[กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Another บทยำก่อนเข้า บทที่สอง]

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย yoshiki, 4 มิถุนายน 2009.

  1. sumiyo

    sumiyo Vincent4ever!!!

    EXP:
    267
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    Re: [กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Death Scyth Princess part 3]

    ....เพิ่งได้เข้ามาอ่าน....


    ,,>w<,,b!!! โป๊ะเช๊ะๆ โดนใจอย่างแรงงงงง~~~~!!


    /me รออ่านชะตากรรมของตัวเองต่อไป~~

  2. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Death Scyth Princess part 3]

    แล้วตกลง ไรซ์ที่้ข้าผู้น้อยสมัคร กับ แม็กกี้หรือตัวตูเองมันตัวเดียวกันหรือไม่เนี่ย โยชชี่ ข้าพเจ้างง=="

    เหลือสอบอีกสี่กับโปรเจ็คสองวันส่ง เดี้ยวแวะมาอ่านใหม่+=:
  3. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Death Scyth Princess part 3]

    คุยกันก่อนอ่านนิส

    มีคน งง กะชื่อเยอะเลยแหะ ตรูก็บอกแล้วว่ามันกลายสภาพไปแล้วเฟ้ย เพียงแต่มีตัวละครเรื่องมากอยู่สองตัวที่ต้องทำให้ข้าน้อยปวดเศียรเล็กน้อย คือ

    1. ไพอา เพราะว่าดันมีสองชื่อ คือชื่อที่ใช้ในวงการทหารรับจ้าง กับชื่อ จริงๆแก (อันนี้ไม่น่า งง)

    2. เสธ แม็กกี้ กรณีเดียวกับข้างบน แกเม้นไว้ในตัวละครไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าไม่สนิทจริงไม่เรียกชื่อจริงน่ะ อีกอย่างตรูทำเพื่อป้องกันความสับสนจากของเดิมด้วย เอาเป็นว่า ไรซ์ กับ แม็กกี้ เป็นคนเดียวกันละกัน

    เออ พี่จ้อย ยังอุตส่าห์เอางานเราไปต่อยอดซะงั้น จริงๆผมกะจะทำเองเหมือนกันนะเนี่ย แต่พี่ตัดหน้าไปซะก่อนละ ชิ

    อนึ่งตอนนี้จะเป็นบทสุดท้ายของ 'องค์หญิงมัจจุราช' แล้วนะครับ ตอนหน้าจะเป็นบทใหม่ตัวละครชุดใหม่ ขอให้สนุกกับฟิคครับผม



    .................................................................................................

    The Aurera Chapter I

    The Death Scyth Princess part IV The last part


    คฤหาสน์หลังงามกำลังถูกรายล้อมไปด้วยเปลวเพลิง...

    อัคคีทั้งหลายกำลังวูบไหวไปกับเสียงบรรเลงยามค่ำคืน ซากร่างของผู้คนภายในบ้านนอนกันเรียงราย ดวงตาของพวกเขาเบิกโพลงเต็มไปด้วยความกลัว ไม่เว้นแม้กระทั่งสตรีหรือเด็กตัวเล็กๆ สวนดอกไม้บริเวณกลางคฤหาสถ์ถูกย้อมด้วยสีเลือด

    ภายในห้องโถงใหญ่ ประตูไม้บานใหญ่พังระเนระนาด สตรีผู้หนึ่งถูกดาบเสียบตรงไว้ติดผนังและกำลังสิ้นลมอย่างทรมาน เหลือเพียงชายสองคนที่ยังยืนหยัดอยู่

    คนนึงสวมชุดขุนนางชั้นสูงประจำราชสำนักรูบิเนเซีย อยู่ในสภาพสะบักสะบอม ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลฉกรรจ์ ส่วนอีกคนส่วนผ้าคลุมสีดำสนิทปกปิดร่างกาย พร้อมกับดาบสีแดงประหลาดในมือ

    เขายิ้มให้กับชัยชนะอันเด็ดขาดเหนือเหยืออันโอชะ.....


    “บะบาย เนลันเทีย” เสียงเด็กหญิงผมทองโบกมือล่ำลาเพื่อนสาว เด็กสาวผมฟ้ายิ้มให้พร้อมโบกมือตอบ

    เธอวิ่งไปตามถนน อย่างตื่นเต้นเมื่อหาซื้อของสำคัญสำหรับวันนี้มาได้ เด็กสาววิ่งผ่านถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ จากฤดูหนาวแห่งรูบิเนเซีย ดินแดนแห่งศาสตร์ความรู้ของโลก อาณาจักรอันถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แล้วยิ่งด้วยสภาพของฤดูหนาวทำให้ทั้งเมืองหลวงขาวโพลน

    (ท่านแม่ต้องดีใจแน่ๆเลย)

    เด็กสาวยิ้มด้วยใบหน้าอิ่มเอิ่บไปกับความยินดี เธอเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ผ่านเสาตะเกียงต้นแล้วต้นเล่า พลางกระโดดโลดเต้น

    (ของขวัญสำหรับวันเกิดท่านแม่)

    ความปลื้มปิติในใจเธอทำให้เธออมยิ้มไม่หยุด แม้กระทั้งผู้คนที่ผ่านไปมายังชื่นชอบในรอยยิ้มอันไร้เดียงสา

    (หืม นั้นแสงอะไรน่ะ)

    ทว่า ความยินดีของเธอต้องหยุดชะงัก ด้วยแสงสีแดงที่พวยพุ่งขึ้นราวกับจะย้อมท้องฟ้ายามค่ำคืนให้กลายเป็นทะเลเพลิง



    “นี่หัวหน้า เราจะไปสายเอานะ” ชายหนุ่มผมขาวทักท้วงหัวหน้าของเขาเมื่อเริ่มออกนอกลู่นอกทาง

    “อะไรกันฟะ นานๆจะมารูบิเนเซียทั้งที ก็ต้องหลีหญิงให้หน่ำใจดิฟร้า ที่สำคัญนี่ยังไม่ทันเวลานัดเลย”

    “เรื่องนั้นไว้ทีหลัง หัวหน้ารีบไปจัดการธุระกับลอร์ด โรเอน ให้เรียบร้อยแล้วอยากจะทำอะไรก็ทำคะ”

    พวกเขาสามคน เดินทอดน่องไปตามถนนในตัวเมืองหลวงอย่างสบายใจ(ถึงอีกสองคนจะไม่ค่อยสบายใจก็เถอะ) แม้ว่าจะมีธุระเร่งด่วนที่ทำให้ชายผู้ไม่เคยจะยอมออกจากฐานลับต้องถ่อสังขารมาถึงดินแดนอันหนาวเหน็บนี้ ก็ยังไม่อาจทำให้พวกเขาเร่งรีบได้ โดยเฉพาะชายผมเงินคนกลางผู้สวมเสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดาๆ แต่มันดันไม่ธรรมดาตรงเสื้อยืดสีขาวล้วนของเขาเล่นสกรีนด้วยอักษรสีชมพูตัวโตๆว่า โลลิค่อนสุดยอด !!!

    ส่วนชายผมขาวอีกคนที่อยู่ข้างกันสวมเสื้อกันหนาวสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวเลยไปเกือบจะถึงเท้า ได้แต่เดินถอนหายใจไปกับพฤติกรรมบ้าๆ ที่แวะจีบหญิงตลอดทางของหัวหน้าของเขา

    ส่วนสาวชุดโกธิคโลลิต้าที่เดินข้างๆกัน ก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับเต็มที่ “หัวหน้าคะ รีบๆไปรีบๆกลับเถอะ ชั้นหนาวจะแย่อยู่แล้ว”

    “โอ้ย จะรีบกลับทำไม เพิ่งมาถึงเอง ถ้าหนาวมากจะมาซบในอ้อมอกป๋าก็ได้นะจ๊ะกันจัง”

    สาวผมสีม่วงอ่อน รีบส่ายหน้าทันควัน “อะไรฟะ นี่ตรูน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอห่ะ เนียร์ ....เฮ้ย ไอ้เนียร์”

    หัวหน้าจอมทะเล้น งุนงงไปกับอาการผิดปกติของลูกน้องที่จับจ้องบางสิ่งบนท้องฟ้าไม่ยอมรับมุขตลกปัญญาอ่อนของเขา หัวหน้าผมเงินรีบหันควับไปในทิศทางเดียวกับลูกน้องคนสนิท

    ท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวกลับมีแสงสีแดงขวางกั้น



    “ท่านพ่อ ท่านแม่ !!” เด็กสาวรีบวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ที่ตกอยู่ในกองเพลิงโหมกระหน่ำ แม้ผู้ใหญ่หลายคนจะห้ามเธอไว้ แต่ดูเหมือนไม่มีอะไรจะห้ามเธอได้แล้ว เธอวิ่งพรวดผ่านกลุ่มคนที่ยืนมุ่งดูไปด้วยร่างกายเล็กๆของเธอ ก่อนจะวิ่งต่อเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่มีใครคว้าตัวเธอทัน

    “ทุกคน !!!! เกิดอะไรขึ้นกัน !!” เด็กสาวร้องเรียกหาคนในบ้าน ไม่มีเสียงใครตอบรับ เธอรีบวิ่งไปตามทางเดินจนถึงห้องใหญ่ทรงโดมกลางคฤหาสน์ เด็กสาวถึงกับตกตะลึ่งไปกับซากศพของคนในบ้านเธอที่ถูกฆ่าและทิ้งกองไว้เรียงราย

    ภาพของผู้คนที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมทำให้เด็กสาวทรุดลงไปนั่งกับพื้น เธอขยับตัวไม่ได้เพราะความกลัว ในขณะที่เปลวไฟยังลุกไหม้อย่างรุนแรง “ท่านพ่อ กับ ท่านแม่ล่ะ คุณน้าล่ะ” แม้ว่าจะเป็นห่วงแต่เธอไม่อาจจะยืนขึ้นได้ เพราะร่างกายเล็กๆนั้นสั่นไปหมด

    เด็กสาวรวบรวมความกล้าและสติตัวเองทั้งหมดกลั้นใจวิ่งผ่านห้องนี้ไปโดยไม่เหลียวกลับมามอง ผ่านสวนหย่อมที่ตอนช้าเธอและครอบครัวเพิ่งทานอาหารด้วยกัน ผ่านห้องศิลปะที่เธอมักจะมานั่งเล่นกับคุณแม่เป็นประจำ ผ่านห้องฝึกที่เธอกับคุณพ่อมักใช้เวลาด้วยกันที่นี้ ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือด...

    เด็กสาววิ่งผ่านเปลวเพลิงและกองซากศพตามรายทาง ตรงไปยังห้องโถงใหญ่อันเป็นที่พำนับของเจ้าบ้านแห่งโลเฟลลอยด์ เด็กสาวหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพแม่ของเธอถูกตรึงติดกับพนังอย่างโหดเหี้ยม และ พ่อของเธอที่กำลังนอนจมกองเลือด

    “ท่านพ่อ ท่านแม่ !!!”

    “เนลันเทีย หนีไป.....” พูดเป็นพ่อพยายามใช้แรงที่มีตะโกนบอกลูกสาว ชายผู้ถือดาบสีแดงฉานหันไปทางเด็กสาวตัวน้อย เขาค่อยๆเดินเข้าหาเธออย่างช้าๆ ลอร์ดแห่งโลเฟลลอยด์ที่น่าจะหมดสภาพไปแล้วกำลังค่อยๆยันตัวขึ้นเพื่อช่วยลูกสาวเพียงคนเดียว

    ส่วนเด็กสาวกลับไม่หนี เธอยืนนิ่งไม่ใช่เพราะกลัว “โฮ่ แววตาน่าสนใจมากหนูน้อย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างพอใจ “ถ้าเช่นนั้นชั้นจะมอบของขวัญให้เป็นรางวัลเด็กกล้าหาญอย่างเธอนะ”

    ลอร์ดแห่งโลเฟลลอยด์ ตาเบิกเพลิง เขาเข้นแรงที่เหลือถีบตัวเองเข้าสกัดกั้น “อย่ายุ่งกับเธอ !!!”

