The Oath - สัญญา ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บบาดลึกลงไปภายใต้ผิวหนัง หิมะสีขาวบริสุทธิ์ราวกับขนนกตกโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าสีครามขุ่นดูมืดมัว ตามถนนมีร่องรอยของยางรถยนต์ที่เพิ่งจะวิ่งผ่านไปเมื่อไม่นาน แสงไฟสลัวๆของเสาไฟฟ้าที่ถูกติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆข้างถนนหนทางยังคงส่องสว่างนำทางแก่ผู้คนที่ใช้เส้นทางนั้น ควันจากปล่องไฟของแต่ละบ้านลอยหายเข้าไปในความมืดมนของยามราตรีที่มาเยือน แสงจากหลอดไฟที่ลอดผ่านออกมาจากหน้าต่างของบ้านแต่ละหลังเริ่มค่อยๆดับไปทีละดวง ตึก ตึก ตึก เสียงวิ่งย่ำหิมะดังมาเป็นระยะๆก่อนจะปรากฏร่างของเด็กชายคนนึงขึ้น เขาหยุดยืนหอบอยู่ใต้เสาไฟฟ้า ลมหายใจอุ่นๆพ่นออกมาเป็นไอก่อนจะถูกกลืนหายไปกับความมืดในยามราตรี เบื้องหน้าของเขาคือบ้านหลังหนึ่งที่ดูเก่าแก่และน่ากลัว ราวกับไม่มีคนอยู่มานานนับสิบปี รั้วเหล็กสีดำมีต้นไม้พันอยู่เต็มไปทั่วถูกปิดอย่างแน่นหนา ริมฝีปากของเด็กน้อยดูขาวซีดขาวเผยอปากราวกับจะพูดอะไรออกมาแต่ก่อนที่เสียงของเขาจะเล็ดลอดออกมาเขาก็หยุดยั้งมันไว้เสียก่อน เขาถอดหมวกไหมพรมที่เขาใส่ออกมาจากบ้านตั้งแต่ยามเย็นออก ก่อนจะเงยหน้าเพ่งพิจารณาไปที่หน้าต่างบานหนึ่งของบ้าน ดวงตาสีเหลืองอ่อนยังคงจ้องมองเขม็งต่อไป เขาว่าถ้าเขาตาไม่ฝาดไปที่หน้าต่างนั้นมีเด็กผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขานั่งอยู่พลางมองท้องฟ้าด้วยดวงตาเศร้าสร้อย ผมสีน้ำตาลแดงของเขาบัดนี้มีหิมะติดอยู่ทั่ว "หวา ! ! " เขาร้องออกมาเมื่อรู้สึกถึงความเย็นก่อนจะเอื้อมมือไปปัดหิมะออกจากหัวของตนแล้วสวมหมวกไหมพรมกลับเข้าที่เดิมของมัน เด็กชายมองไปที่หน้าต่างนั้นอีกครั้ง แต่เขากลับพบแต่ความว่างเปล่า ดวงตาของเด็กชายฉายแววสงสัยก่อนจะพึมพำออกมาว่า "วันนี้ก็เจออีกแล้วทำไมเขาถึงไม่ลงมาเล่นตอนกลางวันกับเด็กคนอื่นๆนะ รีบกลับบ้านดีกว่าเดี๋ยวโดนแม่ว่าแน่ๆเลยเรา" เด็กชายไม่รีรอที่จะรีบสาวเท้าวิ่งกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไปจากที่ๆเขาหยุดยืนสักเท่าไหร่ "หนาวจังวุ้ย" เด็กชายพึมพำไปในขณะที่ยังคงวิ่งอยู่ไม่นานฝีเท้าของเขาก็ชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ จนหยุดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งไฟในบ้านยังคงเปิดไว้อยู่ เด็กชายค่อยๆย่องไปที่หน้าต่างซึ่งทำจากไม้ตามขอบมีหิมะเกาะอยู่เต็มไปหมด เขาโผล่หัวขึ้นไปดูบรรยากาศภายในบ้าน สายตาของเขากวาดสอดส่องไปทั่วบ้านแต่ไม่พบแม้เงาของใคร "ทางสะดวก รีบเข้าบ้านดีกว่าเรา" ริมฝีปากอันขาวซีดของเด็กชายพึมพำออกมาพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่เห็นแม่ของเขานั่งรออยู่ มือเล็กๆเอื้อมไปบิดลูกบิดประตูสีเหลืองทองที่ติดอยู่กับตัวบานประตูทำด้วยไม้สีน้ำตาลเข้ม บานประตูค่อยๆเปิดแง้มออกทีละนิดพร้อมกับร่างของเด็กชายที่ค่อยๆย่องเข้าบ้านไป เขาหันมองซ้ายมองขวาทีนึงก่อนจึงก้มหน้าลงถอดรองเท้าผ้าใบของเขาออก ในขณะนั้นเองเด็กชายก็เหลือบสายตาไปมองเห็นเงาของใครบางคนซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของเขา เด็กชายหน้าซีดทันทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นพลางร้องเรียกร่างนั้น "ม่ะ......