เคยได้ยินคำว่า "แอ๊บ แบ๊ว" กันมั้ยคะ? รู้สึกว่าอาการนี้กำลังระบาดไปทั่วจริงๆเป็นยังไงมาดูกัน.. "แอ๊บแบ๊ว"เป็นอาการทางจ(ริ)ตชนิดหนึ่ง มักเกิดขึ้นในเพศหญิงช่วงแรกสาวเป็นต้นไป แต่ เดี๋ยวนี้เริ่มลุกลามในผู้ชาย กะเทย และเพศใกล้เคียงด้วย โรคนี้จะมีอาการควบคู่ไปกับภาวะแทรกซ้อน ที่แสดงออกทางอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ ดวงตา จากที่เคยมี ลูกตาขนาดปกติไม่ว่าขนาดใดก็ตาม คนที่"แอ๊บแบ๊ว" จะมีดวงตากลมบ้องแบ๊ว เกิดประกายวิบวับขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ ได้ (สันนิษฐานว่าเป็นที่มาของคำว่าแอ๊บแบ๊วนั่นเอง) ถ้านึกภาพไม่ออก แนะนำให้ไปดูเอ็มวี เพลง ปู ของเนโกะจั๊มพ์ อะโนโนโน่ อย่างนี้ไม่ดี.. ช็อตทื่สองสาวเล่นกับ กล้อง นั่นแหละใช่ เลย! อุปกรณ์เสริมความแบ๊วในข้อนี้ได้แก่ ที่ดัดขน ตา,มาสคาร่า และอายไล เนอร์ ที่จะช่วยขับให้ตาแบ๊วขึ้นอย่าง น่าอัศจรรย์เดี๋ยวนี้มีคอนแท็ค เลนส์ประเภทเพิ่มขนาดลูกตาดำด้วย..แม่เจ้า แต่มีข้อแม้ว่าควรมีทักษะในการเสริมแต่งนิดนึง เพราะเคยเห็นสาวๆหลายคนทามาสคาร่าหนาเป็นปื้น ขนตาจับเป็นก้อนๆเหมือนขาแมลงวัน อันนั้นออกแนวสยองแล้วล่ะค่ะ เมื่อตาโตขึ้นแล้ว อวัยวะข้างเคียงที่จะมีผลกระทบก็คือ คิ้ว ที่จะเลิกขึ้นนิดๆ หัวคิ้วจะหดเข้าหากันนิดนึง นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนแอ๊บแบ๊วมีสีหน้าดูสงสัย ไร้เดียงสาอยู่ตลอดเวลา สายตาแบบนี้เพื่อนชายหลายคนของอิชั้นสารภาพว่าเห็นแล้วถึงกับร้องอ๊าง สาวคนไหนจะลองทำตาแบ๊วดูก็ไม่ว่ากันค่ะ แก้ม อยากรู้จัง ว่าใครคือมนุษย์คนแรกที่ตัดสินว่า ผู้หญิงแก้มป่องคือผู้หญิงน่ารัก แก้มป่องจึงเป็นอาการแบ๊วอันดับสองที่ขาดไม่ ได้ ลำพังคนที่ แก้มป่องเป็นธรรมชาติก็ถือเป็นโชคดีของเค้าไปค่ะ แต่สำหรับคนที่แก้ม ตอบ โหนกปูด กรามสองข้างทำมุมฉากซึ่งกันและกัน เราก็จะได้เห็นอาการพยายามอมลม ไว้ในปาก แล้วดันกระพุ้งแก้มให้ป่องออกมาจนกระทั่งดูน่าหยิกเล่น (อิชั้นเคยลองดู แล้ว รู้สึก เหมือนอมน้ำยาบ้วนปากแล้วลืมบ้วนทิ้ง) คนที่แอ๊บแบ๊วจนชำนาญก็จะขนาดแก้ม ที่ป่องกำลังดีดูน่ารัก แต่สำหรับแบ๊วมือใหม่หลายคนก็ พลาด กะไซส์แก้มผิดป่องเป็นปลาทองรักเร่ หรือไม่ ก็ชิพกับเดลล์ เพิ่งผ่าฟันคุด ก็ถือว่าต้องฝึกกันอีกเยอะ.. ได้ไม่ต้องกังวล เพราะถ้าแก้มยังทำให้คุณดูแบ๊วไม่สมใจละก็..