    “หึ สายไปแล้วละตาแก่”




    ที่ด้านนอก....

    เหล่าสามหน่อจากต่างแดนยืนอยู่หน้าฝูงคนที่ได้แต่ยืนมองเพลิงพิโรธที่โหมกระหน่ำ แม้ว่าจะมีการติดต่อเจ้าหน้าที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่วี่แวว “เฮ้อ นี่ก็เพราะหัวหน้ามาช้าสินะ” หญิงสาวพูดอย่างเอือมระอา

    “ไม่ใช่นะเฟ้ย ตอนนี้มันเวลาตามนัดเป๊ะๆเห็นไหมๆ” ชายผมเงินแย้งพร้อมให้ดูนาฬิกาคล้องโซ่ของตนที่ทำสัญลักษณ์บอกเวลาไว้ ซึ่งเวลาในคณะนี้ก็เป็นเวลานัดพอดี

    “มีคนชิงตัดหน้าเราสินะครับ หัวหน้า”

    “ก็คงเป็นงั้น แถมมันยังวางแผนมาอย่างดีด้วย เราพลาดที่ไม่ได้คำณวนเรื่องนี้ไว้จริงๆ” น้ำเสียงจริงจังผิดกับเมื่อกี้เป็นคนละคน ทำให้หญิงสาวชุดโกธิคยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ในที่สุดก็เป็นหัวหน้าที่เพิ่งพาได้สักทีนะ”

    “ชั้นเพิ่งพาได้เสมอละ กันไฟนอล...” ชายหนุ่มผมเงินค่อยๆเดินก้าวเท้าเข้าไป ทุกก้าวที่เขาเหยียบย่างเปลวเพลิงที่รายล้อมกลับสงบลงทันตา ไฟสีแดงสดถูกกลบด้วยไอเย็นปริศนาทีละจุดๆ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นดวงตาที่ปิดสนิททั้งสองข้าง พร้อมหันกลับมาหาลูกน้องทั้งสอง “เอ้า มัวรออะไรอยู่ตามมาสิ”

    “หัวหน้าเรานี่กลัวไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครหรือไง ดูซิ ชาวบ้านซุบซิบกันใหญ่แล้ว”

    “ถึงยังไง ก็คงไม่มีคนเก่งพอมาหาเรื่องหัวหน้าเราได้อยู่ดีแหละ รีบตามไปกันเถอะ”

    ทั้งสามเดินผ่านตัวบ้านที่ถูกไฟโหมกระหน่ำจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม แต่เปลวเพลิงที่บ้าคลั่งก็หยุดชะงัก เมื่อชายไร้เนตรใช้พลังบางอย่างหยุดไฟเหล่านั้นได้อย่างอัศจรรย์ ไม่นานนักทั้งสามคนก็มาถึงโดมกลางคฤหาสน์ หนุ่มผมขาวในชุดกันหนาวตัวใหญ่ ก้มลงไปสำรวจร่างของเมดเคราะห์ร้ายรายนึง ที่ถูกฟันเฉียง บาดแผลของเธอนั้นเละและเปิดมาก จนมองเห็นเครื่องใน“หัวหน้า แผลแบบนี้มัน”

    “อืม โดนฟันเหวอะในดาบเดียวแบบนี้ อาวุธที่ชั้นพอจะนึกออกก็มีอยู่ไม่กี่ชิ้น”

    “หัวหน้าคะ ดูคนนี้สิ” หญิงสาวผมม่วง ชี้ร่างของพ่อบ้านที่นอนตัวงอก ร่างไหม้เกรียมเล้กน้อยเพราะมีซากคนอื่นทับอยู่ ตัวของเขาซีดเซียว อีกทั้งยังแห้งเป็นมัมมี่ราวไม่เคยมีเลือดอยู่ในนั้น

    ชายหนุ่มไร้เนตรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน พลันแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ “หัวหน้าครับ ดูท่าจะเป็นฝีมือแวมไพร์นะครับ”

    “เหมือนจะใช่ แต่ไม่ใช่” ชายไร้เนตรร่างสูงโปร่งก้มลงดูร่างนั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง “ถ้าเป็นแวมไพร์จริงๆละก็ตัองมีรอยกัดสิ แต่ชั้นไม่เห็นจะมีรอยกัดตรงไหน” เหล่าลูกน้องเมื่อลองกลับไปมองที่ร่างพ่อบ้านอีกครั้งก็พอข้อเท็จจริงอย่างที่หัวหน้าของพวกเขาว่าไว้

    “อีกอย่าง แวมไพร์ที่ทำให้ร่างคนเละเทะได้ขนาดนี้ ชั้นก็นึกออกอยู่แค่ยัยโอลิเวีย กับพวกลูกน้องหมายเลขต้นๆของยัยนั้น แต่ถ้าหากเป็นโอลิเวียจริงๆ มันไม่เละแค่นี้หรอก ‘จ้าวแห่งการทำลาย’ ของยัยนั้นถ้าฟันโดนสิ่งมีชีวิตจังๆขนาดนี้คงกลายเป็นวุ้นไปแล้ว ยังไม่คงสภาพเป็นศพแบบนี้หรอก”

    “แล้วหัวหน้าคิดว่าเป็นฝีมือใครคะ” กันไฟนอล ถาม โดยที่เนียร์ยืนฟังคำตอบอย่างเงียบๆ

    “ลักษณะแบบนี้ เราก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ นี่คือ เวทดำ “ดูดชีวิต” ระดับสูง เจ้าพ่อบ้านนี่คงจะตายสบายกว่าศพที่โดนฟันเหวอะเยอะละนะ อย่างน้อยก็ตายทันที ที่ถูกเวทมืด” ชายไร้เนตรลดเสียงลงเล็กน้อย “แต่เวทนี้มันไม่ดูด สสารในร่างกายด้วยนี่คะ แล้วทำไมเขาถึงตัวซีด แถมแห้งเป็นมัมมีแบบนี้ละ”

    “มันคงเล่นตุกติกกับเวทนี้สินะครับ”

    “ดีมาก หัวแหลมเป็นลิงสมเป็นขี้ข้าชั้นจริงๆ เนียร์ ก้ากๆๆๆ”

    “แต่หัวหน้า ถึงมันจะเล่นดัดแปลงเวท แต่ก็ไม่น่า.....” ชายหนุ่มฉุดคิดขึ้น บาดแผลเละเทะตามร่างของศพที่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธขนาดใหญ่ กับ เวทดำที่ถูกแต่งจนวิปริต คนที่ทำแบบนี้ได้นอกจากจ้าวแวมไพร์กับหัวหน้าของเขาแล้ว ก็มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น




    ตูม !!!!

    เสียงระเบิดดังสนั่น ทำให้ทั้งสามต้องหันควับไปทางต้นเสียง “อืม ดูเหมือนว่าลอร์ดโรเอน ยังไม่ตายแหะ เอาละพวกเรารีบไปกันเถอะ”

    “ครับ/ค่ะ”

    ทั้งสามวิ่งไปตามต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ด้วยประสาทรับรู้ที่เกินสิ่งมีชีวิตอื่นของชายไร้เนตรทำให้เขาระบุตำแหน่ง ที่มาของเสียงได้ทันที สองชายหนุ่มและหนึ่งหญิงสาวหวังอย่างยิ่งว่าลอร์ดแห่งโลเฟลลอยด์คงยังไม่ตายซะก่อนที่พวกเขาจะไปถึง

    ณ ปลายทางเงาดำวูบหนึ่งบินสวนกับพวกเขา เนียร์และกันไฟนอลเบี่ยงหลบไปคนละทางตามปฎิกริยาของร่างกาย แต่หัวหน้าของพวกเขาเลือกที่จะยืนประจันหน้ากับเงาปริศนาที่พุ่งมาด้วยความรวดเร็ว หนุ่มไร้เนตรเตรียมพร้อมกับสิ่งที่คาดไว้ นั้นคือ ดาบสีแดงเลือดเล่มใหญ่ จากศัตรู

    แต่ผิดคาด สิ่งที่อยู่ในมือของเงาดำนั้นกลับเป็นกลุ่มก้อนพลังงานสีดำรูปร่างคล้ายดาบ หนุ่มผมเงินตกใจเล็กน้อย แต่เขากลับยิ้มขึ้นอย่างพอใจ

    (ไอ้บ้านี่ แทนที่จะควัก “ดาบโลหิตคลั่ง” ออกมา ดันใช้แค่ก้อนพลังงานทำเป็นดาบก็เข้าทางตรูดิฟะ)

    หนุ่มไร้เนตรเบี่ยงตัวลบไปทางขวาอย่างรวดเร็ว พร้อมฟันสวนกลับไปด้วยดาบที่ไม่รู้ว่าเขาพกมาตั้งแต่เมื่อไร ตัวดาบนั้นมีรอยสลักแปลกๆเต็มส่วนคมดาบ ส่วนด้ามจับมีสัญลักษณ์เทพีถูกตรึงไปจนสุดตัวดาบ อาวุธทั้งสองเข้าปะทะกัน แต่ดาบที่เป็นก้อนพลังงานสีดำกลับหายไปในพริบตาที่สัมผัสกับดาบของชายไร้เนตร คมดาบสีเงินวาววับฟันเข้าบริเวณหน้าอกอย่างจัง แต่เงาดำนั้นก็หนีไปได้

    “หัวหน้า !!” เนียร์และกันไฟนอล รีบรุดเข้ามาดูหัวหน้าของเขาที่นอนกองแผ่สามสลึงอยู่บนพื้น

    “อ่า ไม่เป็นไรหรอก เฮ้อ เจ้าบ้านั้นมันคงไม่คิดว่าพวกเราจะมาละนะ ถึงทำเป็นเก็บอาวุธประจำตัวไว้ ..เอาเถอะ ไม่ต้องปะทะกับดาบสารเลวนั้นก็ดีพอละ หืม..” ชายผมเงินก้มลงไปหยิบเศษกระดาษบนพื้น ในกระดาษแผ่นนึงถูกเขียนด้วยตัวอักษรโบราณ

    “นี่มันอักษรเมลนิก นี่คะ” สาวผมม่วงพยายามเขย็งขาดู เพราะตัวเธอเตี้ย

    “เรื่องนั้นไว้ก่อน ไปดูอาการท่านลอร์ดกับคุณหญิงก่อนไป” ทั้งเนียร์และกันไฟนอล ทำตามคำสั่งทันที ร่างของคุณหญิงแห่งโลเฟลลอยด์ ถูกตรึงตัดผนังห้องไว้ กันไฟนอลตรวจดูอาการเธออย่างละเอียดพลางถอนหายใจ “ตายแล้วคะ”

    “หัวหน้าครับ” ชายผมเงินรุดไปตามเสียงเรียกของลูกน้องทันที “ท่านลอร์ดอึดกว่าที่คิดนะครับ”

    “เจ้าเองก็มาตรงเวลา...กว่าที่คิดนะ โยชิกิ ‘บัลลังค์รัตติกาล’ แห่ง 5 จักรพรรดิ” ลอร์ดโรเอน ถูกฟันกลางหลังอย่างจัง สภาพตอนนี้ของเขาเกินเยียวยา ทำได้เพียงรอเวลาจะตายเท่านั้น

    ในอ้อมอกของเขากอดร่างของเด็กหญิงตัวน้อย ที่จับเสื้อของผู้เป็นพ่อไม่ยอมปล่อย ดวงตาสีอำพันของเธอจับจ้องมาทางบุรุษแปลกหน้าอย่างไม่ไว้วางใจ “นี่ลูกของท่านลอร์ดเหรอ” ชายวัยกลางคนพยักหน้าพร้อมยิ้มให้กับเธออย่างเอ็นดู