แม่....." . ... ..... ......... "โอ๊ย!!แม่ฮะ หูผมจะยานหมดแล้วเนี่ย" เสียงของเด็กชายร้องขึ้นในขณะที่เดินตามแม่ของตนต้อยๆ มือของผู้ที่เป็นมารดาจับใบหูของบุตรชายตัวเองไว้แน่นพลางจูงให้เด็กชายเดินตาม "หูยานเลยก็ดี ! ทีหลังจะได้หลาบจำมั่งนะเจ้าเรย์!!!" เสียงอันเกรี้ยวกราดของผู้เป็นแม่กล่าวขึ้นก่อนจะปล่อยใบหูของเด็กชาย "อูย....." มืออันเล็กของเด็กชายลูบใบหูอันแดงระเรื่อของเขาพลางส่งเสียงออกมาเบาๆ "ดูเวลาสิ มืดค่ำป่านนี้แล้วอันตรายจะตาย แม่บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วใช่มั้ยว่าให้รีบกลับบ้านก้อไม่เคยเชื่อ!แถบชานเมืองนี่มันมืดเร็วนะลูก ไม่เหมือนในเมืองหรอกนะ! เอ้านี่ ดีนะที่แกกลับมาทันแม่กำลังจะทิ้งกับข้าวพอดี กินแล้วรีบๆเข้านอนซะ" แม่ของเขาบ่นไม่หยุดปากก่อนจะยื่นจานข้าวให้เขาแสดงถึงความห่วงใยที่มีต่อลูกชายของตน "ครับ....." เด็กชายทำเสียงจ๋อยๆพลางรับจานข้าวมาและนั่งทานข้าวไปอย่างเงียบๆ "แม่ครับ....ตรงบ้านหลังใหญ่นั่นมีคนอาศัยอยู่ด้วยเหรอครับ?" เด็กชายทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวจึงเอ่ยปากถามมารดาของตนออกไป "ไม่มีหรอกมั้งลูกมันดูออกจะรกร้างขนาดนั้นคงไม่มีใครอาศัยอยู่หรอก" เธอพูดในขณะที่ยังคงล้างจานอยู่ จานกระทบกันเสียงดังกริ๊กๆเป็นช่วง เด็กชายจึงก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไปพลางทำหน้าราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่...... . ... ..... ......... แม้ขณะนี้จะเป็นเวลาเช้าแล้วแต่หิมะยังคงโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ถนนภายนอกถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เท้าของเด็กชายก้าวไปตามทางเพื่อไปยังบ้านที่เขาหยุดยืนเมื่อวาน เด็กชายตัดสินใจแล้วว่าถึงยังไงวันนี้เขาก็ต้องเข้าไปสำรวจดูบ้านหลังนี้ให้ได้ เท้าเล็กๆของเด็กชายเดินย่ำหิมะไปรอบๆตัวบ้านเพื่อจะหาทางเข้าไปในบ้าน "อ๊ะ!? นั่นไงๆ" สายตาของเด็กชายไปสะดุดกับรูบนกำแพงเล็กๆที่พอที่ตัวของเขาจะลอดเข้าไปได้ เรย์มองซ้ายมองขวาแล้วมุดเข้าไปทันที "เอาละต่อไปก็......หวังว่ามันคงไม่ล็อคนะ" หลังจากที่เด็กชายมุดเข้ามาได้แล้วเขาก็พึมพัมกับตัวเอง พลางจ้องมองไปที่ประตูบานใหญ่สีน้ำตาลเข้มดูขลังยิ่งนัก เขากลืนน้ำลายดังเอื๊อกพลางเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูสีทองเหลืองก่อนจะออกแรงหมุน "ไม่ได้ล็อคแต่ฝืดจังเลย ฮึบ!" เด็กชายออกแรงบิดอีก แกร๊ก! เสียงของบานประตูถูกเปิดออกราวกับเป็นเสียงที่ดังมาจากสวรรค์ทีเดียว รองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินเข้มก้าวเข้าไปในตัวบ้าน ภายในตัวบ้านเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะที่จับอยู่ตามข้าวของต่างๆและพื้น "อึ๋ย~" เด็กชายมองไปตามที่ต่างๆซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นพลางส่งเสียงแสดงความขยะแขยงออกมา เท้าเล็กๆของเด็กชายค่อยๆสาวเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า พร้อมกับที่นำมือเล็กๆข้างซ้ายของตนเองขึ้นมาปิดจมูกไว้กันฝุ่นเข้าจมูก "ใครน่ะ!" เสียงโทนแหลมของใครบางคนดังขึ้นทำให้เรย์ถึงกับสะดุ้งเฮือก นัยน์ตาสีเหลืองอ่อนเหลือบมองไปทางบันไดอันเป็นต้นเสียงของใครสักคน ร่างของเด็กผู้ชายคนนึงในชุดนอนสีฟ้า อายุไล่เลี่ยกับเรย์กำลังยืนจ้องมองเขาอยู่ด้วยสายตาที่ดูสงสัย "คุณเป็นใคร?" เด็กชายแปลกหน้าเอ่ยถามเรย์อีกครั้ง "เอ่อคือผม....