Log in / สมัครสมาชิก

[ -ปกิณกะ After Story- ] FIFA WORLD CUP SOUTH AFRICA 2010 : เก็บหัวใจใส่กระเป์า(ตามเขา)ไปเซาท์แอฟริก

กระทู้จากหมวด 'ETC' โดย alladiya, 10 มิถุนายน 2010.

Page 6 of 8

eol earth of lolicon!!

EXP:

1,040

ถูกใจที่ได้รับ:

0

คะแนน Trophy:

86

คู่นี้น่าให้เป็นคู่ชิงจริงๆ เจอกันเร็วไปหน่อย ......... /me เชียร์อาเจน

ก็แค่ eol ป๊ง ป๊ง ไปวันๆ

eol, 28 มิถุนายน 2010

#126
alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

EXP:

1,207

ถูกใจที่ได้รับ:

11

คะแนน Trophy:

88

มื่อคืนได้ยินสายส่งข่าวมาว่า...... ถนนทุกสายอย่างกับเคอร์ฟิวอะ 555

อินทรีตีปีก4-1!เขี่ยสิงโตร่วง16ทีม

"อินทรีเหล็ก" เยอรมัน โชว์ฟอร์มดุไล่ถลุงคู่รักคู่แค้นอย่าง อังกฤษ ไปแบบไม่ไว้หน้า 4-1 โดย โทมัส มุลเลอร์ ตัวรุกดาวโรจน์ของทีมเหมาคนเดียวสองประตู ส่งให้ เยอรมัน ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอกับ อาร์เจนติน่า ต่อไปในศึกฟุตบอลโลก 2010 ได้สำเร็จเมื่อคืนที่ผ่านมา

รอบ 16 ทีมสุดท้าย

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน 2553

เยอรมัน 4 - 1 อังกฤษ

สนาม : ฟรี สเตท สเตเดี้ยม, บลูมฟองเทน

บิ๊กแมตช์ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก ทีม "อินทรีเหล็ก" พบกับ "สิงโตคำราม" อริตัวฉกาจ โดย โยกี้ เลิฟ เทรนเนอร์เยอรมัน ปรับทัพจากชุดล่าสุดแค่จุดเดียวคือให้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ กองหน้าที่พ้นโทษแบนเป็นตัวจริงแทน คาเคา ที่เดี้ยง ขณะที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ฟิตลุยบัญชาการในแดนกลางได้

ส่วน ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือชาวอิตาเลียนของอังกฤษ ยึด 11 ขุนพลตัวจริงจากชุดที่เอาชนะ สโลวีเนีย 1-0 โดยให้ เจอร์เมน เดโฟ กองหน้าฮีโร่ล่าตาข่ายคู่ เวย์น รูนี่ย์ ส่วนแนวรับ แม็ทธิว อัพสัน ยังได้เป็นเซนเตอร์แบ็กกับ จอห์น เทอร์รี่ เช่นเดิม แม้ เล็ดลี่ย์ คิง ฟิต และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ พ้นแบนแล้ว

อังกฤษ ในชุดสีแดง เกือบเสียประตูก่อนในนาทีที่ 5 เมื่อ เมซุต โอซิล หลุดขึ้นไปรับบอลวางยาวทางขวาหนี แอชลี่ย์ โคล เข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนตวัดยิงด้วยขวา แต่ไปติด เดวิด เจมส์ ที่ปิดมุมได้ดี

เยอรมัน เริ่มคุมเกมได้หลังผ่านห้านาทีแรก นาทีที่ 11 ลูคัส โพดอลสกี้ โต้กลับก่อนตัดสินใจตะบันด้วยซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษ แต่ติดบล็อกหวุดหวิด ถัดจากนั้นอีกห้านาที ซามี่ เคดิร่า มิดฟิลด์ อินทรีเหล็ก หาช่องส่องไกลได้ดี ทว่าข้ามคาน

เข้าสู่นาทีที่ 18 อังกฤษ ได้ลูกฟรีคิกราว 30 หลาหลังจากที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ถูก ชไวน์สไตเกอร์ ทำฟาวล์ และ แลมพาร์ด อาสาสังหารไปติดกำแพง

และอีกแค่สองนาทีต่อมา อินทรีเหล็ก ก็ผงาดนำ 1-0 จากจังหวะที่ มานูเอล นอยเออร์ เตะเปิดเกมยาวจากแดนหลัง โคลเซ่ วิ่งเบียดไปกับ แม็ทธิว อัพสัน ก่อนที่ โคลเซ่ จะสลัดหลุดเข้าไปล้มตัวจิ้มด้วยขวาสวนตัว เจมส์ เสียบมุมเด็ดขาด

สิงโตคำราม พยายามเร่งเครื่อง และ แกเร็ธ แบร์รี่ มิดฟิลด์ตัวรับสอดขึ้นมากระหน่ำด้วยซ้ายข้างถนัดหน้ากรอบเขตโทษระยะ 25 หลา แต่ นอยเออร์ รับเข้าซองไม่มีกระฉอกในนาทีที่ 25

เยอรมัน ตั้งรับต่ำ และรอโต้กลับ จนเกือบได้เพิ่มจากจังหวะที่ เคดิร่า ชิ่งให้ โธมัส มุลเลอร์ แทงทะลุช่องให้ โคลเซ่ สอดขึ้นมาตวัดยิงไปติดตัว เจมส์ อย่างน่าหวาดเสียวตอนครึ่งชั่วโมง

จนแล้วจนรอด นาทีที่ 32 อินทรีเหล็ก ก็ทะยานเป็น 2-0 จนได้จากการประสานงานยอดเยี่ยม โคลเซ่ ชิ่งตรงริมเส้นด้านขวาให้ มุลเลอร์ สอดขึ้นมารับแล้วเปลี่ยนข้ามไปทางซ้ายให้ โพลดอลสกี้ แตะหนึ่งจังหวะแล้วกดมุมแคบผ่าน เจมส์ อย่างสุดเฉียบ

สิงโตคำราม ไม่ท้อ อีกสองนาทีต่อมา ก็เกือบตีไข่แตกได้สำเร็จจากจังหวะที่ มิลเนอร์ ขึ้นเกมด้านขวาก่อนเปิดเรียดมาเสาแรกให้ แลมพาร์ด พุ่งชาร์จติด นอยเออร์ ก่อนจะถูกสกัดพ้นอันตรายหวุดหวิด

เกมแลกกันสนุก นาทีที่ 37 อังกฤษ ตีไข่แตกได้สำเร็จเมื่อ แลมพาร์ด เล่นลูกเตะมุมสั้นทางขวาให้ เจอร์ราร์ด ตักไปที่จุดนัดพบให้ อัพสัน โขกเต็มๆ ไม่เหลือขยับสกอร์เป็น 2-1

อังกฤษ ได้ใจ และน่าตีเสมอได้สุด ในนาทีต่อมาเมื่อ แลมพาร์ด กระดกหน้ากรอบเขตโทษลูกชนคานล่างก่อนตกข้ามเส้นประตูเห็นๆ ทว่าผู้ตัดสิน ฮอร์เก้ ลาร์ริออนด้า และทีมงานไลน์แมนกลับไม่ให้เป็นประตู ทำเอา คาเปลโล่ ที่เฮเก้อโวยวายใหญ่ จบครึ่งแรก เยอรมัน นำอยู่ 2-1

ครึ่งหลัง อังกฤษ ลุยเข้าใส่ก่อน นาทีที่ 52 จากฟรีคิกระยะ 35 หลา แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตะบันเท้าขวาเต็มแรง บอลฮุกลงมาชนคานอย่างจัง

ถัดจากนั้น 5 นาที ฟิลิปป์ ลาห์ม เกือบทำพลาด เมื่อจ่ายบอลคืนหลังเบาเกินไป แต่ เดโฟ ก็วิ่งเต็มสปีดไปไม่ถึงบอล นอยเออร์ ออกมาตัดได้ก่อน

นาทีที่ 61 ยังเป็นโอกาสของ อังกฤษ ต่อเนื่อง เวย์น รูนี่ย์ จ่ายออกด้านขวาให้ เจมส์ มิลเนอร์ อัดเน้นๆ ติดบล็อก เยโรม บัวเต็ง อีก

อังกฤษ ต้องปรับทัพคนแรกส่ง โจ โคล ลงแทน เจมส์ มิลเนอร์ ในนาทีที่ 64

กลับเป็น เยอรมัน ที่มาได้ประตูหนีห่าง 3-1 ในนาทีที่ 67 จากจังหวะสวนกลับ เริ่มจากฟรีคิกของอังกฤษที่ แลมพาร์ด ยิงไปติดบล็อก แบร์รี่ ก็จับบอลทะลักอีก เลยถูก อินทรีเหล็ก ดาหน้าโต้กลับกันเป็นแผง ชไวน์สไตเกอร์ จ่ายเข้าเขตโทษด้านขวาให้ โธมัส มุลเลอร์ ตะบันด้วยขวาเน้นๆ ผ่าน เจมส์ เข้าไป

เท่านั้นไม่พอ จังหวะสวนกลับของ เยอรมัน ทำให้ประตูนำ 4-1 เกิดขึ้นอีกในนาที 70 จากจังหวะที่ อังกฤษ เสียบอลในแนวรุก เยอรมัน สวนตูมเดียวให้ เมซุต โอซิล สปีดหนี แบร์รี่ เห็นๆ ขึ้นทางกราบซ้าย แล้วผ่านเข้ากลางให้ มุลเลอร์ คนเดิม แปเน้นๆ เข้าไป เป็นประตูที่สองของดาวรุ่งบาเยิร์นในเกมนี้

ช่วงเวลาที่เหลือ อังกฤษ ส่ง เอมิล เฮสกี้ ลงแทน เจอร์เมน เดโฟ ในนาทีที่ 71 ส่วน เยอรมัน เปลี่ยนสองคนส่ง มาริโอ โกเมซ กับ ปิโอเตอร์ โทรซอฟสกี้ ลงแทน มิโรสลาฟ โคลเซ่ กับ โธมัส มุลเลอร์

แต่ก็ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม เยอรมัน ถล่ม อังกฤษ เละเทะ 4-1 ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ไปพบ อาร์เจนตินา ที่เอาชนะ เม็กซิโก 3-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เยอรมัน : มานูเอล นอยเออร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, แพร์ แมร์เตซัคเคอร์, อาร์เน่ ฟรีดริช, เยโรม บัวเต็ง, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ซามี่ เคดิร่า, โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล, ลูคัส โพดอลสกี้, มิโรสลาฟ โคลเซ่
สำรอง : มาร์เซลล์ ยานเซ่น, เดนนิส อาโอโก้, แซร์ดาร์ ทาสซี่, สเตฟาน คีสลิงก์, ทิม วีเซ่ (ผู้รักษาประตู), โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, ปีเตอร์ โทรซอฟสกี้, โทนี่ โครส, มาร์โค มาริน, ฮันส์-ยอร์ก บุทท์ (ผู้รักษาประตู), มาริโอ โกเมซ

อังกฤษ : เดวิด เจมส์, เกล็น จอห์นสัน, แม็ทธิว อัพสัน, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล, เจมส์ มิลเนอร์, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, แกเร็ธ แบร์รี่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เจอร์เมน เดโฟ, เวย์น รูนี่ย์
สำรอง : ไมเคิ่ล ดอว์สัน, อารอน เลนน่อน, ปีเตอร์ เคร้าช์, โจ โคล, โรเบิร์ต กรีน (ผู้รักษาประตู), สตีเฟ่น วอร์น็อค, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เล็ดลี่ย์ คิง, เอมิล เฮสกี้, ไมเคิ่ล คาร์ริค, โจ ฮาร์ท (ผู้รักษาประตู)

ผู้ตัดสิน : ฮอร์เก้ ลาร์ริออนด้า (อุรุกวัย)

มิ โรสลาฟ โคลเซ่ กดประตูเบิกร่องให้ทัพอินทรีเหล็กออกนำในนาทีที่ 20

แม็ทธิว อัพสัน โขกให้ อังกฤษ ไล่มาเป็น 1-2

จังหวะ ปัญหาที่ผู้ตัดสินปฏิเสธให้ประตูกับอังกฤษทั้งที่ลูกบอลข้ามเส้นไปแล้ว

โธมัส มุลเลอร์ ผู้ดับฝันชาวอังกฤษด้วยการซัดคนเดียว 2 ลูกในครึ่งหลัง

นัก เตะสิงโตคำรามต่างเซ็งไปตามๆ กันหลังโดนเจาะตาข่ายไปถึง 4 ลูก

ดูกันชัดๆกับจังหวะที่บอลตกข้าม ประตูเห็นๆ
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100627_172.html
Click to expand...

และ

เตฟเบิ้ล!ฟ้า-ขาวโซ้ย นิ่มจังโก้3-1

"ฟ้า-ขาว" อาร์เจนตินา ลอยลำเข้าไปฉะกับ "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อจัดการถล่ม "จังโก้" เม็กซิโก ไปแบบไม่ยากเย็น 3-1

รอบ 16 ทีมสุดท้าย

(เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน 2553)

อาร์เจนตินา 3 - เม็กซิโก 1

สนาม : ซอคเก้อร์ ซิตี้ (โจฮันเนสเบิร์ก)

ทีมชาติอาร์เจนติน่า หนึ่งในตัวเต็งแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และเป็นแชมป์กลุ่มบี. ลงสนามพบ เม็กซิโก ทีมอันดับ 2 กลุ่มเอ.ในการเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ซอคเก้อร์ ซิตี้ กรุงโจฮันเนสเบิร์ก

ดีเอโก้ มาราโดน่า เทรนเนอร์คนดังของอาร์เจนติน่าเน้นจัดผู้เล่นชุดที่สมบูรณ์ที่สุดลงสนาม วอลเตอร์ ซามูเอล กองหลังอินเตอร์ มิลานหายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา แต่ไม่ฟิตเต็มร้อย เลยเป็นตัวสำรอง และส่ง นิโคลัส บูร์ดิสโซ่ ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ มาร์ติน เดมิเคลิส โดยมี กาเบรียล ไฮน์เซ่ ที่ได้พักในนัด ก่อนกลับมายืนแบ็คซ้าย พร้อมกับสามประสานแดนหน้า ลีโอเนล เมสซี่, คาร์ลอส เตเวซ และ กอนซาโล่ อิกวาอีน ดาวซัลโวสูงสุดร่วมของเวิลด์ คัพ ครั้งนี้ที่ยิงไปแล้ว 3 ประตู

ทางด้าน ฮาเวียร์ อากีร์เร่ กุนซือเม็กซิโกได้ อันเดรส กวาร์ดาโด้ ปีกซ้ายตัวเก่งหายเจ็บ ลงตัวจริงเช่นเดียวกับ เอฟราอิน ฮัวเรซ ที่พ้นโทษแบน ขณะที่ การ์ลอส เวล่า หัวหอกจากสโมสรอาร์เซน่อล หายบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าขวา แต่ไม่ฟิตเต็มร้อย ทำให้เป็นตัวสำรอง โดยทีมส่ง ฮาเวียร์ "ชิชาริโต้" เอร์นานเดซ ดาวยิงตัวใหม่ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงยืนตัวจริงร่วมกับ โจวานี่ โดส ซานโต๊ส และ อดอลโฟ่ เบาติสต้า

เกมครึ่งแรก ผ่านไปเพียง 8 นาที เม็กซิโกเกือบได้ประตูนำ เมื่อ คาร์ลอส ซัลซิโด้ แบ็กซ้ายยิงไกล 35 หลา บอลกระดอนชนคานอย่างจัง และนาทีต่อมา จังโก้ลุยเข้าใส่อีกครั้ง อันเดรส กวาร์ดาโด้ ยิงระยะไกลเต็มเท้า บอลถากเสาออกไปอย่างหวุดหวิด

จากนั้นไม่ถึงนาที เคราร์โด้ ตอร์ราโด้ ทำฟาวล์ ลีโอเนล เมสซี่ แต่ก็ไม่โดนใบเหลือง และนาที 11 เมสซี่เลี้ยงบอลหนี ราฟาเอล มาร์เกซ กัปตันทีม ก่อนชิพบอลข้ามตัว ออสการ์ เปเรซ ผู้รักษาประตูออกไป

เม็กซิโกต่อสู้อย่างแข็งแกร่ง ได้บอลนาที 13 โจวานี่ โดส ซานโต๊ส ทำทางให้ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ซัดเท้าขวาระยะ 20 หลา ไม่เข้ากรอบ ขณะที่ทีมฟ้า-ขาวโต้กลับเร็ว อังเคล ดิ มาเรีย ยิงระยะ 25 หลา ข้ามคาน

เข้าสู่นาที 26 จากบอลโยนยาวจากแดนหลัง เมสซี่ได้บอลจ่ายขึ้นหน้าให้ คาร์ลอส เตเวซ สอดขึ้นมาจังหวะจะยิงไปติด ออสการ์ เปเรซ นายทวารเม็กซิโก ที่ปราดออกมาล้มตัวขวางเอาไว้ บอลกระดอนมาทาง เมสซี่ ตักบอลลอยโด่งไปเข้าหัว คาร์ลอส เตเวซ ที่ดูเหมือนว่ายืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า โขกตามน้ำระยะเผาขนตุงตาข่ายให้อาร์เจนติน่านำ 1-0 ทว่าเมื่อดูจากภาพรีเพลย์ มันเป็นลูกล้ำหน้าอย่างชัดเจน โดย โรแบร์โต้ โรเซ็ตติ ผู้ตัดสินชาวอิตาเลียนวิ่งไปปรึกษากับผู้กำกับเส้นอยู่ครู่หนึ่งท่ามกลางผู้ เล่นเม็กซิโกหลายคนที่กรูกันเข้ามาประท้วง ส่วนผู้เล่นฟ้าขาว ก็เข้ามาคุยกับกรรมการเช่นกัน ก่อนที่ โรเซ็ตติ ยืนยันคำตัดสินให้ทีมฟ้า-ขาวได้ประตู เล่นเอาผู้เล่นจังโก้ หัวเสียกันไปหมด

นาที 28 ราฟาเอล มาร์เกซ ที่ยังโมโหกรรมการที่ให้ฟ้า-ขาวได้ประตู เสียสมาธิ และไปทำฟาวล์ เมสซี่ จนโดนใบเหลือง และแล้วนาที 33 อาร์เจนติน่านำห่าง 2-0 ริคาร์โด้ โอโซริโอ เซนเตอร์ฮาล์ฟจังโก้จับบอลพลาดเลยโดน กอนซาโล่ อิกวาอิน ขโมยบอลไปต่อหน้าต่อตา ก่อนที่ดาวยิงเรอัล มาดริด พาบอลเกี่ยวหลบการสกัดของ ออสการ์ เปเรซ ผู้รักษาประตู และซัดเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษตุงตาข่าย ซึ่งประตูนี้ทำให้ อิกวาอิน ซัดไปแล้ว 4 ประตู ขึ้นมานำเป็นดาวซัลโวสูงสุดเพียงคนเดียวแล้ว

ท้ายเกมครึ่งแรก นาที 43 อาร์เจนติน่ามีโอกาสได้ประตูที่สามเมื่อ เมสซี่ ทำชิ่งให้ เตเวซ จ่ายต่อมาเข้าทาง มักซี่ โรดริเกซ โยนบอลไปเข้าหัว อิกวาอิน โขกระยะเพียง 7 หลา ข้ามคาน

นาที 44 ราฟาเอล มาร์เกซ ได้จังหวะซัลโวระยะ 30 หลาจากนอกกรอบเขตโทษ บอลไปเข้าซอง เซร์คิโอ โรเมโร่ ผู้รักษาประตู และนาทีถัดมา คาร์ลอส ซัลซิโด้ เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวาเข้ามาหน้าประตู ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ วิ่งเข้ามายิงอย่างเร็วติด เซร์คิโอ โรเมโร่ จบครึ่งแรก อาร์เจนติน่านำห่าง 2-0

ในครึ่งหลัง เม็กซิโกแก้เกมส่ง ปาโบล บาร์เรร่า กองหน้าลงมาเล่นแทน อดอลโฟ่ เบาติสต้า นาที 46 โดยนาทีถัดมา คาร์ลอส ซัลซิโด้ สบโอกาสยิงไกลข้ามคาน

แต่แล้ว อาร์เจนติน่านำห่าง 3-0 นาที 52 คาร์ลอส เตเวซ แผลงฤทธิ์ยิงเท้าขวาระยะไกล 25 หลา บอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมอย่างสวยงาม นับเป็นประตูที่สองของเขาในนัดนี้ ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ เม็กซิโก เสีย 3 ประตูหรือมากกว่านั้นเกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 1978 นัดเจอ โปแลนด์

นาที 60 จังโก้มีลุ้นเมื่อ ปาโบล บาร์เรร่า ตัวสำรองล็อคบอลหลบ นิโคลัส โอตาเมนดี้ แบ็กขวาและ มักซี่ โรดริเกซ ก่อนซัดในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายเข้าข้างตาข่าย จากนั้น ฮาเวียร์ อากีร์เร่ กุนซือเม็กซิโกแก้เกมอีกครั้ง เปลี่ยนเอา อันเดรส กวาร์ดาโด้ ออกจากสนาม โดยส่ง กีเยร์โม ฟรังโก้ กองหน้าลงเล่นนาที 61 เพื่อหวังยิงประตูให้ได้

เม็กซิโกลุยขึ้นมาอีกครั้ง บาร์เรร่า โยนบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายให้ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ โหม่งหน้าประตูข้ามคานนาที 63

ดีเอโก้ มาราโดน่า กุนซืออาร์เจนติน่าเปลี่ยนผู้เล่นสำรองคนแรก ส่งฮวน เซบาสเตียน เวรอน ลงเล่นแทน คาร์ลอส เตเวซ นาที 69 จากนั้นไม่กี่วินาที คาร์ลอส ซัลซิโด้ โยนบอลให้ บาร์เรร่า ยิงข้ามตัว เซร์คิโอ โรเมโร่ ผู้รักษาประตู แต่ มาร์ติน เดมิเคลิส โหม่งสกัดบอลบนเส้นประตูออกไปอย่างหวุดหวิด

แต่แล้วนาที 71 เม็กซิโกตีไข่แตกไล่ตามหลังมาที่สกอร์ 1-3 ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวพลิตัวหนี มาร์ติน เดมิเคลิส ก่อนซัดเต็มเท้า บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