    “พวกมันได้ ‘บันทึกแห่งเวนเซล’….. ชั้นเสียใจที่มอบให้นายไม่ทัน”

    “ช่างมันเถอะครับ ผมแย่งมาได้ตั้งหน้านึงแหนะ เห็นมะๆ “ โยชิกิ หยิบกระดาษหน้าเดียวออกมาให้ดู ลอร์ดโรเอนเห็นแบบนั้นก็หัวเราะขึ้นเล็กน้อย

    “มีเรื่องนึง ที่ชั้นอยากจะขอร้องเจ้าในฐานะทั้งเพื่อน และ ศัตรูคู่แค้น” ในความเป็นจริงแล้ว ลอร์ดโรเอน เคยสู้กับโยชิกิ มาหลายครั้ง แม้ว่าโยชิกิจะเป็นฝ่ายกำชัยซะเยอะกว่า แต่ลอร์ดโรเอน ก็พยายามหาเรื่องมาแก้มือซะทุกครั้ง จนการดวลของสองคนนี้กลายเป็นความสนุกไปโดยไม่รู้ตัว

    “ฝาก เนลันเทีย ด้วย” เด็กสาวหันมองผู้เป็นพ่อ ดวงตาสีอำพันสวยของเธอถูกย้อมไปด้วยน้ำตา กันไฟนอลที่อ่อนไหวกับอะไรพวกนี้ง่ายๆอยู่แล้ว น้ำตาเธอไหลพรากอย่างกับก็อกรั่ว พลันคว้าเสื้อเนียร์มาเช็ดน้ำตาแถมมีสั่งน้ำมูกด้วย

    “ได้สิ” โยชิกิรับคำ ลอร์ดโรเอนยิ้มขึ้นอย่างพอใจพลางหลับตาลงและจากไปอย่างสงบ เด็กสาวไม่ร้องโวยวายเธอกอดร่างไร้วิญญาณของพ่อเธอไว้แนบแน่น

    “หนูน้อย ชื่อ เนลันเทียสินะ “ ชายไร้เนตร เอ่ยถาม เนลันเทียหันกลับมามองหน้าเขาด้วยสีหน้าหลากความรู้สึก

    “อยากจะแก้แค้นไหม” ดวงตาของเด็กสาวผมฟ้าเหมือนจะลุกโพลงขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนั้น เธอพยักหน้าอย่างช้าๆ พร้อมเช็ดคราบน้ำตา “ดีมาก...”

    โยชิกิลุกยืนขึ้น พร้อมกับยืนมือไปทางเด็กน้อย “มาสิ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ ของชั้น ‘บัลลังค์รัตติกาล’ คนนี้จะทำให้เธอแข็งแกร่งจนโลกใบนี้ต้องหวาดกลัวเธอยิ่งกว่าสิงใดทั้งนั้น” เนลันเทียคว้ามือนั้นไว้อย่างมั่นคงพร้อมลุกยืนขึ้นสู่โลกภายนอกอันโหดร้ายและเต็มไปด้วยการฆ่าฟัน


    เธอทอดทิ้งร่างของผู้เป็นพ่อไว้เบื้องหลัง กระโจนสู่สมรภูมิเบื้องหน้าเพื่อทวงคืนสิ่งที่เธอไม่มีทางได้กลับมาจากชายผู้นั้น เหลืออยู่เพียงกล่องของขวัญชิ้นเล็กที่เด็กสาวกำไว้แน่น

    เธอจากคฤหาสน์อันแสนสุข สู่การเป็นมือสังหารที่ใครๆต่างก็พากันหวาดผวา เคียวสีขาวเล่มยาวของเธอที่ดัดแปลงจากอาวุธประจำตัวของพ่อ ถูกใช้ปลิดชีวิตมากมายเพื่อเงื่อนไขของคำสาป

    ตลอดเวลา 4 ปี เธอพรากชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน ควานหาตัวผู้ที่ทำลายชีวิตเธอ 4 ปีที่เด็กสาวไร้เดียงสาต้องมือเปื้อนเลือดมาตลอด

    ในที่สุดเธอก็พบมันจนได้.....






    เคร้ง !!!


    “เอ้าๆ เป็นอะไรไป ดูเหมือนเธอจะใจลอยอยู่นะ “ ชานะ เอ่ยอย่างท้าทาย พลันฟาดดาบแนวขวางเข้าใส่ เนลันเทียอย่างรวดเร็ว ทว่าหญิงสาวในชุดโกธิคสีขาวก็บินหลบไปด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า

    “แค่คิดอะไรได้นิดหน่อยน่ะ” เนลันเทียเอ่ย ในขณะที่ตัวเองลอยกลางอากาศ

    “โห เวลาแบบนี้ยังจะมีเวลาคิดอะไรอีกเหรอ” ชานะรวมเปลวไฟไว้ที่ปลายดาบพร้อมยิงมันออกไปอย่างรวดเร็ว ลูกไฟขนาดใหญ่ พอๆกับลูกตุ้มเหล็กอันยักษ์ พุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

    เนลันเทีย ฟาดเคียวเทพธิดา สกัดลูกไฟนั้นเต็มแรง ลูกไฟยักษ์หายไป แต่มันกลับกลายเป็นไฟลูกเล็กๆเข้าเล่นงานเธอจากทุกทิศทาง และในขณะที่เนลันเทียกำลังบินหลบไฟเหล่านั้นเอง

    บางสิ่งบางอย่างกำลังพุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็วสูงจากด้านบน เมื่อดวงตาสีอำพันมองขึ้นไป ร่างของเด็กสาวเนตรอัคคีกำลังพุ่งทะยานเข้าจู่โจมเธอ โดยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

    “อั่ก” ไฟลูกเล็กดักทางหนีของเธอทั้งหมดพร้อมเข้าโจมตีเป็นระลอก

    “ช้าไปแล้ว !!” ชานะคำรามลั่น เธอฟาดดาบยาวคู่ใจแบบเต็มแรง เนลันเทียรีบยกด้ามเคียวขึ้นป้องกันได้ทันควัน แต่ด้วยแรงที่พุ่งลงมาจากด้านบน ทำให้ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ ร่วงกระแทกพื้นอย่างจัง

    ชานะค่อยๆบินลงมาอย่างช้าๆ เธอเก็บปีกสีแดงเข้มด้านหลัง พลางเดินเข้าหาศัตรูที่พยายามจะลุกขึ้น “หี อะไรกัน มีแค่นี้เองเหรอ”

    “นั้นสินะ เธอเองก็ยังไม่ค่อยชอบมองรอบๆข้างเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” ชานะหันมองไปรอบข้าง ดาบสีฟ้าที่เป็นอาวุธเวทของเนลันเทียรายล้อมเธอ ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’ รีบถีบตัวถอยหลังหลบการโจมตีที่คาดไม่ถึงไปได้อย่างเฉียดฉิว

    แต่ไม่จบแค่นั้น เนลันเทียลุกขึ้นพร้อมฟาดคลืนสีฟ้า เข้าใส่ชานะที่ยังตั้งตัวไม่ติด ชานะสร้างกำแพงเพลิงขวางไว้แต่ก็ไม่อาจสกัดการโจมตีที่รุนแรงได้หมด เด็กสาวจีงรีบหลบไปด้านซ้ายมืออย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้น “ระวังข้างหน้าก็ดีนะ”

    เนลันเทียเอ่ยเตือนคู่ต่อสู้ ชานะต้องรีบกระโดดหลบคมดาบศักดิ์สิทธิ์อีก 4 เล่ม ที่ตามมารังควานเธออีกครั้ง แต่เมื่อถอยฉากมาได้ คมเคียวสีขาวฟาดเฉียงมาจากด้านข้างที่เป็นจุดอับของเธอ เด็กสาวไม่มีทางเลือก “เป็นไงเป็นกัน”

    ชานะยัดเปลวเพลิงวัดดวงหวังจะแลกเลือดกับเนลันเทีย แต่เหมือนสาวผมฟ้าจะรู้ทันเธอรีบถอยฉากออกมาทันที พร้อมรวมดาบเวททั้ง 9 เป็นนึงเดียวทะลวงระเบิดเพลิงของชานะ

    เด็กสาวเนตรอัคคี ไม่ทันระวังการโจมตีนี้ ดาบสีฟ้าเล่มหนาพุ่งทะลุระเบิดเพลิงของเธอเข้ามา ปฏิกริยาตอบสนองอันเหนือชั้นสั่งให้เธอฉากหลบทันที ทว่า เธอก็ยังไม่อาจหลบพ้น ดาบสีฟ้าพุ่งเข้าเสียบใหล่ซ้ายเล็กๆของเธออย่างจัง

    “ชิ...พลาดจนได้” ชานะสบถเล็กน้อย

    “นั้นก็เพราะเธอประมาทนั้นแหละ” เนลันเทียเรียกดาบทั้ง 9 กลับมารายล้อมตัวเธออีกครั้ง ชานะค่อยๆลุกยืนขึ้นพลางจับไหล่ซ้ายที่เลือดไหลไม่หยุด

    “พร้อมหรือยังละ ชั้นไม่ชอบเล่นงานศัตรูทีเผลอเท่าไร” สาวผมฟ้า เอ่ย ขึ้นพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

    ชานะก้มหน้าลง “หึ พร้อมนานแล้ว !!” เกศาเพลิงของเธอลุกโชติช่วง คมดาบพุ่งเข้าหาเนลันเทียด้วยความเร็วที่ยิ่งกว่าเดิม จนสาวผมฟ้าต้องตกเป็นฝ่ายถอยร่นอีกครั้ง ชานะได้ทีรุกไล่ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ ต่อ เนลันเทียตั้งรับอยู่สักพัก เธอจับสังเกตได้ถึงอาการผิดปกติบางอย่างของชานะ

    (ได้ทีละ...)

    ชานะฟาดดาบยาวเข้ามาตรงกลาง หญิงสาวผมฟ้าใช้ด้ามเคียวรับเอาไว้ก่อนจะบิดตัวไปด้านขวาพร้อมกับใช้ปลายด้ามเคียวตบเข้าไหล่ซ้ายชานะอย่างจัง

    “อั่กกกกกกกกกกก” ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’ พยายามอั้นเสียงร้องสุดชีวิต ชานะต้องล่าถอยออกไป เนลันเทียได้โอกาสก็ฟันซ้ำเข้าบริเวณหน้าท้องไปอีกแผล พร้อมกับเรียกดาบศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 เล่ม จู่โจมชานะอยู่ตลอดเวลา

    เด็กสาวเนตรอัคคี กระโดดหลบดาบสีฟ้าอยู่เป็นระยะ พลางท่องมนต์ “ข้าแต่เหล่าวิญญาณแห่งเปลวเพลิง ผู้สิ่งสถิตอยู่ในทุกอณูแห่งข้า จงสำแดงพลังบดขยี้ ศัตรูทุกตัวตน INFERNO !!” เนลันเทียที่หมายจะฟันซ้ำถึงกับต้องหยุดชะงึกเหมือนพบว่าตัวเองถูกร่ายล้อมไปด้วยคลืนความร้อนขนาดมหาศาลและมันกำลังร้อนขึ้นทุกขณะจนแม้แต่หายใจยังลำบาก

    “ที่กระโดดหลบไปเรื่อยๆ เพราะหาโอกาสร่ายมนต์เองหรอกเหรอ” ระเบิดอันรุนแรงดังก้องคำรามไปทั่ว ต้นไม้และทุ่งหญ้าเตี้ยรอบด้านกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตาเดียว ชานะหยุดเตรียมพร้อมเธอค่อยๆรวบรวมพลังเอาไว้