ผมอยู่บ้านที่ถัดจากบ้านหลังนี้ไป 2 หลังน่ะฮะ ผมชื่อ เรย์ แล้วนาย...?" เรย์อธิบายพลางทิ้งช่วงเอาไว้เป็นเชิงถามว่าเขาคือใคร "แค่ก...ผมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ครับ....แค่กๆ...ผมชื่อ ราเชล " เด็กชายผมสีน้ำตาลเข้มเริ่มไอค่อกแค่ก มือเล็กๆยกขึ้นมาป้องปากในขณะที่อีกมือจับอยู่ที่ราวบันได เรย์สาวเท้าเข้าไปหาราเชลอย่างรวดเร็ว "ใส่ชุดนอนบางๆแบบนี้ทั้งที่อากาศหนาวเดี๋ยวก็ไม่สบายหนักหรอก" ราเชลตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นเด็กชายที่เพิ่งจะรู้จักกันเดินเข้ามาหาพร้อมกับทำท่าจะถอดเสื้อกันหนาวมาคลุมให้เขา ร่างเล็กๆนั้นรีบหลบหลีกในทันใดพลางกล่าวอย่างเกรงใจว่า "ไม่เป็นไรหรอก แค่ก... ผมชินแล้ว" "เอางั้นเหรอ" เรย์ถามก่อนจะสวมเสื้อกันหนาวกลับคืนดังเดิมเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้า "ไปที่ห้องผมก่อนแล้วกันนะ ที่นี่ไม่เหมาะจะคุยกันหรอก" เจ้าของบ้านว่าพลางหันหลังกลับเดินนำหน้าอาคันตุกะขึ้นบันไม้ไป ซึ่งมันดูเก่าราวกับว่าพร้อมจะพังลงมาได้ทุกเมื่อทำให้ผู้มาเยือนลังเลที่จะก้าวเดินตามขึ้นไป แต่เมื่อทำใจได้เด็กชายตัวน้อยก็ค่อยๆเดินตามขึ้นไปอย่างระมัดระวัง . ... ..... ......... "เชิญเลย" สิ้นคำเชิญ เจ้าของบ้านร่างเล็กก็เปิดประตูออกกว้างให้เห็นถึงห้องนอนอันโอ่โถงดูใหญ่โตเกินกว่าจะเป็นของเด็กตัวเล็กๆ เตียงนอนสี่เสาขนาดมหึมาไม่สมส่วนกับตัวเจ้าของเลยแม้แต่น้อยถูกตั้งไว้ตรงกลางห้อง เตาผิงถูกจุดไฟไว้เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ผู้อาศัย พื้นไม้สีน้ำตาลเข้มปูไว้ด้วยพรมสีแดงเลือดหมู และมีเก้าอี้บุนวมสีแดง 2 ตัววางหันหน้าเข้าหากันอยู่ข้างๆเตาผิง ตรงกลางระหว่างเก้าอี้มีโต๊ะไม้ตั้งอยู่พร้อมกับชุดน้ำชาซึ่งส่งไอกรุ่นๆออกมาบ่งบอกว่ามันยังคงร้อนอยู่ "โอ้โห....." เสียงแสดงความตกตะลึงดังออกมาจากปากของเรย์ เด็กชายเอื้อมมือไปถอดหมวกไหมพรมออกเผยให้เห็นเส้นผมสีน้ำตาลแดง นัยน์ตาสีเหลืองอ่อนกวาดมองไปรอบๆห้องอย่างทึ่งๆ "มานั่งคุยกันตรงนี้สิเรย์" ราเชลเอ่ยปากชวนเมื่อเห็นว่าท่าทางแขกของเขาคงจะไม่มานั่งแน่ถ้าเขาไม่เอ่ยชวน เจ้าของชื่อหันมาพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเดินไปนั่งยังเก้าอี้บุนวมตัวโตที่วางอยู่ด้านตรงกันข้ามกับตัวที่ราเชลนั่ง "ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ?" เด็กชายเอ่ยถามอย่างไม่รีรอ นัยน์ตาสีเหลืองอ่อนจับจ้องไปยังใบหน้าที่ขาวซีดของคู่สนทนาราวกับจะคาดคั้นคำตอบให้ได้รวดเร็วที่สุด ราเชลสบสายตาแว่บหนึ่งกับเรย์ก่อนจะกล่าวออกมา "ก็ไม่เชิงอยู่คนเดียวนะ ยังมีคุณโรเบิร์ตพ่อบ้านคอยดูแลผมอีกคนน่ะแต่คิดว่าตอนนี้เค้าคงนอนไปแล้วล่ะเพราะเค้าแก่มากแล้ว ส่วนครอบครัวของผมน่ะ ทุกคนเสียไปหมดแล้ว" มือเล็กๆของเรย์ที่กำลังรินนมใส่ถ้วยชาชะงักทันทีเมื่อประโยคจบลง เด็กชายผมสีน้ำตาลเข้มก้มหน้าลงต่ำก่อนจะยิ้มออกมาแบบเศร้าๆ "เอ่อ...