มาราโดน่า เปลี่ยนนักเตะสำรองคนที่สองส่ง โฮนาส กูเตียร์เรซ เล่นแทน อังเคล ดิ มาเรีย นาที 79 โดยเวลาที่เหลืออยู่ ทีมจังโก้ สู้สุดฤทธิ์ ได้บุกหลายครั้ง ทว่าสุดท้ายพวกเขาทำประตูเพิ่มไม่สำเร็จ

หมดเวลาการแข่งขัน อาร์เจนติน่า ต้อน เม็กซิโก 3-1 ส่งผลให้ อาร์เจนติน่า ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายพบ เยอรมัน ที่กรีน พอยท์ สเตเดี้ยม เมืองเคป ทาวน์ วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม ส่วน เม็กซิโก ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกฟุตบอลโลก 5 สมัยติดต่อกัน

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

อาร์เจนตินา : เซร์คิโอ โรเมโร่ - นิโคลัส โอตาเมนดี้, นิโคลัส บูร์ดิสโซ่, มาร์ติน เดมิเคลิส, กาเบรียล อีวาน ไอน์เซ่ - มักซี่ โรดริเกซ (ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ น.87), ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ (กัปตันทีม), อังเคล ดิ มาเรีย (โฮนาส กูเตียร์เรซ น.79) - คาร์ลอส เตเวซ (ฮวน เซบาสเตียน เวรอน น.69), ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล่ อิกวาอิน
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ดีเอโก้ โปโซ่ (ผู้รักษาประตู), มาเรียโน่ อันดูฮาร์ (ผู้รักษาประตู), วอลเตอร์ ซามูเอล, เกลเมนเต้ โรดริเกซ, อาเรียล การ์เซ่, มาริโอ โบลัตติ, มาร์ติน ปาแลร์โม่, ดีเอโก้ มิลิโต้, เซร์คิโอ "กุน" อเกวโร่
ใบเหลือง : -

เม็กซิโก : ออสการ์ เปเรซ - เอฟราฮิน ฮัวเรซ, ริคาร์โด้ โอโซริโอ, ฟรานซิสโก้ โรดริเกซ, คาร์ลอส ซัลซิโด้ - เคราร์โด้ ตอร์ราโด้, ราฟาเอล มาร์เกซ (กัปตันทีม), อันเดรส กวาร์ดาโด้ (กีเยร์โม ฟรังโก้ น.61) - โจวานี่ โดส ซานโต๊ส, อดอลโฟ่ เบาติสต้า (ปาโบล บาร์เรร่า น.46), ฮาเวียร์ "ชิชาริโต้" เอร์นานเดซ
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : กีเยร์โม โอชัว (ผู้รักษาประตู), หลุยส์ มิเชล (ผู้รักษาประตู), ฮอร์เค่ ตอร์เรส, เอ็คตอร์ โมเรโน่, จอนนี่ มากายอน, พอล อากีลาร์, อิสราเอล กาสโตร, อัลเบร์โต้ เมดิน่า, การ์ลอส เวล่า, เคาห์เตม็อก บลังโก้
ใบเหลือง : ราฟาเอล มาร์เกซ น.28

ผู้ตัดสิน : โรแบร์โต้ โรเซ็ตติ (อิตาลี)

จังหวะ ที่ คาร์ลอส เตเวซ โขกตามน้ำให้ อาร์เจนติน่า ออกนำ 1-0

บรรดา ผู้เล่น เม็กซิโก เข้าไปประท้วงผู้ตัดสิน เนื่องจากจังหวะได้ประตู 1-0 ของ เตเวซ ล้ำหน้าชัดเจน แต่ไม่เป็นผล

กอ นซาโล่ อิกวาอิน ฉวยจังหวะผิดพลาดของผู้เล่น เม็กซิโกเข้าไปยิงให้ทัพ ฟ้า-ขาว หนีเป็น 2-0

คา ร์ลอส เตเวซ ยิงไกลสุดสวยให้ อาร์เจนติน่า นำห่าง 3-0

ฮา เวียร์ เอร์นานเดซ พลิกบอลเข้าไปซัดให้ เม็กซิโก ไล่มาเป็น 1-3
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100628_023.html
Click to expand...

ประกบคู่น็อกเอาท์ 16 ทีม

KO1 : อุรุกวัย พบ เกาหลีใต้

KO2 : อเมริกา พบ กาน่า

KO3 : เยอรมัน พบ อังกฤษ

KO4 : อาร์เจนติน่า พบ เม็กซิโก

KO5 : ฮอลแลนด์ พบ สโลวาเกีย

KO6 : บราซิล พบ ชิลี

KO7 : ปารากวัย พบ ญี่ปุ่น

KO8 : สเปน พบ โปรตุเกส

ประกบ คู่น็อกเอาท์ 8 ทีม

อุรุกวัย พบ กาน่า

อาร์เจนติน่า พบ เยอรมัน

ฮอลแลนด์/สโลวาเกีย พบ บราซิล/ชิลี

ปารากวัย/ญี่ปุ่น - สเปน/โปรตุเกส

credit : www.soccersuck.com

สำหรับตารางการยิงสดค่ะ
21.00 น. ฮอลแลนด์ - สโลวาเกีย สทท.(ช่อง11เดิม)
01.30 น. บราซิล - ชิลี ช่อง 9

สำนักข่าวซี้ซั้วต่า ยูคิฮิเมะ รายงาน

ขอบคุณจริงๆสำหรับ 4 ปีที่ผ่านมา ลาก่อน ECO

FCB & CHELSEA FC [Football Addict] เกาะติดความเคลื่อนไหวฟุตบอลยุโรปฤดูกาล 2011/12
DEUTSCHLAND & THAILAND สู้ๆ♥ [Road to 2012&2014] เกาะติดความเคลื่อนไหวฟุตบอลทีมชาติ สู่ EURO2012 และ World Cup 2014

alladiya, 28 มิถุนายน 2010

#127
naiamibios ชีวิตไร้ตัวตน

EXP:

350

ถูกใจที่ได้รับ:

0

คะแนน Trophy:

16

รถเมล์สายอังกฤษโดนพิษกรรมการข้ามเส้นประตูแต่กรูไม่ให้ !! เลยต้องปล่อยสายเยอรมันให้ไปประสานงาก้บสายอาร์เจนติน่า... มีแต่เกม 5 ดาว รออยู่เบื้องหน้า !!

naiamibios, 28 มิถุนายน 2010

#128
Shion Gamer

EXP:

609

ถูกใจที่ได้รับ:

3

คะแนน Trophy:

38

เยอรมัน กับอาเจน งานนี้สนุกๆแน่

http://crimson-butterfly.exteen.com/
บล็อค Fatal Frame ข้าน้อยขอรับ

Shion, 28 มิถุนายน 2010

#129
ultimaweapon ULTIMA WEAPON

EXP:

4,247

ถูกใจที่ได้รับ:

8

คะแนน Trophy:

88

เยอรมัน บันซายยยย

รอบต่อไป ลุ้นหืดอีก

大切じゃない物何かない

ultimaweapon, 28 มิถุนายน 2010

#130
prockdj Member

EXP:

358

ถูกใจที่ได้รับ:

1

คะแนน Trophy:

18

เชียร์เยอรมันครับ

~• ถ้าเป็นโสดอย่าเพิ่งมีแฟน ถ้ามีแฟนอย่าเพิ่งแต่งงาน ถ้าแต่งงานอย่าเพิ่งมีลูก •~

prockdj, 28 มิถุนายน 2010

#131
flamefox Well-Known Member

EXP:

2,755

ถูกใจที่ได้รับ:

4

คะแนน Trophy:

88

เยอรมันด้วยคนนนน

ได้แชมป์จัดมีทๆ *-*

flamefox, 28 มิถุนายน 2010

#132
PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

EXP:

744

ถูกใจที่ได้รับ:

0

คะแนน Trophy:

86

เตเวซได้ยิงสมพรปาก....... ท่านเฟลม พูดจริงทำจริงนะเอ้อ ผมไปแน่!!!!

「さあ、お前の罪を数えろ。」

PaiaAznable, 28 มิถุนายน 2010

#133
Shion Gamer

EXP:

609

ถูกใจที่ได้รับ:

3

คะแนน Trophy:

38

อัศวินสีส้ม เข้ารอบ 8 ทีมไปเจอกับ บราซิล งานนี้สนุกแน่ๆเลย
แต่....วันนี้ขอลุ้นสเปนล่ะกัน

http://crimson-butterfly.exteen.com/
บล็อค Fatal Frame ข้าน้อยขอรับ

Shion, 29 มิถุนายน 2010

#134
alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

EXP:

1,207

ถูกใจที่ได้รับ:

11

คะแนน Trophy:

88

โห รอบแปดทีมแต่ละนัด...สนุกกันตายล่ะทีนี้...

ฮอลแลนด์คว่ำสโลวาเกีย2-1ลิ่ว8ทีม

"อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ ทะยานเข้าสู่รอบ8ทีมสุดท้ายสำเร็จหลังเฉือน สโลวาเกีย 2-1 โดย อาร์เยน ร็อบเบน ซัดเบิกร่องก่อนที่ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ จะยิงปิดกล่องให้ทีมส่วนแข้งสโลวักมาตีไข่แตกจากจุดโทษของ โรเบิร์ต วิตเท็ค ช่วงทดเจ็บ โดยขุนพนแดงกังหันลมจะเข้าไปพบผู้ชนะระหว่าง บราซิล กับ ชิลิ

ฟุตบอลโลก2010 รอบ16ทีมสุดท้าย
ฮอลแลนด์ 2 - 1 สโลวาเกีย

สนาม : เดอร์บัน สเตเดี้ยม, เดอร์บัน

"อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ เข้ารอบมาเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มอี ด้วยผลงานสุดยอดชนะสามเกมรวด ลงปะทะกับ สโลวาเกีย ทีมอันดับ 2 กลุ่มเอฟ ที่เข้ารอบมาได้ด้วยการมี 4 คะแนนน ซึ่งในเกมสุดท้ายของรอบแรกสามารถเฉือนเอาชนะแชมป์เก่า อิตาลี 3-2 มาได้อย่างเซอร์ไพรส์

ฮอลแลนด์ ได้รับข่าวดีเมื่อได้ อาร์เยน ร็อบเบน ปีกจรวดตัวเก่งฟิตกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงเกมแรกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทำให้ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท โดนถอดออกไปนั่งสำรอง นอกนั้นกุนซือ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ จัดทีมชุดเก่งลงครบในระบบ 4-2-3-1 โดยมี โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เป็นกองหน้าตัวเป้า และมี เวสลี่ย์ ชไนเดอร์ เป็นจอมทัพ

ด้าน สโลวาเกีย ที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในชื่อสโลวาเกีย หลังแยกมาจากเชโกสโลวาเกียเดิม และทะลุเข้ามาในรอบ 2 ได้ กุนซือ วลาดิเมียร์ ไวส์ วาง โรเบิร์ต วิตเท็ค กองหน้าตัวเก่งที่ยิงไปแล้ว 3 ประตูในฟุตบอลโลก เป็นตัวความหวังในการทำสกอร์ ขณะที่แดนกลางมี มาเร็ค ฮัมซิค กัปตันทีมนำทัพเช่นเดิม โดยมี ยูราจ คุซก้า ลงมายืนคู่กลางแทนที่ ซเดโน่ สเตอร์บา ที่ถูกพักแข้ง

เป่านกหวีดเริ่มเกมมา 2 นาที สโลวาเกีย เกือบสร้างเซอร์ไพรส์ขึ้นนำก่อน เมื่อต่อบอลโต้กลับมา จังหวะสุดท้ายเป็น อีริค เยนดริเซ็ค ได้หวดจากกนอกกรอบเขตโทษบอลเหินออกหลังไป

