตัวขึ้นทุกครั้ง เธอจึงเลือกที่จะตามตัวชายหนุ่มคนนี้ให้เจอ เพราะเธอมั่นใจว่า เขาต้องรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับ เรื่องนี้อย่างแน่นอน

    ซึ่งก็เป็นไปดังคาด เวลานี้เธอกำลังวิ่งตามเขาคนนั้นเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งคราวนี้แหละที่เธอจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแน่ ยิ่งเข้าไปใกล้หมู่บ้านเท่าไร ราเคล ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันน่าหวาดหวั่น ราวกับว่ามันถูกปลดปล่อยออกมาจากสัตว์ร้ายที่ผุดมาจากขุมนรก แต่ชายหนุ่มที่วิ่งนำหน้าเธออยู่ในขณะนี้กลับไม่มีทีท่าหวาดกลัว หรือ แสดงอาการใดๆ ต่อสิ่งเหล่านี้แม้แต่น้อย

    ถึงแม้เธอเอง จะมั่นใจในการเคลื่อนไหวของตก แต่ว่า เธอกลับไม่สามารถไล่ตามชายหนุ่มที่กำลังวิ่งนำหน้าเธออยู่ได้เลยแม้แต่น้อย ทำได้แค่เพียงรักษาระยะห่างให้อยู่ในสายตาเท่านั้นเอง แล้วร่างของชายหนุ่มผมดำคนนั้นก็หายไปจากสายตาเธอเมื่อเข้าถึงตัวหมู่บ้าน

    เมื่อเข้ามาถึงตัวหมู่บ้านก็แทบผงะเมื่อก็กับศพของชาวบ้านที่ ที่สภาพแต่ละศพนั้น ถูกแยกเป็นชิ้นๆ และ เลือดสีแดงสดที่สาดกระเซ็นไปทั่วหมู่บ้าน แล้วพริบตานั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงต่อสู่ดังขึ้นไม่ไกลนัก

    ราเคล เรนเกล รีบพุ่งไปยังที่มาของเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ปรากฎต่อสายตาเธอ คือชายหนุ่มที่เธอวิ่งตามมานั้นกำลังต่อสู้อยู่กับบางอย่าง ที่น่าจะเคยเป็นมนุษย์!!

    หัวที่เหลือเพียงหนังหลุดลุ่ย ดวงตาลึกกลวงโบ๋ ไร้ซึ่งลูกตา ร่างกายที่ไม่มีสีเสือดซีดเซียวและผอมแห้ง ไร้ซึ่งสัญญาณแห่งชีวิต อยู่ในชุดเกราะเก่าๆสีแดงฉาน สนิมเกรอะกรัง แต่สิ่งที่อยู่ในมือของเจ้านั่นมันคือ ดาบสีดำสนิทขนาดใหญ่ ยาวไม่ต่ำกว่า 2 เมตร กว้างเกือบครึ่งเมตร ซึ่งมันใหญ่กว่าตัวเธอซะด้วยซ้ำ

    และดาบเล่มนั้นมันมีดวงตาขนาดใหญ่1ดวงประดับอยู่ตรงกลาง สีแดงฉานเช่นเดียวกับโลหิต ที่สำคัญดวงตานั่นมันขยับได้ด้วย!!! สามัญสำนึกกระตุ้นเตือน ใส่เธอตวัสธนูในมือเธอ ยิงไปยังดวงตาบนดาบยักษ์สีดำนั่นทันที

    แต่วินาทีเดียวกับที่เธอเล็กคันศรในมือเธอไปยังมัน ดาบและซากศพในชุดเกราะนั่นกลับพุ่งเข้าใส่เธอพร้อมตวัดดาบยักษ์สีดำเล่มนั้น เข้าในตัวเธอด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ!!

    ราเคล กระโจนหลบสุดดัวด้วยสันชาตญาณ แต่รัศมีของของการเหวี่งดาบของมันกว้างเกินกว่าที่เธอจะหลบพ้น ชัววินาทีดับจิตที่ดาบนั่นจะแยกร่างของเธอเป็น 2 ส่วน เธอไม่ได้หวาดหวั่นขนาดต้องหลับตาไม่ยอมมองวาระสุดท้ายของเธอ แต่สิ่งที่เธอเห็นก่อนที่คมดาบจะสัมผัสตัวเธอก็คือ

    ร่างของชายหนุ่มผมดำคนนั้นเข้ามาขวางไว้ระหว่างตัวเธอกับคมดาบ โดบเอาห่อผ้าในมือเขารับคมดาบ เคร้ง!!!! เสียงโลหะกระทบกับอะไรบางอย่างที่แข็งไม่ต่างกันดังสนั่น ร่างของชายหนุ่มคนนั้นกระเทือน ถอยหลังเพียงเล็กน้อย แต่สามารถดาบเล่มใหญ่นั่นได้อย่างเหลือเชื่อ

    ชายหนุ่มคนนั้น จ้องไปยังดวงตาอันแสนจะน่ารังเกียจบนดาบเล่มใหญ่ พร้อมกับสบัดห่อผ้าในมือขึ้น เป็นผลให้ดาบยักษ์เล่มนั้น ลอยขึ้นพร้อมกับร่างของศพในชุดเกราะที่ถือมันอยู่ด้วย ชายหนุ่มผมดำกระโดดตามขึ้นไปพร้อมๆกับฟาดห่อผ้าในมือเขา สวนเข้าใส่เจ้าดาบนั่นที่พุ่งเข้าหาหมายจะปลิดชีพตัวเขาที่มาขัดขวางการล่าเหยื่อของมัน

    แต่มันก็ไม่อาจทำได้ดังหวังเพราะคนที่ขวางทางมันหาใช้เหยื่อของมันดั่งที่แล้วๆมาแต่คือ ผู้ขัดขวางและหยุดยั้งมันต่างหาก ทั้ง2ต่างพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรวดเร็วและรุนแรง ด้วยความเร็วชนิดที่ว่าคนธรรมดามองตามไม่ทัน เสียงดังลั่น และประกายแสง ที่เกิดจากดาบเล่มยักษ์ และ ห่อผ้าในมือชายหนุ่มผมดำ ปรากฎไปทั่วบริเวณที่เกิดการต่อสู้

    ราเคล เรนเกล หญิงสาวผู้ได้รับฉายาว่า "เทพธิดาแห่งคันศร" เวลานี้เธอทำได้เพียงยืนดูการต่อสู้ครั้งนี้ ในใจเธออยากจะเข้าไปช่วยชายหนุ่มผมดำ แต่เธอรู้ดีว่ามันไร้ประโยชน์ เพราะการต่อสู้ตรงหน้าเธอมันรวดเร็วเกินไปที่จะเล็งเป้าหมายเล็กๆที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาได้ นักธนูสาวจากริมุเน่ รู้ดีว่าถึงเธอจะยิงโจมตีเข้าใส่ร่างไร้วิณญาณ ที่เป็นผู้ถือดาบ หรือ ยิงเข้าใส่ตัวดาบมันก็คงไม่ได้ผลอะไรนัก

    การต่อสู้ชายหนุ่มตรงหน้าเธอทำให้เธอรู้ได้ทันที เพราะเขาได้โจมตีเข้าใส่มันอย่างรุนแรงหลายครั้งแต่แทบจะไม่มีผลอะไรเลยกับมันแม้แต่น้อย ตรงข้ามมีอยู่1จังหวะที่เขาโจมตีโดนลูกตาอันน่ารังเกียจนั่นเป็นจังหวะเดียวที่เธอเห็นมันเสียงจังหวะในการโจมตี ซึ่งเธอก็มันใจถ้าจะจบการต่อสู้ครั้งนี้ลงเธอจำเป็นต้องโจมตีไปยังตรงนั้น

    บุตรสาวคนโตแห่งมหาอุปราชแห่งริมุเน่ กัดริมฝีปากเล็กน้อย พร้อมตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ในเวลาปกติเธอไม่มีทางจะทำอะไรที่เสี่ยงขนาดนี้เป็นอันขาด นักธนูสาวหยิบลูกธนูดอกหนึ่งจากกระบอกศร ขึ้นมาพาดกับคันศรของเธอ แล้วง้างพร้อมกับหลับตาลง แล้วรวบรวมสมาธิทั้งหมดเล็งไปยังเป้าหมาย ซึ่งการทำเช่นนี้หมายความเธอ เธอต้องยืนนิ่งๆไม่ใส่ใจสิ่งที่อยู่ภายนอกแม้แต่น้อย การป้องกันตัวของเธอเวลานี้เท่ากับศูนย์ หากศัตรูของเธอหันกลับมาโจมตีเธอแล้วล่ะก็ ก็หมายความว่า โอกาสที่เธอจะมีลมหายใจต่อไปก็เท่ากับศูนย์เช่นกัน

    ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรมาดลใจให้เธอทำอะไรบ้าบิ่นเช่นนี้ถึงขนาดเอาชีวิตมากฝากไว้กับชายหนุ่มแปลกหน้าที่พบกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงซะด้วยซ้ำ มันอาจเป็นเพราะความสูญเสียที่เธอได้พบเห็นระหว่างตามทำคดีนี้ล่ะมั๊ง แต่ในเวลานี้เหตุผลอะไรนั้นไม่ได้อยู่ในความคิดของนักธนูสาวแม้แต่น้อย สิ่งที่เธอเห็นก็คือเป้าหมายของเธอเท่านั้น!!

    ชายหนุ่มผมดำที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือนกับศัตรูตรงหน้า ก็รับรู้ได้เหมือนกันว่า หญิงสาวอีก1คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น เริ่มลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อจะจบการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยมือของเธอเอง แถมมันวิธีที่เสียงอันตรายแบบสุดๆซะด้วยสิ

    ชายหนุ่มยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมคิดในใจ "กล้าหาญจริงๆ เมื่อแม่หญิงกล้าที่จะฝากชีวิตไว้กับเราคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันเพียงชั่วครู่เช่นนี้ เราก็จะปกป้องสิ่งนั้นด้วยจิตวิณญาณที่มี" แล้วชายหนุ่มก็เหลือบไปที่ ห่อผ้าของในมือตนซึ่งเวลานี้ขาดวิ่นเนื่อกจากการปะทะที่รุนแรงหลายครั้งหลายครา เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านในซึ่งเป็นดาบเรียวยาวโค้งเล็กน้อย ซึ่งเป็นดาบรูปแบบเฉพาะ "อุเอรุโตะ" ที่คนทั่วเอลเทอเฟียต่างขนานนามว่า "คาตานะ"

    ชายหนุ่มกระชากดาบเล่มนั้นออกจากห่อผ้าพร้อมๆกับกระชับไว้ในมือทั้ง2แน่น แล้วพุ่งเข้าใส่ศัตรูของเขาที่บัดนี้เปลี่ยนเป้าหมายเป็นนักธนูผมทองแล้ว ด้วยความเร็วชนิดที่ว่าผิดกับที่ผ่านมาราวฟ้ากับเหวทีเดียว!!!!





