นิตยสารแฟมิซือฉบับส่งท้ายปีได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์เกม Dissidia 012 -Final Fantasy- ลงในนิตยสารอีกครั้ง โดยคุณโนมุระและคุณทาคาฮาชิ สองแกนนำหลักก็ยังเป็นคนให้สัมภาษณ์อย่างเช่นเคย เรื่องแรกที่ทั้งสองพูดถึงนั้นก็คือเรื่องของลากูน่า ตัวละครที่ทางค่ายได้เผยรายละเอียดไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เดิมทีแล้วลากูน่านั้นเป็นตัวละครที่คุณโนมุระวางบทให้เป็นผู้นำของดาว Mirage Arena ใน Kingdom Hearts -Birth by Sleep- โดยเขาได้คิดเนื้อเรื่องในส่วนนี้เอาไว้แล้ว แต่เมื่อพวกเขาคิดได้ว่าถ้าจะมีการเพิ่มตัวละครจาก FFVIII ลงไปใน Dissidia 012 ตัวละครที่ควรเพิ่มลงไปนั้นก็ต้องเป็นลากูน่า พอคิดได้แบบนี้ก็เลยถอดลากูน่าไม่ให้รับจ็อบใน Birth by Sleep แต่ให้ไปรับจ็อบใน Dissidia 012 แทนซะอย่างงั้น ต่อมาคุณโนมุระก็พูดถึงเครื่องในชุดบันเดิลว่าจะประดับด้วยภาพอิลลัสฯ รูปคอสมอสและเคออสที่วาดโดยคุณอามาโนะ ซึ่งตัวเครื่องนั้นจะทำออกมาเป็นสีขาวมุกตัดกับสีดำ ส่วนเรื่องของตัวละครใหม่ๆ นั้น น่าเสียดายที่คุณโนมุระไม่ได้พูดถึงเจ้าของเท้าเปลือยเปล่าที่ปรากฏตอนท้าย ของเทรลเลอร์ที่ถูกฉายในงาน Jump Festa 2011 เลย อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าตัวละครที่จะเปิดเผยหลังจาก นี้ ทั้งหมดจะมาจาก Final Fantasy ภาคที่วางจำหน่ายตั้งแต่ยุค Super Famicom เป็นต้นมา ขณะเดียวกันตัวละครเก่าๆ เองก็จะมีความเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะเคฟก้ากับแชนท็อตโตะ ที่ทุกคนจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ และนอกจากการกลับมาแบบครบชุดของตัวละครเก่าแล้ว คุณโนมุระยังเล่าให้ฟังอีกว่าเนื้อเรื่องของ Dissidia ภาคแรกก็จะรวมอยู่ใน Dissidia 012 ด้วย เมื่้อผู้เล่นสามารถเคลียร์เนื้อเรื่องของ 012 ได้แล้ว ก็จะสามารถปลดล็อคเนื้อเรื่องภาคแรกมาเล่นต่อได้ เรียกไำด้ว่าทีมงานได้รีเมคเนื้อเรื่องภาคแรกขึ้นมาใหม่ในโหมดเนื้อเรื่องของภาคนี้ด้วย ทว่าการดำเนินเรื่องนั้นจากเดิมที่ใช้ระบบกระดานหมากรุกเป็นหลัก ก็จะเปลี่ยนไปใช้ฉากแผนที่ 3D แทน แน่นอนว่าเนื้อเรื่องเดิมยังคงอยู่ครบ และทีมงานยังได้เพิ่มฉากอีเวนต์แบบ 2D เข้าไปเพื่อให้ผู้เล่นได้เห็นเนื้อหาที่มากขึ้น ถึงจุดนี้ คุณทาคาฮาชิก็บอกว่าเนื้อเรื่องในส่วนของภาค 012 เพียวๆ นั้นคงใช้เวลาเล่นประมาณ 15 ชั่วโมง แต่เมื่อรวมเนื้อเรื่องภาคแรกเข้าไปด้วย กว่าจะเล่นจนจบหมดได้ก็ต้องใช้เวลารวมทั้งสิ้นราวๆ 60 ชั่วโมง ร่ายยาวมาถึงขนาดนี้แล้ว ทีมงานแฟมิซือก็ชักสงสัยว่าในเมื่อทีมงานยัดเนื้อเรื่องของภาคแรกเข้าไปด้วย แบบนี้... UMD แผ่นเดียวมันจะจุเกมทั้งเกมลงไปหมดได้อย่างไร? ซึ่งเรื่องนี้คุณทาคาฮาชิก็บอกว่าตรงนี้ก็เป็นงานหินอยู่ แต่ยังไม่วายคุยเ้สริมไปว่านอกจากเนื้อเรื่องภาคแรกแล้ว มนต์อสูรกับเพลงทั้งหมดในภาคแรกก็ยังคงอยู่ในเกมนี้ด้วย แถมทีมงานยังได้เพิ่มมนต์อสูรใหม่ๆ แหละเพลงประกอบใหม่เข้าไปอีกมากมาย ตัวโหมดโคลอสเซียมก็จะให้ความประทับใจกับผู้เล่นได้มากกว่าเดิม.... แต่ตอนนี้ทีมโปรแกรมเมอร์ก็กำลังพยายามกันอย่างหนักที่จะทำให้เนื้อหาทั้งหมดใส่ลงไปใน UMD 1 แผ่นได้พอดี ส่วนในเรื่องของฉากเวิร์ลแมพแบบ 3D นั้น คุณโนมุระบอกว่านี่เป็นสิ่งที่เขาอย่างจะใส่ลงไปในเกมตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ทว่าตอนที่เขาสั่งให้ทีมงานเปลี่ยนมาใช้เวิร์ลแมพแบบนี้ พวกลูกน้องก็ดันทำระบบกระดานหมากรุกกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว... มันก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยไป.... แล้วเมื่อทางแฟมิซือถามว่างั้นระบบกระดานหมากรุกมันจะเซย์กู๊ดบายไปแล้วไปลับไม่กลับมาเลยรึเปล่า? คุณทาคาฮาชิก็บอกว่าเปล่า ถึงแม้เวลาเดินทางไปไหนมาไหนบนโลกจะใช้เวิร์ลแมพแบบ 3D แต่เวลาเข้าไปในดันเจี้ยนผู้เล่นยังต้องผจญกับระบบกระดานหมากรุกแบบเดิมอยู่ ดี แต่แทนที่จะเป็นการเดินหมากแบบภาคแรก ทีมงานได้แก้ไขลูกเล่นตรงนี้ให้ดีขึ้น... อย่างไรก็ตามคุณทาคาฮาชิก็จบประโยคไว้แค่นี้ ไม่ได้ขยายความต่อว่ามันเปลี่ยนไปยังไง ก่อนที่เนื้อที่จะหมดลง คุณโนมุระก็ได้ทิ้งท้ายให้แฟนๆ คอยติดตามเซอร์ไพรซ์ของเกมนี้ ที่ทีมงานจะเปิดเผยในงาน Square Enix 1st Production Department Premiere ที่จะจัดในวันที่ 18 มกราคมปีหน้า โปรดติดตามกันให้ดี