[Valentine] L'amante di Lily

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย ladykaren, 15 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. ladykaren

    ladykaren อัลปาก้าที่อยู่ในฟูก

    EXP:
    906
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    88
    พระอาทิตย์เริ่มทอแสงลอดผ่านตามหลืบอาคารสีขาวที่เรียงรายกันอยู่ทั่วเมือง เสียงระฆังโบสถ์เล็กๆในระแวกนั้นตีบอกเวลาเพื่อแจ้งให้ชาวเมืองดังมาแว่วๆ
    เรือไม้สีน้ำตาลแดงทรงยาวค่อยๆแล่นมาตามคลองเล็กๆที่ตัดผ่านบ้านช่องเหล่านั้น มุ่งหน้าไปยังท่าเรือเล็กๆหลังโบสถ์ ในขณะเดียวกันที่เสียงใบพายก็ครูดเข้ากับขอบตึกในบริเวณนั้น ทำให้หญิงสาวผู้นั่งสัปหงกลืมตาตื่นขึ้นเล็กน้อย

    เมื่อถึงปลายทาง หญิงสาวผู้นั้นที่สวมผ้าคลุมสีขาวปักดิ้นทองก็ก้าวขึ้นฝั่ง โดยมีฝีพายพยุงมือของนางขึ้นมา ร่างเล็กๆนั้นถอดผ้าคลุมออกและมอบให้กับฝีพายของตน ผมสีดำยาวเลยบั้นท้ายไปเล็กน้อย ส่องประกายเรือนรองท่ามกลางแสงแดด กับชุดและผิวที่ขาวดุจดั่งหิมะ และดวงตาสีดำสดใสทอประกาย

    พิธีในโบสถ์เสร็จสิ้นลงไป ผู้คนทยอยออกจากโบสถ์ จนเหลือเพียงหญิงสาวผู้นั้นยังคงนั่งสงบนิ่งอยู่ที่เดิม แสงจากพระอาทิตย์ที่ลอยขึ้นเหนือฟ้านั้น ส่องลงมาจากทางกระจกกุหลาบด้านบนแท่นบูชา สาดแสงลงมายังหญิงสาวที่กำลังกุมมืออธิษฐาน งามราวกับภาพวาดก็มิปาน
    เสียงฝีเท้าของใครบางคนใกล้เข้ามา หญิงสาวหันไปมองตาเสียงนั้นด้วยความหวังล้นปรี่ แต่สีหน้าก็แสดงความผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด


    “อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านเซซีลีอา”


    หญิงสาวแค่พยักหน้ารับเบาๆเท่านั้น


    “เหมือนเดิมหรือ..”


    ผู้ปรากฏตัวเป็นชายหนุ่มชาวบ้านแต่งตัวธรรมดา เขายื่นซองจดหมายสีน้ำตาลอ่อนให้แก่หญิงสาวด้วยความนอบน้อม จดหมายนั้นไม่มีชื่อของผู้ส่ง มีแต่ชื่อผู้รับเท่านั้น กับตราประทับสีแดงแสดงอักษรย่อของผู้ส่ง
    หญิงสาวยื่นถุงเงินที่มีน้ำหนักมากพอสมควรให้กับชายหนุ่ม ก่อนที่จะเปิดจดหมายอ่านเพียงลำพัง

    แม้ว่าเนื้อความในจดหมาย จะแสดงความจำนงของใครบางคน ที่ไม่สามารถทำตามสัญญาว่าจะมาหาในเย็นวันนี้ในงานเลี้ยงเต้นรำเพียงแค่นั้น หญิงสาวเพียงแค่อ่านด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ใครจะรู้ว่าจิตใจของนางบอบช้ำเพียงใดกับการที่ต้องรอคอยไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้
    เมื่อตกเย็น คฤหาสน์ของขุนนางผู้หนึ่งก็สว่างไสวไปด้วยแสงจากโคมไฟที่ประดับประดาด้านหน้าคฤหาสน์ ต้อนรับแขกผู้มาเยือนที่ต่างก็พูดคุยเสียงอื้ออึ่งอยู่ตามโถงทางเข้าที่สองข้างทางเดินประดับไปด้วยภาพวาดสีน้ำมันราคาแพงและแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะไม้โอ้คสีน้ำตาลแดง ราวกับเจ้าบ้านจะอวดถึงฐานะของตน

    ณ ชั้นบนของคฤหาสน์ หญิงสาวผมดำยาวยังอยู่ในชุดกระโปรงสีขาวตัวยาว แง้มผ้าม่านออกเล็กน้อยจ้องมองแขกผู้มีเกียรติออกมาจากรถม้าที่มาส่งตน สีหน้าของนางราวกับคาดหวังในอะไรบางอย่าง
    ในความคิดของหญิงสาวผู้มีนามว่าเซซีลีอาในตอนนี้นั้น ไม่อยากจะลงไปพบปะผู้คนอีกเลย นางอยากอยู่เพียงคนเดียวเงียบๆนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเพียงคนเดียวเสียมากกว่า แต่ทว่า เมื่อพ่อของนางได้ยินว่ากองทัพของตนสร้างผลงานไว้อย่างยิ่งใหญ่จนถึงได้รับเครื่องเกียรติยศมาจากพระสันตะปาปา เขาก็จัดงานเลี้ยงเต้นรำเสียใหญ่โตทันที
    เซซีลีอาถอนหายใน เมื่อมองไปที่หุ่นโชว์เสื้อที่มีชุดกระโปรงราตรีแบบซุ่มสีแดงและน้ำตาลแดงอยู่ในมุมมืดของห้องก็ยิ่งถอนหายใจใหญ่
    เสียงใครบางคนเคาะประตูอย่างเร่งรีบ แต่ไม่มีเสียงรบเร้าให้รีบออกมา ก็พอจะเดาได้ว่านางคงไม่มีทางเลือกเสียนอกจากสวมชุดนั้นออกไป
    พ่อของนางกล่าวเปิดงานด้วยเสียงก้องกังวานรอบห้องโถงที่ปูด้วยผืนหินอ่อนขัดมันกับโคมไฟระย้าสีทองส่องประกาย สายตาทั้งหมดจับจ้องมายังชายหนุ่มที่สวมชุดอัศวินยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่เบื้องหน้าบันไดหลักของห้องโถง หญิงสาวแอบชำเลืองมองมาจากระเบียงชั้นบนของบันได จ้องมองไปยังอัศวินผู้กล้าเหล่านั้นทีละคนๆ จนกระทั่งไปสะดุดตากับชายคนหนึ่งเข้า ที่ชำเลืองตาขึ้นมามองนางเพียงแว่บเดียวและหันกลับไป


    “ยินดีกับท่านด้วย ท่านลอร์ดฟรังซิส”


    “ขอบคุณท่านมากเช่นกัน”


    “ท่านมาตัวคนเดียวหรือ แล้วลูกสาวผู้งดงามของท่านนั้นเหล่าอยู่ที่ใดกัน”


    ชายผู้เป็นพ่อถอนหายใจในขณะที่ถือแก้วไวน์ยืนสนทนากับกลุ่มขุนนางชั้นสูงด้วยกันนั้น


    “นางคงจะเบื่อละกระมั้ง เพราะช่วงนี้เองข้าก็จัดงานบ่อยเสียเกิ...”