    เนลันเทียค่อยๆก้าวเดินออกมาจากฝุ่นควัน เวทย์มนต์เมื่อครู่ไม่ได้สร้างบาดแผลให้เธอแม้แต่น้อย เพราะอาวุธวิเศษ ‘เคียวเทพธิดา’ นั้นหาอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมแล้วไม่ว่าเวทย์มนต์แบบไหนก็ไม่อาจทะลวงผ่านไปได้

    ชานะรู้ความจริงข้อนี้ดี เวทย์เมื่อครู่เป็นเพียงแค่การถ่วงเวลาการโจมตีต่อเนื่องของ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ เท่านั้น

    เนลันเทีย ที่อยู่ห่างออกไปตั้งท่าเตรียมรับการโจมตีอันรุนแรงที่จะมาถึง เธอพอจะสัมผัสได้ว่าชานะรวบรวมพลังอยู่ “จะมาไม้ไหนกันละ ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’ “

    ทันใดเกศาเพลิงก็ลุกไหม้โชติช่วงขึ้นอีกครั้ง “ย้ากกกกกก” ชานะเปล่งเสียงร้อง พร้อมฟาดดาบเพลิงใส่เบื้องหน้าเนลันเทียทันที ระเบิดอันรุนแรงซัดฝุ่นควันลอยขึ้นมาจนมองเห็นรอบด้านไม่ถนัด เนลันเทียแสดงสีหน้าตื่นตะลึงอย่างเห็นได้ชัด พลันกวาดสายตาไปรอบด้าน

    (ทางไหนกัน ซ้ายหรือขวา)

    ในขณะที่เธอมัวแต่ระวังด้านอื่นๆนั้นเอง เพราะคิดว่าชานะจะอ้อมเข้ามาโจมตีด้านอื่นแบบที่เคยทำ แต่ชานะกลับเลือกพุ่งเข้ามาทางด้านหน้าราวกับขีปนาวุธ เธอระเบิดพลังแทบทั้งหมดที่รวบรวมไว้ใต้ฝ่าเท้า เป็นการวัดดวงที่บ้าดีเดือดเป็นที่สุด

    ‘องค์หญิงมัจจุราช’ ที่ไม่ทันระวังด้านหน้าของตัวเอง จึงไม่อาจเบื่องหลบการโจมตีที่คาดไม่ถึงนี้ได้

    ดาบยาวของชานะเสียบเข้าที่ชายโครงซ้ายของเนลันเทียเต็มรัก

    หญิงสาวผมฟ้ากระอั่กเลือดออกมาทันที ท่ามกลางสติที่เริ่มเลือนลางเธอรวมพลังทั้งหมดไว้ที่มือซ้ายก่อนจะจับไปบริเวณหน้าของชานะ ส่วน ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’ ก็ใช้พลังที่ยังคงเหลืออยู่ส่งไปที่ตัวดาบ




    ตูม !!!!!

    เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว สองสาวต่างกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง เนลันเทียนอนแน่นิ่งเลือดของเธอค่อยๆไหลรินไปตามพื้นดิน ส่วนชานะค่อยๆใช้ดาบประคองร่างกายเล็กๆของเธอให้ลุกยืนขึ้น เด็กสาวยิ้มอย่างยินดีแม้ร่างการจะเต็มไปด้วยบาดแผล โดยเฉพาะศรีษะที่เลือดไหลลงมาตามหน้าของเธอ

    ชานะเดินกะโผลกกะเผลก ไปทางเนลันเทียที่ยังไม่ฟื้น “ดูท่าชั้นจะชนะจนได้แล้วสินะ” เด็กสาวลากดาบยาวเข้าหา

    “เอ๋...” เด็กสาวเนตรอัคคี กลับรู้สึกแปลกๆขึ้นมา จู่ๆเธอก็ไม่ได้ยินเสียงรอบข้างขึ้นมาอย่างกะทันหัน ภาพที่เธอเห็นกลับดูลายตาจนควบคุมไม่ได้ แขนขาก็ไม่อาจสั่งการให้อยู่กับที่ได้

    ชานะล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยอาการมึนงง อย่างที่สุด เธอพยายามประคองสติที่กำลังจะโบยบินไป ชานะใช้ดาบยันตัวเองไว้ไม่ให้ล้มลง ในตอนนั้นเองเธอสังเกตเห็นละอองแสงสีขาวรายล้อมเธอ แม้ว่าจะมองไม่ถนัดแต่บางสิ่งได้บอกเธอว่า นี่เป็นเรื่องไม่ดีแน่

    เนลันเทียดันตัวเองขึ้นมาจากพื้น เลือดสีแดงฉานไหลจากบาดแผลขนาดใหญ่ของเธอเป็นทางยาวจนชุดสีขาวของเธอกลายเป็นสีแดงสด “ด้วยนามแห่งข้าผู้รับใช้แสงสว่าง ขอวิงวอนต่อเหล่าเทพศักดิ์สิทธิ์ โปรดประทานอาวุธแห่งแสง อันงดงามและแข็งแกร่งหาใดเปรียบ HOLY LANCE” เวทสายแสงถูกร่ายอย่างบรรจง ละอองแสงรอบกายชานะ เปลี่ยนรูปร่างเป็นหอกจำนวนมหาศาล ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’ พยายามจะหลบทว่าร่างกายของเธอไม่อาจตอบสนองอะไรได้อีก

    หอกแสงหลายสิบเล่ม เข้าเล่นงานชานะในครั้งเดียวก่อนจะเกิดระเบิดขึ้น เรือนผมและเนตรอัคคีหายไปสิ้น กลับไปเป็นผมสีดำขลับเช่นเดิม ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’ นอนหมดสติ ส่วน ‘องค์หญิงมัจจุราช’ พยายามประคองตัวเองให้ลุกยืนขึ้นมือซ้ายของเธอใช้เคียวดันพื้นเอาไว้ ส่วนมือขวากดไปบริเวณบาดแผลไม่ให้เลือดไหลออกไปมากกว่านี้

    เนลันเทียร่ายเวทรักษาอย่างง่ายๆใส่ตัวเอง เนื่องจากเธอไม่มีพลังมากพอที่จะใช้เวทย์ระดับสูงกว่านี้ หญิงสาวผมฟ้ามองไปทางชานะ ที่หลับใหลไม่ได้สติ “ขอโทษด้วย แต่ว่าชั้นจะมาแพ้ที่นี้ไม่ได้ “

    หญิงสาวลากร่างอันสาหัสของเธอเดินจากไปโดยทิ้ง ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’ เอาไว้ตามลำพัง


    ………………….
    …………..
    ………..



    ณ ห้องสูทอันหรูหราภายในปราสาท ‘ดารานิรันดร์’

    “กลับมาแล้วค่าท่านโอลิเวีย” เสี่ยวหลิน เมดต๊องประจำตัวโอลิเวีย กลับมาด้วยท่าทางอารมณ์ดีสุดชีวิต ที่พบทุกคนเห็นหน้าเธอก็แทบไม่ต้องเดาเลยว่าเธอไปทำอะไรมา

    “แอบไปดื่มที่ไหนมาอีกละ” จ้าวแวมไพร์ทักพลางจิบชาไปด้วย

    “แหมๆๆๆๆๆ ท่านโอลิเวีย ดิฮั่น ไม่ได้หนีไปกินที่ไหนนะ เอิ้ก”

    “เฮ้อ ใครเขาจะเชื่อเธอหะ” แม็กท้วงขึ้น แต่เมดสาวกลับยิ้มแป้น

    จ้าวแวมไพร์วางถ้วยชาลง พร้อมกับเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าใส “แล้วที่สั่งไปเรียบร้อยดีใช่ไหม” เสียวหลิน รายงานแบบกึ่มๆเล็กน้อย “ ค่า จักรพรรดิ ‘บัลลังค์รัตติกาล’ ทราบเรื่องทั้งหมดที่ท่านโอลิเวียใช้ให้ไปบอกหมดแล้วค่า แถมเหล้าที่ปราสาท ‘จันทราดำ’ ก็เลิศซะไม่มี อุ้ย”

    “ฮ่าๆๆๆ นั้นไงๆๆ หลุดปากออกมาจนได้ เอาไงดียัยป้า”

    โอลิเวียนิ่งลงไปเล็กน้อย ส่วนเสี่ยวหลินหน้าซีดเป็นไก่ต้ม “ดีมาก ไปพักผ่อนเถอะไป”

    เมื่อได้ยินดังนั้นเมดสาว ก็ยิ้มร่า พร้อมเดินหายวับไปอีกห้อง “นึกว่าจะลงโทษหนักๆซะอีก”

    “ลงโทษไปก็ไม่ได้อะไร สุดท้าย เธอก็จะแอบไปกินอยู่ดีน่ะแหละ”

    แม็กยิ้มเล็กน้อย “แต่นี่มันกำลังจะเริ่มแล้วใช่มะ ยัยป้า”

    จ้าวแวมไพร์หยุดนิ่ง พร้อมมองหน้าคู่สนทนา “แล้วนายจะอยู่ข้างไหนละ”

    “ชานะจังอยู่ข้างไหนชั้นก็อยู่ข้างนั้นแหละ” โอลิเวียหัวเราะคิกๆ เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น “มันเดาง่ายซะเหลือเกินนะ แม็กแลนเซอร์ ‘มหายักษาอัสนีบาต’ ”

    ‘นักแปรธาตุเลือดต้องสาป’ ลดเสียงลงพร้อมเปลี่ยนน้ำเสียงทีเล่นทีจริงจนถึงเมื่อครู่ กลายเป็นเสียงจริงจังขึ้นมา “หากมันเริ่มเมื่อไร สงครามแบบเดียวกับเมื่อ 400 ปีก่อนได้ปะทุแน่ๆ มันจะเกี่ยวพันกับทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั้งชั้นกับนาย”

    “ก็ดีเหมือนกันอยากแก้มือกับเหล่าจักรพรรดิเหมือนกันน่ะแหละ เอาไว้ค่อยเจอกันในสนามรบละกันนะ” ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นพลางส่งสัญญาณไปทางเมดหน้าตายที่ยืนด้านหลัง โอลิเวีย เจ้านายตัวน้อยแต่อายุไม่น้อย พยักหน้าทีนึง เมดแว่นก็จัดการเปิดประตูสู่โลกภายนอกให้

    “ขอให้มีชีวิตรอดจนกว่าจะถึงตอนนั้นละกันนะ จักรพรรดินี โอลิเวีย” แล้วแม็กก็หายเข้าไปในแผ่นจานแสง

    โอลิเวียทอดสายตาออกไปอย่างไร้จุดหมาย เธอถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม “ในที่สุดวงล้อแห่งโชคชะตานี้ก็เวียนมาอีกครั้งจนได้สินะ”



    ................................................................
    ...................................................
    .......................................
    ...............................