ขอโทษนะที่ผม......" "ไม่เป็นไร..." ราเชลว่าพลางส่งรอยยิ้มที่ดูเศร้าๆมาให้อีกฝ่ายก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างแล้วจิบก่อนจะนิ่วหน้าออกมาเมื่อพบว่ามันยังร้อนเกินไป "ทำไมนายถึงไม่ออกไปเล่นข้างนอกล่ะ? ถ้าไม่มีเพื่อนก็ไปกับผมสิแล้วจะแนะนำนายให้เพื่อนๆคนอื่นรู้จักนะ" เด็กชายเจ้าของผมสีน้ำตาลแดงเอ่ยชักชวน ก่อนจะส่งรอยยิ้มที่ดูสดใสไปให้คู่สนทนา แต่อีกฝ่ายก็ทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาเท่านั้น "ไม่ได้หรอก ผมเป็นโรคหัวใจน่ะ โรเบิร์ตบอกว่าถ้าออกไปอาการของผมอาจจะกำเริบก็ได้" "แย่จัง... อย่างนี้นายก็เหงาแย่น่ะสิ..." เรย์ครางออกมาก่อนจะทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง "งั้นเอาอย่างงี้แล้วกันนะราเชล ผมจะมาเล่นกับนายทุกวันแทนแล้วกัน เล่นกันที่นี่แหละ" "จริงเหรอ? เรย์จะมาเล่นกับผมเหรอ?" เด็กชายในชุดนอนเอ่ยถาม ดวงตาสีเดียวกับความมืดมิดยามราตรีเบิกออกกว้างฉายแววความดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด เรย์ยิ้มแฉ่งพลางพยักหน้าก่อนจะกล่าวสำทับว่า "จริงสิ ลูกผู้ชายไม่คืนคำหรอก สัญญาเลยเอ้า!" ราเชลลอบหัวเราะขำในท่าทางที่เด็กชายเบื้องหน้าทำท่าตีอกตนเองเบาๆเป็นเชิงยืนยันให้เขามั่นใจ "อา...นี่ก็ดึกแล้ว แย่แล้วๆแม่ว่าอีกแน่เลย" เมื่อเรย์หันไปเห็นนาฬิกาเรือนใหญ่ซึ่งวางตั้งอยู่ติดกับผนังห้องบอกเวลาว่าดึกพอพอสมควร แล้วก็ต้องครางออกมาเมื่อคิดถึงสีหน้าของแม่เขาที่จะต้องโมโหอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยงแน่นอน เด็กชายจึงรีบกระโดดลงจากเก้าอี้บุนวมในทันที "ผมไปก่อนนะราเชล พรุ่งนี้จะมาหาใหม่นะเวลาสัก 4 โมงเย็นน่ะ" เขาหันมาโบกมือเร็วๆพอเป็นพิธีให้อีกฝ่ายซึ่งยังนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมอีกตัวแล้วรีบวิ่งลงไปยังชั้นล่างเพื่อจะออกไปจากบ้านหลังนี้ นัยน์ตาสีรัตติกาลมองฝ่าความมืดมิดยามราตรีออกไปข้างนอกหน้าต่างเพื่อเป็นการส่งลาเพื่อนใหม่ของเขา ราเชลนิ้มน้อยๆที่มุมปากเมื่อเห็นอีกฝ่ายโบกมือหย็อยๆกลับมาให้เขาก่อนที่จะออกวิ่งเพื่อกลับบ้าน เด็กชายมองตามแผ่นหลังเล็กๆนั่นไปจนลับตา..... . ... ..... ......... "นี่ราเชล!? มัวเหม่ออะไรอยู่ ฟังที่ชั้นพูดอยู่หรือเปล่า!?" เสียงของใครบางคนกระตุกให้เจ้าของชื่อซึ่งนั่งเหม่ออยู่กลับมาอยู่กับปัจจุบันสักที "อ๊ะ....เอ่อ...ขอโทษทีเรย์ เราไม่ทันฟังน่ะ....." เด็กหนุ่มกล่าวขอโทษพลางส่งยิ้มแหยๆไปให้อีกฝ่าย คิ้วเรียวของอีกฝ่ายเริ่มมุ่นเข้าหากันด้วยความขุ่นใจน้อยๆ "นายนี่นะ!? อย่างนี้ทุกที อย่างคราวก่อนก็....." เมื่ออีกฝ่ายเริ่มร่ายยาว ราเชลก็ลอบมองใบหน้าของเรย์ซึ่งเติบโตขึ้นกว่าเดิม....ไม่ว่าจะเป็นความสูง ความยาวของเส้นผม หรือน้ำเสียงที่เริ่มแปรเปลี่ยนไปตามวัย แต่สิ่งที่เรย์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยก็คือรอยยิ้มและดวงตาซึ่งเปี่ยมไปด้วยความจริงใจและใสซื่อ ราเชลรู้สึกเป็นสุขทุกครั้งที่ได้จ้องมองดวงตาเหลืองอ่อนของอีกฝ่าย เนื่องจากดวงตานั้นไม่เคยมีแววของความอาฆาตมาดร้ายแก่เขาเลย จะมีก็แต่ความอบอุ่นจริงใจเท่านั้น ใช่แล้ว นับจากวันนั้นทั้งคู่ก็นัดมาเล่นกันทุกวัน เรย์ไม่เคยผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเขาแม้แต่ครั้งเดียว ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่คบหาเป็นเพื่อนกันมา ทั้งคู่ใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือ หรือนั่งคุยกัน (ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเรย์จะเป็นคนพูดเสียมากกว่า ส่วนราเชลก็จะนั่งฟังเหตุการณ์ที่เรย์หยิบยกมาเล่าในแต่ละวัน) เสียเป็นส่วนใหญ่ "พอๆเรย์ ไม่ต้องร่ายยาวขนาดนั้นก็ได้ เราขอโทษน่า! ว่าแต่ตะกี้นายพูดถึงอะไรอยู่เหรอ?" ราเชลอมยิ้มน้อยๆกับท่าทางของคนตรงหน้า ซึ่งขณะนี้กำลังงอนตุ๊บป่องอยู่ เรย์นั่งกอดอกพลางเหลือบนัยน์ตาสีเหลืองอ่อนกลับมามองเขาเพียงแว่บเดียว ก่อนจะทำเสียงคล้ายไม่พอใจเล็กน้อยออกมา "ชิส์!" เด็กหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงเปลี่ยนเป็นการง้อแทน ราเชลยิ้มแหยๆก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะด้านหลังเบาๆ เส้นผมน้ำตาลเข้มของเจ้าตัวสั่นไหวน้อยๆตามแรง เรย์เหล่ตามองอีกรอบก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกนึง "ให้ตายเถอะ ชั้นไม่เคยโกรธนายได้ลงคอจริงๆ! เอาเถอะ วันนี้จะยกโทษให้อีกแล้วกัน แต่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ!" ราเชลจำได้ว่าเรย์พูดกับเขาแบบนี้แทบทุกครั้งที่ยกโทษให้เขาซึ่งเผลอใจลอย ไม่ฟังคำพูดของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มลอบขำออกมาเบาๆก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ "เอาล่ะมาว่ากันต่อ ชั้นถามว่านายอยากเห็นใบเมเปิ้ลสีแดงไหม?" ดวงตากลมโตสีดำของผู้ฟังเบิกออกกว้างทันทีที่จบประโยค "เอ๋~~!! ถึงเวลาแล้วเหรอ??" เรย์พยักหน้าเป็นคำตอบ เส้นผมสีน้ำตาลแดงสั่นไหวตามแรงพยักหน้า ก่อนจะเสริมอีกว่า "ใช่แล้ว ชั้นเลยอยากให้นายได้เห็นของจริงบ้าง วันพรุ่งนี้ออกไปด้วยกันนะ..?" เมื่อมาถึงประโยคสุดท้าย สีหน้าลำบากใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของราเชล นัยน์ตาสีดำหลุบลงต่ำคล้ายลังเล ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันก่อนจะเอ่ยออกมา "แต่ว่า....." เรย์ซึ่งรู้ดีว่าอีกฝ่ายคิดอะไรจึงเอ่ยขัดขึ้นทันที นัยน์ตาสีเหลืองอ่อนของเจ้าตัวซึ่งจ้องตรงมาดูจริงจังผิดแผกไปกว่าทุกที " ไม่เป็นไรหรอกราเชล แค่วันเดียวเอง นะ? สุขภาพนายคงไม่ทรุดลงหรอก" "อืม...." อาจเป็นเพราะสายตาคู่นั้นทำให้ในที่สุด เด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลเข้มซึ่งดูอ่อนแอตกปากรับคำ รอยยิ้มจึงถูกกวาดขึ้นบนใบหน้าของเรย์ เส้นผมสีน้ำตาลแดงที่ต้องไรแดดดูเจิดจ้าและสดใสจนทำให้ราเชลมองข้ามความขมขื่นที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มนั้นไป... "แล้วพรุ่งนี้ชั้นจะมาพาไปนะ สัญญา..." . ... ..... ......... "โอ้โหหหห ! ! ! ~ สวยจัง " เด็กหนุ่มผิวขาวซีดราวกับไม่เคยต้องแสงแดดมาก่อน ร้องครางออกมาเมื่อมาถึงจุดหมาย หลังจากที่เรย์ได้นัดแนะเขาไว้เมื่อวาน วันนี้เมื่อถึงเวลานัดอีกฝ่ายก็โผล่มาตามนัด ก่อนจะจับมือพาเขาออกมาจากคฤหาสน์ที่ดูเก่าแก่ซึ่งเป็นที่อยู่ของเขา จุดหมายของเด็กหนุ่มทั้งสองคือเนินเขาเตี้ยๆใกล้กับทุ่งหญ้าซึ่งดูกว้างสุดลูกหูลูกตา บนเนินเขานั้นมีต้นเมเปิ้ลตั้งตระหง่านอยู่ ใบไม้สีส้มแดงบ้างก็ร่วงลงมาอยู่บนพื้น บ้างก็ยังคงอยู่บนกิ่งไม่ร่วงหล่นลงมา แสงแดดที่สาดส่องลงมากระทบส่งผลให้ภาพที่เห็นดูงดงามมากขึ้นไปอีก ราเชลจึงต้องยกมือขึ้นบังแสงแดดซึ่งส่องมาแยงนัยน์ตาสีดำสนิทของเขา "วันนี้พวกเรานั่งเล่นกันที่นี่แทนห้องของนายแล้วกันนะ คิดเสียว่า...