    ยังไม่ทันจะขาดคำ เสียงในห้องโถงก็เงียบไปถนัดตา ผู้คนต่างจ้องมองไปยังสตรีที่ก้าวลงมาจากบันไดหลักของห้องโถง
    เซซีลีอาปรากฏตัวด้วยชุดราตรีสีดำและตกแต่งด้วยผ้าสีน้ำตาลแดงที่ช่วยขับผิวให้ขาวยิ่งกว่าเดิม ประกอบกับผมที่รวบขึ้นไปและดูยุ่งๆก็อวดต้นคอเรียวระหงส์ จนหญิงสาวทั้งหมดภายในห้องโถงก็ยังอดตะลึงในความงามนั้นไม่ได้ แม้กระทั่งพ่อของนางก็ยังอ้าปากค้าง


    “โอ้...ในที่สุดเจ้าก็มาสินะ เอ้า! มาทางนี้สิ มีหลายๆคนอยากรู้จักลูก พ่อเองก็มีคนมาแนะนำให้เจ้าเช่นเดียวกัน...”


    กว่าจะพ้นเงื้อมมือของท่านพ่อที่ลากตัวนางไปทั้งงานเพื่อพาไปรู้จักกับทุกคนภายในงานนั้น ก็ทำเอาเหนื่อยหอบ ไหนจะโดนท่านพ่อกระซิบดุด่ามาข้างๆถึงกริยาที่นางเพิกเฉยต่อบุรุษที่ท่านแนะนำมาอย่างไม่แยแส หรือ จะต้องมานั่งดื่มไวน์รสชาติขมๆนั่นเป็นพอพิธี ก็ทำนางเวียนหัวจนต้องปลีกตัวออกมาอยู่ที่สวนด้านนอกที่มีผู้คนบางตา


    “ให้ตายสิ...ทำไมข้าต้องมาทำแบบนี้ด้วยนะ ไหนจะชุดนี้อีก รุ่มร่ามจริงๆเลย...”


    ในขณะที่บ่นอยู่นั้น ใครบางคนก็เดินมาหยุดที่ด้านหลังของนาง พร้อมกับฟังนางบ่นกับตัวเองไปพักใหญ่ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย เซซีลีอาก็หมุนตัวกลับมามองตามเสียงนั้น....


    "....มีอะไรน่าขำตรงไหนหรือท่าน..."


    "อุ้ ขออภัยท่านหญิง ขามิได้ตั้งใจล้อเลียนท่านแต่อย่างใด เพียงแต่...ไม่เคยคิดว่า สตรีชั้นสูงจะกล่าวรำคาญใจกับอาภรณ์ที่งดงามสมตัวแบบนี้"


    เซซีลีอาตะลึงกับคำพูดนั้น ก่อนที่จะหัวเราะเล็กน้อย


    "ท่านกล่าวเกินไปแล้ว"


    "หากเป็นเช่นนั้น แสดงว่าท่านมิได้ชื่นชอบงานรื่นเริ่งหรอกหรือท่านหญิง”


    "ข้าชอบอยู่ที่สงบๆอ่านหนังสือเสียมากกว่า อีกอย่าง ในงานเช่นนี้หาผู้ที่จริงใจด้วยยาก ดูสิ ใครๆต่างก็สวมหน้ากากทั้งนั้น"


    เซซีลีอาชักพัดออกมาปิดปากและมองไปยังผู้คนในงาน


    "ช่างคล้ายคลึงกับข้า อันที่จริงข้าควรไปร่วมอาหารงานเลี้ยงกับสหายศึกมากกว่าจะมาจีบไวท์หรูๆแบบนี้"
    "จริงสิ ขออภัยที่กล่าวนามช้าไป ข้า "แม็กซิมิเลี่ยน" ขอเป็นเกียรติทราบนามของท่านได้หรือไม่ ท่านหญิง"



    "เซซีลีอา....เซซีลีอา วาเลนติโน่..."



    นางบอกนามของตนแก่ชายหนุ่มผู้มีนามว่าแม็กซีมีเลี่ยนไป ช่างน่าแปลกนัก...นางคิด...ทำไมถึงรู้สึกไว้วางใจที่จะบอกนามแก่เขาไป...




    "ช่างเป็นนามที่ไพเราะยิ่งนัก ท่านหญิงวาเลนติโน่ “



    "ท่านนี่ช่างปากหวานนัก ท่านเองก็เป็นหนึ่งในผู้สวมหน้ากากพวกนั้นเช่นกันหรือ"




    "ก็แล้วแต่สายตาท่านจะพิจารณา หากแต่ถ้ากล่าวตามตรง หน้ากากของข้ามันรูปทรงไม่แตกต่างกับใบหน้าข้าเท่าไหร่นักหรอก"


    เซซีลีอาใช้พัดป้องปากอีกครั้งพลางยิ้มนิดๆ ชายผู้นี้น่าสนใจทีเดียว...



    "ท่านนี่...ช่างแตกต่างกับทุกๆคนที่ข้ารู้จักเสียอีก"



    "อาจเป็นเพราะใบหน้าข้าดูธรรมดาเกินไปกระมัง เพราะข้าเป็นเพียงทหารธรรมดาที่บังเอิญได้มางานแห่งนี้"



    "ข้ามิได้พูดถึงใบหน้าของท่าน แต่ข้ากำลังพูดถึงนิสัยใจคอของท่านต่างหาก"



    ดูท่าทางของเขาที่ดูทะมัดทะแมงและกล้าหาญ ทั้งแข็งแกร่งมากกว่ากลุ่มอัศวินคนอื่นๆที่นางเห็น ใบหน้าที่ถึงแม้จะหล่อเหลาสู้คนอื่นๆไม่ได้ แต่เขามีบางอย่างที่นางสนใจอยู่ไม่มากก็น้อย...