นาทีที่ 7 ฮอลแลนด์ มีลุ้นครั้งแรก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มาได้โหม่งโล่งๆจากลูกที่ เดิร์ค เค้าท์ ตักบอลเข้ามาให้ แต่บอลดันไปถูก ราโดสลาฟ ซาบาฟนิค ที่ตามลงมาสกัดเอาไว้ได้ทัน และจังหวะต่อมา ชไนเดอร์ ก็ได้กดโล่งๆ แต่ยิงบอลบดมากไปหน่อย ทำให้ แยน มูช่า ล้มตัวรับไว้ได้สบาย

จนนาทีที่ 18 ร็อบเบน ก็มาแผลงฤทธิ์ยิงให้ ฮอลแลนด์ ขึ้นนำ 1-0 เมื่อ ชไนเดอร์ จ่ายบอลโต้กลับข้ามฝากมาให้ ร็อบเบน สปีดไปรับบอลริมเส้นผั่งขวา ก่อนโชว์ลูกเก่งเลี้ยงลากตัดเข้าในไปยิงหน้ากรอบเขตโทษด้วยซ้ายผ่านกองหลัง สโลวาเกีย ที่รู้ทั้งรู้แต่กันไว้ไม่อยู่ บอลพุ่งเสียบเสาหมดจดเข้าประตูไป เป็นประตูแรกของ ร็อบเบน ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และเป็นลูกที่ 14 ในการเล่นทีมชาติ

หลังได้ประตูขึ้นนำนักเตะ "กังหันลม" เล่นด้วยความมั่นใจ สามารถครองเกมเอาไว้ได้หมด ไม่เปิดโอกาสให้ สโลวาเกีย เข้าไปสร้างความอันตรายได้เลย ทว่าผ่านพ้นครึ่งชั่วโมงมาได้หนึ่งนาที ผู้ตัดสิน อัลเบร์โต้ อุนเดียโน่ มาเยนโก้ ก็มาควักใบเหลืองแรกให้แก่ ร็อบเบน หลังลูกเปิดเข้ามาของ ฮัมซิค ไปโดนแขนของเจ้าตัว ทำเอา ร็อบเบน ส่ายหน้าเซ็งไม่เข้าใจผู้ตัดสิน

ช่วงท้ายครึ่งแรก ฟาน เพอร์ซี่ มาได้บอลแตะหลุดหนีกองหลังคู่แข่งเข้าไปยิง แต่ดันใจร้อนรีบยิงด้วยเท้าขวาข้างที่ไม่ถนัด ทำให้ มูช่า ป้องกันไว้ได้ง่ายๆ และจบครึ่งแรกไปด้วยการที่ ฮอลแลนด์ ออกนำ สโลวาเกีย ไปก่อน 1-0

กลับลงมาสู้กันต่อในเกมครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัว และแค่ 4 นาที ร็อบเบน ก็เกือบทำให้ทีมทิ้งห่างจากจังหวะคล้ายๆที่ได้ลูกแรก เมื่อ ร็อบเบน เก็บบอลที่ มาร์ติน สเคอร์เทล เตะสกัดออกมาไม่ดี ก่อนเลี้ยงตัดเข้าใน แต่งหาจังหวะยิงด้วยซ้ายไปติด มูช่า ที่ล้มตัวพุ่งป้องกันเอาไว้ได้หวุดหวิด

ถัดมาแค่นาทีเดียว กังหันลม ก็ได้เสียวอีก เมื่อ ร็อบเบน เลี้ยงจี้เข้าหาแผงหลังคู่แข่ง ก่อนไหลเรียดเข้ากลางมาให้ โยริส มาไธจ์เซ่น ที่เติมขึ้นมายิงจ่อๆไปติดเซฟของ มูช่า ที่ยังไม่ยอมพลาดเป็นครั้งที่สอง

เกมรับ สโลวาเกีย โดน ร็อบเบน ปั่นป่วนจนหัวหมุน ต้องอาศัยการเข้าทำฟาวล์ถึงจะหยุดเอาไว้ได้ และจากลูกฟรีคิกริมเส้นด้านขวา ฟาน เพอร์ซี่ กึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าปากประตู แต่ มูช่า ตัดสินใจได้ดีชกบอลออกไปให้พ้นหน้าปากประตูทันที

เข็มเวลานาฬีกาเดินมาครบหนึ่งชั่วโมง นักเตะ สโลวาเกีย ยังไม่มีโอกาสได้ยิงตรงกรอบให้ มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก ได้ออกแรงป้องกันประตูเลย นาทีที่ 63 ยูราจ คุซก้า ลองยิงไกลนอกกรอบอีก แต่บอลก็หลุดออกนอกกรอบไปตามเคย

จนกระทั่งนาทีที่ 67 สเตเคเลนเบิร์ก ต้องมาออกแรงติดๆกันสองคร้ง ครั้งแรกปัดลูกยิงที่ มิโรสลาฟ สต็อช เลี้ยงตัดเข้ามาอัดด้วยขวาข้ามคานไป และอีกครั้งนึงพุ่งออกมาเซฟลูกยิงของ วิตเท็ค ที่พลิกบอลเข้ามายิงเอาไว้ได้อย่างสุดยอด ช่วยให้ กังหันลม ยังไม่ถูกตีเสมอ

นาทีที่ 71 มาร์ไวค์ ทำการเปลี่ยนตัวรายแรกของเกมถอด ร็อบเบน ที่สภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์ออกไปพัก และให้ เอลเยโร่ เอเลีย ลงไปสร้างความวูบวาบในเกมรุกแทน

เดิร์ค เค้าท์ มามีจังหวะได้ลองซัดไกลบ้าง เมื่อเลี้ยงเข้ายิงเต็มแรงระยะ 25 หลา บีบให้ มูช่า ต้องออกแรงทุบออกหลังไป

วิตเท็ค เกือบมาทำให้แฟนบอล กังหันลม หงายหลัง เมื่อได้บอลหลุดทะลุกับดักล้ำหน้ามาพลิกยิงโล่งๆ แต่ทำได้น่าผิดหวังส่งลูกออกข้ามคานไปไกล ทั้งๆที่กองหลัง ฮอลแลนด์ หยุดเล่นแล้วเพราะคิดว่าเป็นลูกล้ำหน้า

ฮอลลแลนด์ มาตอกตะปูลงฝาโลงใส่ สโลวาเกีย สนิท ในนาทีที่ 84 เมื่อ เค้าท์ แตะบอลหนี มูช่า ที่วิ่งออกมาป้องกัน ก่อนใจกว้างเป็นแม่น้ำไหลเข้ากลางมาให้ ชไนเดอร์ เติมขึ้นมาแปเรียดโล่งๆเข้าไป ส่งผลสกอร์บอร์ดทำงานเป็น ฮอลแลนด์ 2-0 สโลวาเกีย

ช่วงท้ายเกม ฮอลแลนด์ เน้นครองบอลไปมาฆ่าเวลาให้หมดไป เกมทำท่าจะจบลงด้วยสกอร์นี้แต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก ผู้รักษาประตู ฮอลแลนด์พลาดไปรวบ โรเบิร์ต วิตเท็ค ในเขตโทษกรรมการเป่าให้เป็นจุดโทษโดยเจ้าตัวลุกขึ้นมายิงเอง แต่หลัง วิตเท็ค ซัดเข้าไปตุงตาข่ายกรรมการก็เป่านกหวีดจบเกมทันที จบเกม ฮอลแลนด์ ชนะ สโลวาเกีย ไป 2-1 เข้าไปรอพบคู่ชนะระหว่าง บราซิล กับ ชิลี ที่จะเตะเป็นคู่ถัดไป ในวันที่ 2 ก.ค. ที่จะถึงนี้

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

ฮอลแลนด์ : มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก, เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล, จอห์นนี่ ไฮติงก้า, โยริส มาไธจ์เซ่น, โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ (กัปตันทีม), ไนเจล เด ยองก์, มาร์ค ฟาน บอมเมล, เวสลี่ย์ ชไนเดอร์, เดิร์ค เค้าท์, อาร์เยน ร็อบเบน , โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

สโลวาเกีย : แยน มูช่า, ปีเตอร์ เปคาริค, มาร์ติน สเคอร์เทล, แยน ดูริก้า, ราโดสลาฟ ซาบาฟนิค, ยูราจ คุซก้า, มาเร็ค ฮัมซิค , อีริค เยนดริเซ็ค , วลาดิเมียร์ ไวส์, มิโรสลาฟ สต็อช, โรเบิร์ต วิตเท็ค

ผู้ตัดสิน : อัลเบร์โต้ อุนเดียโน่ มาเยนโก้ (สเปน)

อา ร์เยน ร็อบเบน ซัดประตูเปิดกล่องให้ฮอลแลนด์ขึ้นนำในครึ่งแรก

โรเบิร์ต วิตเท็ค ดาวยิงสโลวัก (ขวา) เบียดแย่งบอลกับ ไนเจล เด ยองก์

โรเบิร์ต วิตเท็ค ซัดจุดโทษไล่มา 1-2 ช่วงทดเจ็บแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว

เดิร์ค เคาท์ แบก เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ขึ้นบ่าฉลองประตู 2-0 ของฮอลแลนด์
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100628_170.html
Click to expand...

^
^
^
^
ครก : เฮ~~~
สไนเดอร์ : อีครกปล่อยกรู๊! จะตกแล้ว เฮ้ย จะตกแล้ว ปล๊อยยยยยยยยย!!!!!!!!!
ครก : เฮ~~~
สไนเดอร์ : คร๊กกกกก ปล่อยเห๊ออออ เค้ากลัวความสูงงงงงงง TTATT!!!!!!