    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
  2. parwankorn

    parwankorn Member

    EXP:
    60
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (3) หลังจากดองมาซะนาน]

    สนุกดีฮะ

    มีผู้พจญภัยเพิ่มขึ้นอีกแล้ววว

    น่าสนุก น่าสนุก
  3. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (3) หลังจากดองมาซะนาน]

    ก้ากๆๆๆๆ ในที่สุดก็เริ่มทำลายไหกันแล้ว เพราะผมนะเปิดนะเฟ้ย 5555+

    แม้จะห่างหายไปนานแต่มาตรฐานยังคงเดิมนะครับ พี่แล้วจะรอตอนต่อๆไปน้า

    ปล.ขอเซอร์วิสบ้างสิเฟ้ย
  4. pop30711

    pop30711 New Member

    EXP:
    1,155
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (3) หลังจากดองมาซะนาน]

    เย้ๆ!!!! ในที่สุดก็มาซักที รอมาตั้งนานแล้ว

    ยังสนุก น่าติดตามเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย
  5. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (3) หลังจากดองมาซะนาน]

    ตอนนี้ยังสนุกเหมือนเดิม :E

    ตอนนี้เปิดตัวตัวละครใหม่เพิ่มซะด้วย จะเป็นยังไงต่อไปน๊า~~~
  6. moko

    moko New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (3) หลังจากดองมาซะนาน]

    อิอิอิ มาล่ะ ดีเล ไปสะหลายวัน กำลังเซ็งคนอยู่อะนะ ยังสนุกเหมือนเดิมมมม

    แล้วมาต่อไวๆเน่อ
  7. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (3) หลังจากดองมาซะนาน]

    เพิ่งได้กลับมาอ่าน^^ มัวแต่วุ่นกับฟิคใหม่ตัวเอง

    ตอนใหม่ก็ยังคงคุณภาพเยี่ยมเช่นเดิมนะครับ ไม่ตกไปตามกาลเวลา

    แล้วจะรอตอนใหม่นะครับ
  8. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (3) หลังจากดองมาซะนาน]

    หลังจากเคลียร์ภารกิจทั้งกิจใน และ กิจนอกเรียบร้อย กว่าจะมีเวลามานั่งเขียนนิยายตามใจฉันได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันถึคงจะทิ้งระยะไปซักนิดแต่ผมไม่ได้ดองนะครับเนี่ย พี่น้องงงง ฮาๆๆๆ


    Stay With Loyal


    [action]ขอบคุณที่ติดตามกันเสมอมาครับ ยินดีที่สนุกไปกับนิยายเรื่องนี้ครับผม[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    Yoshiki : Legacy weapon


    [action]เซอวิสยันเตล่ะเจ้าโย เขียนยากเอาการอยู่นาฉากพวกนี้หนักมากมันก็จะกลายเป็นลามก น้อยไปมันก็ไม่เซอวิส บ๊ะ!! ว่าแต่ว่าแล้วตูจะมานั่งคิดทำมาเนี่ย ตูเขียนนิยาย"แฟนตาซี"นาเฟ้ย จะให้เซอวิสอะไรบ่อยนักฟะเดี๋ยวโดน กวบ. เซนเซอร์ จะทำงาย[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    Twin-Fenrir

    [action]ตอนใหม่มาแล้วครับอาจจะทิ้งช่วงไปนิด แต่ก็ไม่นานเหมือนตอนที่แล้วครับผม^^[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ยูคิฮิเมะ~ Gespenst Jaeger

    [action]ขอบคุณเจ๊ยูที่ติดตามกันอยู่เรื่อยๆครับผม[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    -MOKO-เรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก


    [action]ได้ข่าวว่างานหนักอยู่นะครับช่วงนี้ว่างๆก็แวะมาอ่านได้ตามสะดวกนะครับ[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    MaxlanceR : FantasyFighter

    [action]อ่านบทนำไปแล้วรอ บทแรกของFicใหม่อยู่นะเนี่ย แม๊กคุง เอิ๊กๆ[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
  9. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (3) หลังจากดองมาซะนาน]

    เรื่องเล่าจากแสงและเงา เรื่องที่ : 4 นักดาบจากแดนใต้ (4)



    ภายในหมู่บ้านเล็กๆชานเมืองริมุเน่ ซึ่งบัดนี้มันกลายเป็นสังเวียนการต่อสู้ระหว่าง มนุษย์ผู้ที่ยังมีลมหายใจ กับ ปีศาจผู้ที่หมายจะฉุดคร่า ลมหายใจออกจากร่างของผู้ที่ขวางทางมัน ดาบสีดำขนาดยักษ์ ถูกกวัดแกว่งด้วยความเร็วสูง เพื่อหมายจะฟาดฟันศัตรูเบื้องหน้า แต่มันก็ไม่อาจทำได้อย่างที่ต้องการ

    เพราะศัตรูเบื้องหน้าของมันนั้น เคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ เสียงของดาบสองเล่มปะทะกันอย่างรุนแรงยังคงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ แถมเสียงนั้นยังคงดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ การต่อสู้ที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าของคนธรรมดา แต่นักธนูสาวที่ยังคงยืนง้างคันธนูหลับตานิ่งรวมรวมสมาธิทั้งหมด กลับเห็นมันอย่างชัดเจน

    แม้เธอจะมองเห็นเป้าหมายแล้วแต่ก็ยังไม่อาจปล่อยลูกศรในมือเธอได้ เมื่อเธอไม่มันใจว่าจะจบการต่อสู้นี้สงภายในครั้งเดียว แม้ว่าศัตรูของเธอพยายามจะมุ่งการโจมตีมายังเธอ แต่ก็ถูกนักดาบหนุ่มผมดำคนนั้นขัดขวางไว้ทุกครั้ง แล้วในที่สุดโอกาสที่เธอรอคอยมันก็มาถึง

    เมื่อชายหนุ่มคนนั้น มาหยุดยืนตรงหน้าเธอ กระชับดาบในมือที่ยังไม่ถูกดึงออกจากฝักดาบเล่มนั้นไว้แน่น ซึ่งศพในชุดเกราะผู้ถือดาบเล่มยักษ์ ก็พุ่งเข้าใส่เป้าหมายที่มันไม่อาจฟาดฟันได้ยามที่เขาเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย โดยหารู้ไม่ว่ามันเป็นกับดัก!!

    ชายหนุ่มผมดำยืนนิ่งจ้องไปยังดาบขนาดยักษ์ที่ฟาดลงมาโดยมีเขาเป็นเป้าหมาย ดาบที่พุ่งเข้าใส่มันเกือบจะถึงตัวชายหนุ่มผมดำอยู่แล้วแต่เขาก็ยังไม่ขยับตัวแม่แต่น้อยมีแต่เพียงสายตาของเขาที่มองตามมันอยู่ตลอดเวลา และในชั่ววินาที่ดับจิตนี่เอง ที่เขาเริ่มขยับตัว ทั้งๆที่ดาบของศัตรูมันอยู่ห่างจากร่างกายของเขาไม่ถึงนิ้ว!!

    จากการหยุดนิ่งที่แปรเปลี่ยนเป็นการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุด ดาบในมือของชายหนุ่มผมดำ ถูกเหวิ่งฟาดสวนกลับอย่าง รวดเร็ว รุนแรง และแม่นยำ ซึ่งเป้าหมายก็คือดวงตาขนาดใหญ่ที่อยู่บนดาบนั่นเอง เสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นพร้อมกับร่างในชุดเกราะพร้อมดาบเล่มใหญ่ที่ถูกกระแทกอย่างรุนแรงลอยถอยหลังกลับไป

    ชายหนุ่มผมดำหาได้หยุดการโจมตีของเขาเพียงแค่นั้น เขาก้าวย่างเข้าใส่ศัตรูของเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา

    “ทศนาคาล่าล้างไพรี!!”

    จบประโยค ดาบในมือเขาถูกกวัดแกว่งฟาดฟันด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ หนึ่ง! จากบนลงล่าง สอง! จากล่างขึ้นบน สาม! จากซ้ายไปขวา สี่! จากขวากลับมาซ้าย ห้า! หก! เจ็ด! แปด! ฟาดฟันไปกลับเป็นรูปกากบาท เก้า! แทงดาบเข้าไปตรงๆ สิบ! ชายหนุ่มผมดำพลิกดาบกลับด้าน พร้อมกับง้างไปด้านหลังสุดเงื้อ พร้อมๆกับทิ้งทั้งตัวทุ่มสุดแรงฟาดเดาบในมือเข้าโจมตีเป้าหมายอย่างสุดกำลัง

    ซึ่งการโจมตีของชายหนุ่มผมดำทั้ง10ครั้งต่างมีเป้าหมายอยู่ที่เดียวคือ ดวงตาขนาดใหญ่บนดาบเล่มนั้น ซึ่งทุกครั้งการโจมตีต่างโดนจุดหมายอย่างแม่นยำและรุดแรง เป็นผลให้ดาบเล่มนั้นลอยเคว้งหลุดจากศพที่มันควบคุมไปยังกลางอากาศ ราวกับจงใจ

    ซึ่ง ราเคล เรนเกล ก็ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปง่ายๆ เมื่อจับเป้าหมายได้อย่างชัดเจนถึงมันจะเป็นช่วงเวลาแค่พริบตาเดียว มันก็เพียงพอแล้วสำหรับ นักธนูผู้ถูกขนานนามว่า “เทพธิดาแห่งคันศร”

    หัวหน้าหน่วยพิเศษแห่งริมุเน่ ลืมตาขึ้น พร้อมๆกับ ลูกธนูที่เธอง้างไว้ เปล่งแสงสว่างสีขาวนวล แล้วเธอก็ปล่อยลูกธนูของเธอหลุดออกจากคันศรพุ่งตรงไปยังเป้าหมายทันที