    "เอาเถอะ นี่คงจะเป็นครั้งแรกของท่านที่มา ณ ที่แห่งนี้ ....ก็ขอให้สนุกกับงานเลี้ยงนี่แล้วกันนะ"



    "กล่าวตามตรง ตอนแรกข้าปราถนาว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย...แต่เมื่อครู่ ข้าชักอยากให้มีครั้งที่สอง"



    สายตาของเขาจับจ้องมาที่เซซีลีอา ถึงกับทำให้นางใจเต้นและเขินอายเล็กน้อยก่อนที่จะซ่อนใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งหลังพัดสีแดงเข้มประดับด้วยลูกไม้สีดำของตน


    "ยังไงก็ขอขอบคุณที่ให้เกียรติสนทนากับข้าท่านหญิงวาเลนติโน่....ข้าขอตัว"


    แม็กซิมีเลี่ยนเดินจากไป ใจจริงนางอยากเข้าไปรู้จักกับชายหนุ่มผู้นี้ให้มากกว่านี้ แต่ในเมื่อไตร่ตรองดูก็คิดว่าจะไม่เหมาะ นางมิใช่ผู้หญิงคนอื่นๆที่มักจะเดินตามชายหนุ่มที่หมายปองต้อยๆและหัวร่อต่อกระซิกด้วยกัน ...แต่เอ๊ะ...ไยนางถึงใช้คำว่าหมายปอง...หรือว่านี่จะเป็นแค่อาการปลื้มเพียงชั่วครั้งชั่วคราว...ถึงยังไง เซซีลีอาก็สะลัดภาพของชายหนุ่มผู้นี้ออกไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
    ------------------------------------
    งานเลี้ยงในค่ำคืนที่ผ่านมา ผ่านไปไวราวกับโกหก หญิงสาวที่สวมอาภรณ์อย่างงามสง่าในงานเลี้ยงในเช้าวันที่อากาศแจ่มใสปรากฏตัวในชุดกระโปรงสีครีม มีเชือกสีทองผูกที่เอว และสวมผ้าคลุมสีขาวปักดิ้นทองภายในโบสถ์เช่นเคย
    หลังจากสวดมนตร์เรียบร้อยแล้ว นางก็เดินออกมายังจัตุรัสสีขาวที่กว้างขวางด้านหน้าโบสถ์ ผู้คนเดินกันขวักไขว่ พ้นจากจัตุรัสนี่ไป ก็มีตึกรามบ้านช่องและทางเดินเล็กๆที่เต็มไปด้วยแผงร้านค้ามากมาย

    ถึงแม้ว่าเซซีลีอาจะอยู่ในตระกูลชั้นสูง เป็นถึงบุตรีของดยุคฟรังซิส แต่นางกลับเมินเฉยต่อความหรูหราที่แสนจะฟุ่มเฟือยนั้น รวมถึงปฏิเสธที่คนรับใช้จะต้องมาปรุงอาหาร ซักผ้า ทำความสะอาดห้องให้กับนาง เพราะฉะนั้นในเมื่อปฏิเสธ นางก็ต้องทำเสียเอง
    เซซีลีอาฮัมเพลงเบาๆพร้อมกับเลือกมันฝรั่งในถุงกระสอบใบใหญ่ที่วางอยู่หน้าแผงลอย ด้วยรัศมีและหน้าตาที่ดูงดงามและสูงศักดิ์จึงเป็นจุดสนใจกับแถวนี้ไม่มากก็น้อย ในระหว่างที่เลือกอยู่นั้น นางก็คิดถึงแต่ชายหนุ่มคนนั้น..แม็กซีมีเลียน ป่านนี้เขาคงจะตื่นขึ้นมาแล้ว อาจจะตื่นเช้ากว่านางเสียด้วยซ้ำเพื่อมาฝึกดาบอย่างที่นักรบส่วนใหญ่พึงกระทำ และข้าวเช้าเล่า...แล้วนักรบหนุ่มเช่นเขา จะชอบทานอะไรกันล่ะนะ


    “ตายจริง นี่ข้ากำลังคิดอะไรกันอยู่เนี่ย...”



    เซซีลีอาตื่นจากภวังค์ แต่นั่นก็ทำให้นางเผลอทำมันฝรั่งหลุดมือกลิ้งไปชนกับเท้าของใครบางคนเข้า


    “ขอประทานอภัยค่ะ...อ๊ะ...”



    และชายหนุ่มผู้นั้นก็ก้มเก็บมันฝรั่งหัวนั้นให้กับนาง ชายหนุ่มที่มีใบหน้าแสนจะคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง



    "มิได้ขอรับ ท่านหญิง มันฝรั่งเพียงหนึ่งลูกไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร"



    "ท่านคือ...ท่านแม็กซีมีเลียน?"



    "ช่างเป็นเกียรติที่ยังจำนามของข้าได้ ท่านหญิงวาเลนติโน่" ชายหนุ่มยิ้มและคำนับโค้ง



    โค้งตอบเล็กน้อย รู้สึกใจเต้นเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น "ในยามเช้าเช่นนี้ ท่านจะไปที่ใดหรือ"



    "ข้ากำลังไปยังสนามฝึกซ้อมน่ะครับ อยู่ถัดจากตลาดฝั่งโน้นไปเล็กน้อย"



    "สนามฝึกซ้อม! ข้าไปด้วยได้มั้ย!!" เซซีลีอารู้สึกสนอกสนใจมากเป็นพิเศษ



    "เออ คงจะไม่เหมาะกระมังที่หญิงสาวจะเข้าไปยังที่ๆมีเพียงแต่ความรุนแรง"



    เซซีลีอาเริ่มทำสีหน้าไม่พอใจ นางไม่ชอบใจเลยที่ชายหนุ่มชอบพูดเช่นนี้กับสตรีทุกๆคน "ท่านนี่เหมือนท่านพ่อของข้าเลย ทำไมท่านคิดว่าข้าเป็นหญิงที่บอบบางเช่นนั้น!!!???"



    "เออ...ข้าเปล่าคิดเช่นนั้น ท่านหญิง เพียงแต่ข้าห่วงความปลอดภัยของท่านมากกว่า” ชายหนุ่มทำสีหน้าห่วงใย แต่หญิงสาวไม่สนใจ
    "ข้าก็แค่อยากไปดูสิ่งที่ท่านพ่อของข้าเองก็ทำเช่นเดียวกัน เพื่อที่ข้าจะสามารถทำหน้าที่ผู้นำของตระกูลต่อไปในอนาคตได้...
    "อีกอย่าง...."