    ขอขอบคุณ

    1.เนลันเทียจัง สาวน้อยจากแฟนผมเอง (อินเมจเธอคือ ไอน่า จาก .hack/G.U. ครับ)

    2.แม็กกี้ รีบๆส่งเนมมาได้แล้ว

    3.ชานะจัง เตี้ย แบน ซึน ซึโก่ย

    4.ไพอา เรื่องนี้ไม่มีจืดจางแน่นอน

    5.โอลิเวีย สาวน้อย แวมไพร์ ของ เจโนวา พร้อมด้วยเหล่าสมุนผู้น่ารักทั้งสอง

    6.ท่านอีวาน ที่ออกมานิดๆหน่อยๆ

    7.เนียร์ ขี้ข้าเบอร์ 1

    8.กันไฟนอล โอ๋ๆ อย่าร้องไห้ไปเลย พี่ว่าตัวเล็กๆน่ารักดีออกนะ

    9.ไอ้โย หรือ ปัจจุบันเป็นไอ้เฟทไปแล้ว แต่เป็นไอ้โยในบอร์ดนี้ต่อไปดีละ​


    สำหรับบทหน้าเตรียมพบกับองค์หญิงตัวจริงแห่งปราสาทคริสตัล พร้อมกับเหล่าบริวารที่จะใว้ให้เธอจิกหัวใช้เล่น 5555+ :D



    ALL FRIENDS AND FAN THANKS !!!!
  4. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Death Scyth Princess part 4 จบบทแรก]

    2สาวซัดกันแหลกเลยวุ้ย เนื้อเรื่องถูกโยงเข้าหากัน ปริศนาต่างๆถูกวางไว้ เนื้อเรื่องหนักใช้ได้เลยวุ้ยเจ้าโย ยิ่งเขียนยิ่งเข้าท่า แจ่มๆ

    ปูเสื่อนั่งรอดูต่อไป ปล. สงสารเจ้าเนียร์เป็นบ้าเลยฮาๆ
  5. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Death Scyth Princess part 4 จบบทแรก]

    อ่านแล้วมันส์มากเลยค่ะ อยากเขียนให้ได้แบบนี้บ้าง

    แต่น้องชานะแพ้ซะแล้ว น่าฉงฉาน T-T
  6. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Death Scyth Princess part 4 จบบทแรก]

    อั๊งโอลิเวียของเขา~~~~~~~~~~~

    ดิ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ปิดเทอมเเ้ล่วได้เวลาปั่นฟิคตัวเองมั่งสินะตู
  7. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    Re: [กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Death Scyth Princess part 4 จบบทแรก]

    อ๊าก ชอบประวัติเนลันเทีย!

    ชานะแพ้ซะแล้ว ทำไมเอาสาวๆน่ารักมาตีกันอย่างงี้ล่ะครับ เสียของ... (ไม่ใช่ละ)
    ฟิคนี้มีฉากโหดอยู่เป็นระยะๆ และมีฉากม่อ (ของใครก็ไม่รู้ =3=) เป็นระยะๆเช่นกัน

    รบกวนดูเสียงสะกด "คะ/ค่ะ" ด้วยนะครับ เห็นยังมีผิดๆอยู่นิดนึง
  8. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Death Scyth Princess part 4 จบบทแรก]

    มาเร็ว เคลมเร็ว ซ่อมเร็ว

    มีอะไรให้อ่านคลายเครียดตอนทำวิทยานิพนธ์อย่างนี้ก็ดี C:


    สาวๆตีกัน
    ถ้าฉันมีบทอย่างนี้ฉันตายแน่ (เสียงหนูออกัสลอยมาตามลม)
  9. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Death Scyth Princess part 4 จบบทแรก]

    แล้วทำไมต้องให้ผมจืดจางฟะ.... แค่หาแฟนไม่ได้เนี่ยนะ OTL
  10. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Death Scyth Princess part 4 จบบทแรก]

    The Aurora Chapter -2​


    หากเหล่าจักรพรรดิและเดอะแก็งเป็นแบบนี้ละ ?​





    ค่ำคืนดำมืดภายในห้องเช่าโทรมๆขนาดหกเสื่อ โต๊ะสี่เหลื่ยมกลางห้องได้ถูกตั้งเป็นฐานสำหรับวางหม้อไฟฟ้าสำหรับทำสุกี้ยากี้ รายรอบโต๊ะนั้นประกอบไปด้วย 3 บุรุษ 2 สตรี ที่สายตาส่วนใหญ่กำลังจับจ้องไปบนโต๊ะอาหาร พลางระแวดระวังรอบข้างราวกับมีมือสไนเปอร์คอยจะส่องหัวกบาลพวกเขาอยู่

    ชายไร้เนตร ที่กำลังนั่งหน้าบูดเป็นตูดหมูอย่างเห็นได้ชัด กำลังจับจ้องไปทางสาวน้อยผมสีทองในชุดโกธิคสีดำที่กำลังซัดเนื้ออย่างสบายใจเฉิบ "เวร เอ้ย มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงฟ่ะ"


    ย้อนเวลากลับไปเมื่อเย็น.....



    "ว่าไงแม็กเหรอ ..เออๆ ว่าง อยู่น่ะ ..ห่ะ !! ว่าไงนะ เนื้อวัวอย่างดี แหล่มมากเพื่อน เดี๋ยววันนี้จะรีบตั้งเตาไว้ให้พร้อมรีบมาให้ว่องเลย" โยชิกิ สัมผัสคริสตัลสื่อสารในมือ พลันยิ้มด้วยรอยยิ้มชวนสยอง สองเท้ารีบจ้ำอ้าวกลับไปที่ห้องของตน พร้อมหยิบฉวยอุปกรณ์สำหรับทำสุกี้ไว้พร้อมสรรพ

    "เฮ้ย หัวหน้า เกิดครึ้มใจอะไรเอาหม้อสุกี้มาตั้ง" หนุ่มผมขาวที่ทำหน้าที่ดูแลเฝ้าห้อง เอ่ยถามพลางนึกสยองในใจ เนื่องด้วยหัวหน้าของเค้ารื้อห้องซะกระจุยไปหมด แบบนี้คู่ขาตัวเล็กกลับมามีหวังโดนสวดยับทั้งคู่

    "เมื่อกี้ไอ้แม็กติดต่อมา ว่ามันไปเล่นเกมจำจี้กับสาว SM แล้วได้รางวัลเป็นเนื้อวัวอย่างดีมาเลยนะเฟ้ย" โยชิกิพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด แต่รู้สึกตัวจริงเอ๊งจะไม่กินเนื้อไม่ใช่เหรอฟ่ะ

    "แล้วไงงะ" เนียร์ ยิงคำถามกลับด้วยท่าทีธรรมดาสุดๆ จนหัวหน้าตาบอดทนไม่ได้ ต้องหมุนตัวเกลียวไร้ประโยชน์นึงรอบพร้อมกดสวิสต์ต้มน้ำซุป

    "แกไม่รู้ถึงความอัศจรรย์ในรสชาติ ที่อ่อนละมุนนุ่มลิ้น เต็มไปด้วยความอร่อยเหาะ ชนิดที่ว่าตายก็ไม่เสียชาติเกิดนี่หรือ เนียร์ !!!"

    "มันก็แค่อาหารไม่ใช่เหรอ"

    "......" เมื่อได้ยินดังนั้นโยชิกิจึงตัีดสินใจปล่้อยไอ้บ้านี่ให้มันยืนไร้ความสุนทรีย์ต่อไป แล้วแกรู้ว่ามันอร่อยได้ไงว่ะ ในเมื่อกินเนื้อไม่ได้เนี่ย


    รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ โยชิกิตั้งเตาพร้อม อุ่นน้ำซุบพร้อม ผักก็พร้อม (ลงทุนไปซื้อใหม่เลย) เหลือเีพียงเนื้อเท่านั้น เนื้อ !!!! ใช่แล้วมันกำลังเิดินทางมาจากบาร์ SM ที่แสนไกล ใช่แล้วมันกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ความอร่อยอันสุดจะบรรยายกำลังจะลงกระเพราะของเขาแล้ววววว

    "โอ้สสส รบกวนด้วย" เสียงสวรรค์ของเพื่อนร่างใหญ่ ที่มากับถุงพลาสติกบรรจุวัตถุบางอย่างก็มาที่หน้าห้อง โยชิกิรีบจัดแจงที่นั่งให้กับเพื่อนหนุ่มดุจราชา

    "เฮ้ย นี่อยากกินอะไรขนาดนี้เลยเหรอฟ่ะ"

    "โธ่ ตรูข้าถังแตกมาตั้งแต่การเดินทางคราวก่อนแล้ว ทุกวันนี้ก็มีชีวิตด้วยข้าวกล้องเซเว่นทุกวัน มีเนื้อชั้นดีตกถึงท้องตอนนี้ก็บุญโขแล้ว" ประโยคที่กล่าวมานี่เรื่องจริงล้วนๆนะครับ

    "หึ งั้นอย่ารอช้าเลยสหายข้า" แม็กจัดการคว้ากล่องพลาสติกสามกล่องออกมาจากถุง มันคือเนื้อวัวชั้นดีสมชื่อ เส้นไขมันที่เห็นได้อย่างเด่นชัดและสีเนื้ออย่างกะเพิ่งจะใส่สารเคมีเร่งสีมาหมาดๆ ดูน่ากินจนแทบอดใจไม่ไหว

    "อ้อ นี่เหรอไอ้เนื้อที่หัวหน้าว่า" เนียร์ชะโงกหน้ามาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    "หึหึหึหึ ได้เวลาแล้วสินะแม็ก"

    "แน่นอนสหาย"


    ทั้งสามจัดแจงใส่เนื้อชิ้นงามลงไปในหม้ออย่างละเมียดละไมดุจดูแลสาวน้อยก็ไม่ปาน โยชิกิที่ทำน้ำลายหกไปหลายถังจับจ้องเนื้อไม่วางตายิ่งกว่าหมาไฮยีน่าล่าเหยือซะอีก แต่เพื่อนแม็กหลังสังเกตอะไรหลายๆอย่างในห้องก็พบสิ่งผิดปกติหนึ่งอย่างถ้วน "เฮ้ย แล้วนี่กันจังไปไหน"

    "กันจังไปธุระครับ"

    "ดีแล้วๆๆ ไม่มีคนหาร จงภูมิใจไว้ซะเนียร์ ที่แกจะได้มีโอกาศลิ้มรสมัน"

    "คร้าบๆๆ แหม แต่สำหรับผมมันก็แค่ข้าวเย็นเท่านั้นแหละคร้าบ"

    โยชิกิกับแม็กทำหน้าประมาณว่า "แล้วมรึงจะมานั่งกินด้วยทำไมมิทราบ" แต่ก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป ถือซะว่าทำบุญทำทาน ปล่อยนกปล่อยปลา เลี้ยงข้าวเด็กมันละกัน

    "แหม นี่ถ้ามีเบียร์นะ"

    "พูดอย่างกะตัวเองกินเป็นนะ ไอ้โย"

    ในที่สุดเนื้ออันหอมหวานก็ได้เวลาสุกพร้อมเข้าปากกันทันที ถ้วยตะเกียบในมือไม่รอช้าพุ่งตรงดิ่งด้วยความเร็วสูง ชนิดเพลงดาบไหนๆก็ไม่สามารถต้านทานได้

    ปิ้ง ป้อง ~~~~~


    .....ใครมาว่ะ

    โครม !!!!!!!

    "ยะโฮ่ ไม่เห็นมีคนตอบรับเลยขอพรวดเข้ามาละกันน้าาาาาา เป็นไงทุกคนสบายดีไหมมมมม" ทั้งสามอึ้งไปตามๆกัน เมื่อสาวน้อยที่ยืนอยู่หน้าห้องของพวกเขา คือ โอลิเวียร์ แวมไพร์ร่างเด็ก แถมมาคนเดียวไม่มีเมดคู่กายมาซะด้วย เธอก้าวเข้ามาในห้องแบบไร้มารยาทพลางทำหน้าเคลิ้มไปกับกลิ่นของสุกี้ในห้อง

    "โห กินไม่ชวนกันเลยนะพวกนาย ไม่เป็นไรขอแจมด้วยคนนะ" ว่าแล้วจ้าวแวมไพร์ ก็จัดแจงเดินเข้าไปในครัวคว้าถ้วยตะเกียบมาครบมือ เลือกที่นั่งหัวโต๊ะอีกต่างหาก ไม่รอช้าโอลิเีวียร์จัดการจ้วงเนื้อสามชิ้นที่ส่งลงไปต้มจนสุกใส่ถ้วยตัวเอง (ตักผักพร้อมเรียบร้อยด้วยนะ)

    (อะ โดนท่านโอลิเวียร์แย่งไปแล้วแหะ)

    (เช็ดเข้ เนื้อกรู !!)