    ธนูดอกนั้นพุ่งตรงเข้าใส่กลางดวงตาพร้อมกับทะลวงจนทะลุออกมาอีกด้านของดาบอย่างเหลือเชื่อ ในอำนาจในการทะลุทะลวงของลูกธนูดอกนั้น แต่ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันจะเป็นอย่างไรแต่ผลการต่อสู้มันก็ปรากฏออกมาพร้อมๆ ดาบเล่มนั้นที่ตกลงมาปักนิ่งอยู่กับพื้นดิน พร้อมๆกับศพตากซากที่ค่อยๆสลายไป เหลือแต่เพียงชุดเกราะที่มันใส่อยู่เท่านั้น





    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~




    ชายหนุ่มผมดำค่อยๆเดินไปจับที่ด้ามดาบเล่มนั้น แต่ทันทีที่มือของชายหนุ่มสัมผัสกับตัวดาบมันก็สลายกลายเป็นผงธุลีต่อหน้าเขา เขาถอนหายใจ พร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้า

    “แต่เดิมไม่ว่าอาวุธชิ้นใด ถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์อะไร มันก็เป็นเพียงอาวุธเท่านั้น แต่ผู้ที่ทำให้มันเคลื่อนไหว ก็คือมนุษย์ และหลายๆครั้งที่มนุษย์ใช้ความอยาก ความโลภ ความต้องการ ของตัวเองในการกวัดแกว่งอาวุธ จนอาวุธหลายๆชิ้นกลายเป็น อาวุธต้องสาป หรือ ปีศาจไป ทำให้ผู้ที่ไม่รู้เรื่องราวต้องได้รับความเดือดร้อนและต้องสังเวยชีวิตโดยที่ไร้ความผิด”

    “แล้วอาวุธในมือแม่หญิงล่ะถูกกวัดแกว่งเพื่อสิ่งใดกัน?” คำถามสั้นๆที่ถูกหันมาถามยังนักธนูสาวผมทอง แต่ก็ไม่สามารถที่จะตอบออกมาโดยไม่คิดอะไร

    ราเคลมองหน้านักดาบหนุ่มผมดำคนนั้นก็พบ สายตาซื่อๆตรงไปตรงมา ซึ่งหาได้ไม่ง่ายนักสำหรับผู้ที่มีแววตาเช่นนี้ “นั่นสินะชั้นเองก็ไม่เคยถูกใครถามอย่างนี้เหมือนกัน แต่ไม่ว่ายังไง คำตอบของชั้นก็คือ เพื่อสิ่งที่ชั้นเชื่อ ยังไงล่ะ”

    “นายเองก็รู้ชื่อชั้นแล้ว ช่วยบอกชื่อของนายหน่อยได้ไหม?” นักธนูสาวผมทองเอ่ยถามนามของบุรุษตรงหน้า แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้รับคำตอบจากปากของชายหนุ่มตรงหน้า ก็มีทหารเวทย์มนต์แห่งริมุเน่กลุ่มหนึ่ง ตรงมายังเธอด้วยอาการเร่งรีบ

    “ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับคุณราเคล ตอนนี้ที่งานประลองเวทย์มนต์ริมุเน่ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ ตอนนี้องค์หญิงแห่งรีเวเรีย และ ท่านเลซาท ได้รับบาดเจ็บ ที่เมืองวุ่นวายกันใหญ่เลยล่ะครับ คุณราเคลรีบกลับไปเถอะครับ”

    ข่าวที่ไม่คาดคิดถูกแจ้งให้บุตรีคนโตของมหาอุปราชแห่งริมุเน่ทราบ “นอกจาก2คนนี่แล้วมีผู้ที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเปล่า?”

    “ไม่มีครับ แต่วุ่นวายมากทีเดียว ลานประลองก็เสียหายอย่างหนัก ตอนนี้กองทหารเวทย์ที่ถูกส่งไปทำภารกิจต่างๆ ถูกเรียกระดมพลกลับไปยังริมุเน่ทั้งหมดเลยครับ”

    นักธนูสาวผมทองครุ่นคิดอยู่อึดใจก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มที่เพิ่งร่วมรบเมื่อกี้ดังแว่วมา “นามของเราคือ ชาง `อาคาโบชิ ชาง` ถ้ามีวาสนาเราคงได้พบกันอีกท่านหญิง” ราเคล เรนเกล หันกลับไปยังตำแหน่งที่ชายหนุ่มคนนั้นเคยยืนอยู่ก็พบแต่เพียงความว่าเปล่านั้น

    “อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อหยุดยั้งความหายนะ แต่จู่ๆก็หายไปเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เหมือนกับสายลมไม่มีผิด บนเอลเทอเฟียนี่ก็มีคนเช่นนี้อยู่ด้วยสินะ “ นักธนูสาวผมทองพึมพำกับตนเอง

    “เอาล่ะเรารีบกลับไปริมุเน่กันเถอะ เรื่องราวตรงนี้จบลงแล้ว แจ้งข่าวไปยังทุกคนที่กระจายกำลังอยู่รอบๆเมืองนี้ด้วย” สาวสวยผมทองเอ่ยกับ เหล่าทหารเวทย์มนต์ตรงหน้าเธอ





    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~





    เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมๆกับปลุกหญิงสาวผมทองที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างในห้องพักตัวเองหลุดจากภวังค์ความคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต เธอกล่าวกับผู้ที่มาเยี่ยมเยือนเธอ ที่ยืนอยู่อีกด้านของประตู

    “ประตูไม่ได้ ล๊อคเชิญเข้ามาเลยค่ะ”

    เมื่อประตูเปิดออกเธอก็เห็นน้องสาวร่วมสายเลือดของเธอ เดินเข้ามาในห้อง

    “ลมอะไรพัดกันล่ะนี่ ถึงพา ว่าที่ราชินีของเมืองนี้มาเยี่ยมเยือนทหารผู้ต่ำต้อยอย่างดิฉันถึงที่นี่ล่ะเพคะ”

    “ท่านพี่ แซวหนูอย่างนี้อีกแล้วนะคะ หนูไม่ได้ว่าที่ราชินีอย่างที่ ท่านพี่ว่าอย่างนั้นซักหน่อย” เฟททำหน้างอใสพี่สาวของเธอ

    “แหมๆ ล้อเล่นนิดหน่อยเองไม่เห็นต้องทำหน้างออย่างนั้นเลยนี่คะคุณน้องสาว นั่งก่อนสิ มีธุระอะไรกับพี่อย่างนั้นหรือ? รึว่ามีอะไรที่ไม่สบายใจล่ะ?” ราเคลเอ่ายถามน้องสาวน้องตนเอง

    “ช่วงนี้ ท่านเซเน็ตดูไม่ค่อยแจ่มใสเหมือนเมื่อก่อนเลยน่ะสิคะท่านพี่ เหมือนกับว่าจะกังวลใจอะไรบางอย่างอยู่น่ะค่ะ” เฟทเอ่ยปรึษากับพี่สาวของเธอหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ภายในห้อง

    “อ้อ! เรื่องของว่าที่สามีนี่เอง พี่ก็นึกว่าเรื่องอะไร”

    “พี่ราเคล” เฟททำเสียงเข้มเรียกชื่อพี่สาวของเธอ

    “จ้าๆไม่แกล้งแล้ว นานๆที่จะมีโอกาสนั่งคุยกับเธออย่างนี้นา” แล้วสาวสวยผมสีทองผู้เป็นพี่สาว เอ่ยขึ้น “อาจเป็นเพราะช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่ ริมุเน่ รวมทั้งการออกเดินทางของ ท่านเลซาท ทำให้ท่านเซเน็ตมีเรื่องต้องคิดหลายอย่างล่ะมั๊ง”

    “เฟทลอง หาเวลาว่างพาท่านเซเน็ตไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศ ทานข้าวในสวนอะไรประมาณนี้ ถึงเป็นรัชทายาทก็ต้องมีเวลาพักผ่อนกันบ้าง ถ้าว่างไม่นานมาก ก็ที่สวนหลังปราสาทนี่ก็ได้ ท่านเซเน็ตจะได้พักหายใจบ้างหลังจากต้องรับผิดชอบงานมากมายล่ะนะ”

    จอมเวทย์สาวนั่งฟังคำแนะนำจากพี่สาวของเธอซึ่งมักจะเป็นคำแนะนำที่ดีเสมอๆ “แล้วหนูจะลองทำดูค่ะท่านพี่”

    “ดีจังเลยน๊ามีคนให้เป็นห่วงเป็นใยกันเนี่ย เห็นเงียบๆอย่างนี้ น้องสาวของพี่ก็ขี้เป็นห่วงเหมือนเด็กสาวคนอื่นๆเหมือนกันเนอะ” ราเคลลุกเดินเข้าไปขยี้หัวน้องสาวผู้มีผมสีเดียวกับเธออย่างเอ็นดู

    เฟททำหน้ายุ่งๆแล้วพยายามปัดมือของพี่สาวเธอออก “ท่านพี่ชอบทำอย่างกับหนูเป็นเด็กๆอยู่เรื่อยเลย”

    “ก็ในสายตาของพี่เธอยังเป็นเด็กอยู่จริงๆนี่นา” ราเคลยิ้มออกมาอย่างชอบใจ

    แล้วการพูดคุยของ2พี่น้อง สกุลเรนเกลก็ถูกขัดจังจังหวะด้วยเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ ราเคลเดินไปเปิดประตูด้วยตนเอง

    เมื่อเปิดประตูก็พบ บิดาของเธอนั่นเองที่ยืนอยู่หน้าห้อง เฟทที่เห็นเช่นนั้น จึงเดินมายืนอยู่ข้างๆพี่สาวเธอเช่นกัน

    “สวัสดีค่ะท่านพ่อ” ทั้ง2สาวเอ่ยขึ้นพร้อมๆกัน แล้วนักธนูสาวเจ้าของห้องจึงเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อแวะมาหาหนูถึงห้องนี่มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

    มหาอุปราชแห่งริมุเน่ ยิ้มออกมาเล็กน้อยให้บุตรสาวทั้ง2คน “อยู่ทั้ง2คนพอดีเลย ทั้งราเคล และ เฟท วันนี้ว่างหรือเปล่า?”