    "หืม?"



    "ข้าเป็นลูกสาวของดยุคฟรังซิส นายใหญ่ของท่านมิใช่หรือ...ท่านคิดจะขัดคำสั่งข้างั้นหรือ!"



    "อึ้ก!!"



    ชายหนุ่มมีท่าทีราวกับโดนต้อน ด้วยสายตาแน่วแน่ของนาง



    "ข้ายอมก็ได้ขอรับ แต่ยังไงเสียก็โปรดระวังตัวด้วยนะครับ"



    เซซีลีอาทำสีหน้าราวกับประกาศชัยชนะ และเดินตามแม็กซีมีเลียนไปยังสนามฝึกซ้อมที่อยู่ใกล้ๆกับคฤหาสน์ของนางเอง
    เมื่อก้าวเข้าไปยังสนามซ้อม เซซีลีอาสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงอาวุธที่กระทบกันดังระยะประชิดด้วยความที่เสียงเหล่านี้ นางไม่ค่อยจะคุ้นเคยเท่าใดนัก



    “ท่านอยู่ตรงนี้ไปเสียก่อน เข้าใจมั้ยขอรับ และถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ตะโกนเรียกข้าได้ทุกเมื่อนะขอรับ”



    หญิงสาวพยักหน้าอย่างว่าง่าย และเฝ้ามองดูแม็กซีมีเลียนปลีกตัวจากนางเข้าไปอยู่รวมกับกลุ่มทหารคนอื่นๆที่เข้ามารับฟังแผนการซ้อมจากเขา ท่าทางองอาจ ดูเฉลียวฉลาดและเอาการเอางานนั่น ทำให้นางยิ่งอยากอยู่ใกล้ชิดเขา ถึงแม้ว่านั่นอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรสำหรับหญิงสาว

    เมื่อแม็กซีมีเลียนเริ่มฝึกซ้อมดาบ ท่วงท่าที่ดูสง่างามและใบหน้าที่เคร่งขรึมนั้น ยิ่งทำให้นางใจเต้น นี่นางเป็นอะไรไปกันแน่...นางรู้สึกถึงความรู้สึกที่นางพยายามสะกดกลั้นเอาไว้ตลอดเวลา..มันคือความรู้สึกยามเมื่อหญิงสาวประทับใจในตัวของชายหนุ่มเมื่อแรกพบ..หรือว่า..นี่คือสิ่งที่ผู้คนเรียกขานกันว่า “รักแรกพบ” หรือเปล่าหนอ
    จวนจะถึงเวลาค่ำ ทหารคนอื่นๆทยอยกลับไปยังห้องพักของตน แม็กซีมีเลียนยังคงฝึกซ้อมอยู่คนเดียว โดยมีเซซีลีอาจ้องมองเขาโดยไม่วางสายตา



    “ท่านพี่!”



    หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไป ชายหนุ่มหันมามองนางด้วยสีหน้าสงสัย



    "เหตุใดจึงเรียกข้าเช่นนั้น" แม็กซีมีเลียนเอ่ยถามเมื่อได้ยินคำๆนั้นจากปากท่านหญิง



    "ก็ข้าอยากเรียก....ทำไมหรือ?"



    คำตอบอาจจะดูไม่ชัดเจนเท่าใดนัก เพราะสีหน้าของแม็กซีมีเลียนบอกได้อย่างชัดเจนว่าไม่เข้าใจ



    "ความจริงแล้ว...ท่านเองก็...มีความเป็นพี่ชายสูงมาก...ข้าเองก็..ชอบท่านนะคะ ท่านพี่
    "เพราะฉะนั้น ให้ข้าได้เรียกท่านแบบนี้ได้มั้ย"



    แม้ว่านี่อาจจะเป็นเรื่องที่ดูไม่เหมาะสมในสายตาของคนอื่นๆ แต่ทว่านางกลับอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่ นางอยากจะใกล้ชิดเขาให้มากกว่านี้ นี่คือเหตุผลทั้งหมดต่างหาก...
    เมื่อหญิงสาวเห็นว่าคำขอร้องของนางอาจจะถูกปฏิเสธ จึงส่งสายตาอ้อนๆไปเล็กน้อย



    "อึ้ก!!.....ถ้าท่านปรารถนาเช่นนั้น ก็ตามแต่ใจท่านเถิด ท่านหญิงวาเลนติโน่"



    "ต่อไปนี้ เรียกข้าว่า เซซีลีอาเถอะค่ะ ท่านพี่
    ถ้าท่านพี่เรียกข้าแบบนั้น ก็เหมือนไม่ใช่พี่น้องกันน่ะสิ"



    "...ก็...จริง..นั่นสินะ.....ตามใจเจ้าก็แล้วกัน เซซีลีอา”



    เซซีลีอายิ้มน้อยยิ้มใหญ่และเข้ามาเกาะแขนเขาเล็กน้อย ชายหนุ่มจึงพยายามดิ้นขัดขืน แต่นางก็ปล่อยแต่โดยดีเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนเดินใกล้เข้ามา


    “ท่านหญิงวาเลนติโน่”



    “คนของท่านพ่อ? มีอะไรหรือ?”



    “ท่านดยุคฟรังซิสมีคำสั่งให้ท่านไปพบด่วนขอรับ”



    เซซีลีอาจ้องมองไปที่ใบหน้าแม็กซีมีเลียนเล็กน้อย ราวกับว่าจะเกรงกลัวว่าพ่อของนางจะรู้เข้า และอาจจะห้ามไม่ให้นางพบกับเขาอีกก็เป็นได้



    “ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”



    ///////////////////////////////////////////////////


    “มีอะไรหรือคะท่านพ่อ”



    เซซีลีอาเดินเข้ามาหาดยุคฟรังซิสในห้องทำงาน เขานั่งอยู่หลังโต๊ะไม้โอ้คสีน้ำตาแดงเอี่ยมอ่อง ตรงหน้ามีสาสน์ฉบับหนึ่งวางอยู่



    “เจ้าไปทำอะไรที่นั่น เซซีลีอา”



    “ข้าก็แค่...อยากจะไปเห็นการต่อสู้ของเหล่านักรบเท่านั้นเองค่ะ”



    “ต่อไปนี้ไม่ต้องไปที่นั่นอีก!”



    “ทำไมละคะ?!”