แซมบ้ารัวสะเด่าชิลี3-0ฉลุยดวลดัตช์

"แซมบ้า" บราซิล โชว์ฟอร์มสมราคาทีมเต็งแชมป์ หลังไล่ถล่ม ชิลี ไปแบบหายห่วง 3-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปชน "ฮัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ ต่อไปในวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคมนี้

บราซิล 3 - ชิลี 0

สนาม : เอลลิส พาร์ค (โจฮันเนสเบิร์ก)

ทีมชาติบราซิล แชมป์กลุ่มจี หนึ่งในตัวเต็งแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 ลงสนามพบ ชิลี ทีมอันดับสอง กลุ่มเอชที่เอลลิส พาร์ค กรุงโจฮันเนสเบิร์ก ในการเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งผู้ชนะของคู่นี้จะผ่านเข้าไปพบ ฮอลแลนด์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่พอร์ท เอลิซาเบ็ธ วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม

คาร์ลอส ดุงก้า กุนซือบราซิลได้ กาก้า จอมทัพพ้นโทษแบน กลับมา ขณะที่ รามิเรส ลงเล่นในแผงมิดฟิลด์ และ โรบินโญ่ สนับสนุนเกมของ หลุยส์ ฟาเบียโน่ กองหน้าตัวเป้า ดาวเตะเซบีย่า แต่ทีมขาด เอลาโน่ บลูแมร์ และ เฟลิเป้ เมโล่ สองกองกลางบาดเจ็บข้อเท้า ไม่มีแม้กระทั่งชื่อตัวสำรอง ส่วน มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ของชิลีขาดผู้เล่น 3 รายติดโทษแบนทั้ง วัลโด้ ปอนเช่, แกรี่ เมเดล, มาร์โก เอสตราด้า ทว่าทีมได้ อุมเบร์โต้ ซัวโซ่ ศูนย์หน้าหายเจ็บลงเล่นได้

เกมครึ่งแรก ผ่านไปเพียง 5 นาที บราซิลทักทายก่อน เมื่อเปิดบอลมาจากแดนหลัง มาเข้าทาง หลุยส์ ฟาเบียโน่ ซัดข้ามคาน และสามนาทีต่อมา บราซิลเกือบได้ประตูจากลูกยิงเต็มเท้าของ จิลแบร์โต้ ซิลวา แต่เคลาดิโอ บราโว่ ผู้รักษาประตูกัปตันทีมปัดบอลออกไปได้อย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 10 จิลแบร์โต้ ซิลวา ได้ยิงบริเวณกรอบเขตโทษติด บราโว่ เซฟได้เยี่ยม จากนั้นนาที 15 ซัวโซ่ ได้ยิงหน้าประตูติด ชูลิโอ เซซ่าร์ และนาทีต่อมา บราซิลโต้กลับเร็ว รามิเรส ยิงไกลระยะ 25 หลาตรงตัว บราโว่

จากนั้นเกมส่วนใหญ่อยู่กลางสนาม นาที 28 ปาโบล กอนเตรราส กองหลังชิลีทำฟาวล์ ลูซิโอ กัปตันทีมแซมบาในกรอบเขตโทษ แต่ผู้ตัดสิน ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ จากอังกฤษ ไม่ให้บราซิลได้ลูกจุดโทษ ให้เพียงลูกเตะมุม และดั๊กลาส ไมค่อน เปิดเตะมุมจากทางฝั่งขวาเข้ามาหน้าประตู ฮวน ขึ้นโหม่งข้ามคาน

กาก้า เป็นนักเตะคนแรกที่โดนใบเหลืองเกมนี้ หลังจากทำฟาวล์ อาร์ตูโร่ วิดาล นาที 30

และแล้วนาที 34 บราซิลได้ประตูนำ 1-0 ดั๊กลาส ไมค่อน เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งขวาเข้ามาที่เสาสอง ฮวน เซนเตอร์ฮาล์ฟขึ้นโหม่งตุงตาข่าย

บราซิลนำห่าง 2-0 นาที 38 โรบินโญ่ เลี้ยงบอลขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย จ่ายให้ กาก้า ทำชิ่งมาเข้าทาง หลุยส์ ฟาเบียโน่ หนีการวิ่งเข้ามาสกัดของ เคลาดิโอ บราโว่ ผู้รักษาประตูชิลี ก่อนยิงระยะเผาขนเข้าประตูไป นับเป็นประตูที่สามของ ฟาเบียโน่ ในฟุตบอลโลก 2010 จบครึ่งแรก บราซิลนำห่าง 2-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง ชิลีแก้เกมเปลี่ยนผู้เล่นสำรอง 2 คนนาที 46 โรดริโก้ เตโญ่ และ ฮอร์เก้ วัลดิเวีย เล่นแทน ปาโบล กอนเตรราส กับ มาร์ค กอนซาเลซ ตามลำดับ โดยหวังจะยิงประตูให้ได้

แซมบานำห่างออกไปอีกเป็น 3-0 นาที 59 รามิเรส แผลงฤทธิ์เลี้ยงบอลตะลุยขึ้นมาระยะ 35 หลาก่อนจ่ายแม่นยำให้ โรบินโญ่ แปบอลผ่าน เคลาดิโอ บราโว่ นายทวารกัปตันทีมชิลี เข้าประตูไปอย่างสวยงาม มาร์เซโล่ บิเอลซ่า โค้ชชิลีแก้เกมอีกครั้ง ส่ง โรดริโก้ มีย่าร์ เล่นแทน เมาริซิโอ อิสล่า นาที 62

ชิลี ได้บอลบุกมากขึ้น และเกือบตีไข่แตก นาที 66 อเล็กซิส ซานเชซ ได้บอลจ่ายให้ ฮอร์เก้ วัลดิเวีย ตัวสำรองฮาล์ฟ-วอลเล่ย์บริเวณกรอบเขตโทษ บอลเหินข้ามคานไม่กี่หลา

รามิเรส มิดฟิลด์แซมบาโดนใบเหลือง หลังจากเสียบที่ข้อเท้าของ อเล็กซิส ซานเชซ นาที 72 ส่งผลให้เขาจะติดโทษแบน 1 นัดโดยอัตโนมัติเกมพบ ฮอลแลนด์ ในรอบควอเตอร์-ไฟนั่ลส์ ที่พอร์ท เอลิซาเบ็ธ วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม

นาที 74 แซมบาโต้กลับเร็ว จนเกือบได้ประตู เมื่อ ดานี่ อัลเวส เปิดบอลโดยไม่ล้ำหน้าให้ โรบินโญ่ เลี้ยงหลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษฝั่งขวา บอลผ่านหน้าประตูออกไป และนาทีต่อมา ชิลีลุยใส่ทันที ฌอน โบเซอฌูร์ ตัดบอลมาเข้าทาง อุมเบร์โต้ ซัวโซ่ พลิกตัวหลบ ลูซิโอ กัปตันทีมแซมบาในกรอบเขตโทษ ก่อนซัดไปติด ชูลิโอ เซซ่าร์ พุ่งตัวปัดได้ที่เสาแรก

บราซิลเปลี่ยนผู้เล่นสำรองคนแรก ส่ง นิลมาร์ เติมความสดแดนหน้าแทน หลุยส์ ฟาเบียโน่ นาที 76 และสามนาทีต่อมา ชิลีได้ยิงจาก ซัวโซ่ บอลชนคานอย่างจัง ทำให้ชิลี เกือบได้ประตู

ท้ายเกมนาที 81 บราซิลเปลี่ยนเอา กาก้า ออกจากสนาม ส่ง เคลแบร์สัน ลงเล่น โดยเวลาที่เหลืออยู่ ชิลี ทำประตูไม่ได้ หมดเวลาการแข่งขัน บราซิล ถล่ม ชิลี ขาดลอย 3-0 ส่งผลให้ บราซิล ผ่านเข้าไปเจอ ฮอลแลนด์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่พอร์ท เอลิซาเบ็ธ วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคมนี้

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

บราซิล : ชูลิโอ เซซ่าร์ - ดั๊กลาส ไมค่อน, ลูซิโอ (กัปตันทีม), ฮวน, แฟร์นานเดส มิเชล บาสโต๊ส - รามิเรส, จิลแบร์โต้ ซิลวา - ดานี่ อัลเวส, กาก้า (เคลแบร์สัน น.81), โรบินโญ่ (จิลแบร์โต้ เมโล่ น.85) - หลุยส์ ฟาเบียโน่ (นิลมาร์ น.76)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : โกเมส (ผู้รักษาประตู), โดนี่ (ผู้รักษาประตู), ลุยเซา, ติอาโก้ ซิลวา, โชซูเอ้, กราฟิเต้
ใบเหลือง : กาก้า น.30, รามิเรส น.72

ชิลี : เคลาดิโอ บราโว่ (กัปตันทีม) - อิสมาเอล ฟูเอนเตส, ปาโบล กอนเตรราส (โรดริโก้ เตโญ่ น.46), กอนซาโล่ ยาร่า - เมาริซิโอ อิสล่า (โรดริโก้ มีย่าร์ น.62), คาร์ลอส คาร์โมน่า, อาร์ตูโร่ วิดาล, ฌอน โบเซอฌูร์ - อเล็กซิส ซานเชซ, อุมเบร์โต้ ซัวโซ่, มาร์ค กอนซาเลซ (ฮอร์เก้ วัลดิเวีย น.46)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : หลุยส์ มาริน (ผู้รักษาประตู), มิเกล ปินโต้ (ผู้รักษาประตู), มาติอัส เฟอร์นาสเดซ, กอนซาโล่ เฟียร์โร่, ฟาเบียน โอเรยาน่า, เอสเตบัน พาราเดส
ใบเหลือง : อาร์ตูโร่ วิดาล น.47, อิสมาเอล ฟูเอนเตส น.68, โรดริโก้ มีย่าร์ น.80

ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ (อังกฤษ)

ฮวน เซนเตอร์ตัวเก๋าของทีม "แซมบ้า" ขึ้นมาโขกให้ทีมออกนำก่อน 1-0

หลุยส์ ฟาเบียโน่ หลุดเข้าไปแตะหลบผู้รักษาประตูก่อนซัดให้ บราซิล หนีเป็น 2-0

โร บินโญ่ ซัดปิดท้ายให้ บราซิล ถล่ม ชิลี 3-0 และเป็นประตูแรกของโรบินโญ่ อีกด้วย

แฟนๆ แซมบ้า ร่าเริงสุดขีด หลังทีมรักทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

สภาพผู้เล่น ชิลี เศร้าไปตามๆกัน หลังผู้ตัดสินเป่าจบเกม

http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100629_008.html
Click to expand...

ประกบคู่น็อกเอาท์ 16 ทีม

KO1 : อุรุกวัย พบ เกาหลีใต้

KO2 : อเมริกา พบ กาน่า

KO3 : เยอรมัน พบ อังกฤษ

KO4 : อาร์เจนติน่า พบ เม็กซิโก

KO5 : ฮอลแลนด์ พบ สโลวาเกีย

KO6 : บราซิล พบ ชิลี

KO7 : ปารากวัย พบ ญี่ปุ่น

KO8 : สเปน พบ โปรตุเกส

ประกบ คู่น็อกเอาท์ 8 ทีม

อุรุกวัย พบ กาน่า

อาร์เจนติน่า พบ เยอรมัน

ฮอลแลนด์ พบ บราซิล

ปารากวัย/ญี่ปุ่น - สเปน/โปรตุเกส

credit : www.soccersuck.com

สำหรับตารางการยิงสดค่ะ
21.00 น. ปารากวัย - ญี่ปุ่น ช่อง 7,ทรูสปอร์ต HD (111)
01.30 น. สเปน - โปรตุเกส ช่อง 3,ทรูสปอร์ต HD (111)

สำนักข่าวซี้ซั้วต่า ยูคิฮิเมะ รายงาน

ขอบคุณจริงๆสำหรับ 4 ปีที่ผ่านมา ลาก่อน ECO

FCB & CHELSEA FC [Football Addict] เกาะติดความเคลื่อนไหวฟุตบอลยุโรปฤดูกาล 2011/12
DEUTSCHLAND & THAILAND สู้ๆ♥ [Road to 2012&2014] เกาะติดความเคลื่อนไหวฟุตบอลทีมชาติ สู่ EURO2012 และ World Cup 2014

alladiya, 29 มิถุนายน 2010

#135
flamefox Well-Known Member

EXP:

2,755

ถูกใจที่ได้รับ:

4

คะแนน Trophy:

88

อยากเห็นนัดชิงเป็นเยอรมัน บราซิล~

flamefox, 29 มิถุนายน 2010

#136
Ryuto 終わる道、始まる夢

EXP:

964

ถูกใจที่ได้รับ:

16

คะแนน Trophy:

88

เลือดอาเจนเราอย่าไปกลัว

/me ทำไมเหมือนเข้ามาเหยียบถื่นเยอรมัน . . . . =v="

เมซซี่ร่างเล็กพริ้วไหว!!!!!!!!!