    “วันนี้เป็นวันหยุดของหนูน่ะค่ะ แล้วเฟทล่ะ” ราเคลหันไปถามน้องสาวตน

    คำตอบที่ได้จากเฟทก็คือ“หนูก็ว่างเหมือนกันค่ะท่านพ่อ”

    “งั้นก็ดีแล้ว เย็นนี้จะมีเพื่อนเก่าพ่อมาที่นี่ทั้ง2คนช่วยแสดงฝีมือทำอาหารเย็นให้หน่อยได้ไหม? ราเคล เฟท?”

    “ไม่มีปัญหาค่ะท่านพ่อ” นักธนูสาวผมทองตอบรับ แล้วบิดาของทั้งคู่ก็เดินจากไป ปล่อยให้ทั้ง2พี่น้องนั่งคุยกันต่อ

    “ว้าว วันนี้ท่านพี่เข้าครัวเองซะด้วย จะมีซักกี่คนน้าที่จะรู้ว่า เทพธิดาแห่งคันศร ราเคล เรนเกล จริงๆแล้วทำหารเก่งไม่แพ้ยิงธนูเลย” เฟทพูดพลางยิ้มให้พี่สาวของเธอ

    “ทำเป็นพูดดีไปแม่น้องสาวตัวดีเธอนั้นแหละต้องมาเป็นลูกมือช่วยพี่ทำอาหารมื้อนี้” ราเคลเดินหยิบกระดาษกับดินสอเพื่อจดอะไรบางอย่าง “ว่าแต่ว่าท่านพ่อก็ไม่ได้บอกไว้ซะด้วยว่าเพื่อนของท่านจะมาซักกี่คน แล้วเราจะทำซักกี่ที่ดี หรือจะไปถามท่านพ่อก่อน?”

    “ไม่เห็นต้องไปรบกวนท่านพ่อนี่ค่ะ เราทำเพื่อไว้ซัก 7-8 ที่ถึงเหลือก็ไม่เป็นไรหนูจะได้เอาไปให้เพื่อนๆทานก็ยังได้”

    “แหมๆ น้องสาวของชั้นนี่เก่งจริงๆเลยนะนี่ว่าแต่ว่าจะเอาไปให้เพื่อน แน่ใจนะเฟทททท” ราเคลลากเสียงพลางทำหน้าสงสัย

    “ก็แน่สิคะท่านพี่นี่ล่ะก็”เฟททำหน้ามุ่ยอีกครั้ง แล้วทั้ง2สาวหัวเราะออกมา ถ้าใครมาเห็นพวกเธอเวลานี้ล่ะก็คงแทบไม่เชื่อว่าเธอทั้งคู่นั้น มีความสามารถอยู่ในระดับแนวของกองทหารเวทย์แห่งริมุเน่ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจว่าไม่ด้อยไปกว่ากองกำลังทหารของเมืองไหนเลยทีเดียว



    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



    ขณะที่ทั้ง2สาวกำลังจัดโต๊ะอาหารเย็นด้วยตนเองโดยไม่ยอมให้พวกคนรับใช้ช่วยทำแต่อย่างใด ซึ่งก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่มีโอกาสพิเศษทำให้ 2 พี่น้องเข้าครัวทำอาหาร อัลฟรีด เรนเกล ก็เดินมาพร้อมกับบุรุษอีก2คน

    คนแรกผมสีแดงสดอยู่ในชุดเกราะเบาแบบที่พวกอัศวินนิยมใส่กัน แต่ก็ไม่เห็นประดับยศหรือเครื่องหมายบ่งบอกสังกัดอย่างอัศวินทั่วไป ซึ่งทั้ง2พี่น้องเรนเกลต่างรู้จักสหายเก่าของบิดาของเธอคนนี้ดี เพราะได้มีโอกาสพบกันหลายครั้งตั้งแต่สมัยเด็ก “ท่านราโชม่อน อาดิวนั่นเอง”

    ส่วนอีกคนนั้นทั้ง2คนต่างไม่เคยเห็นมาก่อน ผมสีดำแต่มีสีขาวแซมอยู่บ้างตามวัย อยู่ในชุดคลุมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนเพิ่งเดินทางมาจากแดนไกลไม่มีผิด ซึ่งจากการคาดเดาทั้งคงอายุน้อยกว่าบิดาของเธอไม่กี่ปี หรือ อาจจะพอๆกันซะด้วยซ้ำ

    “โยดา นี่ลูกสาวทั้ง2คนของชั้นเอง คนโตชื่อราเคล ส่วนคนเล็กชื่อเฟท ส่วนอาดิวคงไม่ต้องแนะนำแล้วล่ะมั๊ง” อัลฟริด เรนเกล แนะนำบุตรีทั้ง2 แก่สหายเก่า

    “ราเคล เฟท นี่เพื่อนเก่าของพ่อชื่อ อาคาโบชิ โยดา เพิ่งมาจากอุเอรุโตะ น่ะ” หลังจากทำความเคารพสหายเก่าของบิดาแล้วก็จัดแจง นำเอาอาหารฝีมือตนเองออกมาเสริฟ โดยที่นักธนูสาวผมทองได้เก็บข้อสงสัยบางอย่างเอาไว้

    หลักจากทานอาหารเรียบร้อย อัลฟรีดได้พาสหายของตนไปนั่งคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่น โดยมีทั้ง2สาวตามไปด้วยเมื่อทุกคนมาถึงห้องนั่งเล่น อัลฟรีด จึงเริ่มการสนทนาโดยทันที

    “เอาล่ะ ราเคล ช่วยเล่าเรื่องที่ไปทำภารกิจเมื่อเดือนก่อน ให้ฟังอย่างละเอียดหน่อยได้ไหม?”

    ราเคลทำหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็เพียงชั่วอึดใจเท่านั้น แล้วนักธนูสาวก็เล่าเรื่องราวอย่างละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเหตุการณ์ทั้งหมดจบลง

    “ขอเสียมารยาทถามนะคะว่า นักดาบคนนั้นที่บอกว่าชื่อ อาคาโบชิ ชาง คนนั้นเป็นอะไรกับท่านโยดาหรือคะ?”

    บุรุษจากดินแดนทางใต้จึงเอ่ยตอบพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย “เจ้าหมอนั่นเป็นลูกศิษย์ของข้าเองแหละหนูราเคล จากที่ได้ฟังท่าทางมันจะยังสบายดี แถมรักษาสัญญาที่จัดการเรื่องราวครั้งนี้ได้ด้วย”

    “สัญญาอะไรรึโยดา” อาดิวเอ่ยถามอย่างสงสัย

    “ก็ไม่มีอะไรมากนักหรอกอาดิว ข้าเองได้รับการร้องขอมาจากคนรู้จักเกี่ยวกับเรื่องฆาตกรต่อเนื่องที่หนูราเคลไปเจอมานี่แหละ พอดีเจ้าหมอนั่นจะออกเดินทางพอดีด้วยข้าก็เลยวานให้เจ้านั่นตามเรื่องนี้ให้ก่อนจะออกเดินทางน่ะ” โยดาเอ่ยตอบกลับมาง่ายๆ

    “อย่างนั้นรึโยดา จากที่ฟังลูกสาวของชั้นเล่ามานี่ลูกศิษย์นายที่ชื่อ`ชาง`คนนี้ฝีมือไม่ธรรมดาเลยนะนี่ ว่าแต่ว่า ราเคลยังสงสัยอะไรอยู่งั้นรึ?” ท้ายประโยคอัลฟรีดหันไปเอ่ยกับลูกสาวของน

    “คือว่าทำไมเค้าคนนั้นไม่ยอมชักดาบออกจากฝักเลยล่ะคะ ทั้งๆที่เจอศัตรูระดับนั้นก็ตามทีเขาก็ยังไม่ยอมชักดาบออกจากฝักเลย” ราเคลเอ่ยถามหลังจากนิ่งอยู่พักใหญ่

    “นั่นสินะมันออกจะดูผิดวิสัยนักดาบไปซักหน่อยล่ะนะลูกศิษย์ของนายคนนี้เนี่ย”อาดิวเอ่ยกับสหายเก่าของเขา

    โยดาหัวเราะออกมาเบาๆแล้วตอบคำถาม”ไม่ใช่ไม่ยอมชักดาบ แต่ไม่อาจชักได้ต่างหากล่ะ ดาบเล่มที่เจ้าหมอนั่นถือมันหักอยู่น่ะสิ”

    “การออกเดินทางของเจ้าหมอนั่นก็เพื่อหาทางซ่อมดาบเล่มนั้นน่ะแหละ ป่านนี้เจ้านั่นคงกำลังตามหาคนที่ซ่อมดาบเล่มนั้นได้อยู่ล่ะนะ มานั่งฟังเรื่องเล่าของคนแก่สาวๆคงจะเริ่มเบื่อแล้วล่ะมั๊งเนี่ย อัลฟรีดไหนว่าเจ้าจะมีเรื่องคุยกับลูกสาวไม่ใช่เรอะ?”

    “อืม เข้าเรื่องเลยละกันทางรีเวเรียแจ้งมาว่า องค์หญิง โรวีเนีย แอสเทรล แรนดอร์ฟ จะมาศึกษาเวทย์มนต์ที่นี่ซักระยะ ทางท่านเจ้าเมืองจึงจัดผู้ดูแลความปลอดภัย รวมไปถึงอำนวยความสะดวก ท่านเห็นว่าเป็น ราเคล และเฟท น่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะอายุไม่ต่างกันมากนัก โดยตำแหน่งที่รับผิดชอบอยู่มอบให้คนอื่นรับผิดชอบแทนไปก่อน”

    คำพูดนี้ทำเอาทั้ง2พี่น้องต้องหยุดคิดทันที แล้วผู้เป็นพี่สาวจึงเอ่ยขึ้น “หมายความว่าหนูและเฟท โดนลดตำแหน่งไปเป็นผู้ติดตามองค์หญิงใช่ไหมคะ?”