    “ถ้าเจ้าโดนลูกหลงเข้าไปเล่า ใครจะปกป้องเจ้าได้!!”


    ถึงแม้ว่าเซซีลีอาอยากจะเถียงออกไปว่า “ก็ท่านแม็กซีมีเลียนยังไงเล่า!” แต่นางก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ ได้แต่ก้มหัวยอมรับเท่านั้น



    “ค่ะท่านพ่อ....”



    “มาเข้าเรื่องกันดีกว่า...เซซีลีอา พ่อมีเรื่องจะวานให้ลูกไปทำเล็กน้อย


    ในตอนนี้ลูกคงรู้เกี่ยวกับเหตุบาดหมางเล็กน้อยระหว่างตระกูลของเรากับตระกูลเมดิชีในมิลาโน่ เราจึงต้องรีบฟื้นฟูความสัมพันธ์ ในสองถึงสามวันข้างหน้านี้ จะมีงานเลี้ยงเต้นรำของตระกูลเมดิชี พ่อมีธุระเร่งด่วนที่จะต้องไปทำ หน้าที่ของลูกคือ ไปงานเต้นรำนั้น และมอบสาส์นนี้ให้กับดยุคแห่งเมดิชีเสีย”



    เซซีลีอาถึงกับขมวดคิ้ว งานเลี้ยงเต้นรำอีกแล้วหรือ? ทำไมต้องเป็นนางทุกทีด้วย...



    “แล้วข้าจะส่งคนรับใช้และอัศวินจำนวนหนึ่งเดินทางไปกับเจ้าด้วย”



    “รับทราบค่ะ...ท่านพ่อ” นางตอบรับอย่างเสียมิได้


    เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานของดยคุฟรังซิสแล้ว เซซีลีอาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และเดินอย่างเหนื่อยอ่อนไปยังห้องนอนของตนเอง และทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆและผล็อยหลับไปทันที
    ///////////////////////////////////////////
    หลายวันต่อมา เซซีลีอาก็ถูกพ่อของนางเฝ้าจับตามองตลอดเวลา ทำให้นางแทบไม่ได้พบกับแม็กซีมีเลียนอีกนับแต่วันนั้น
    จนในที่สุดก็มาถึงวันเดินทางไปยังมิลาโน่ หากใช้เดินทางในเวลาใกล้รุ่งเช่นนี้ก็คงจะถึงที่นั่นในตอนพลบค่ำพอดี แต่ก็นับว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนาน หญิงสาวจึงรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย

    คนรับใช้ทยอยนำสิ่งของขึ้นบรรจุที่หลังม้า เซซีลีอาลูบไปบนจมูกของม้าตัวหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ สายตาสอดส่องไปมา นางอยากจะรู้ว่าใครจะรับหน้าที่เป็นอัศวินให้กับนาง
    จนกระทั่งใครบางคนปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับที่พระอาทิตย์เริ่มปรากฏให้เห็น อัศวินในชุดเกราะสีเงินเต็มยศผู้ซึ่งควบม้าสีดำตรงมาหาเซซีลีอา


    “ท่านพี่?”


    แม็กซีมีเลียนลงจากหลังม้า และจับมือของเซซีลีอาขึ้นมาจุมพิต



    “อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านเซซีลีอา ข้ามีนามว่าแม็กซีมีเลียน จะเป็นอัศวินที่คุ้มกันท่านหญิงไปยังมิลาโน่ขอรับ”



    หญิงสาวหน้าแดงกับท่าทางแบบนั้นของชายหนุ่มจนถึงกับเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก



    “ถะ..ถ้าเช่นนั้นก็ขอความกรุณาด้วย”



    พลันนั้นเองที่แม็กซีมีเลียนคุกเข่าลงบนพื้น



    “ข้าจะปกป้องท่านด้วยชีวิตขอรับ ท่านหญิง”



    “....ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ลุกขึ้นมาเถอะ”


    นางกำลังเขินอายกับท่าทาง กริยา และคำพูดของเขาอย่างเสียมิได้ ทั้งๆที่นางคิดว่าจะไม่มีวันรู้สึกเช่นนี้กับใครอีกเป็นอันขาด เพราะนางมีเขาคนนั้นอยู่ แต่ทำไมกัน...ทำไมนางถึงรู้สึกแบบเดียวกับที่นางได้พบกับคนๆนั้น...ความรู้สึกนี่เริ่มพอกพูนและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ....

    //////////////////////////////////////////////////////

    รถม้าเคลื่อนขบวนมายังหน้าคฤหาสน์ของตระกูลเมดิชีใจกลางของมิลาโน่ ชายคนหนึ่งเข้ามาเปิดประตูให้กับหญิงสาวผู้หนึ่งที่ก้าวลงมาจากรถ ท่ามกลางความตะลึงของทุกๆคนภายในงาน

    ร่างที่งดงามที่อยู่ภายในชุดกระโปรงสีขาวทอง ทรงผมที่รวบขึ้นไปแบบหลวมๆและปล่อยจอนยาวลงมาถึงอกพร้อมกับเครื่องประดับไข่มุกที่อยู่บนศีรษะนั้นเข้ากันจนหาที่ติไม่ได้
    แม็กซีมีเลียนจับมือให้เซซีลีอาก้าวลงมาจากรถม้า และเดินเข้าไปในงานอย่างสง่างาม ตรงหน้านั้นคือดยคุแห่งเมดิชีที่โค้งตัวต้อนรับบุตรีแห่งตระกูลวาเลนติโน่ที่ย่อตัวตอบรับเช่นกัน



    “ยินดีที่ได้พบกับท่าน ท่านหญิงแห่งวาเลนติโน่”



    “ข้าก็ยินดีที่ได้พบกับท่านค่ะ ท่านดยุคแห่งเมดิชี”



    “สมกับคำร่ำลือ...ท่านนั้นงดงามดุจดั่งกับไข่มุกจริงๆ”



    “ท่านกล่าวเกินไปแล้วค่ะ”



    เซซีลีอาไม่ยืดเยื้ออีกต่อไป นางรับสาส์นจากแม็กซีมีเลียนมามอบให้กับดยุคแห่งเมดิชี เขาคลี่อ่านดูซักพัก และม้วนเก็บตามเดิม



    “ฝากไปบอกดยุคแห่งวาเลนติโน่ว่า ทางเรายินดีที่จะช่วยเหลือท่านในทุกๆด้าน ในฐานะมิตรที่ดีต่อกัน”



    “ขอบพระคุณท่านมากค่ะ”



    “ถ้าไม่รังเกียจ ท่านจะเต้นรำกับข้าซักเพลงจะได้หรือไม่”



    “ขออภัยท่านดยุคแห่งเมดิชี แต่นางมีคู่เต้นรำอยู่แล้วล่ะขอรับ”



    เสียงนั้นทำให้คนทั้งกลุ่มหันไปมอง ชายหนุ่มที่เดินตรงเข้ามาหา และโค้งตัวเคารพ แม็กซีมีเลียนเดินเข้ามาขวางเข้าไว้ ในขณะที่เซซีลีอาเบิ่งตาโต จ้องมองไปยังเขาอย่างไม่วางสายตา และโดยไม่เชื่อสายตาของตัวเองด้วย



    “อเล็กซานโดร?”