ปาก ยังช่วยคุณได้ ค่ะ ปาก ไม่ว่าตามปกติใครจะมีริมฝีปากไซส์อ้อมพิยดา หรือจอยรินลณี ปากของ สาวแอ๊บแบ๊วจะถูกกำหนดให้มีริมฝีปากบนบางๆ แล้วยกเชิดขึ้นจนเห็นฟันคู่หน้านิดๆ แบบอั้มพัชราภา/แตงโม/เมย์พิชนาฏ/ กิ๊บซ่า กิ๊บซี่ เกิร์ลลี่เบอรี่และดาราอีกเป็นสิบ คน ที่ถ่ายรูปลงหนังสือกี่เล่มๆก็ทำปากแบบเดิมได้ตลอด เวลา ส่วนริม ฝีปากล่างขณะแอ๊บแบ๊วนั้นมีข้อบังคับว่า ห้ามเผยอออกมาจนห้อยย้อยแบบ โน๊ต เชิญยิ้ม เด็ดขาด แต่ต้องเกร็งไว้นิดๆเบะคางให้ดูคล้ายแอบงอนใครมาหน่อยนึง และทีเด็ดคือต้องยิงมุม ปากให้เบี้ยวไปข้างที่ถนัดข้างใดข้างหนึ่งพอประมาณหน้าแบ๊วที่ออกมาจะดูแก่น เซี้ยวแสนซน และทำให้แอบคิดไปเองได้ว่า "ตอนนี้เราหน้าเหมือนโฟร์แล้วล่ะตะเอง.." อย่าลืม รักษารูปปากไว้ตลอดเวลาที่พูดคุยด้วยนะคะ เสียงที่ออกมาจะได้อ้อม แอ้ม พูดไม่ชัด น่ารักน่าถีบ เอ๊ย! น่าจีบ ขึ้นอีกจมเลย เสียง เสียงเป็นอาการทางกายภาพข้อสุด ท้ายของโรคแอ๊บแบ๊ว เสียง มาตรฐานการแอ๊บแบ๊วคือเสียงเล็กๆ อู้อี้นิดๆ อ้อนหน่อยๆ ประมาณ น้องเบเบ้ หรือจิ๊บ ปกฉัตร อะไรแถบๆนี้ ใครที่เคยสอบอ่านร้อยแก้วร้อยกรองแล้วได้คะแนนเต็ม มา อาจจะต้องไป ตัดปลายลิ้นตัวเองก่อน จึงจะออกเสียงแบ๊วๆแบบนี้ได้ น้ำเสียงที่นิยมแอ๊บแบ๊ว คือ level ตั้งแต่ 2 เป็นต้นไป ทำ อย่างไรก็ได้ให้ผิดอักขระวิธีให้มากที่สุด เช่น จริงเหรอ ออกเสียงเป็น จิ๊ง-ง๋ออออออ?? ใช่ไหม เป็น ชิเมะ? / ชิป้ะ? / ชิม้า? / ชิมิ? ไม่เอา เป็น มิอาวววว คือว่า,เอ่อ เป็น คึ่ บั่บ / คึ่แบ๊บ / เอิ่ม / อึ่มมม บ้า เป็น บร๊า ........ (อย่าลืมกระดกเสียงขึ้นไป 2 octave) อะไรน่ะ เป็น อึ่หล่ายอ้ะ? เป็น ต้น ------------------------------------------------------------------- ยังมีอีกมากมายเกี่ยวกับแอ็บแบ้วได้อีกจากhttp://th.uncyclopedia.info/wiki/Abbw
ผมเจอกระทู้หนึ่งในพันทิป.. ลองดูละกันครับว่าคุณเจ้าของกระทู้เป็นยังไง ขนาดเป็นผู้ชายนะ ผมว่าก็เกินไปหน่อย http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q6056402/Q6056402.html ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีครับ แต่เห็นว่ามันเกี่ยวกับกระทู้นี้โดยตรง เรียกว่าเรียนทฤษฏีกันไปแล้ว ลองไปทัศนศึกษาดูของจริง
อืม =w=''... แน่ใจหรอ ว่าเป็น "ผู้ชาย" ตามที่ขึ้นหัวข้อกระทู้ไว้จริงๆ EDIT โดนอ่ะโดน ชอบค่ะ เห็นด้วยอย่างแรง 555+
เฮ่ย...หน้าตาเค้าก็โอเคนา....คงเหมือนสาธิตวิธีหน้าใสทั่วไปล่ะมั้ง...เห็นบอกชื่อยี่ห้อครีมด้วยนี่นา เผื่อใครอยากลองใช้ตามล่ะมั้ง? ปล.เผื่อทาแล้วจะหล่อขึ้นมั่ง (ฮา) ปล2.ถ้าทาสามคืนแล้วหน้าเปลี่ยนเป็น แซ็ค ....อย่างในไฟนอล 7 AC จะซื้อมาโหลนึง (แต่ถ้าออกมาเป็น แซ็ค ในกันดั้มนี่....=w=")