    “ถือว่าช่วยกันหน่อยล่ะนะทั้ง2คน จริงๆก็ไม่อยากรบกวนทั้ง2คนหรอก แต่องค์หญิงโรวิเนียปฏิเสธเสียงแข็งที่จะมีกองทหารคุ้มกัน ในริมุเน่ คนที่พอจะไปเป็นผู้ติดตามใช้จำนวนน้อยที่สุดและมีความสามารถพอที่จะปกป้องเจ้าหญิงคนนั้นได้โดยไม่ต้องกังวลให้มากนัก เท่าที่ชั้น อัลฟรีด และเจ้าเมืองทั้ง2คนจะนึกออก ก็มีเพียงหนูทั้ง2คนนี่แหละ ถือว่าช่วยหน่อยละกันนะ หนูราเคล หนูเฟท” ราโชม่อน อาดิว เอ่ยขอร้องมาอีกคน

    “ส่วนตัวแล้วถ้ามีคนรับผิดชอบตำแหน่งแทนแล้วล่ะก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ แล้วเฟทล่ะว่าไง?” นักธนูสาวหันไปถามความเห็นของน้องสาวตนเอง

    “หนูก็ไม่มีอะไรขัดข้องเหมือนกันค่ะ ว่าแต่ว่าทางองค์หญิงโรวิเนีย นี่นอกจากคุณอเมทิส แล้วยังมีผู้ติดตามคนอื่นอีกไหมคะ?”เฟทสอบถามถึงข้อมูลเบื้องต้นทันที

    “มีอีกคนนึงชื่อ นิราวาน่า เออรังเซ่ รวมเป็น 3 คน” อาดิวตอบกลับมา

    “3 คนอย่างนั้นหรือคะ ทั้งพี่ราเคล และ หนูคงจะช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกให้ได้อย่างไม่มีปัญหาล่ะค่ะ ขอให้ทุกท่านสบายใจได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูกับพี่ราเคลคงต้องขอตัวไปก่อนล่ะค่ะ พวกคุณพ่อคงจะมีเรื่องคุยกันอีกมากมาย พวกหนูอยู่ไปคงจะรบกวนเปล่าๆ” แล้วทั้ง2พี่น้องก็เดินหลบออกมาจากห้องนั้นปล่อยให้เพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันมานานได้พูดคุยกันตามลำพัง

    ขณะที่กำลังจะเดินกลับห้องพักของแต่ละคนนั่นเอง เฟทสังเกตเห็นท่าทีของพี่สาวของตนผิดไปจากที่คาดไว้จึงเอ่ยทักคิด “ผิดคาดนะคะนี่ที่ท่านพี่ตอบตกลงง่ายๆอย่างนี้”

    “แล้วเธอจะให้พี่ปฏิเสธท่านพ่อรึยังไงล่ะเฟท? แล้วอีกอย่างพี่ก็ว่างานนี้มันน่าสนใจออกจะตายไป”นักธนูสาวเอ่ยตอบกลับมา

    “น่าสนใจ?” เฟททวนคำอย่างสงสัย

    “ก็องค์หญิงที่ถูกยกย่องว่าเป็นจอมเวทย์สายอัญเชิญที่เก่งกาจที่สุดในยุคนี้ กับผู้ติดตามที่เป็นจอมเวทย์สายรักษาแต่กลับบุกเข้ากลางฝูงมอนเตอร์เคียงบ่าเคียงไหล่กับเธอที่เป็นนักเวทย์สายโจมตี โดยไม่หวาดกลัวซักนิด พี่ว่าคนเช่นนี้มันน่าสนใจออกจะตายไป งานนี้คงมีอะไรสนุกๆรออยู่แน่ๆ”

    เหตุผลที่หลุดออกมาจากปากของพี่สาวทำเอาคนเป็นน้องสาวหัวเราะออกมาเบาๆ “หนูไม่เคยตามความคิดของท่านพี่ทันเลยซักครั้ง มันจะเป็นอย่างที่ท่านพี่ว่าไว้รึเปล่า คงต้องให้ถึงเวลานั้นล่ะค่ะ”

    แล้วทั้ง2พี่น้องต่างก็แยกย้ายไปพักผ่อน

    1 สัปดาห์ถัดมา ก็ถึงวันที่ องค์หญิงโรวีเนีย แอสเทรล แรนดอร์ฟ พร้อมผู้ติดตามทั้ง 2 คนมาถึงริมุเน่ ซึ่งก็ได้คำแนะนำจากท่านเจ้าเมืองริมุเน่ ถึงผู้ติดตามคอยดูแลความสะดวกที่ทางริมุเน่ เตรียมไว้ให้ซึ่ง ก็คือ ราเคล และ เฟท

    หลังจากแนะนำตัวเสร็จ เฟท จึงอาสาเป็นผู้นำเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ซึ่งทั้งโรวิเนีย และ นิราวาน่า ก็ออกจะดูสนอกสนใจอยู่เล็กน้อย เดินตามเฟทไปอย่างกะตือรือล้น ปล่อยให้อเมทิส และ ราเคลเดินรั้งท้าย

    “ลำบากหน่อยนะคะเนี่ยที่ต้องมาตามคอยดูแล องค์หญิงโรวิเนียอย่างนี้” อเมทิสเอ่ยขึ้นขณะเดินอยู่

    ราเคลยิ้มออกมาเล็กน้อย “จริงๆก็แค่มาคอยอำนวยความสะดวกให้เท่านั้นแหละค่ะคุณอเมทิส ส่วนการดูแลอารักขาคงไม่จำเป็นเท่าไร เพราะทั้งตัวองค์หญิงและผู้ติดตามทั้ง 2 คนต่างเก่งกาจออกจะตายไปนี่คะ”

    “คุณราเคลก็พูดเกินไปพวกดิฉันทั้ง2คนก็เป็นแค่ผู้ติดตามธรรมดาเท่านั้นแหละค่ะ”

    นักธนูสาวผมทองเอ่ยทวนคำพูด “ธรรมดา? อย่างนั้นหรือคะ แต่ชั้นไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยนะคะเมื่อได้พบพวกคุณเนี่ย เอาไว้เมื่อถึงเวลาจำเป็นขึ้นมาคงจะได้รู้กันล่ะค่ะ คำว่าธรรมดา ที่คุณอเมทิสว่าไว้มันธรรมดาจริงๆอย่างที่คุณพูดหรือเปล่า“

    "แต่ถ้าเป็นไปได้ดิฉันไม่อยากจะให้เวลาเช่นนั้นมาถึงหรอกค่ะ เพราะมันหมายถึงความวุ่นวายมันจะลำบากคุณราเคล และ คุณเฟท ที่มีหน้าที่คอยดูแลองค์หญิง มันไม่เกิดอะไรขึ้นจะดีกว่านะคะ"อเมทิสตอบกลับมาเรียบๆ

    “นั้นสินะที่คุณอเมทิสพูดมาถูกต้องแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้เฟทพาองค์หญิงเดินไปไกลแล้ว เรารีบไปกันเถอะคะคุณอเมทิส มีโอกาสเรามีได้นั่งคุยกันจริงๆจังๆนะคะเพราะชั้นเองรูสึกถูกชะตากับคุณมากทีเดียว คุณอเมทิส โวเลนเต้“ ราเคลเอ่ยพลางยิ้มให้จอมเวทย์ขาวที่ยืนอยู่ข้างๆเธอซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มกลับมาเช่นกัน แต่รอยยิ้มของทั้ง2คนมันเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วต้องขมวดคิ้วเพราะไม่อาจตีความหมายได้

    "เช่นกันค่ะ คุณราเคล เรนเกล"แล้วทั้ง2คนก็เร่งฝีเท้าตามกลุ่มด้านหน้าไป โดยที่ทั้งคู่ต่างรับรู้ได้ว่าคู่สนทนาของตนเองนั้นไม่ธรรมดาเลยซักนิดเดียว




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
  10. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: Tale Of Light and Shadow [อัพเดทตอนใหม่ นักดาบจากแดนใต้ (4)]

    ตอนที่แล้วไม่ได้ตามอ่าน ครั้งนี้ รวดเดียว อ่านสองตอน

    โอบร๊ะเจ้า!! สุดยอด!?

    อาคาโบชิ ชาง นายนี้มันเร่าร้อนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง
  11. Hell

    Hell Member

    EXP:
    405
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: Tale Of Light and Shadow [อัพเดทตอนใหม่ นักดาบจากแดนใต้ (4)]

    ตอนใหม่มาลงแล้ว~~~! ไม่ได้เข้ามาอ่านนาน แต่จากที่อ่านฝีมือการแต่งของคุณนักเดินทางก็ยังคงเดิมนะครับ
    เนื่องจากไม่ได้อ่านมาหลายตอน เลยขอไปตามอ่านตอนที่ขาดก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆ * */
  12. moko

    moko New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [อัพเดทตอนใหม่ นักดาบจากแดนใต้ (4)]

    มาตามต่อแล้วอิอิ ยังคงสนุกเหมือนเดิม ช่วงนี้งานยังรุมเร้าเช่นเคย เดียวผ่านช่วงนี้ไปแล้วคงได้ทำอะไรสนุกๆตามที่ตัวเองอยากทำสะทีอิอิ
  13. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: Tale Of Light and Shadow [อัพเดทตอนใหม่ นักดาบจากแดนใต้ (4)]

    เจ๊มาก่อกวนความสงบสุขชาวบ้านสินะ หึหึ
  14. pop30711

    pop30711 New Member

    EXP:
    1,155
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [อัพเดทตอนใหม่ นักดาบจากแดนใต้ (4)]

    ตอนใหม่ลงแล้ว !!!

    ชาง... นายนี่ช่างซวยจริงๆ ต้องเดินทางทั้งๆที่ดาบหักเนี่ยนะ....