    “ไม่ได้พบกันเสียนานนะ เซซีลีอา ต้องขอโทษเจ้าด้วยที่ไม่ได้ไปงานเต้นรำร่วมกับเจ้าด้วย”



    เซซีลีอาเดินตรงไปยังชายที่มีชื่อว่าเล็กซานโดรนั้น ใช้มือลูบไปบนหน้าเขาเบาๆราวกับว่านั่นคือสิ่งที่นางเฝ้ารอมาแสนนาน



    “นี่ใช่ท่านจริงๆหรือท่านพี่?”



    “ถ้าไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครอีกหรือ”



    หญิงสาวแทบอยากจะโผเข้ากอดชายที่อยู่ตรงหน้าใจแทบขาด แต่เมื่อจ้องไปรอบๆก็พบกับสายตาของผู้คนมากมายจึงก้าวถอยออกมาเล็กน้อย
    มือใหญ่ๆนั้นยื่นตรงมาข้างหน้า และยิ้มให้กับนางด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน



    “มาเป็นคู่เต้นรำให้ข้าได้มั้ย ท่านหญิง”



    เซซีลีอาวางมือลงบนมือของเขา และทั้งคู่ก็ออกไปเต้นรำด้วยกัน ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จับตามองทั้งคู่ และซุบซิบด้วยเรื่องแปลกๆ


    “ชายคนนั้นเป็นใครกันหรือคะ?”



    “ท่านไม่รู้หรือ นั่นน่ะ อัศวินอเล็กซานโดร เป็นทหารองครักษ์ประจำพระสันตะปาปา เคยได้ยินข่าวลือว่ามีความสัมพันธ์กับท่านหญิงวาเลนติโน่ด้วยนะ”



    “อุ้ยตาย จริงเหรอคะ ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ก็...”



    เพลงในงานจบลง และต่อเนื่องด้วยเพลงใหม่ ทว่าเซซีลีอากลับปลีกตัวออกจากอเล็กซ์และเดินตรงมาที่ระเบียงแทน



    “สมกับเป็นเจ้า ไม่ชอบงานเลี้ยงอีกแล้วหรือ”



    “ข้าไม่ชอบสายตากับเสียงกระซิบพวกนั้น...”



    ความเงียบเข้ามาปกคลุมทั้งคู่ บรรยากาศที่ชวนให้น่าอึดอัดนี่ ทำให้นางต้องหาเรื่องมาพูด



    “วันพรุ่งนี้ข้าจะกลับไปเวเนเซีย ท่านพี่จะกลับไปกับข้าด้วยมั้ย”



    “ข้าต้องกลับโรมน่ะ ที่มาที่นี่ก็เพราะมีคำสั่งให้มา ข้ายังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ”



    เซซีลีอากำกระโปรงของตนเองแน่น “อย่างนั้นเหรอคะ...แล้วท่านจะกลับมาเมื่อไหร่...”



    คำถามนั้น ไม่ใช่คำถามที่ถามว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับไปที่เวเนเซีย แต่กลับกัน คำถามนั้นมีความหมายว่า เมื่อไหร่จะกลับมาหาข้าเสียที...



    “ข้าน่ะ...เป็นสายลมนะ...เป็นสายลมที่พัดไปทั่วโลก”


    เขามองมาที่เซซีลีอาที่ยังคงทำสีหน้าเรียบเฉยดังเช่นปกติ


    “และซักวันหนึ่ง...สายลมนั้นก็สามารถยังพัดกลับมาอยู่ที่เดิมได้อีก...”



    “.....ถ้าเช่นนั้น ข้าจะรอสายลมนั้น...” นางเอ่ยออกมาเบาๆ



    “มันอาจจะใช้เวลาหลายปีเลยนะ กว่าจะหวนพัดคืนมาอีกครั้ง?”



    “ยังไงข้าก็จะรอ...มันเป็นสัญญามิใช่หรือคะท่านพี่?”



    ลมเย็นๆพัดวูบผ่านทั้งคู่ไปวูบหนึ่ง เซซีลีอาจ้องอย่างแน่วแน่ไปยังชายที่อยู่เบื้องหน้า



    “ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยได้มั้ย เซซีลีอา
    เจ้ารู้สึกยังไงกับข้า....อย่าโกหก...ข้าอยากได้ความจริง”


    เซซีลีอานิ่งเงียบไป ปากของนางสั่นระริก น้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย



    “ข้า...ข้ายัง...รักท่าน...”



    อเล็กซ์ไม่ตกใจกับคำตอบนั้นเลย



    “ข้าเองก็ยังรักเจ้าเช่นกัน เซซีลีอา...
    แต่ตอนนี้ ข้ายังกลับไปหาเจ้าไม่ได้ เพราะข้ายังมีปัญหามากมายที่ต้องสะสางในชีวิตนี้ แต่ซักวัน..ข้าจะไปต้องกลับไปหาเจ้าแน่นอน”


    “สัญญาได้มั้ย...อเล็กซานโดร...”



    “ข้าสัญญา”



    และน้ำตาก็หยดลงมาจากดวงตาคู่นั้น ราวกับว่าความรู้สึกของหญิงสาวได้รับการปลดปล่อย หลังจากที่ทั้งคู่ได้เลิกรากันไปและอยู่ในฐานะพี่น้อง คำๆนี้แทบไม่หลุดออกจากปากของทั้งเขาและนางเลย วันนี้ ทั้งคู่เหมือนได้รับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของกันและกันแล้ว...แม้ว่านั่น...อาจจะกลายเป็นคำลวงก็ตาม....