แต่อาเจนแพ้บอลโยน

จะไหวไหมเนี่ย

OTL โอ้เย้

Ryuto, 30 มิถุนายน 2010

#137
eol earth of lolicon!!

EXP:

1,040

ถูกใจที่ได้รับ:

0

คะแนน Trophy:

86

ยุ่นตกรอบไปซะแล้ว น่าเสียดายจริงๆ ..........

ก็แค่ eol ป๊ง ป๊ง ไปวันๆ

eol, 30 มิถุนายน 2010

#138
flamefox Well-Known Member

EXP:

2,755

ถูกใจที่ได้รับ:

4

คะแนน Trophy:

88

บอลคู่สเปน - โปรตุเกส ครึ่งแรก 0-0 แต่มันส์โคตรเลยครับ bblaster:

flamefox, 30 มิถุนายน 2010

#139
jpenguin Admin Staff Member

EXP:

2,537

ถูกใจที่ได้รับ:

93

คะแนน Trophy:

113

โปรตุเกสวางแผนมาไม่ค่อยได้เรื่องเลย เน้นรับซะเยอะ แพ้ไป

อาร์เจนเยอร์มันแข่งวันไหนกี่โมงอ่าครับ

“There are painters who transform the sun to a yellow spot,
but there are others who with the help of their art and their intelligence,
transform a yellow spot into the sun.”
-- Pablo Picasso

jpenguin, 30 มิถุนายน 2010

#140
Shion Gamer

EXP:

609

ถูกใจที่ได้รับ:

3

คะแนน Trophy:

38

สเปนเข้ารอบ
ในที่สุดวันนี้จะได้นอนอย่างเต็มอิ่มซักที

http://crimson-butterfly.exteen.com/
บล็อค Fatal Frame ข้าน้อยขอรับ

Shion, 30 มิถุนายน 2010

#141
flamefox Well-Known Member

EXP:

2,755

ถูกใจที่ได้รับ:

4

คะแนน Trophy:

88

J the Guardian said: ↑

โปรตุเกสวางแผนมาไม่ค่อยได้เรื่องเลย เน้นรับซะเยอะ แพ้ไป

อาร์เจนเยอร์มันแข่งวันไหนกี่โมงอ่าครับ
Click to expand...

เสาร์ 3 กรกฎา 3 ทุ่มครับพี่เจ!

flamefox, 30 มิถุนายน 2010

#142
swanton Dragon on Board

EXP:

1,424

ถูกใจที่ได้รับ:

69

คะแนน Trophy:

113

สเปน~~~ เฮ้ๆ!

ครึ่งแรกอึดอัดน่าดู เล่นไม่สมเป็นสเปนเลย ตั้งแต่เปลี่ยนตอเรสออกค่อยคืนฟอร์มหน่อย (จริงๆน่าจะเปลี่ยนออกตั้งแต่ครึ่งหลังแล้ว)
บีญ่า นายมันเทพ!!!
ดีใจที่มันไม่ต่อเวลาพิเศษ ไม่งั้นได้นอนตี 4 แน่

เสียใจด้วยกับญี่ปุ่น อยากเห็นคนเอเชียได้เข้ารอบลึกๆบ้าง

ปล. กินฟรี~~~!!

梵天成天翔独眼竜
[For Brahma and the Soaring One-Eyed Dragon]

swanton, 30 มิถุนายน 2010

#143
alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

EXP:

1,207

ถูกใจที่ได้รับ:

11

คะแนน Trophy:

88

และนี่คือบทสรุปของรอบ 16 ทีมค่ะ

ปารากวัยแม่นซัดโทษเชือดญี่ปุ่น5-3

ญี่ปุ่น กลายเป็นอีกทีมจากเอเชีย ที่ต้องพลาดท่าในศึกบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ แม้ว่าตลอดทั้ง 90 นาทีจะเล่นได้ดีจนยันเสมอ ปารากวัย 0-0 รวมถึงช่วงต่อเวลาพิเศษยังไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ ต้องตัดสินด้วยการดวลลูกจุดโทษ และ ปารากวัย ที่แม่นกว่ายิงเอาชนะไปได้ 5-3 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมไปเจอผู้ชนะระหว่าง สเปน กับ โปรตุเกส ต่อไป

บอลโลก 2010

รอบ 16 ทีมสุดท้าย

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน 2553

ปารากวัย 0 - 0 ญี่ปุ่น

(ปารากวัย ชนะจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3)

สนาม : ลอฟตัส แฟร์สเฟลด์ สเตเดี้ยม, พริทอเรีย

ฟุตบอลโลกรอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่รองสุดท้ายระหว่าง ปารากวัย ที่ผ่านเข้ารอบมาเป็นดับหนึ่งของกลุ่ม เอฟ ปะทะกับญี่ปุ่น ทีมอันดับสองของกลุ่ม อี ที่สามารถเข้ามาในรอบนี้ได้เป็นครั้งแรกนอกแผ่นดินตัวเอง

ปารากวัยของกุนซือ เคราร์โด้ มาร์ติโน่ มีการปรับเปลี่ยนแผงสามประสานแดนหน้าสองคนจากเกมที่แล้วที่ทำได้แค่เสมอ นิวซีแลนด์แบบไร้สกอร์ ถอด เนลสัน วัลเดซ และ ออสการ์ การ์โดโซ่ ออกไปเป็นสำรอง และให้ ลูคัส บาร์ริออส และ เอ็ดการ์ เบนิเตซ ลงมาเป็นตัวจริง ประสานงานร่วมกับ โรเก้ ซานตา ครูซ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมที่แล้ว ขณะที่ในตำแหน่งปลอกแขนกัปตันทีมกลับมาให้ ฮุสโต้ วีย่าร์ สวมปลอกแขนตามเดิม

ด้านขุนพล "ซามูไรสีน้ำเงิน" ญี่ปุ่น ที่ฟอร์มหรูในเกมล่าสุด ที่ถล่มเดนมาร์กไป 3-1 กุนซือ ทาเคชิ โอกาดะ จัด 11 คนแรกเป็นชุดเดิมทั้งหมด โดยมีขุนพลตัวเก่งลงนำทัพครบครันทั้ง มาโกโตะ ฮาเซเบะ กัปตันทีม และสองดาวเตะเจ้าของประตูฟรีคิกสุดสวยอย่าง ยาซึฮิโตะ เอ็นโดะ และ เคซึเกะ ฮอนดะ ซูเปอร์สตาร์ตัวเก่งจากซีเอสเคเอ มอสโก

เริ่มเขี่ยลูกเริ่มเกมมาไม่ถึงนาที โยชิโตะ โอคูโบะ ตัดบอลได้จากความผิดพลาดของนักเตะ ปารากวัย ก่อนลากไปยิง บอลหลุดออกหลังไปไม่ไกล

ช่วงแรกของเกมค่อนข้างตึงเครียด ทั้งสองทีมเน้นดูเชิงกันไม่กล้าเดินเกมบุกผลีผลามเข้าใส่อย่างเต็มที่ นาทีที่ 20 ปารากวัยเกือบขึ้นนำ เมื่อบาร์ริออสพลิกบอลที่เพื่อนจ่ายมาให้สวย และดีดบอลเรียดทันที ทว่า เอจิ คาวาชิมะ ยังไวออกมาป้องกันไว้ได้ทัน

ถัดมานาทีเดียว นักเตะซามูไรสีน้ำเงิน น่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆ จากลูกที่ ไดซึเกะ มัตซึอิ บรรจงปั่นบอลระยะ 20 หลา ลูกพุ่งย้อยลงไปชนคานอย่างจัง ทำเอาแฟนบอลชาว "อาทิตย์อุทัย" ส่งเสียงร้องด้วยความเสียดาย

ญี่ปุ่นรอดตายหวุดหวิดในนาทีที่ 28 จากลูกเตะมุมที่ เคลาดิโอ โมเรล โรดริเกซ เปิดเข้ามา ก่อนที่จังหวะสุดท้าย ซานตา ครูซ ได้ซัดจ่อๆ จากลูกชุลมุน บอลหลุดออกหลังไปอย่างไม่น่าเชื่อ

นาทีที่ 40 ญี่ปุ่นเกือบมาได้บ้าง มัตซึอิลากบอลจากฝั่งขวาขึ้นมา ก่อนไหลเรียดเข้ากลางมาให้ ฮอนดะ วิ่งเข้ามาปั่นบอลติดไซด์ก้อยหลุดออกหลังไปอย่างหวุดหวิด ทั้งๆ ที่วีย่าร์พุ่งไม่ถึงแล้ว หมดครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0

เริ่มเกมครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัว 11 คนแรก เปิดฉากมา เนสตอร์ ออร์ติโกซ่า ทำชิ่งหนึ่งสองกับเพื่อน และเกือบได้หลุดไปสับไกในเขตโทษ ดีที่ว่ากองหลังญี่ปุ่นตามลงมาบล็อกเอาไว้ได้ทัน

นาทีที่ 54 ยูโตะ นากาโตโมะ แบ็กซ้ายได้เติมขึ้นมากดหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลไปถูกกองหลังปารากวัยที่สไลด์กันเอาไว้ ทำให้ลูกยิงเบาลงไปเข้าซองวีย่าร์รับไว้สบาย

ปารากวัยมาเน้นขึ้นทางซ้าย และมาได้โอกาสอีกครั้งจากลูกที่ ซานตา ครูซ แตะกลับมาให้ เคลาดิโอ โมเรล โรดริเกซ ครอสเข้ามาให้ คริสเตียน ริเวรอส สอดเข้ามาโขกเต็มๆ แต่ เอจิ คาวาชิมะ ยังไม่พลาดรับบอลไว้ติดหนึบ

เกมบู๊กันมาครบหนึ่งชั่วโมงพอดี มาร์ติโน่ทำการปรับแผงเกมรุก ถอด เอ็ดการ์ เบนิเตซ ที่ไร้บทบาทออกไป ส่ง เนลสัน วัลเดซ ลงไปแทนที่

ญี่ปุ่นมาได้เสียวจากลูกเตะมุมที่เอ็นโดะโยนเข้ามาให้ มาร์คัส ตูลิโอ ทานากะ ขึ้นมาโหม่ง แต่จังหวะที่ขึ้น โดน ซานตา ครูซ เบียดเอาไว้นิดนึง ทำให้ลูกหลุดออกหลังไป

2 นาทีต่อมา โอกาดะไม่อยู่เฉยทำการเปลี่ยนตัวบ้าง ถอด ไดซึเกะ มัตซึอิ ที่มีใบเหลืองติดตัวอยู่ออกไปพัก และส่ง ชินจิ โอกาซากิ กองหน้าที่ทำประตูย้ำชัยชนะได้ในนัดที่แล้ว ลงมาเสริมเกมรุก

ยูโตะ นากาโตโมะ มารับใบเหลืองไปคนที่สองของญี่ปุ่น หลังไปทำฟาวล์เบรกเกม วัลเดซที่สปีดหนีไปแล้ว ทำให้นัดหน้า หากญี่ปุ่นผ่านเข้ารอบไปได้จะหมดสิทธิ์ลงสนาม

ปารากวัยเริ่มเจาะไม่เข้า เลยหันลองส่องไกลดูบ้าง เอ็ดการ์ บาร์เรโต้ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ แต่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของคาวาชิมะที่ยืนรับไว้ถูกตำแหน่ง

ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมเน้นเล่นปลอดภัย ไม่เสี่ยงเดินเกมรุกเข้าใส่ หวังไปบู๊กันต่อในช่วงต่อเวลาอีก 30 นาที ทำให้จบเกม 90 นาที ยังเสมอกันอยู่ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป

ช่วงต่อเวลาพิเศษ ญี่ปุ่น เปิดเกมบุกเร็วจ่ายไปให้ นากามูระ ที่เติมขึ้นไปทางริมเส้นฝั่งขวาใช้ความเร็วสปีดเข้าไปแล้วซัดไกลบอล แต่โดนกองหลังปารากวัยสกัดเอาไว้ได้

ทั้งสองทีมยังเปิดเกมสู้กันสนุกอย่างไม่เกรงกลัว น.93 ปาราวัย เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนสุดท้าย เมื่อถอด ซานตา ครูซ ศูนย์หน้าตัวเก่งออกแล้วส่ง ออสการ์ การ์โดโซ่ ลงมาเล่นแทน และจังหวะถัดมาก็ได้ลุ้น เมื่อบอลจากริมเส้นด้านซ้ายเปิดเข้ากลาง ริเวรอส ได้โขกคนเดียวโล่งๆ แต่โชคร้ายไปตรงตัว คาวาชิมะ รับได้สบาย

น.96 ปารากวัย ยังรุกหนัก โมเรล โรดริเกซ กระชากจากริมเส้นเข้าไปแล้วไหลไปให้ วัลเดซ พลิกบอลจังหวะเดียวเข้าไปอย่างสวยงามเบียดไปกับ ทานากะ แต่จังหวะจิ้มบอลระยะแค่ 10 หลา คาวาชิมะ ออกมาล้มตัวเซฟไว้ได้

ญี่ปุ่นโต้ได้หวาดเสียวเหมือนกัน น.99 ได้ฟรีคิกระยะ 25 หลา ฮอนดะ เล่นลูกสูตรเปิดไปหน้าประตูหวังให้เพื่อนเข้าชาร์จแต่หลุดออกหลังไปไม่ได้ ลุ้น

น.101 ปารากวัยพลาดได้ประตูไปอีกจากลูกขลุกขลิกหน้าประตูบอล ตกลงหน้า บาร์เรโต้ แต่ต้องรีบยิงเร็วบอลเลยหลุดข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนหมดเวลาครึ่งแรกของช่วงต่อเวลาพิเศษสกอร์ยัง 0-0

ครึ่งหลังช่วงต่อเวลาพิเศษ ญี่ปุ่นเปลี่ยนตัวทันที โดนเอา โยชิโตะ โอคูโบะ ออกแล้วส่ง เคจิ ทามาดะ ลงไปเล่นแทน แต่เกมรุกก็ยังยิงประตูปารากวัย ไม่ได้ แม้ว่าจะครองบอลได้มากกว่าก็ตาม ขณะที่ปารากวัย ค่อนข้างรัดกุมเน้นบอลยาวเข้าสู้

น.110 ปารากวัย ได้เตะมุม โมเรล โรดริเกซ เปิดเข้ามา ดา ซิลวาขึ้นโขกได้แต่ไม่ตรงกรอบ ญี่ปุ่นสวนกลับบ้างและมาได้ฟรีคิกริมเส้นฝั่งขวาเมื่ออัลการาซไปเตะโอกาซากิ ล้ม แต่ฟรีคิกจังหวะเอ็นโดะเปิดเข้าไป ทานากะรอโขกที่เสาสองไม่ตรงกรอบ

จังหวะถัดมา เอ็นโดะไปพุ่งเสียบใส่ เอ็นริเก้ เวร่า ที่กลางสนามต้องโดนใบเหลืองไปใน น.113 หากญี่ปุ่น เข้ารอบจะทำให้ เอ็นโดะ หมดสิทธิ์ลงเล่นเพราะสะสมใบเหลืองครบสองใบ

จากนั้นทั้งคู่เล่นกันแบบรัดกุมเพราะหากพลาดเสียประตูโอกาสแพ้มี สูงจึงไม่กล้าเสี่ยงกันมากนัก ทำให้จบเกมเสมอกันไป 0-0 ต้องยิงลูกโทษตัดสิน ถือเป็นคู่แรกในศึกฟุตบอลโลก 2010

และในช่วงตัดสินด้วยการดวลจุดโทษปรากฎว่า ปารากวัย เป็นฝ่ายที่ยิงแม่นกว่าเข้าทั้งห้าคนเอาชนะ ญี่ปุ่น ที่พลาดจาก ยูอิจิ โคมาโนะ พร้อมกับเอาชนะไป 5-3 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอกับผู้ชนะระหว่าง โปรตุเกส กับ สเปน ต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ปารากวัย : ฮุสโต้ วีย่าร์, การ์ลอส โบเน็ต, เคลาดิโอ โมเรล โรดริเกซ, คริสเตียน ริเวรอส, อันโตลิน อัลการาซ, ลูคัส บาร์ริออส, เนสตอร์ ออร์ติโกซ่า, โรเก้ ซานตา ครูซ, เอ็ดการ์ เบนิเตซ, เอ็นริเก้ เวร่า, เปาโล ดา ซิลวา

ญี่ปุ่น : เอจิ คาวาชิมะ, ยูกิ อาเบะ, ยูอิจิ โคมาโนะ, ยูจิ นากาซาวะ, มาร์คุส ตูลีโอ ทานากะ, ยูโตะ นางาโตโมะ, ยาซึฮิโตะ เอ็นโดะ, ไดซึเกะ มัตซึอิ, โยชิโตะ โอคูโบะ, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, เคซึเกะ ฮอนดะ

ผู้ตัดสิน : ฟร้องค์ เดอ บลีกแคร์ (เบลเยียม)

เค ซึเกะ ฮอนดะ ดาวยิงซามูไรแทบไม่ได้แผลงฤทธิ์ในเกมนี้

จังหวะยิงไปติดเซฟของ ลูคัวส บาร์ริออส กองหน้าปารากวัย

ยูอิจิ โคมาโนะ ซัดโทษพลาดไปชนคานอย่างน่าเสียดาย

นักเตะญี่ปุ่นต่างซึมกันถ้วนหน้าหลังกระเด็นตกรอบ 16 ทีม
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100629_168.html
Click to expand...

และศึกสายเลือดสองพี่น้องแห่งไอบีเรียน

บีย่าฮีโร่!กระทิงเฮขวิดฝอยทอง1-0

ดาบิด บีย่า รับบทฮีโร่ให้กับชาวเมืองกระทิงดุอีก หลังยิงประตูโทน กลายเป็นประตูชัย ให้ สเปน เฉือนเอาชนะ ทีม "ฝอยทอง" โปรตุเกส ไปอย่างหวุดหวิด ทะลุเข้ารอบ8ทีมสุดท้าย ไปพบกับ ปารากวัย ที่มายืนรออยู่แล้ว ในศึกฟุตบอลโลก2010 เมืองเคป ทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อคืนวันอังคารที่29 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ฟุตบอลโลก2010

สเปน 1 - โปรตุเกส 0

สนาม : กรีน พอยท์ สเตเดี้ยม (เคป ทาวน์)

ทีมชาติสเปน แชมป์กลุ่มเอช ลงสนามพบ โปรตุเกส ทีมอันดับสองกลุ่มจี ในฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่กรีน พอยท์ สเตเดี้ยม เมืองเคป ทาวน์ ซึ่งเป็นศึกดาร์บี้แมตช์แห่งคาบสมุทรไอบีเรีย โดยผู้ชนะระหว่างคู่นี้จะผ่านเข้าไปเจอ ปารากวัย ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่เอลลิส พาร์ค กรุงโจฮันเนสเบิร์ก คืนวันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม

บิเซนเต้ เดล บอสเก้ โค้ชสเปนได้ ชาบี อลอนโซ่ มิดฟิลด์ตัวหลักหายเจ็บข้อเท้าขวาลงตัวจริง โดยมี เฟร์นานโด ตอร์เรส และ ดาบิด บีย่า เป็นตัวหลักแดนหน้า ส่วนคาร์ลอส เคยรอซ กุนซือโปรตุเกสใส่ชื่อ เดโก้ เป็นตัวสำรอง เนื่องจากเขาไม่ฟิตเต็มร้อยจากปัญหาบาดเจ็บสะโพกขวา รวมถึง แดนนี่ เป็นตัวสำรองเช่นเดียวกัน หลังจากเพิ่งหายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา ขณะที่ เปเป้ ประสานงานกับ ติอาโก้ และ ราอูล เมยเรเลส ในแดนกลาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ฮูโก้ อัลเมยด้า, ซิเมา ซาโบรซ่า เป็นคีย์แมนแดนหน้า

เกมครึ่งแรก ผ่านไปเพียงนาทีเดียว ทัพกระทิงดุทักทายก่อนทันที เมื่อ เฟร์นานโด ตอร์เรส ยิงจากบริเวณกรอบเขตโทษติด เอดูอาร์โด้ นายทวารปัดบอลออกเส้นหลังไปได้ และสี่นาทีต่อมา สเปนบุกขึ้นมาอีกครั้ง ตอร์เรส ผ่านบอลให้ ดาบิด บีย่า ซัลโวในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายติด เอดูอาร์โด้ เซฟได้เยี่ยม

สเปน ยังเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า ดาบิด บีย่า ได้บอลเข้าไปซัดหน้าประตู แต่ เอดูอาร์โด้ เซฟไม่พลาด นาทีที่ 7 จากนั้นหกนาทีถัดมา ชาบี เอร์นานเดซ เปิดลูกเตะมุมมาเข้าทาง ตอร์เรส ซัดข้ามคาน

อย่างไรก็ตามนาที 22 โปรตุเกสโต้กลับเร็ว จนเกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ ฟาบิโอ โกเอนเตรา แบ็กซ้ายเปิดบอลให้ ติอาโก้ เมนเดส ซัลโวจากบริเวณกรอบเขตโทษติด อิเกร์ กาซิยาส ผู้รักษาประตูกัปตันทีมสเปนชกบอลได้ก่อนที่ ฮูโก้ อัลเมยด้าจะเข้ามาตามซ้ำเข้าประตู ทำให้ โปรตุเกสชวดได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

นาที 28 ชาบี อลอนโซ่ ทำฟาวล์ ฟาบิโอ โกเอนตรา ทำให้ โปรตุเกสได้ลูกฟรีคิก โรนัลโด้ รับหน้าที่ซัดฟรีคิกจากนอกกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายระยะไกล 35 หลา อิเกร์ กาซิยาส เกือบทำพลาด เขารับบอลกระฉอก แต่ยังตะครุบบอลไว้ได้ในที่สุด

จากนั้น สเปนได้บอลอีกครั้ง ชาบี เอร์นานเดซ ซัลโวระยะ 25 หลา ข้ามคาน นาที 32 และเจ็ดนาทีต่อมา ราอูล เมยเรเลส โยนบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายมาที่หน้าประตู ฮูโก้ อัลเมยด้า ขึ้นโขกไม่เข้ากรอบอย่างน่าเสียดาย

ท้ายเกมครึ่งแรก นาที 41 โปรตุเกสสวนกลับเร็ว ซิเมา ซาโบรซ่าหลุดเดี่ยวเข้าไปจะยิงในกรอบเขตโทษ แต่ อิเกร์ กาซิยาส ไม่พลาดวิ่งออกจากเส้นประตู มาบล็อคได้ทันเวลา และสามนาทีต่อมา โอกาสเป็นของโปรตุเกส ฟาบิโอ โกเอนเตรา โยนบอลแม่นยำให้ ติอาโก้ โหม่งข้ามคาน จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 0-0