    จะรอติดตามตอนต่อไปนะครับ
  15. parwankorn

    parwankorn Member

    EXP:
    60
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: Tale Of Light and Shadow [อัพเดทตอนใหม่ นักดาบจากแดนใต้ (4)]

    ลงตอนใหม่สนุกดีนะครับ

    ว่าแต่ "อาคาโบชิ ชาง" เก่งขนาดนั้นแต่กลับทำดาบหัก

    สงสัยต้องไปฟัดกับตัวอะไรมาแน่เลย
  16. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: Tale Of Light and Shadow [อัพเดทตอนใหม่ นักดาบจากแดนใต้ (4)]

    ยังไม่ว่างอ่านเลย ศิษย์พี่==" ขอเซฟเก็บไปก่อนนะ ตอนนี้ ยังต่อสู้กับสอบไฟนอลอยู่

    ไว้สอบเสร็จจะกลับมา เหอะๆๆ

    สู้ๆ
  17. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: Tale Of Light and Shadow [อัพเดทตอนใหม่ นักดาบจากแดนใต้ (4)]

    แหงะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ตอนใหม่ ของเก่ายังไม่จบเลยขออ่านก่อนนะค้าบ = ="a

    ปล.เฮียแม็ก ผมก็กำลังต่อสู้กับสอบไฟน่อลเหมือนกัน TwT
  18. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [อัพเดทตอนใหม่ นักดาบจากแดนใต้ (4)]

    หลังจากเกิดอาการมุขตันเขียนได้แค่ครึ่งตอนก็นิ่งอยู่อย่างนั้น หลังจากดองๆแล้วก็ดองๆจนเดินเล่นไปเดินเล่นมากว่าจะหาสิ่งที่จะเขียนต่อเจอก็เล่นเอาเหงือตกเหมือนกัน บทที่ 4 นี่ก็น่าจะปิดฉากลงได้เร็วๆนี้แหละครับ คาดว่า น่าจะเป็นตอนที่ 6 หรือ 7 ตามที่คาดไว้ ผมพยายามจะให้จบก่อนวันที่ 17/11/51 น่ะครับ เพราะวันนั้นผมจะลงบทพิเศษฉลองกระทู้ครบรอบ 1 ปี ขอขอบคุณพี่น้องๆ และเพื่อนๆ ที่คอยติดตามเสมอมานะครับ


    Near


    [action]โอ้ มาอ่านรวดเดียว2ตอนเลยรึนี่ ว่าแต่ว่าเจ้าชางมันเร่าร้อนตรงไหนหว่า ฮาๆ[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    !~Hell~!


    [action]ไม่พบซะนานเลยนะครับ ขอบคุณที่ยังแวะเข้ามาเยี่ยมเยี่ยนฟิคเรื่องนี้ มีอะไรก็แนะนำหรือติชมกันได้นะครับ[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    -MOKO-เรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก

    [action]หลังจากผ่านภารกิจอันหนังหน่วงก็ได้เวลาปลดปล่อยสินะ หวังว่าช่วงนั้นจะได้พบแต่สิ่งดีๆนะครับ[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ยูคิฮิเมะ~ Gespenst Jaeger

    [action]คอมเม้นซะสั้น แต่ตรงประเด็นน่าดูเชียวนะครับเจ๊ยู อย่าดักทางคนเขียนอย่างนั้นสิครับ เพราะผมก็ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นแหละ ฮาๆๆๆ[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Twin-Fenrir


    [action]ตอนใหม่มาช้าไปซักนิดหวีงว่าคงจะให้อภัยกันนะครับ แหะๆ[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Stay With Loyal

    [action]ผมว่าหลายๆคนน่าจะทราบแล้วล่ะครับว่าเจ้าชางมันไปฟัดกับตัวอะไร แต่ยังไงคำตอบที่ชัดเจนมันต้องตอนหน้าเลยครับ[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    MaxlanceR : FantasyFighter


    [action]ตอนนี้ลง คงจะว่างแล้วสินะแม๊กคุง ขอให้สนุกกับงานเขียนชิ้นใหม่นะเจ้าน้องชาย[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Paia: Inside GN-0000


    [action]คงจะเหมือนเจ้าแม๊กข้างบทสอบไฟนอลเสร็จแล้วขอให้ให้เวลาให้เต็มที่ครับผม[/action]
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
  19. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: Tale Of Light and Shadow [อัพเดทตอนใหม่ นักดาบจากแดนใต้ (4)]

    เรื่องเล่าจากแสงและเงา เรื่องที่ : 4 นักดาบจากแดนใต้ (5)


    หลังจาก 2 สาวพี่น้องสกุลเรนเกล ออกจากห้องพร้อมกับรับทราบภารกิจครั้งใหม่ของพวกเธอ ภายในห้องก็เหลือแต่เพียงผู้สูงวัยทั้ง 3 คนที่นั่งพูดคุยกันถึงเรื่องในอดีต ถ้าย้อนกลับไปซัก หลาย10ปีที่แล้ว คงไม่มีใครในยุคนั้นที่ไม่รู้จักกลุ่มนักผจญภัยที่มีเพียง 4 คนที่ฝีมือเลืองลือไปทั่ว อย่าง อัลฟรีด เรนเกล ,ราโชม่อน อาดิว,อาคาโบชิ โยดา และ บิลฟรอส เฮเทรน

    หลังจากร่วมเดินทางกันมาเป็นเวลานานในที่สุดทุกคนต่างก็ต้องแยกย้ายไปทำหน้าที่ของพวกตน จนชื่อเสียงของพวกเขาในฐานะนักผจญภัยค่อยๆเลือน กลายเป็นชื่อเสียงในด้านอื่นแทน

    "เฮ้อ มานั่งรวมตัวกัน3คนอย่างนี้ไม่เห็นหน้าเจ้าบิลฟรอส มันรู้สึกเหมือนไม่ครบองค์ประชุมเลยว่าอย่างนั้นมั๊ย?" ราโชม่อน อาดิว เอ่ยขึ้นพร้อมๆกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

    อัลฟรีด ยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบพลางเอ่ย"นั่นสินะ อาดิว แต่จะว่าไปนี่ก็หลายปีแล้วสินะที่เจ้านั่นหายสาปสูญไประหว่างการเดินตามหาดินแดนลับแลในสายหมอก `เอเรียล` "

    "คนอื่นอาจจะว่าเจ้าหมอนั่นหายสาปสูญหรือตายไปแล้ว แต่ข้ารู้นะว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น คนอย่างหมอนั่นลองได้ตกลงจะหาอะไรซักอย่างแล้วล่ะก็ถ้าหมอนั่นหาไม่เจอมันไม่เลิกกลางทางง่ายๆหรอก ดีไม่ดีข้าว่าป่านนี้เจ้าหมอนั่นอาจจะหาเมืองนั้นเจอแล้วก็ได้ซะด้วยซ้ำ" โยดาเอ่ยขึ้นบ้างหลังจากฟังความเห็นของเพื่อนเก่าทั้ง2คน

    "ก็นั่นแหละน๊า เจ้าหมอนั่นอาจจเลือกที่ลงหลักปักฐานอยู่กินกับใครซักคนที่เอเรียลไปแล้วล่ะมั๊ง ดีไม่ดีป่านนี้อาจจะมีลูก อายุไม่ต่างจากลูกๆของพวกเราก็ได้ล่ะมั๊ง" อุปราชแห่งริมุเน่เอ่ยแล้วหัวเราะออกมาเล็กน้อย

    "จะว่าไปข้าก็ได้ข่าวว่าหลานชายของเจ้าหมอนั่น ตอนนี้กำลังตามหาเมืองที่คนเกือบทั่วเอลเทอเฟียเชื่อว่ามันเป็นเพียงแค่นิยายอย่าง `เอเรียล` อย่างจริงๆจังถึงขั้นยอมถูกตัดออกจากตระกูล เฮเทรน เชียวนะนี่" อาดิวกล่าวถึงเรื่องราวที่เขาได้ยินมา

    "นายหมายถึง ออส เฮเทรน น่ะรึชื่อเสียงของหมอนั่นในดินแดนทางใต้ถือว่าโด่งดังทีเดียวเลยนะนั่น ทั้งเรื่องฝีมือในการค้าขาย และ ล่าสมบัติ เรียกได้ว่าถอดแบบเจ้าบิลฟรอส ออกมาเป๊ะๆเลยล่ะ" โยดาเอ่ยถึงพ่อค้าผมส้มที่เขารู้จัก

    "ดูๆไปเจ้าพวกเด็กๆรุ่นใหม่แต่ละคนฝีมือนี่ไม่ธรรมดา ทั้งหลานเจ้าบิลฟรอส เวก้า ลูกชายตัวแสบของเจ้าอาดิว ลูกศิษย์ของเจ้าโยดา 2คนแรกชั้นพอรู้เรื่องราวความเป็นมาบ้าง แต่ชั้นไม่ค่อยรู้เรื่องราวของลูกศิษย์ของเจ้าซักเท่าไรเลย เล่าให้ฟังหน่อยได้รึเปล่าโยดา" อัลฟรีดถามถึงนักดาบหนุ่มผมดำที่บุตรสาวของตนเล่าให้ฟัง

    อาคาโบชิ โยดา หัวเราะออกมาเบาๆ "นี่แหละนะคนแก่มารวมตัวกันพูดคุยกันแต่เรื่องเก่าๆ ก็เอาสิถ้าพวกเจ้าอยากจะฟังถึงเจ้าลูกศิษย์ของข้าคนนี้ มันออกจะยาวไปซักหน่อย แต่พวกเจ้าก็มีเวลาว่างมากพอที่จะฟังไม่ใช่รึ?" ท้ายประโยคที่ถูกถามไปยังผู้ร่วมสนทนา ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับมาคือการพยักหน้าเล็กน้อย




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~




    "เรื่องมันก็เริ่มต้นหลังจากพวกเราแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาของตนเอง ข้าเองขณะที่กลับไปถึงบ้างเกิด อุเอรุโตะ ที่นั่นไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงเหมือนเดิม วิถีชีวิตที่เรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติ เมื่อข้ากลับไปถึงบ้างก็พบสิ่งที่น่าแปลกใจเข้า เมื่อบ้านเก่าๆด้านหลังของเกาะที่ข้าทิ้งไว้ กลับมีร่องรอยของผู้ที่มาอยู่อาศัย และดูแลมันอย่างดีแทนที่จะถูกทิ้งร้างไว้ดังเช่นที่มันควรจะเป็น"

    "มันยิ่งน่าแปลกใจเข้าไปใหญ่เมื่อบุคคลที่ข้าพบก็คือ หญิงสาวท้องแก่ ที่กำลังจะคลอด มันน่าตลกมั๊ยล่ะ นักดาบที่กวัดแกว่งดาบอยู่เสมออย่างข้า กลับต้องมาทำคลอดเด็ก แต่มันก็น่าเศร้า ที่หญิงสาวคนนั้นสิ้นลมทันทีที่คลอดลูกของเธอเสร็จ โดยที่ข้ายังไม่ได้ถามถึงความเป็นมาของเธอว่าทำไมถึงมาอยู่ที่บ้านของข้าแม้แต่น้อย"