ผมว่าไม่ใช่ "ผู้ชาย" แล้วมั้งครับอีกแบบนี้.................. ช่าง.......กล้า.....(หรือผมจะใชคำว่าด้านดีเนี่ย......) =[]="
มีการค้นพบสาเหตุของการแอ็บแบ้วแล้ว ดูได้ที่ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6033561/X6033561.html
บรรยายซะสยองเชียว..... แต่เอ็มวีเนะโกะจัมพ์ นี่ผมว่าเค้าทำก็น่ารักดีนะ (ถึงจะรู้สึกว่าเพลงปัญญาอ่อนไปหน่อยก็เหอะ)
[action]เข้าไปดูกระทู้ชายแอ็บแบ้ว.... กุมขมับ.... ฉันคงเป็นคนซกมกสินะ ถ้านั่นมันปกติคนเค้าทำ[/action] แอ็บอย่างนี้เหนื่อยจริงๆ แต่เห็นคนทำกันตรึมไอ้ท่าทางแอ็บแบ้วเนี่ย(สงสัยทำจนเป็นสัญชาตญาณไปกันหมดละ ^^; )
ตามไปดูในพันธ์ทิพย์ ........................ ดูได้นิดเดียว (รีบปิดๆ ไปให้พ้นจากสายตา) ก็ทำให้ผมบังเกิดความคิดว่า "คนคนนี้มันใช่รึเปล่าว่ะ" ไอ้เราก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ (ดูไม่เป็น) ก็เลยไม่กล้าฟันธง แต่บอกได้คำเดียวว่ามัน อุ..... ส่วนอาการแอ๊บแบ๊ว ทำเสียงอู้อี้ (เพื่อให้ฟังไม่รู้เรื่อง) การทำปากเจ่อเพื่อให้ดูเซ็กส์ซี่ (ตรงไหนว่ะ) และการทำท่าทาง (ดัด) จริต เพื่อให้ดูเป็นเด็กๆ ไร้เดียงสา (โดยเฉพาะพวกสาวแก่) เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำเอาเสียเลยนะครับ เหตุผลที่ไม่ชอบคิดว่าคงมีไม่น้อยที่คิดอย่างผม อีกอย่างผมเป็นคนที่ไม่ชอบการเสแสร้งแกล้งทำเสียด้วย เลยไม่เคยเห็นว่าไอ้การแอ๊บแบ๊วมันจะทำให้ดูน่ารัก กับผมมันให้ผลตรงกันข้ามเสียมากกว่า จะหาว่าหัวโบราณก็ช่าง แต่นี่คือความคิดเห็นของข้าพเจ้าที่มีต่อเรื่องนี้มานานแล้ว ได้โอกาสก็เลยระบายให้ได้รับรู้กันเสียเลย (ฮา)
ผู้ชายปกติเขาประทินโฉมกันขนาดนั้นเลยหรอคับ = = ว่าแต่เขาก็ช่างกล้า(ด้าน)เนอะ (ผมใช้แค่โฟมล้างหน้ากับครีมทาผิวไม่ให้ผิวแตกแค่นั้นเอง)
=[]="" ภาพประกอบน่ากลัวอ่ะเง้ออ แอ๊บแบ๊วนี่...อาการผิดปกติที่กำลังระบาดทั่วสังคมจริงๆ -*- ถ้าคนหน้าตาน่ารักๆ ทำก็พอจะมองว่าน่ารักหรอก....แต่ถ้าหน้าตาไม่เข้าขั้นอย่าพยายามทำเลยอ่ะ กลัว = =" PS. แต่ถึงหน้าตาน่ารักทำแล้วมันดูไร้สมองยังไม่รู้สิคะ = =" คุมิว่าแอ๊บแบ๊วกับแกล้งโง่มันคนละเรื่องกันออกนะ...
ชายแท้ไม่แท้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แต่ถ้าดูจากการใช้ภาษา การทำหน้าตาเวลาถ่ายรูป คิดว่าเป็นกรณีศึกษาได้ครับ ไอ้แค่นี้ไม่เท่าไร.. ลองดู คห. ที่ตอบแต่ละ คห. เห็นดีเห็นงามและชื่นชมกันเสียยกใหญ่.. ทั้ง ๆ ที่คนเล่นบอร์ดพันทิปก็น่าจะมีอายุในระดับหนึ่ง..
ตามไปดูเเล้วขำ กล้าดีเเท้ เดี๋ยวนี้มีเเต่คนเเอ็บเเบ๊วจริงๆ กระทั่งคนใกล้ตัวก็ชักเเสดงอาการไปทีละคนๆ....