    (เผลอแปบเดี๋ยว ยัยแก่ล่อไปสามเลยเหรอ)

    ทั้งสามอึ้งกิมกี่ไปพอๆกัน ยกเว้นเนียร์ที่ดูจะได้รับอิมแพคน้อยกว่าอีกสองคน จักรพรรดิ 'บัลลังค์รัตติกาล' และ 'มหายักษาอัสนีบาต' เจ้าภาพงาน ส่งสายตาเป็นนัยเหมือนจะวางแผนอะไรสัีกอย่าง

    "เฮ้ย ยัยป้า อยู่ๆทำไมโผล่หัวมานี่ได้ห่ะ" แม็กถามด้วยความหงุดหงิดเต็มประดา

    "เรียกป้า อยากตายนักหรือไง" โอลิเวียร์พูดไปเคี้ยวเนื้อไปด้วย "ชั้นก็แค่คิดถึงพวกยาจกอย่างพวกนายเท่านั้นเอง ก็เลยอยากจะแวะมาเยี่ยมน่ะ แต่ดูจะมาได้เวลาดีเลยแหะ มีกินสุกี้กันด้วย"

    (ช..ช่างเสือกได้เวลาดีแท้ โอลิเีวียร์)

    (เวลาแบบนี้ใครเค้าเชิญเอ๊งฟ่ะ ยัยแก่)

    ทั้งสองได้แต่คิดอยู่ในใจ พลันเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งเครียดหาทางกำจัดตัวหารไม่ได้รับเชิญกันจนสมองแทบระเบิด ระหว่างที่ัมัวแต่คิดไร้สาระ ทั้งเนียร์และโอลิเวียร์ก็เริ่มต้มเนื้อกินต่อแล้ว แบบนี้พวกเอ๊งจะได้กินกันไหมเนี่ย

    แม็กและโยชิกิ มองหน้ากัน พร้อมใช้พลังเทลาพาธีติดต่อสื่อสารหาทางพลิกสถานการณ์ "เฮ้ย โย ข้าว่าเรารีบจ้วงเนื้อก่อนที่จะไม่มีให้กินดีกว่านะ"

    "อืม เห็นด้วยระหว่างที่พวกเรามัวแต่คิดอยู่เนี่ย ไอ้สองตัวข้างๆมันกดกันไปอีกคนละสามชิ้นแล้วว่ะ"

    เมื่อคิดได้ดังนั้น ทั้งโยชิกิและแม็กก็จัดแจงคว้าเนื้อสามชิ้นใส่หม้อต้มทันที ทั้งสองหมายมั่นปั้นมือว่างานนี้ตรูต้องได้กินแน่ๆๆๆๆ ทั้งโยชิกิและแม็กต่างทุ่มสมาธิรอเนื้อสุกจนเหงือแตกพลั่ก เมื่อเห็นว่าเนื้อเปลี่ยนสีจนเข้าทีตะเกียบของทั้งสองก็พุ่งทะยานลงหม้อ ขนาดโอลิเวียร์กับเนียร์ยังต้องอึ้ง

    ปิ้ง~~~ป๋อง


    ค....ใครมาอีกฟ่ะ

    แกรกๆ เอี้ยด

    เสียงเปิดประตูดังขึ้น ปรากฎร่างของสาวน้อยในชุดโกธิคสีขาว ผมสีฟ้ายาวเป็นประกายและดวงตาสีอำพันสวย ยืนอยู่หน้าประตูด้วยท่าทางสนอกสนใจเต็มที

    "น..เนลันเทียร์" โยชิกิพูดไม่เป็นศัพท์ เอ๊งจะตื่นเต้นหาพระแสงอะไรว่ะ

    "เจอสาวโลลิแล้วปฎิเสธไม่ออก..." แม็กรำพึงขึ้นมาอย่างไร้ทางออกสุดๆ ตัวหารคนนี้อยากจะปฎิเสธก็ปฎิเสธไม่ลง เนื่องด้วยไอ้สองตัวนี้มันก็โลลิพอๆกัน แถมมาเจอโลลิขั้นเทพอย่างหนูเนลันเทียร์เข้าไป ถึงกับจุกน้ำลายกันเลยทีเีดียว

    "พอทีชั้นละทำหน้าหงอนะ" โอลิเวียร์ใช้น้ำเสียงน้อยใจนิดๆ

    "ก็พวกข้ารู้อายุแกนี่หวา" ทั้งโยชิกิและแม็กแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน

    "แหมๆๆ ความโลลิมันวัดกันที่อายุกันซะที่ไหนละค่ะ โยชิกิ ,แม็กแลนเซอร์" ว่าแล้วจ้าวแวมไพร์ก็แสดงสีหน้าโลลิสุดฤทธิ์ ทั้งรอยยิ้มไร้เดียงสาดุจเด็กน้อยที่ไม่รู้จักโลก แถมยังแสดงสีหน้าใส่สื่อบริสุทธ์ขั้นเทพ และเอาทั้งโยและแม็กตกอยู่ในภวังค์ทั้งคู่

    "อะ ชั้นเข้ามารบกวนทุกคนหรือเปล่าคะ" เนลันเทียร์ถาม พลางเอียงคอเล็กน้อย

    "ไม่เลยๆๆ นั่งสิ เอ้า เนียร์ลุกไปเอาถ้วยกับตะเกียบมาให้ 'องค์หญิงมัจจุราช' หน่อยสิ' " โอลิเวียร์สั่งลูกน้องคนอื่นเหมือนลูกน้องตัวเองซะงั้น แต่เจ้าเนียร์ก็ว่าง่าย ปากเคี้ยวตุ้ยๆ แต่ก็เดินไปหยิบตะเกียบกับถ้วยมาให้แต่โดยดี

    ส่วนแม็กกับโยยังคงเคลิ้มไปกับความโลลิแบบกะทันหันของจ้าวแวมไพร์ร่างเด็กอายุ 12 อยู่ แต่พลันเห็นโอลิเวียร์กำลังคีบเนื้อในหม้อในถ้วยให้สาวผมฟ้าผู้มาใหม่เท่านั้นแหละ ทั้งคู่ก็หลุดจากภวังค์ทันที โยชิกิรีบสำรวจเนื้อในหม้อ...เฮ้ย มันหายไปไหนหมดว่ะ

    "แหม โย ก็ชั้นตักแบ่งให้เนลันเทียร์แค่นี้ทำ งง" จ้าวแวมไพร์แซะเต็มที่

    แต่สิ่งที่ผิดปกติไปนั้นคือ โอลิเวียร์คีบเนื้อไปสามชิ้นใส่ถ้วยไป แต่มันควรจะมีเนื้อในหม้ออีกสามชิ้นสิ เพราะเค้ากับแม็กนั้นต้มเนื้อกันไปคนละสาม มันก็ควรมีเนื้อในหม้ออีกครึ่งนึง แต่ว่า....มันหายไปหมดเลย

    สายตาของทั้งคู่จึงเหลือบไปมองเด็กหนุ่มผมขาวที่กำลังนั่งเคี้ยวเนื้อตุ้ยๆ ฝ่ายคนถูกมองจึงทำการเฉลยให้หายส่งสายยยยย "อ้อ ก็ในระหว่างที่พวกท่านตกอยู่ในภวังค์ ผมก็ล่อเนื้อในหม้อนั้นเองล่ะครับ โย่ " พูดจบมันยังมีหน้าชูสองนิ้วอีกแหนะ

    (อ..ไอ้ลูกน้องเวรนี่ ไหนมรึงไม่สนใจเนื้อไงฟ่ะ)

    (ประมาทมันไม่ได้เลยวุ้ย)

    โยชิกินิ่งเงียบไปชั่วครู่พลางประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ ตอนนี้คนที่ต้องระวังสุดๆคือ โอลิเวียร์ผู้จกเนื้อได้รวดเร็วสายฟ้าแลบ ส่วนอีกตัวนึงนั้นก็ คือ เจ้าเนียร์ ผู้ทำตัวเป็นตาอยู่โซ้ยเนื้อชาวบ้านแบบหน้าด้านๆ แถมยังมีเนลันเทียร์มาหารอีกคน พลันความคิดวูบหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสมอง "ขอโทษด้วยนะแม็ก แต่ตอนนี้ คำว่าเพื่อนน่ะ.....มันทำให้อิ่มท้องไม่ได้ !!!!"

    "อะ ทุกคน เดี๋ยวผมจะแบ่งตักให้นะ ยังไงก็ช่วยส่งถ้วยมาละกัน...เฮ็ย แม็กอย่ามัวแต่นิ่งดิ เอาเนื้อลงไปต้มเร็ว" อยู่ๆไอ้โยก็เป็นคนดีขึ้นมาซะงั้น ทั้งสี่ทำหน้างุนงง พอๆกัน จึงได้แต่ทำหน้าเออ ออ ห่อ หมก ไปกับไอ้โยมันด้วย แม็กก็จัดการเอาเนื้อส่วนนึงลงไปต้ม แม้จะยังหงุดหงิดอยู่นิดๆที่จู่ๆก็โดนใช้ เมื่อเนื้อสุกเรียบร้อยไอ้โยก็จัดการตักเนื้อและผักใส่ถ้วยให้กับทุกคน เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่า...

    ปะ ชะ วิ้ง ~~ (คิดถึงตอนสำแดงพลัง NT ไว้)

    แม็กเกิดฉุดคิดขึ้นมา "ไอ้โย แผนสูงนักนะ เมื่อกี้ตรูเห็นนะโว้ย ว่าตักเนื้อให้โอลิเวียร์กับเนลันเทียร์คนละชิ้นเอง ทั้งๆที่ตรูข้าเทเนื้อลงไปเป็นสิบ กะจะตักให้ทุกคนแล้วตัวเองก็ตักแอบเนียนเยอะๆเป็นคนสุดท้ายสินะ โดยอาศัยจังหวะที่ทุกคนมัวแต่มองในถ้วยของตัวเอง !!"

    ในจังหวะนั้นเองแม็กสังเกตเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปากของเพื่อนเลิฟ "หึ อย่าคิดนะเฟ้ย ว่าข้าจะยอมให้เอ๊งหุบเนื้อไปคนเดียว โยชิกิ.."

    "อะ แม็ก นี่ส่วนของแกนะ" โยชิกิยื่นถ้วยตักแบ่งให้ แม็กรับมาพร้อมส่งสายตาไม่ไว้ใจ "เหมือนไอ้แม็กมันจะรู้ตัวแหะ"

    "นานๆที หัวหน้าจะทำอะไรให้คนอื่นบ้างนะคะ ดีจริงๆที่ได้มาร่วมโต๊ะวันนี้" เนลันเทียร์ยิ้มด้วยรอยยิ้มใส่สื่อ ทำเอาโยชิกิรู้สึกละอายชอบกล

    แต่เอาเถิด ความละอายก็ไม่อาจทำให้ข้าอิ่มท้องได้ โยชิกิเตรียมจะจ้วงเนื้อในหม้อเต็มที่ หากแต่สายตาพร้อมจิตสังหารรุนแรงของใครบางคนมันจ้องมองเขาไม่กระพริบ... แม็กแลนเซอร์ เพื่อนยากนั้นเอง ชายร่างยักษ์เล่นนั่งกอดอก มองการคีบเนื้อของเพื่อนเหมือนตำรวจจะจับพฤติกรรมผู้ร้ายไม่มีผิด

    "ชิ แม่มดันรู้ตัวจริงๆด้วย" โยชิกิจ้องกลับ เหงื่อเม็ดเบ้งๆของทั้งสองไหล่ซึมผ่านหน้า จิตสังหารอันรุนแรงตอบโต้กันจนหลอดไฟในห้องเกิดอาการติดๆดับๆ

    "มีอะไรกันเหรอคะ" เนลันเทียร์ถามขึ้น เพราะเห็นทั้งสองค้างท่าเดิมอยู่นานแล้ว

    "อ้อ ไม่มีอะไรหรอก" โยชิกิตอบแต่ยังมองหน้าแม็กอยู่

    "อือ ๆ กินไปเถอะไม่ต้องสนใจ" แม็กเองก็เช่นกัน ยังคงจ้องเขม็งหน้าไอ้โยแบบกินเลือดกินเนื้อ

    ทั้งสองนั่งมองหน้ากันท่าเดิมในเวลาร่วมๆห้านาที โยชิกิกลั้นใจค่อยๆใช้ตะเกียบคีบควานหาเนื้อ ส่วนแม็กยังมองจ็องพร้อมจะนับจำนวนเนื้อที่ไอ้โยคีบตลอด "ค่อยๆ คีบกินทีละชิ้นแบบถี่ๆก็ได้จำนวนไม่น้อยล่ะฟ่ะ"

    "คิดจะคีบน้อยแต่ถี่สินะ ถ้าเอ็งทำอย่างนั้นละก็ข้าคนนี้จะขัดขวางเอง"

    โยชิกิใช้ตะเกียบวนๆอยู่ในหม้อโดยไม่หันไปมองอยู่นาน จนเริ่มรู้สึกแปลกๆ เฮ้ย ทำไมตรูไม่เจอเนื้อเลยฟ่ะ จึงจำต้องละสายตาที่ปกติก็ไม่มี จากหน้าแม็กลงไปในหม้อสุกี้แทน วนๆๆ คนๆๆๆ อ้าว ไม่มีเนื้อสักชิ้น !!!