    "มีเพียงคำขอบคุณที่ข้ามาช่วยทำให้ลูกของนางได้ลืมตาออกมาดูโลก จังหวะเวลาทุกอย่างมันดูฉุกละหุกไปหมด ข้าเองก็ทำได้แค่เพียงจัดงานศพง่ายๆ ให้แก่ผู้หญิงคนนั้นทั้งๆที่ไม่รู้จักชื่อของนางซะด้วยซ้ำ ช่วงแรกๆ ข้าเองก็ลำบากอยู่พอสมควรกับการเลี้ยงเด็กคนนั้น

    แต่มันก็ช่วยให้ข้าซึ่งไม่รู้จะทำอะไรดีหลังจากกลับมาบ้านเกิด ยุ่งๆจนไม่มีเวลาคิดอะไรซักเท่าไรนัก ข้าเองก็ได้ตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่า `ชาง`"

    "เจ้าเด็กคนนั้นก็เติบโตขึ้นไปตามกาลเวลา ข้าเองก็ได้สอนเกี่ยวกับวิถีแห่งดาบเท่าที่ข้าจะเข้าใจ และสามารถถ่ายทอดออกมาได้ ซึ่งเจ้าชาง ก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว หลายๆครั้งที่เจ้านั่นถูกล้อเลียนปมด้อยว่าเป็นเด็กกำพร้า แต่เจ้านั่นก็ไม่เคยใช้ฝีมือดาบที่ข้าสอนไว้เพื่อปกป้อง ไปทำร้ายผู้อื่นแม้แต่ครั้งเดียว เจ้าหมอนั่นทำอย่างมากก็เพียงยิ้มเศร้าๆเท่านั้นเอง"

    "ข้าเองก็ไม่อาจะใช่พ่อแม่ที่ดีนัก เลยเลี้ยงเจ้าหมอนั่นโตออกมาดูแปลกๆผิดกับเด็กทั่วๆไป เจ้าหมอนั่นมักจะชอบนั่งเหม่อมองท้องฟ้าเงียบๆอยู่เสมอ เลือกที่จะฝึกฝนวิชาดาบแทนที่จะไปวิ่งเล่นดังเช่นเด็กทั่วๆไป ไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันเช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ แต่เจ้าชางมันก็ไม่เคยบ่นเรื่องนี้เลยซักครั้ง”

    “เจ้าหมอนี่ แม้จะดูเหมือนเป็นคนที่ไม่สนใจอะไรมากนัก แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นหรือคับขัน เจ้าหมอนี่และฝีมือดาบของมัน ถือว่าเชื่อถือได้เลยทีเดียวล่ะ"

    "ถ้าจำไม่ผิด เมื่อราวๆ 10ปีก่อนล่ะมั๊ง มีเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกสะกดปีศาจไว้ในร่างกาย หนีการตามล่าเข้ามาบริเวณที่เจ้าชางมันฝึกวิชาดาบอยู่ประจำ ข้าเองก็รู้มาบ้างคร่าวๆว่า ในอดีตนั้นได้มีปีศาจออกมาอาละวาด ยอดฝีมือภายของอุเอรุโตะก็ไม่อาจกำราบเจ้าปีศาจตนนี้ลงได้ ทำได้แค่เพียงสะกดไว้ในร่างกายของเด็กน้อยที่เพิ่งเกิดเท่านั้น"

    "การที่เจ้าชางได้พบกับเด็กคนนั้น มันคงจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่คนทั้งเกาะอุเอรุโตะ ได้รู้จักฝีมือของเจ้าหมอนี่ แล้วเรียกเจ้าหมอนั่นว่า `มัจจุราชความเร็วเสียง`"




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~




    เสียงอะไรบางอย่างในพุ่มไม้กระตุ้นเตีอน ให้เด็กหนุ่มผมสีดำละสมาธิจากการฟาดดาบไม้ในมือ แล้วไปจดจ้องกับอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลังพุ่มไม้ เมื่อเขาค่อยๆย่างก้าวเข้าไปดูก็พบว่า มีร่างของเด็กชายอีกคนหนึ่งอายุไม่ต่างจากเขาได้รับบาดเจ็บนอนหายใจรวยรินอยู่

    "นายๆเป็นอะไรมากหรือเปล่า ?" เด็กหนุ่มเขย่าตัวคนเจ็บเล็กน้อยเพื่อเรียกสติ

    แต่จู่ๆร่างนั้นก็คว้าข้อมือเขาไว้แน่น "อย่ามาสนใจข้า ข้ามันเป็นตัวซวยไปที่ไหนก็มีแต่หายนะ ทิ้งข้าไว้เป็นอาหารสัตว์ป่าที่นี่แหละ"

    คำพูดจากคนเจ็บทำเอาเด็กหนุ่มผมดำขมวดคิ้ว แต่ก่อนที่จะได้พูดคุยอะไรมาไปมากกว่านั้น สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นคำตอบก็ปรากฎตัว คนกลุ่มใหญ่กำลังตรงเข้ามาที่ๆเขาทั้ง2คนอยู่ เด็กหนุ่มผมดำไม่มีทางเลือกมากนอกจากคว้าดาบไม้ของตน แล้วลากคนเจ็บขึ้นไปหลบบ้านต้นไม้ใหม่

    หลังจากคนกลุ่มนั้นผ่านไป ชึ่งเขาก็พอที่จะจับใจความที่คนกลุ่มนั้นคุยกันได้ว่ากำลังตามล่าเด็กหนุ่มที่มีปีศาจสิงสู่อยู่ในร่างกาย "นายก็ได้ยินที่พวกนั้นพูดกันแล้วนี่ข้ามีปีศาจสิงอยู่ในร่าง เป็นตัวหายนะปล่อยข้าไว้แถวนี้เถอะ"

    แต่เด็กหนุ่มเหมือนจะไม่สนใจคำพูดของคนเจ็บซักเท่าไร "เราชื่อ ชาง `อาคาโบชิ ชาง` เราไม่สนใจหรอกนะว่านายจะเป็นใครหรือตัวอะไร แต่ตอนนี้นายได้รับบาดเจ็บจะให้เราทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น คงไม่ได้หรอกนะ เอาเป็นว่าเราจะพานายไปที่พักของเราก่อนละกัน" จบประโยคเด็กหนุ่มนามว่าชางก็ลากคนเจ็บ ไปที่ถ้ำที่เขาเอาไว้พักเวลาเข้ามาฝึกวิชาบริเวณนี้เสมอๆ

    ชางเดินเข้าไปค้นสัมภาระที่กองไว้มุมถ้ำพร้อมๆกับเอาอะไรบางอย่างออกมาจากสัมภาระกองนั้น "นี่เป็นยาสมานบาดแผล นายเอาไปทาแผลของนายและก็นี่กินเข้าไปมันจะทำให้นายรู้สึกดีขึ้นเมื่อนายตื่นขึ้นมาอีกครั้ง"

    "ทำไมนายต้องช่วยข้าด้วย ใครๆก็เห็นข้าเป็นตัวน่ารังเกียจทั้งนั้นเมื่อรู้ว่าข้ามีอะไรสิงอยู่ในตัว?" คนเจ็บรับยาจากชางไว้ โดยยังไม่แตะต้องยาเหล่านั้น

    เด็กหนุ่มผมดำยิ้มออกมาเล็กน้อย "เอาไว้นายจัดการยาพวกนั้นแล้วนอนพักก่อน เมื่อตื่นมาอีกครั้งเราจะตอบนายเอง" แล้วคนเจ็บก็จัดการกับยาที่ได้รับมาพร้อมๆกับหลับไปเพราะพิษจากบาดแผล

    เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คนเจ็บที่มีอาการดีขึ้นก็พบว่า เป็นเป็นเวลาเช้าของอีกวันแล้ว มีเพียงกองไฟที่มอดแล้วกับตัวเขาเท่านั้น เขามองไม่เห็นเงาของผู้ที่ช่วยเหลือเขาภายในถ้ำแม้แต่น้อย

    เมื่อเดินออกมาเขาก็พบ อาคาโบชิ ชาง กำลังหวดลมด้วยดาบไม้ในมืออยู่ "ฟื้นแล้วงั้นรึ นายจะมาเอาตำตอบของคำถามเมื่อคืนจากเรางั้นหรือ?"

    "ก็ประมาณนั้น ข้าชื่อ อาราชิ" คนเจ็บแนะนำตัว

    "อ้อ อาราชิ คงที่ว่ามีปีศาจจิ้งจอกสิงอยู่ในตัวตั้งแต่เกิดสินะ คำตอบที่เราจะตอบนายมันก็คงเป็น สิ่งที่รับสืบทอดมาล่ะมั๊ง สิ่งที่เรียกว่าปณิธานไง" ชางตอบกลับมาทั้งๆที่กำลังหวดลมอยู่

    "ข้าไม่เข้าใจคำตอบของนายเลย ทำไมนายถึงช่วยข้ากันแน่ ทั้งนี่นายก็รู้ว่าข้าคือใคร และ เป็นตัวอะไร" อาราชิตอบกลับมาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจในคำตอบ

    "นั่นสินะ เราเองก็ไม่เข้าใจมากนักหรอก แต่เราไม่สนใจสิ่งที่นายเป็น เพราะนายไม่ได้เลือกที่จะเป็นเช่นนี้ไม่ใช่รึ ชะตากรรมของคนเราไม่อาจเลือกได้ แต่นายเลือกเส้นทางเดินได้นี่ " เด็กหนุ่มนามว่าชางตอบกลับมาอย่างง่ายๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ข้อสงสัยของอาราชิกระจ่างขึ้นแม้แต่นิดเดียว

    "นายต้องการจะบอกอะไรกับข้ากันแน่?"

    อาคาโบชิ ชาง ไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วก็ใช้ดาบไม้ในมือหวดลม ต่อไป ทำให้การสนทนาของ 2หนุ่มจบลง โดยที่อาราชินั่งดู ชางหวดลมอยู่ซักพัก ท้องก็เริ่มส่งเสียงออกมา ชางจึงหยุดหวดลมเดินเข้าไปในถ้ำพร้อมกับออกมา พร้อมกับเนื้อแห้งแล้ว ข้าวที่ถูกปั้นไว้เป็นก้อน ซึ่งเป็นเสบียงพกมาที่ชาว อุเอรุโตะทุกคนต่างคุ้นเคยกับมันดี

    "นายก็พักอยู่ที่นี่จนกว่าจะหายดีก็แล้วกันนะอาราชิ เราเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนอาจทำตัวแปลกๆไปบ้าง อย่าถือสาเลยละกันนะ" ชางเอ่ยมาหลังจัดการเสบียงของเขาเรียบร้อย

    อาราชิทำสีหน้าแปลกใจ "งั้นนายอยู่ในป่านี้ตัวคนเดียวกับดาบไม้เล่มเดียวอย่างนั้นรึ?"