    อเล็กซานโดรปลีกตัวกลับโรม โดยที่มีเซซีลีอายืนส่ง นางโอบกอดเขาอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้ว่านั่นคือการโอบกอดครั้งสุดท้าย
    แม็กซีมีเลียนเดินตรงเข้ามาหาเซซีลีอาที่ยืนอยู่ในสวนนอกคฤหาสน์ จ้องมองชายหนุ่มที่รักควบม้าจากไปอย่างเงียบๆ



    "เซซิลีอา เหตุใดถึงทำหน้าหม่นหม่องเช่นนั้น"



    "อ่ะ ท่านพี่...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ข้าก็แค่.." เซซีลีอา เบือนหน้าหนีเขาเล็กน้อย นางยังไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าของนางตอนนี้


    "สีหน้าเจ้าบ่งบอกอยู่ว่ามี
    เล่าให้ข้าฟังได้มั้ย ถ้าหากเจ้าไม่รังเกียจตัวข้าแล้ว"


    เซซีลีอาทำหน้าเลิกลั่ก ยังไงนางก็ยังโกหกเขาคนนี้ไม่ได้สินะ.....


    "ท่านพี่..ข้าจะทำยังไงดี...แม้ว่าข้ากับเขาจะเลิกรากันไปนานแล้ว แต่ใจของข้า ยังไม่เคยละทิ้งเขาเลยทั้งๆที่...มันหมดหวังไปนานแล้ว...และคำพูดเมื่อครู่ ข้ารู้ว่าเขาโกหก...โกหกเพื่อให้ข้าสบายใจ
    แต่ทำไม...ทั้งที่ข้ารู้ ข้ากลับ..."


    "เรื่องบางเรื่อง มันจำเป็นต้องใช้เวลา"แม็กซีมีเลียนเอ่ยขึ้น


    "แต่ที่สำคัญคือ ใจของเจ้าที่จะเลือกปฎิบัติกับใจของเจ้าเอง
    จงค่อยๆพิจารณาเถิด แต่จงอย่าได้เร่งรีบไป"


    แม็กซีมีเลียนยิ้มเศร้าๆและลูบเกศาสีดำสนิทของน้องสาวเบาๆ


    เซซีลีอามองตามมือของเขา โดยที่ไม่ตอบอะไร และเสียงบรรเลงเพลงก็ดังขึ้นอีกครั้งจากภายในงานเลี้ยง


    "หากยังคิดไม่ออกก็จงเก็บมันออกไปจากใจซักพัก"


    ชายหนุ่มยื่นมือมาตรงหน้า


    "เจ้าสนใจจะเต้นรำกับข้าบ้างหรือไม่ ท่านหญิง"


    หญิงสาวที่มีสีหน้าเศร้าเมื่อครู่ ก็กลับมามีสีหน้าที่สดใสอีกครั้ง “อื้ม!” และก็จับมือตอบกับเขา นางอยากจะทิ้งความเศร้าไว้เบื้องหลังเมื่ออยู่กับคนๆนี้...ณ ตอนนี้นางกำลังติดสินใจบางอย่างอย่างเงียบๆกับตนเอง แม้ว่านั่น จะเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์มากก็ตาม....

    ////////////////////////////////////////

    หลังจากกลับมาจากภารกิจที่มิลาโน่สำเร็จก็ผ่านมาหลายวัน เซซีลีอาและแม็กซีมีเลียนได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้น ในวันนี้ก็เช่นกัน ภายใต้ท้องฟ้าสีครามที่สว่างสดใส ทั้งคู่นั่งอยู่ริมน้ำด้านหลังคฤหาสน์ของตระกูลวาเลนติโน่ที่ลับตาผู้คนเล็กน้อย

    เซซีลีอาเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของแม็กซีมีเลียนที่กำลังเล่าถึงเรื่องราวของตนเองให้ฟัง หญิงสาวรู้สึกสนุกที่ได้อยู่ร่วมกับเขาคนนี้ แม้ว่าภายนอกดูจะเป็นคนเงียบขรึมและเคร่งเครียด ทว่ายามมเอได้อยู่เช่นนี้แล้ว รอยยิ้มที่เหมือนจะมอบเวลาที่อยู่กับนางเพียงผู้เดียว ทำให้นางรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก...



    “ท่านพี่คะ...”



    “มีอะไรหรือ?”



    “อีกไม่กี่วันที่จะถึงนี่ จะมีคาร์นิวัลที่เวเนเซีย ท่านพี่...ไปกับข้านะ”


    ความเงียบของชายหนุ่มบังเกิดขึ้นชั่วครู่ราวกับใช้ความคิด “วันพรุ่งนี้ ข้าได้รับคำสั่งให้เดินทางไปที่โรมโดยเร่งด่วน ด้วยระยะทางข้าเกรงว่า...”


    หญิงสาวแสดงความผิดหวังออกมาทางใบหน้าเล็กน้อย “อ่า...ข้าเข้าใจดีค่ะท่านพี่...”


    .........................


    "....ข้าตัดสินใจแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น เมื่อทั้งคู่เงียบกันไปนาน


    "ข้าขอสัญญาล่ะกันว่า ข้าจะพยายามมาให้ทันวันงาน"


    ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวราวกับเด็กๆ "สัญญากับข้านะ!!..."


    "อื้ม ข้าขอสัญญา”


    ////////////////////////////////////////////

    เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนั่นเอง แม็กซีมีเลียนได้มารับคำสั่งเข้าโรมจากท่านพ่อของนาง เซซีลีอาที่ไม่อาจเข้าไปพูดคุยกับเขาได้ตรงๆ จึงเฝ้ามองดูตรงระเบียงเท่านั้น และในช่วงวินาทีที่ดยุคฟรังซิสเผลอ ชายหนุ่มก็ได้เงยหน้าขึ้นมาและยิ้มให้กับนาง เป็นรอยยิ้มที่ช่วยย้ำกับนางถึงสัญญานั่น

    และในตอนนี้ เซซีลีอาได้ใช้ไม้ถักโครเช ถักผ้าพันคอสีดำจากไหมขนแกะชั้นดีที่สุดที่นางได้สั่งให้คนไปหามาให้อย่างเร่งรีบ สิ่งที่นางจะทำให้กับชายหนุ่มผู้นี้ ได้เคยทำให้กับใครคนหนึ่งมาแล้ว คนๆนั้นเองก็....

    เซซีลีอาวางไม้ลง ความรู้สึกลังเลเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่นางกำลังทำนี้ นางได้ทำด้วยความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับความรู้สึกที่ทำให้กับชายคนนั้น แต่เป็นความรู้สึกที่มีความสุขเสียมากกว่า เพราะเหตุใดกัน...ชายหนุ่มทั้งสองเอง..นางไม่ปฏิเสธว่า นางรักทั้งคู่...ใช่...นางรักเขา...นางรักแม็กซีมีเลียน...และในขณะเดียวกัน...นางเองก็รัก..รักอเล็กซานโดร...