เริ่มครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น โดยที่นักเตะสเปนเริ่มแสดงให้เห็นว่าเริ่มบีบเกมเร็ว นักเตะเคลื่อนที่กันมากขึ้นเพื่อหาช่องเจาะแนวรับโปรตุเกส

เกมโต้กลับของโปรตุเกสเกือบได้ผลในน.51 อัลเมยด้า วิ่งเบียดกับ เกราร์ด ปิเก้ ก่อนล็อคหลบแล้วเปิดบอลเข้ากลาง การ์เลส ปูโยล แหย่เท้าสกัดบอลบอลลอยข้ามหัว กาซียาส เฉี่ยวกรอบไปนิดเดียว

ในน.58 โปรตุเกสถอด อัลเมยด้า ออก แล้วเติม แดนนี่ ที่มีความเร็วลงไปป่วนแนวรับ ส่วนสเปนถอด ตอร์เรส ออกแล้วให้ เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ที่ตัวใหญ่กว่าเอาไปชนกับกองหลังโปรตุเกส เพียงแค่นาทีเดียวสเปนพลาดโอกาสทองเมื่อ รามอส เปิดบอลจากด้านขวาให้ ยอเรนเต้ พุ่งโหม่งโล่งๆ ระยะ 5 หลา เดชะบุญที่ เอดูอาร์โด้ พุ่งปัดเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ จังหวะต่อมา บีย่า ลากตัดจากซ้ายก่อนปั่นไซด์โค้งบอลเฉี่ยวเสาคืบเดียว

และแล้วก็สเปนที่พังประตูนำ 1-0 จากการประสานงานกันอย่างยอดเยี่ยมต่อบอลกันเป็นทอดๆ อันเดรส อีเนียสต้า แทงบอลยัดไปหน้าเขตโทษ ชาบี เอร์นานเดซ ดีดไปทางด้านหลังให้ บีย่า ที่ฉีกตัวประกบเข้าไปยิงด้วยเท้าซ้ายติดบล็อก เอดูอาร์โด้ บอลกระดอนมาเข้าทาง บีย่า คราวนี้ซ้ำด้วยเท้าขวาเช็ดคานเข้าไปอย่างสวยงาม และกลายเป็นประตูที่ 4 ทำให้นำเป็นดาวซัลโลร่วมด้วย

ยอเรนเต้ ต้องเบรกออกไปเปลี่ยนเสื้อใหม่ หลังจากโดน ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ดึงขาดในจังหวะเบียดกันในเขตโทษ

สเปนชวดได้ประตูที่สองจากเกมโต้กลับ อีเนียสต้า แทงบอลออกทางด้านขวาให้ รามอส ที่เติมขึ้นมาเกี่ยวหลบ โคเอนเตรา ก่อนตะบันบอลกำลังจะเสียบเสาอยู่แล้วแต่ เอดูอาร์โด้ ปัดด้วยปลายนิ้วออกหลังไปนิดเดียว

โปรตุเกสปรับแท็กติกครั้งสุดท้ายด้วยการเปลี่ยนสองคนรวดเอา เลียดสัน แทน ซิเมา ซาโบรซ่า และ เปโดร เมนเดส แทน เปเป้

ในน.74 ชาบี อลอนโซ่ ไปรวบ เปโดร เมนเดส ทำให้โดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม และกลายเป็นใบเหลืองแรกของสเปนในบอลโลกครั้งนี้ด้วย

หลังจากนั้นสเปนครองเกมเอาไว้ได้ดีกว่า แต่ทำประตูเพิ่มไม่ได้ ทำให้จบเกมสเปนเฉือนโปรตุเกส 1-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมไปเจอกับปารากวัย

ราย ชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
สเปน : อิเกร์ กาซิยาส (กัปตันทีม) - เซร์คิโอ รามอส, เกราร์ด ปิเก้, การ์เลส ปูโญล, โจน กัปเดบิล่า - ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ชาบี อลอนโซ่ - อันเดรส อิเนียสต้า, ดาบิด บีย่า, เฟร์นานโด ตอร์เรส
สำรอง : เปเป้ เรน่า (ผู้รักษาประตู), บิคตอร์ บัลเดส (ผู้รักษาประตู), การ์ลอส มาร์เชน่า, ราอูล อัลบิโอล, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เฆซุส นาบาส, เชส ฟาเบรกาส, ดาบิด ซิลบา, ฆาบี มาร์ติเนซ, ฆวน มาต้า, เปโดร, เฟร์นานโด ยอเรนเต้
โปรตุเกส : เอดูอาร์โด้ - ริคาร์โด้ คอสต้า, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, บรูโน่ อัลเวส, ฟาบิโอ โกเอนเตรา - ติอาโก้ เมนเดส, เปเป้, ราอูล เมยเรเลส - คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (กัปตันทีม), ฮูโก้ อัลเมยด้า, ซิเมา ซาโบรซ่า
สำรอง : ดาเนี่ยล เฟอร์นานเดส (ผู้รักษาประตู), เบโต้ (ผู้รักษาประตู), มิเกล, เปาโล แฟเรยร่า, โรลันโด้, เดโก้, ดูด้า, มิเกล เวโลโซ่, รูเบน อโมริม, เปโดร เมนเดส, เลียดสัน, แดนนี่
ผู้ตัดสิน : เอ็คตอร์ บาลดาสซี่ (อาร์เจนติน่า)

อีกมุมหนึ่งของลูกยิงประตูของ ดาบิด บีย่า เป็นประตูที่4ของเขาในฟุตบอลโลก

เฟร์นานโด ตอร์เรส ยังหาประตูแรกให้ตัวเองไม่ได้โดนเปลี่ยนตัวออกอีกเกม

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้แต่ยืนเซ็งหลังโชว์ลากเลื้อยช่วยโปรตุเกสไม่ได้

ขุนพลกระทิงดุเฮกับบีย่า หลังยิงพาทีมผ่านเข้ารอบแปดทีมได้สำเร็จ
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100630_038.html
Click to expand...

ประกบคู่น็อกเอาท์ 16 ทีม

KO1 : อุรุกวัย พบ เกาหลีใต้

KO2 : อเมริกา พบ กาน่า

KO3 : เยอรมัน พบ อังกฤษ

KO4 : อาร์เจนติน่า พบ เม็กซิโก

KO5 : ฮอลแลนด์ พบ สโลวาเกีย

KO6 : บราซิล พบ ชิลี

KO7 : ปารากวัย พบ ญี่ปุ่น

KO8 : สเปน พบ โปรตุเกส

ประกบ คู่น็อกเอาท์ 8 ทีม

อุรุกวัย พบ กาน่า

อาร์เจนติน่า พบ เยอรมัน

ฮอลแลนด์ พบ บราซิล

ปารากวัย พบ สเปน

credit : www.soccersuck.com

สำหรับตารางการยิงสดค่ะ แข่งอีกที 2 กรกฎานะค้าาาาา
21.00 น. เนเธอร์แลนด์ - บราซิล ช่อง 3
01.30 น. อุรุกวัย - กาน่า ช่อง 7

จากรอบนี้จะมี Preview ก่อนแข่งนะคะ อย่าลืมติดตามด้วยจ้า

สำนักข่าวซี้ซั้วต่า ยูคิฮิเมะ รายงาน

ขอบคุณจริงๆสำหรับ 4 ปีที่ผ่านมา ลาก่อน ECO

FCB & CHELSEA FC [Football Addict] เกาะติดความเคลื่อนไหวฟุตบอลยุโรปฤดูกาล 2011/12
DEUTSCHLAND & THAILAND สู้ๆ♥ [Road to 2012&2014] เกาะติดความเคลื่อนไหวฟุตบอลทีมชาติ สู่ EURO2012 และ World Cup 2014

alladiya, 30 มิถุนายน 2010

#144
PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

EXP:

744

ถูกใจที่ได้รับ:

0

คะแนน Trophy:

86

เซ็งโปรตุเกส.... ไอ้โด้ เอ็งทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ TT^TT

「さあ、お前の罪を数えろ。」

PaiaAznable, 30 มิถุนายน 2010

#145
mogca モーグリ：零式

EXP:

3,681

ถูกใจที่ได้รับ:

44

คะแนน Trophy:

98

ยุ่นตกรอบ....เสยคานไปสองลูกในเกมส์ 1 ลูกโทษ 1 ไม่ได้มากะดวงจริงๆนั่นแหละ -*-

อาร์เจน - เยอรมัน >> งานนี้ฟ้าขาวสุดตัว!
ฮอลแลนด์ - บราซิล >> งานนี้พี่ส้มสุดตัว!

ส่วนคู่สเปน - ปารากวัย......กลับมาคอนเซ็ปต์เดิม เชียร์ทีมรองปารากวัยโลด ทะลุญี่ปุ่นมาแล้วก็ลุยซะให้เต็มที่!!!

รอบ 8 ทีมมีศุกร์เสาร์ ช่างน่ายินดี enhappy:

mogca, 30 มิถุนายน 2010

#146
naiamibios ชีวิตไร้ตัวตน

EXP:

350

ถูกใจที่ได้รับ:

0

คะแนน Trophy:

16

พักผ่อนสองวัน ไม่ใช่เพียงแค่พักนักกีฬา แต่พักผ่อนคนดูด้วย รู้สึกช่วงนี้รอบน็อคเอาท์ ร่างกายจะเหมือนมีอาการ Jet lag ทั้งๆที่ไม่เคยนั้งเครื่องบินไปต่างประเทศ @ @

naiamibios, 1 กรกฎาคม 2010

#147
terasphere Poets

EXP:

792

ถูกใจที่ได้รับ:

4

คะแนน Trophy:

38

ดอยช์ลันด์ สู้ๆ bblaster:

If something goes on like old times;
We'll sing Orwell's word in nursery rhyme.

บล็อกกวี หอสมุดของเทราสเฟียร์

terasphere, 1 กรกฎาคม 2010

#148
jpenguin Admin Staff Member

EXP:

2,537

ถูกใจที่ได้รับ:

93

คะแนน Trophy:

113

ญี่ปุ่นไม่ใ่ช่ดวงแต่มันเลือกคนยิงผิด ดันเอากองหลังมายิง มันก็ยิงแบบเคลียร์บอลสิครับทั่น - -
คนอื่นยิงเข้ากันน่ะ ยิงเบาๆ เก๋าๆ ทั้งนั้น

“There are painters who transform the sun to a yellow spot,
but there are others who with the help of their art and their intelligence,
transform a yellow spot into the sun.”
-- Pablo Picasso

jpenguin, 1 กรกฎาคม 2010

#149
Shion Gamer

EXP:

609

ถูกใจที่ได้รับ:

3

คะแนน Trophy:

38

ได้ยินข่าวว่า ถ้วยโทรฟี่จำลองโดนขโมยไปแล้วแฮะ

อืมม วันนี้จะแข่งแล้ว ฮอล์แลนด์กับบราซิล เลือกไม่ถูกว่าจะเชียร์ใครดี

http://crimson-butterfly.exteen.com/
บล็อค Fatal Frame ข้าน้อยขอรับ

Shion, 2 กรกฎาคม 2010

#150

(คุณต้อง Log in หรือสมัครสมาชิกก่อนตอบ)

Page 6 of 8

Share This Page