    แม็กที่รู้ตัวแล้วเช่นกันก็ใช้ตะเกียบควานหาเนื้อด้วย ปรากฎว่า เหลือแต่น้ำซุบกับผักลอยอืดเต็มไปหมด....

    "ถ้าเป็นเนื้อละก็ ชั้นกับเนลันเทียร์ล่อกันไปร่วมๆสิบชิ้นแล้วนะ ถึงส่วนมากชั้นจะเป็นคนกินก็เหอะ ฮ่าๆๆๆ" โอลิเวียร์พูดโผล่งพร้อมหัวเราะขึ้นมา สีหน้าสิ้นหวังของชายหนุ่มทั้งสองมองไปทางจ้าวแวมไพร์ราวกับจะขอความสงสาร ส่วนเนลันเทียร์สายน้อยในชุดโกธิคสีขาว ทำหน้าตาเลิ่กลั่กเหมือนตัวเองทำอะไรผิด

    "จริงสิ !!" แม็กนึกขึ้นได้ว่าในถ้วยตัวเอง ยังมีเนื้ออีกชิ้นที่โยชิกิตักไว้ให้ พลางนึกสมน้ำหน้าไอ้บอดที่ตักเนื้อชิ้นนี้มาให้เค้า แม็กจัดแจงทิ้มตะเกียบลงไปในถ้วยของตนเอง คีบเนื้ออันแสนอร่อยเข้าปากเย้ยยันเพื่อนทรยศ....จริงๆมันควรจะเป็นแบบนั้น

    "เอ่อ ถ้าหมายถึงเนื้อในถ้วยของท่านแม็ก กระผมเห็นว่ามันถูกทิ้งเอาไว้จนจะเย็นก็เลยคีบกินไปแล้วละครับ โย่" ไอ้บ้านี่มันพูดเสร็จก็ชูสองนิ้วอีกแล้ว

    (ไอ้นี่มันโคตรเลว)

    (ทำได้ดีมากเนียร์ !!)

    แม็กมองเนียร์ด้วยความอาฆาตแค้น ในหัวเขาตอนนี้คิดแต่เรื่องจะทำยังไงถึงจะขับไล่ไอ้บ้านี่ให้พ้นโต๊ะอาหารนี่ไปได้ คิดๆๆๆ คิดจนหัวแทบระเบิด พลางมองสำรวจบนโต๊ะพอจะมีอะไรที่จะก่อให้เกิดประโยชน์บ้างได้ไหมนะ (ระหว่างนี้ก็คอยขัดตะเกียบไอ้โยไปด้วย)

    "หิวน้ำจังเลยนะคะ" สาวผมฟ้าพูดขึ้นมา แต่ดันทำให้เกิดไอเดียมหาประลัยก็ผุดเข้ามาในสมอง

    "เนียร์ไปซื้อน้ำมาสิ" อยู่ๆเนียร์ก็โดนแม็กใช้ เด็กหนุ่มผมขาวเคี้ยวเนื้อตุ้ยๆ (เอ๊งไม่คิดจะึักินผักมั้งเลยเหรอ) พร้อมทำหน้าสงสัย

    "เอาน้ำไยดีอ่าฮับ" เนียร์กินไปพูดไปเลยฟังไม่คอยได้ศัพท์

    "เอาชาเขียวยี่ห่อ Heaven Rhythm มา 10 ขวบ สิ" มีการโฆษณาวงดนตรีตัวเองไปในตัว สนันสนุนโดยแม็กแลนเซอร์

    โยชิกิ รู้จุดประสงค์ทันที ชายี่ห้อนี่แถวบ้านเค้าไม่มีขาย ต้องถ่อไปซื้อถึงมินิมาร์ทอีกแห่งนึงซึ่งรวมเวลาไปกลับร่วมๆ 30 นาที โยชิกิคีบผักกินพลันทำหน้าเจ้าเล่ห์ และที่มันไม่คีบเนื้อ เพราะโดนโอลิเวียร์แย่งไปหมดแล้ว

    "อ่ะ นี่เงินมื้อนี่ข้าเลี้ยง" วางแล้วก็ยัดเงินใส่มือเนียร์ไป "โห มื้อนี่แม็กใจป้ำ"

    โยชิกิกินผักกาดขาวไปพลางคิดในใจ "หึ ถึงกับลงทุนเลี้ยงน้ำทุกคนเลยเหรอ ช่างเป็นคนที่น่านับถือจริงๆ"

    แม้เนียร์จะลุกไปแล้ว แต่มันยังทิ้งมรดกในถ้วยของมันนั้นคือ เนื้อที่โดนกัดแหว่งไปชิ้นนึงกับอีกชิ้นที่ยังไม่ค่อยสุกดีไว้เป็นของดูต่างหน้า เด็กหนุ่มเปิดประตูห้องออก แต่ดันมีสาวน้อยอีกคนสวนเข้ามาในห้องแทน

    "เจอแล้วเนลันเทียร์ รอบนี้ไม่ปล่อยให้เธอหนีแน่" ชานะ นั้นเอง 'มือสังหารเกศาเพลิงเนตรอัคคี' มาพร้อมกับดาบยาวคู่ใจเข้ามากลางสมรภูมิสุกี้โดยที่ไม่มีใครตั้งตัว เนลันเทียร์จะลุกขึ้นเตรียมพร้อมแต่โดนจ้าวแวมไพร์ฉุดไว้ซะก่อน

    "แขกคนนี้น่าสนใจดีจัง มาๆๆ กินข้าวด้วยกันก่อน" ไม่พูดพร่ำทำเพลงมาก โอลิเวียร์ก็จัดการลากชานะลงมานั่งอย่างว่าง่าย ส่วนฝ่ายโดนลากพลอยทำหน้าตาตื่นตะลึงเมื่อสังเกตุได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร "เธอ 'นักแปรธาตุเลือดต้องสาป' "

    "อ่าหะ แต่ตอนนี้ชั้นเป็นใครไม่สำคัญ แต่เวลาหิวก็ต้องกินสิ" แล้วจู่ๆท้องชานะก็ร้องจ๊อกขึ้นมา เด็กสาวหน้าแดงก่ำด้วยความอายทันที

    (น...น่ารักโคตร มิน่าไอ้แม็กมันถึงหลงใหลนักหนา)

    (นี่ตรู...กำลังกินข้าวร่วมโต๊ะกับชานะจัง)

    "งั้นผมไปซื้อน้ำก่อนนะคร้าบ" เนียร์ที่ยืนดูเหตุการณ์จนจบก็ขอตัวไปซื้อน้ำตามคำสั่ง "เออ รีบไปไม่ต้องรีบกลับมาละ" แม็กสมทบตามท้าย

    "ชั้นหิวน้ำจะแย่อยู่แล้วนะ อีกอย่างแกใช้เนียร์ไปซื้อเนี่ยไม่รู้เด็กมันอิ่มแล้วหรือยังนะ ใช้งานได้ไม่รักษาน้ำใจจริงๆ" โอลิเวียร์พูดจาปนน้ำโหนิดหน่อย พลอยทำให้ทั้งสองคิดว่า แล้วที่พวกตรูนี่เคยเป็นห่วงบ้างไหม

    "อ้อ ไม่เป็นไรครับ ผมล่อเนื้อไปเยอะแล้วตอนนี้ก็เลยอิ่มแปร่ ขอตัวนะครับ"

    (แสรดดดด มันอิ่มก่อนหัวหน้ามันอีกอะ)

    (แกมันเลวที่สุดจริงๆด้วย)

    ทั้งแม็กและโย ต่างสลัดความสิ้นหวังทิ้ง พร้อมคว้าความหวังใหม่จากเนื้ออีกชุดที่เนลันเทียร์เพิ่งจะเทลงไป ทั้งคู่ต่างจับจ้องอย่างใจจดใจจ่อ วินาทีนี้ขอให้ได้กินเนื้อบ้างก็ยังดี ล่อแต่ผักมาตลอดมื้อแล้ว

    เมื่อเนื้อสุก ทั้งสองไม่รอช้าทิ่มตะเกียบด้วยความเร็วสูงยิ่งกว่าที่ผ่านๆมา "นี่ ทั้งสองคนน่ะ" เสียงของเด็กหญิงสุดโลลิดังแว่วขึ้นในวินาทีที่เนื้ออยู่ห่างไปแค่ 1 มิล

    โอลิเ่วียร์นั้นเอง พร้อมแสดงกริยาโลลิยิ่งกว่างวดแรกซะอีก ไม่พอเธอยังเข้าไปกอดชานะเล่น Y กันอีกต่างหาก ดูๆไปก็ไม่ต่างกับตุ๊กตาเด็กหญิงน่ารักๆสองคนกำลังกอดกัน แม้อีกคนจะขัดขืนหน่อยๆแต่มันก็สุดจะบรรยายจริงๆนะจอร์จ

    "ชานะจังน่ะ หิวมากแล้วนะ ยังไงก็ให้เธอก่อนไม่ได้เหรอ" เท่านั้นแหละ ทั้งสองหยุดนิ่งราวต้องมนต์ทันที

    "จักรพรรดินี ทำอะไรของคุณน่ะ" ชานะทำท่าขัดขืน แต่มันยิ่งดูเร้าอารมณ์ขึ้นไปอีก

    (โลลิ แถม Y ด้วยอะ)

    (ฆ่าตรูทีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

    "ทั้งสองคนช่วยตักให้ได้ไหมจ๊ะ" โอลิเวียร์ยั่วเต็มที่

    "จ้า ~~" แม็กและโย ช่วยกันตักเนื้อหมดหม้อใส่ในถ้วยชานะซะพูน แถมมีตักผักให้ครบ ชานะมองเนื้อในถ้วยตัวเองแล้วก็ส่งสายตาไปยังโอลิเวียร์ที่เหมือนจะทำท่าขอแจมด้วยตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว จ้าวแวมไพร์จึงจัดไปอีกสองชิ้น

    แต่ชานะมองข้ามไปถึงศัตรูคู่แค้นเช่นกัน สายตาของเธอดุดันเช่นเคยเวลามองศัครูทางเนลันเทียร์เองก็ไม่แพ้กัน ...แต่ผิดคาดเด็กสาวผมดำยาวกลับยื่นถ้วยของเธอไปทางเนลันเทียร์ ที่ทำหน้าแปลกใจสุดฤทธิ์

    "เวลาอาหารก็ต้องกินสินะ เอ้า" ชานะเอ่ยสั้นๆ

    "ขอบใจ"