เปลี่ยนบรรยากาศ" รอยยิ้มของอีกฝ่ายถูกส่งมาพร้อมประโยคคำพูด เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเพื่อนแต่กระนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งคู่ดำเนินกิจกรรมไปตามปกติที่เคยทำ นั่นคือการอ่านหนังสือพร้อมทั้งพูดคุยโต้ตอบกันไปมาเบาๆ ร่างของทั้งคู่นอนกลิ้งเกลือกอยู่เคียงกันภายใต้ร่มเงาของใบเมเปิ้ลสีส้มแดง ราเชลสูดอากาศบริสุทธิ์อัดเข้าเต็มปอด ก่อนระบายรอยยิ้มละไมออกมา ดวงตาทั้งคู่พริ้มปิดลงราวกับต้องการซึมซับและตราตรึงภาพที่งดงามนี้ไว้ในจิตใจให้ได้นานที่สุด ทางฝ่ายเรย์ เด็กหนุ่มนอนแผ่หราอยู่ข้างราเชล เส้นผมสีน้ำตาลแดงดูแทบจะกลืนไปกับสีของใบเมเปิ้ลซึ่งร่วงโรยแล้ว นัยน์ตาสีเหลืองอ่อนแฝงแววเศร้าไว้เหม่อมองออกไปยังเหล่าใบเมเปิ้ลสีสดเบื้องบน ริมฝีปากบางนั้นเม้มแน่นเป็นเส้นตรงคล้ายพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อะไรบางอย่างไว้ ".....นายไม่เคย...ผิดสัญญาจริงๆด้วยเรย์...." สุ้มเสียงที่แผ่วเบาดังมากจากทางด้านข้าง มือข้างซ้ายของเรย์เปลี่ยนจากการวางแผ่อยู่ด้านข้างเป็นขึ้นมาปิดทับบนดวงตาทั้งคู่ ส่วนมือข้างขวาก็เอื้อมไปจับกับมือของราเชล มือที่เย็นเยียบ....และดูบอบบาง..... "อืม...." เด็กหนุ่มตอบรับเพียงเบาๆ มือของเรย์ปิดบังทั้งใบหน้าเหลือเพียงริมฝีปากที่โผล่พ้นออกมาจากชายแขนเสื้อยังคงเม้มเป็นเส้นตรง ทำให้ดูไม่ออกว่าขณะนี้เขามีอารมณ์อย่างไร "ขอบคุณ.... เรา....ตลอดเวลาที่ผ่านมา.....เราไม่เหงาเลย ขอบคุณจริงๆเรย์ ที่นายรักษาสัญญา...." เรย์ออกแรงบีบมือของอีกฝ่ายเบาๆราวกับจะจับกระชับไว้ให้แน่นขึ้น ไหล่ของเขาเริ่มสั่นเทิ้มเบาๆ "ลาก่อน....เรย์.....เพื่อนรัก......" เสียงของอีกฝ่ายดูแผ่วเบาลงทุกที พร้อมกับรอยสัมผัสที่มือซึ่งดูเบาบางลงทุกที...ทุกที... จนกระทั่ง ภายในมือของเรย์เหลือเพียงความว่างเปล่า..... หยาดน้ำใสๆไหลเล็ดรอดออกมาจากฝ่ามือที่ยกขึ้นมาปกปิดไว้ ไหล่ของเด็กหนุ่มสั่นสะท้านมากขึ้น เสียงสะอื้นฮักดังรอดออกมาจากริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบา มือข้างขวาที่ตอนนี้กลับว่างเปล่าลงขยับกำเข้าหากันแน่น สมองของเขานึกย้อนกลับไปยังเวลาเมื่อ 1 ปีก่อน... ภาพของโรเบิร์ตชายชราผู้ซึ่งเป็นผู้ดูแลราเชลมาตลอด วันนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับโรเบิร์ต และก็เป็นวันเดียวด้วย ถ้อยคำที่ถ่ายทอดออกจากปากของชายชราเป็นข่าวร้ายที่กะทันหันจนสมองของเด็กหนุ่มรับแทบไม่ทัน หลังจากชายชราจากไป หลงเหลือเพียงกุญแจซึ่งดูเก่าแก่โบราณอันหนึ่งในอุ้งมือน้อยๆของเขาเท่านั้น ขาสองข้างของเขาขยับออกวิ่งไปยังคฤหาสน์เก่าแก่ซึ่งอยู่ถัดไปสองหลังโดยอัตโนมัติ เสียงของโรเบิร์ตยังดังก้องอยู่ภายในหัว 'คุณหนูเสียแล้วครับ.. เมื่อรุ่งสางนี่เอง..... คำพูดสุดท้ายก่อนที่คุณหนูจะจากไปคือชื่อของคุณ.....ผมเลยคิดว่า ควรจะให้กุญแจดอกนี้ไว้กับคุณ ขอบคุณมากครับที่มาเป็นเพื่อนเล่นกับคุณหนูตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา..... คุณหนูท่านดูมีความสุขมาก.....