    ชางตอบรับง่ายๆ"อืม เราฝึกวิชาอยู่น่ะ อาจารย์บอกว่าแค่ดาบไม้ก็เพียงพอแล้วกำการใช้ชีวิตในป่า แรกๆมันก็ลำบากอยู่ซักหน่อย แต่ถ้าเข้าใจวิธีการใช้ดาบแล้วล่ะก็ แค่ดาบไม้มันก็เพียงพอแล้วล่ะ"

    "นายใช้แค่ดาบไม้ต่อสู้กับสัตว์ในป่านี่นะ?" อาราชิถามมาอีกครั้ง

    "ถ้าไม่จำเป็นเราก็จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ล่ะนะ แต่ถ้ามันจำเป็นบางครั้งก็จำเป็นต้องสู้ล่ะนะ `หากเยื่ยมยุทธแล้วไซร้ แม้กิ่งไผ่ก็ไร้เทียมทาน` อาจารย์บอกไว้อย่างนี้ล่ะนะ จนถึงทุกวันนี้เราก็ยังไม่ถึงขึ้นนั้นเลยล่ะสหาย" ชางตอบพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อย

    เด็กชายที่ต้องแบกชะตากรรมอันหนักหน่วงมาตั้งแต่กำเนิด ยืนมองเด็กชายอีกคนเบื้องหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจยิ่งนัก เขาคนนี้แตกต่างจากทุกคนที่เขาได้รู้จักมายิ่งนัก “เมื่อกี้นายเรียกเราว่า สหาย อย่างนั้นหรือ? ”

    “โดยทั่วไปนายน่าจะรังเกียจคนที่ไปไหนมีแต่ความวิบัติตามไปเป็นเงาตามตัวอย่างฉันไม่ใช่ หรือ นี่นายกลับมาเรียกฉันว่า สหาย ทั้งๆที่ตัวฉันเป็นอย่างนี้นายยังจะนับฉับเป็นเพื่อนอย่างนั้นรึ?”

    อาคาโบชิ ชาง หันมามองหน้า อาราชิ แล้วเอ่ยออกมาอย่างที่เด็กหนุ่มที่มีปีศาจสิงอยู่ในตัวตั้งแต่เกิดไม่คาดคิดว่าจะมีใครพูดกับเข่าเช่นนี้

    “อื้อ เราเองก็ไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนเหมือนกัน เอาเป็นว่าแค่นายมาคุยกับเราแบบนี้ มันน่าจะพอแล้วที่จะเรียกนายว่าเพื่อน หรือว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้อย่างนั้นหรือ อาราชิ?”

    อาราชิรู้ได้ทันทีเลยว่า เด็กชายที่มีนามว่า ชาง คนนี้ก็เป็นเด็กที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวมาตลอดเช่นเดียวกับเขา “บางที่ฉันเองก็เคยฝันนะว่าอยากให้ใครซักคนยอมรับและเรียกฉันว่าเพื่อน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนเพี้ยนๆอย่างนาย ชาง”

    “ก็คงเป็นเช่นนั้นแหละ คนในตัวเมืองมักจะพูดอย่างนั้นเสมอๆ “ แล้วเด็กชายทั้ง 2 คนก็หัวเราะออกมาจากใจจริง

    มันนานซักแค่ไหนแล้วนะ ที่อาราชิไม่ได้หัวเราะเช่นนี้ หรือว่าตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยหัวเราะเช่นนี้กันแน่




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~




    สหายเก่าจากแดนใต้ของเจ้าของห้องหยุดเล่าเรื่องเล็กน้อยพร้อมยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ “และการพบกันของทั้ง 2 คนนี่แหละที่ข้าว่ามันคือสิ่งที่ทำให้ กงล้อแห่งโชคชะตา ที่หยุดนิ่งเริ่มเคลื่อนไหว”

    “ข้าเองก็เคยได้ยินข่าวมาบ้างเหมือนกันนะเรื่องนี้ นักดาบเพียงลำพังที่เผชิญหน้ากับ ปีศาจร้ายที่ผู้คนทั้งเกาะ อุเอรุโตะ ต่างหวาดกลัว ข้านึกว่าเป็นเรื่องของเจ้าซะอีกนะนี่ โยดา” อัศวินนอกประจำการแห่งรีเวเรียเอ่ยขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวที่ได้ฟังมาจากเพื่อนเก่า

    อุปราชแห่งริมุเน่จึงเอ่ยขึ้นบ้าง “ชั้นเองก็ได้ยินมาอย่างนั้นเหมือนกัน ที่แท้ก็เป็นลูกศิษย์ของเจ้าที่ชื่อว่า `ชาง` หรอกรึนี่ แต่นี่ก็เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจดีเหมือนนะ โยดา ว่าแต่ว่า ชั้นขอถามซักอย่างเถอะ”

    “ว่ามาสิอัลฟรีด ปกติคำถามจากปากนักปราชญ์ อย่างนายได้ฟังทีไรคนที่สมองทึบๆเก่งแต่เรื่องวิชาดาบอย่างข้ามักจะปวดหัวจี๊ดทุกที แต่ก็เอาเถอะนานๆเจอกันถือว่าเป็นกรณีพิเศษ” คำตอบของอาคาโบชิ โยดา สามารถเรียกรอยยิ้มจากทุกคนในวงสนทนาได้เลยทีเดียว

    “ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ ถูกต้องที่สุดคำถามจากปากท่านอัลฟรีด เรนเกล ฟังทีไรปวดหัวจี๊ดทุกที” ราโชม่อน อาดิว พึมพัมพลางพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของสหายเก่า

    “พวกนายนี่จริงๆเลย มันไม่ใช่คำถามอะไรที่ตอบยากขนาดนั้นหรอก ชั้นจะถามทั่วๆไปน่ะ ขอถามเลยล่ะกัน โยดา ลูกศิษย์นายคนนี้เก่งระดับไหนแล้วล่ะ?”

    คนที่ถูกถามครุ่นคิดอยู่ชั่วอึดใจแล้วก็ตอบออกมา “ถ้าดาบเล่มที่เจ้าหมอนั่นถืออยู่สามารถซ่อมกลับมาสมบูรณ์ดังเดิมแล้วล่ะก็ ฝีมือของเจ้าหมอนั่น มาประดาบกับข้าจริงๆจังๆ แล้วล่ะก็ ข้าเองก็ไม่มั่นใจเต็ม100%ซักเท่าไรนักว่าจะเอาชนะเจ้าหมอนั่นได้”

    “ถึงตอนนี้ก็เถอะก็อย่างที่พวกเจ้าได้ยิน ลูกสาวคนสวยของอัลฟรีดเล่าให้ฟังนั่นแหละ เจ้าหมอนั่นเก่งพอที่ใช้ดาบที่หักครึ่งไม่สามารถชักออกมาจากฝัก ต่อสู้ปีศาจฆาตกรได้อย่างสบายๆ วิชาการต่อสู้ และวิถีแห่งดาบที่ข้าสั่งสมมาตลอดชีวิตได้ถ่ายถอดไปสู่เจ้านั่นหมดแล้วล่ะ แล้วเจ้าหมอนั่นหลังจากเหตุการณ์ที่ข้าจะเล่าต่อนี่ ก็ตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตายเลยล่ะ”

    “งั้นก็เล่าต่อเถอะข้าเองก็ชักจะสนใจลูกศิษย์คนนี้ของเจ้าที่ชื่อว่า ชาง นี่มากขึ้นเรื่อยๆเหมือนกันแฮะ ว่าไงอัลฟรีดพร้อมจะฟังเจ้าโยดามันเล่าต่อรึยัง” อาดิว เอ่ยพลางหันหน้าไปมองจอมปราชญ์สหายเก่าของเขา ซึ่งคำตอบที่ได้รับคือการพยักหน้าเล็กน้อย




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
  20. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (5) หลังจากมุขตันมานาน]

    เจาะเวลาหาอดีตกันอีกแล้วสินะ

    555+

    สมัยเด็กๆ เหมือนว่าชาง จะเป็นเด็กมีปัญหาสินะ

    แต่ที่การเกิดของชางนี้แปลกประหลาดๆสุดๆ ชอบเรื่องส่วนนี้ดีนะครับ
  21. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (5) หลังจากมุขตันมานาน]

    ย้อนอดีตแล้ววว =w=

    ว่าแต่อาคาโบชิ โยดานี่ตัวเขียวๆเตี้ยๆเปล่าหว่า = ="a [action]ไอ้บ้า คนละโยดากันเฟ้ย[/action]

    เดี๋ยวนะ... นึกได้ว่าเจ้าชางดาบหักก็เพราะอาราชิไม่ใช่รึ(หรือจำผิดหว่า ช่างเถอะ)

    รอชมต่อไปครับผม แล้วก็..... จัสมินของหนูล่ะ =[]=!!!!!
  22. moko

    moko New Member

    EXP:
    27
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (5) หลังจากมุขตันมานาน]

    ล่องลอยมาติดตามต่อ หลังจากหายไปพักใหญ่ๆ อิอิ
  23. pop30711

    pop30711 New Member

    EXP:
    1,155
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    0
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (5) หลังจากมุขตันมานาน]

    อาราชินี่ยังกับนารูโตะเลยแฮะ....

    ชาง เป็นเด็กมีปมด้อยหรอกเหรอเนี่ย น่าสงสารจริงๆ

    จะรอติดตามตอนต่อไปครับผม

    ปล.อยากเห็นตอนต่อสู้กันเร็วๆแล้วอ่ะ...
  24. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (5) หลังจากมุขตันมานาน]

    มาตามต่อแว้วว><

    มีลางสังหรณ์ว่าตอนต่อไปจะเศร้าแฮะ =w=
  25. parwankorn

    parwankorn Member

    EXP:
    60
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    6
    Re: Tale Of Light and Shadow [นักดาบจากแดนใต้ (5) หลังจากมุขตันมานาน]

    ลงตอนใหม่แล้วว

    ยังคงมีปริศนาซ่อนอยู่เช่นเคย

    น่าติดตามมาก

Share This Page