    จริงๆแล้วในก้นบึ้งของจิตใจทั้งคู่ก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าหากเจอกันในรูปแบบอื่นแล้ว "คงจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้แน่"

    แต่ที่วิกฤตจริงๆก็คือ โยชิกิ กับ แม็กแลนเซอร์ จวบจนเวลานี้ยังไม่มีเนื้อตกถึงท้องทั้งคู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว มีแต่ผักๆๆๆๆ กับน้ำซุบเื่ท่านั้น ฤา พวกเขาจะพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนี้ ดูเหมือน โอลิเวียร์จะตีพุงบ่งบอกว่าอิ่มแล้ว ชำเลืองมองไปในจานเนื้อ....เหลืออยู่แค่สามชิ้นเท่านั้น

    ทั้งโยและแม็กมองหน้ากัน ส่งเทลาพาธีอีกรอบ

    "ขอโทษด้วยนะ แต่โยชิกิขอสองละกัน"

    "หึ คนที่จะได้สองชิ้นน่ะมันข้าต่างหาก"

    โยและแม็กต่างถือจานคนละข้าง สายตาประจันหน้ากัน พลางเทเนื้อทั้งหมดลงไปในหม้อต้ม ตะเกียบทั้งคู่กวนน้ำในหม้อจนเป็นน้ำวนขนาดย่อมๆ จ้าวแวมไพร์ที่อิ่มอร่อยแล้ว นั่งดูสงครามที่ใกล้จบอย่างสนุกสนาน

    เมื่อได้เวลาอันสมควร มือทั้งสองก็ไล่จ้วงไปในหม้อต้มจนน้ำกระจาย ต่างคนต่างคีบหาเนื้อที่ซุกซ่อนอยู่ในหม้อสุดชีวิต แต่ดันเอาแต่มองหน้ากันไม่มองหม้อ ทำให้คีบโดนผัก คีบโดนน้ำ คีบโดนอากาศ มั่วไปหมด

    ทำไม ทำไม ไม่มีเนื้อ มันหายไปไหนอีกแล้ว โยชิกิและแม็กจึงรีบหันมาดูในหม้อที่ตอนนี้ทั้งหม้อเหลือแต่น้ำส่วนผักบินว่อนไปทั่วห้องหมด แต่พวกสาวๆหลบผักบินได้หมดเลยนะ

    ทั้งคู่มองหน้า เอ๋อๆ ของชานะพร้อมกัน สีหน้างุนงง ของเธอมันบ่งบอกว่าไม่ใช่

    มองไปที่โอลิเวียร์ ยัยป้าที่นอนแผ่หลาบนพื้นก็แสดงท่าทีว่าไม่ใช่ตรูนะ

    เมื่อมองไปทางเนลันเทียร์ เด็กสาวผมฟ้า ทำหน้ากึ่งร้องไห้ในปากกำลังคีบเนื้ออยู่

    "ค..คือว่า ก็เนื้อมันสุกนานแล้วเห็นทั้งสองคนไม่คีบสักที...ชั้นๆๆ ก็เลย" สาวผมฟ้าพูดตะกุกตะกั่ก เมื่อโดนจับได้

    (อ้อ เธอนั้นเอง)

    เหมือนพรหมลิขิตที่ทั้งแม็กและโย คิดพร้อมกันประโยคเดียวกันเป๊ะๆ

    แต่ยังๆ มันยังไม่จบโยชิกินึกถึงเนื้อความหวังสุดท้าย ใช่แล้วมันคือของเหลือจากเนียร์ลูกน้องที่สุดแสนจะกวนบาทามากในวันนี้ "แต่มันของเหลือของลูกน้องนะโยชิกิ คนเป็นหัวหน้าอย่างเราจะยอมกินของเหลือลูกน้องอย่างนั้นหรือ 'บัลลังค์รัตติกาล' คนนี้เนี่ยนะ ไม่ๆ ไม่เด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาดยังไง....แต่ตรูก็อยากกินเนื้อจนใส้จะขาดแล้ว เอาว่ะ ศักดิ์ศรี มันก็กินไม่ได้ วันนี้ข้าคนนี้จะขอยอมทิ้งเกียรติยศเพื่อ เนื้อ !!!!"

    โยชิกิกลั้นใจคว้าเนื้อในถ้วยของเนียร์ แต่ทว่า...มันมีแต่ความว่างเปล่า

    "หึหึหึหึหึ โย ข้าคิดไ้ว้แล้วว่าสุดท้ายเราอาจจะอดทั้งคู่ แม็กแลนเซอร์ผู้นี้ได้ฟาดเนื้อเหลือๆนั้นเรียบตั้งแต่ไอ้เนียร์มันไปแล้ว ด้วยความรวดเร็วที่ขนาดจักรพรรดิอย่างแกยังไม่รู้ตัว ข้าเองก็คิดได้ว่า ศักดิ์ศรี มันทำให้อิ่มท้องไม่ได้ จนสำนักในความอ่อนแอของแกซะเถอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ"

    โยชิกิตัวขาว วิญญาณออกจากปากไปเป็นที่เรียบร้อย

    แอ๊ด~~

    "โอ้ น้ำมาแล้วคร้าบ อ้าว แล้วทำไมหัวหน้าดูตัวขาวๆเหมือนโจ สิงสังเวียนแบบนั้นละครับ"

    "มันเพิ่งแพ้สงครามมาน่ะ" โอลิเวียร์ ผู้หน้าด้านที่สุดในตอนนี้ ตอบเสร็จสรรพ

    .........................................................................
    ..............................................................
    ........................................................



    โยชิกิพาร่างตัวเองออกมาจากปาร์ตี้เสียงหัวเราะของผู้ชนะในห้องขนาดหกเสื่อ นั่งหมดอาลัยตายอยากบนบันใดทางลง "อ่า ดวงจันทร์วันนี้สวยชะมัด ฮะๆๆๆๆ" อารมณ์ตอนนี้เหมือนคนอกหักเด๊ะ

    "เอ่อ หัวหน้าคะ" เสียงนุ่มดังมาจากด้านหลังแต่ไอ้โยไม่มีแรงแม้แต่จะหันหลังไปดู

    "ฮะๆๆๆๆๆๆๆ ได้ยินเสียงนางฟ้าด้วย" เหมือนมันจะสติแตกไปแล้ว

    "นี่ค่ะ หัวหน้า" เนลันเทียร์ทิ้งตัวนั่งลงข้าวๆพร้อมถ้วยอุ่นในมือ มันคือถ้วยสุกี้ที่มีองค์ประกอบเป็นน้ำซุบอุ่นๆ ผักกาด แครอท ผักบุ้ง และ มีเนื้อสองชิ้นในนั้น

    โยชิกิมองถ้วยในมือของสาวเนตรอำพัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้น "นี่มัน..."

    "ขอโทษนะคะที่แย่ง แต่เผลอกินไปชิ้นนึงแล้ว หัวหน้าคงไม่ว่าอะไรนะคะ" เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แต่ก็ต้องกระตุก เมื่อเห็นว่าหัวหน้าเธอดันปล่อยโฮออกมาซะงั้น

    "เนลันเทียร์ แต่งงานกับชั้นเหอะ" สาวผมฟ้า หน้าแดงก่ำ ไม่นึกว่าแค่เอาถ้วยสุกี้มาให้จะถึงขั้นโดนขอแต่งงาน

    "ห..หัวหน้าพูดอะไรออกมาน่ะ"

    "ชั้นจะเลี้ยงดูเธอชั่วชีวิตเลย แง้ๆๆๆๆๆ"

    "เอ้าๆ ข้างนอกสวีตกันใหญ่แล้ว ฮิ้ววววววว"

    "หัวหน้าอายเค้านะคะ เลิกกอดชั้นได้แล้ว เดี๋ยวถ้วยสุกี้ก็หกใส่หรอก"

    "แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ชั้นรักเธอ รักเนื้อด้วย"



    แ้ล้วมันก็จบด้วยประการละฉะนี้แหละ - -*




    .......................................................................................................................................
    ...............................................................................
    .............................................................


    Talk Talk Talk

    จบไปแล้ว เอาฮาอย่างเดียว ตอนนี้ไม่มีในเนื้อเรื่องหลักนะครับ เขียนขำๆเท่านั้นเอง อย่าเอาไปร่วมกันนะ

    ถึงมันจะไร้สาระ แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ตอนนี้เป็นการเปิดเผยความสัมพันธ์ของตัวละครในเนื้อเรื่องหลักแต่ละคนในบทแรก ตามเนื้อเรื่องโย แม็ก และ โอลิเวียร์ ก็สนิทกันระดับนี้ครับ แต่ไม่ถึงขนาดเฮฮาปาร์ตี๋แบบนี้นะ ส่วนเนลันเทียร์กับชานะ นั้น จริงๆต่างฝ่ายก็ต่างคิดแบบนั้นแหละ ส่วนเนียร์ เอ่อ ไม่ขอพูดละกัน

    ส่วนบทที่สองกำลังจะมาในไม่ช้าครับ ช่วงนี้ติดงานมากมายเพิ่งจะเคลียร์เสร็จประกอบกับมุกมันตันเลยต้องเขียนอะไรรั่วๆนำล่องไปก่อน ไว้พบกันใหม่ กับตัวเอกบทที่สอง เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรนิรันดร์ ตัวละครของพี่จ้อย เย้ๆๆๆๆๆ

    สำหรับตอนนี้ สวัสดี

    AND ALL FRIEND AND FAN THANKS !!!!!!
  11. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    [action]เฮ้ยตอนใหม่ว้อย[/action] หยุดการทำFic FFVII แล้ววิ่งมาให้ไว

    รั่ว จริงๆ ทำเอาหัวเราะก๊าก อยู่าคนเดียวหน้าคอม สรุปมันมาเน้นรั่ว ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักใช่แมะเจ้าโย ได้อารมณ์ประมาณเอานักแสดงบทที่หนึ่งแสดงเสร็จแล้วมานั่งกินหม้อไฟด้วยกัน รั่วๆดีชะมัด คลายเครียดได้ดีจริงๆ :555:
  12. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    รั่วได้ใจดีมาก พี่น้องที่เคารพ ^^'a
  13. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    [action]ออกไปหาสุกี้กิน[/action]
  14. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    โอลิเวียร์ของช้านนน ขั้นเทพจริงๆ

    หึๆๆ โย เรื่องชิงเนื้อในหม้อน่ะ ตัวจริงอย่างข้าพเจ้าก็ไวเหมือนกันน้า

    [action]หิวเฟ้ยยยยยยยยย[/action]
  15. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    หลงอ่านตั้งนาน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นแค่ another story ซะงั้น แต่อ่านไปขำไปค่ะ อิอิ (น่าสงสารสองคู่หู โดยเฉพาะโยชิกิคุง หมดรูปในทีเดียว)

    อ่านแล้วนึกถึงสงครามตอนกินหมูกะทะ แย่งกันสนั่นเลยทีเดียวค่ะ หุๆ
  16. near

    near Member

    EXP:
    334
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    18
    ผมเป็นเบ๊ งั้นใช่ไหม!!!! TT^TT พี่โยชชี่ใจร้ายยย
  17. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88

    ถึงเป็นเบ๊แต่ก็อิ่มท้อง อย่างนี้ถือว่าคุ้มดีมั้ยเนี่ย
  18. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    ู^
    ^
    ^
    ได้กินมากพอๆกะโอลิเวียร์นี่ยังมีบ่นอีกเหรอ ?
  19. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    สนใจเป็นเเวมไพร์ไหมล่ะเนียร์ กินเลือดอิ่มเเน่ =3=
  20. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    จบกันที่ของกินซะงั้น ไม่ค่อยจะหิวเลยนะ =w=
    ขำเนลันเทียร์ =[]=

Share This Page