ขอบคุณจริงๆครับ' ขณะที่ฟังคำพูดของโรเบิร์ตนั้น ไม่รู้ว่าเรย์คิดไปเองหรือเปล่าแต่เขาสังเกตได้ว่านัยน์ตาของชายชราแฝงแววเศร้าโศกอย่างมาก อีกทั้งยังดูแดงราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ แต่อย่างไรก็ตาม คำพูดเหล่านั้นไม่อาจทำให้เรย์ยอมรับความจริงได้ สมองของเขาคิดปฏิเสธอยู่ตลอดเวลาว่างราเชล เพื่อนรักของเขาจะต้องยังมีชีวิตอยู่ และสิ่งที่โรเบิร์ตบอกมาทั้งหมดเป็นเรื่องตลกร้ายเท่านั้น เด็กหนุ่มรีบร้อนวิ่งเข้าบ้านไป เขาวิ่งขึ้นบันไดพร้อมเปิดบานประตูที่เขาคุ้นเคย....บานประตูห้องของราเชล.....และภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก็คือ....... ราเชล หากแต่ร่างนั้นดูโปร่งแสงผิดแผกไปจากทุกที เรย์นิ่งอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะตระหนักได้ในที่สุดว่าอะไรเป็นอะไร..... "หืม? เรย์? วันนี้นายมาเร็วกว่าปกตินี่นา มีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า??" เด็กหนุ่มร่างโปร่งแสงเบื้องหน้าเขาหันหน้ามาพร้อมทำท่างุนงง เขาตัดสินใจแล้ว....เรย์คิดอย่างเงียบๆภายในจิตใจ "ไม่มีอะไรหรอกราเชล ไม่มี...." เด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลแดงฝืนเค้นรอยยิ้มออกมา แม้รอยยิ้มนั้นจะดูบิดเบี้ยวเต็มที เป็นเพราะความจริงข้อหนึ่งที่ตอกย้ำในหัวใจดวงน้อยๆของเขานั่นก็คือ ราเชลตายแล้ว และสิ่งที่หลงเหลืออยู่เบื้องหน้าก็คือร่างวิญญาณของเพื่อนรักเขาเท่านั้น อาจเป็นเพราะมีเรื่องอะไรติดค้างใจอยู่ก็เป็นได้ซึ่งเรื่องที่ราเชลติดค้างใจอยู่นั้นก็มีเพียงเรื่องเดียว เป็นเรื่องที่เขารู้ดีแก่ใจ..... ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจ.....ตัดสินใจว่าจะทำตามสัญญาข้อนั้นที่ได้ให้ไว้แก่ราเชลให้ได้... ................... ................................ ............................................... "นี่เรย์ นายเคยเห็นใบเมเปิ้ลสีส้มแดงไหม?" ราเชลเอ่ยถามเรย์เสียงเรียบในบ่ายวันหนึ่งที่เขามานั่งเล่นอยู่เป็นเพื่อน "อือ เคยสิ ทำไมเหรอ?" เด็กหนุ่มหันไปตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก "โห ดีจัง มันคงสวยมากสินะ เราเคยเห็นภาพจากในหนังสือน่ะ" ดวงตาสีดำกลมโตของอีกฝ่ายดูเป็นประกายเมื่อพูดถึงความสวยงามของใบเมเปิ้ล ทำให้เรย์รู้สึกแปลกใจ "ใช่ มันสวยมากทีเดียว..... " เรย์นิ่งเงียบไปเพียงอึดใจก่อนจะกล่าวออกมาว่า "ราเชล นายอยากเห็นของจริงมั้ยล่ะ?" "อยากสิ! แต่ว่าเราคงไม่มีโอกาส....ก็สุขภาพเราเป็นอย่างนี้..." ใบหน้าของราเชลดูเศร้าสร้อยขึ้นมาทันตาเมื่อเอ่ยถึงสุขภาพของตน และนั่นก็เป็นตัวกระตุ้นในเรย์กล่าวออกไปในที่สุด "งั้นเอาไว้เราไปดูพร้อมกันปีหน้านะ ชั้นสัญญาว่าจะพานายไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม" "จริงนะ?" ราเชลที่ในตอนแรกตกตะลึงกับการยืนยันอันหนักแน่นของเพื่อนรัก ขณะนี้กำลังส่งรอยยิ้มสดใสพร้อมถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ "อื้ม! แน่สิ ชั้นเคยผิดสัญญาไหมเล่า!?" เด็กหนุ่มสำทับเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่อีกฝ่าย ก่อนจะส่งรอยยิ้มอวดฟันขาวไปให้ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ............................................. ............................. .............. ร่างของเรย์ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม หยาดน้ำตาหยุดลงไปนานแล้ว มือทั้งสองข้างยกขึ้นปาดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ทิ้ง เหลือเพียงดวงตาทั้งสองข้างที่ดูบวมแดงเท่านั้น รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเด็กหนุ่มก่อนที่จะขยับออกกล่าวคำพูดออกมาอย่างแผ่วเบา แทบจะกลืนไปกับสายลม "ราเชล....เห็นไหม ว่าชั้นไม่เคยผิดสัญญา.....หลับให้สบายนะเพื่อนรัก...." "ลาก่อน........." THE END ------------------------------------------------------------------------------------------ Free Talk~ แวะคุยกับผมหน่อยเหอะน้า~ ห่างหายไปจากวงการ การเขียนนานมากๆๆๆ ฟิคนี้ก็ดองจนข้ามปี กร๊ากกกกก (สังเกตภาษาตอนต้นกับปลายจะไม่เหมือนกันใช่มั้ยละ....นั่นละสาเหตุ....เหอๆๆๆ) เดิมที ฟิคนี้เป็นฟิคที่สร้างขึ้นเพื่อส่งประกวดแต่งฟิคจากรูปภาพ (ประกวดในบอร์ดAFเนี่ยละ ผู้จัดคือน้อง Ki น้องสาวของผมนั่นเอง) ภาพที่ว่าก็คือรูปนี้ครับ http://img.photobucket.com/albums/v705/trainkung/fic-1.jpg แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ทันส่งซะได้ แล้วผมก็ดองมันล่วงเลยจนถึงป่านนี้.............. มีบอร์ดใหม่ซะแล้ว ฮา ผมเลยอยากจะเจิมบอร์ดซะหน่อย ขอส่งฟิคนี้ลงมาเจิมแล้วกัน กรั่กๆ นับว่านี่เป็นกระทู้ฟิคแรกของผมในบอร์ดนี้แล้วกัน (ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะมีโอกาสได้ลงฟิคอื่นอีกมั้ย กร๊าก) สุดท้ายนี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านขอรับ และก็ติชมได้ตามสะดวกครับ * 0 * /
เจริม!! กำลังนึกอยู่เลยว่าแต่งเรื่องใหม่มาเจิมบอร์ดเรอะ ที่แท้ก็ของเก่านี่หว่า บุ่ยๆ -3- จะว่าไปเรามาจัดโครงการประกอดแต่งฟิคกันอีกมั้ยครับ? ฉลองบอร์ดใหม่ยังไงล่ะ *-* ปล. นี่เรียกว่าเรื่องสั้นแนวโชตะสินะ เทรน /me พยักหน้างึมงำก่อนโดนชู๊ต
อ่านแล้วรู้สึกถึงพลัง Y เล็กน้อย หรือจะเรียกว่าโชตะดีนะ เหอๆๆ ผมก็เจิมบอร์ดด้วยเรื่องสั้นไปแล้วเหมือนกันครับ แต่ของผมสั้นกว่านี้เยอะ 555(น่าภูมิใจตรงไหนเนี่ย - -'') อ่านไปจนถึงตอนต้นเมเปิลก็คิดอยู่ว่าราเชลต้องตายแน่ แต่ไม่คิดว่าจะตายมาแล้วตั้งปีนึงนะเนี่ย เหอๆ ปล. ผมไม่ค่อยสะดุดใจกับตรงภาษาที่เปลี่ยนไปซักเท่าไหร่นะครับ อาจจะเพราะรู้สึกเหมือนมันเป็นคนละช่วงเวลากันด้วยมั้งครับ(ท่อนย้อนกลับไปพูดถึง1ปีก่อนที่จะไปต้นเมเปิลน่ะครับ)
เอ ผมก็คิดแบบมาฮาโด้นะว่ามันออกกลิ่นอาย Y โชตะแปลกๆ โดยเฉพาะที่กุมมือกันนี่... เนื้อเรื่องดำเนินได้ดี ตัดฉากสวยงามมากครับเทรน ผมชอบมากตอนที่เรย์กับราเชลดูใบเมเปิ้ล แล้วเหตุการณ์ก็เฉลยออกมาด้วยการย้อนกลับไปสู่อดีต แต่ที่ทำให้ผมสะเทือนใจที่สุดคือคำพูดนี้ จริงๆแล้วผมสงสารลุงโรเบิร์ตมากกว่าแหละ กร๊าซ จุดบกพร่องนิดหน่อยคือสรรพนาม ผมว่าเป็นเพื่อนกันขนาดนี้แล้วน่าจะเรียกแทนัวว่า "ฉัน" หรือ "เรา" มากกว่าผมนะ แล้วก็ราเชลนี่มันชื่อผู้หญิงไม่ใช่เหรอ? แต่ถ้าดูจากภาพประกอบ ผมว่าเทรนเล่าเรื่องได้ยอดเยี่ยมมากเลยครับ
โฮ่ ลงฟิคประเดิมบอร์ดใหม่แบบนี้!!! คิดเหมือนอีวานคือการตัดฉากเยี่ยมมาก ไม่ว่าจะตอนแรกหรือตอนจบ อ่านแล้วไม่งงเรียบเรียงได้เยี่ยม ไม่รู้ว่าตั้งใจเขียนรึเขียนผิดแต่มีประโยคนึงที่เขียน "ก็" เป็น "ก้อ" (รึมันจะเป็นคำอื่น?) [action]มอง 2 รีพลายบน[/action] ผมว่ามันโชตะ Y โต้ง ๆ เลยนา... [action]มุดออกจากกระทู้ไป[/action]