    “ทำไมข้า...เป็นคนแบบนี้...ทำไมข้า...”


    เซซีลีอาซบหน้าลงกับฝ่ามือ มิใช่เพราะความเศร้าจนต้องหลั่งน้ำตา แต่มันคือความลังเล ทั้งชายผู้หนึ่งที่อยู่เคียงข้างนาง ชายผู้เป็นพี่ชายที่แสนดี และชายอีกคนที่มิได้อยู่เคียงข้าง แต่ทั้งคู่นั้นมีคำสัญญาที่เชื่อมโยงทั้งคู่เอาไว้

    หญิงสาวนิ่งไป ด้วยความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัว เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือก....หญิงสาวหยิบแหวนที่ใส่ไว้ในกระเป๋าติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อให้ระลึกถึงคำสัญญานั้นออกมาจ้องมอง.....

    และราวกับนางเลือกได้แล้ว....


    “ข้าเลือก ที่จะเป็นคนบาป...”


    เซซีลีอากลั้นใจ โยนแหวนนั้นทิ้งไปยังอีกฟากของห้อง คว้าไม้โครเชขึ้นมาและเริ่มถักต่อ


    “เพื่อให้ได้รักท่านยังไงละ..ท่านพี่...”


    ///////////////////////////////////////////////////

    หลายวันถัดมา จนกระทั่งถึงวันงานเทศกาล เซซีลีอาสวมชุดที่ตัดเย็บด้วยตนเอง นางหมุนตัวไปมาหน้ากระจกอยู่หลายครั้งจนแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมดีแล้ว ก็รีบวิ่งไปยังประตูเมืองทันที

    เวลาค่ำใกล้เข้ามาถึง เซซีลีอายืนรอพี่ชายของตนที่ด้านหน้าประตูเมืองพร้อมกับจ้องมองผ้าพันคอถักสีดำที่อยู่ในมือ ....มันเป็นสิ่งที่ตั้งใจจะมอบให้กับพี่ชาย


    “สัญญานะ ว่าจะมาให้ทันก่อนที่จะเริ่มขบวนน่ะ”


    “ข้าสัญญา ข้าจะกลับมา”


    เสียงสัญญาณของขบวนคาร์นิวัลเริ่มขึ้น ยังไม่มีทีท่าว่าทางกองทัพจะกลับมาเสียที เซซีลีอาจับผ้าพันคอแน่นขึ้นไปอีกด้วยความเป็นกังวล ทั้งความรู้สึกเป็นห่วงอย่างประมาณไม่ได้ และความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมานี่คืออะไรกัน...ความรู้สึกที่นับวันจะมีมากขึ้นกว่าเดิมนี้ทำให้นางเริ่มกลัวตัวเอง


    "ไม่มา..จริงๆสินะ..."


    เซซีลีอาสวมหน้ากากเพื่อซ่อนน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม


    "เจ้าว่าใครไม่มาหรือ?"


    เสียงที่นางรอคอยมาแสนนาน ราวกับจะรอมาทั้งชีวิตนี้ดังขึ้น


    "ท่าน...พี่?"


    แม็กซีมีเลียนลงมาจากม้าในสภาพที่ยังใส่ชุดเกราะเต็มยศและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง


    "ท่านพี่จริงๆใช่มั้ย!!"


    "แฮ่กๆ ก็ข้าน่ะสิ ถึงจะโทรมแต่...โอะ เซซีลีอา?" หญิงสาวโผเข้ากอดรัดพี่ชายด้วยความคิด ความดีใจนี้ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้


    "ปล่อยข้าก่อน เซซีลีอา คนเริ่มหันมามองเราแล้วนะ หากคนรู้จักเจ้าเห็นจะเป็นการไม่ดี"


    เซซีลีอาหยิบหน้ากากที่พกมาอีกอันหนึ่งสวมให้กับแม็กซีมีเลียน ก่อนที่จะเอาผ้าพันคอวางไว้ที่มือของเขา


    "ทีนี้ก็ไม่มีใครจำพวกเราได้แล้วล่ะนะ"


    “...นี่เจ้า...ถักเองหรือ...?”


    “อื้ม ข้าให้ถักให้ท่านเองเลยนะ ก็ใกล้จะถึงฤดูหนาวแล้วนี่นา ชอบหรือเปล่าล่ะ”


    “ข้าชอบมากเลย ขอบคุณนะ”


    เซซีลีอายิ้มอย่างดีใจราวกับเด็กน้อยที่เขาชอบผ้าพันคอที่นางถัก


    “จริงสิ ข้าลืมไปอย่างนึง”


    สายตาของชายหนุ่มไล่มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า


    "วันนี้เจ้าดูงดงามมากเลยนะ"


    เซซีลีอาหน้าแดงขึ้นมาทันที "ขะ..ขอบคุณค่ะ"


    "เพราะเช่นนี้ทำให้ข้าหาตัวเจ้าเจอช้าไปอย่างไงล่ะ ไหนจะสวมหน้ากากอีก"


    หญิงสาวขำเล็กน้อย ก่อนที่จะจับมือของพี่ชายและมุ่งหน้าเข้าไปในงาน


    "ถ้าท่านมาตามคำสัญญาเช่นนี้ ข้าก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ"


    ใช่...เพราะนางเกลียดคนที่โกหกและไม่ทำตามคำสัญญามากที่สุด และใช่เช่นเดียวกัน ที่นางจะรังเกียจตัวเองด้วย ...ทว่า นี่อาจจะเป็นการเห็นแก่ตัว แต่นางก็ยอม เพราะนี่คือความสุขจริงๆที่นางต้องการมานานแสนนาน...

    ///////////////////////////////////////////

    หลังจากจบงานเทศกาล เซซีลีอากับแม็กซีมีเลียนเดินจับมือคู่กันไปตามแม่น้ำในเวเนเซียตามทางเดินที่เริ่มร้างผู้คน มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงที่เสาตามถนนเท่านั้นที่ส่องนำทางพวกเขาได้
    จนกระทั่งทั้งคู่เริ่มเหนื่อย จึงนั่งพักที่เก้าอี้ในบริเวณนั้น
    เซซีลีอานั่งเงียบไปชั่วครู่ จ้องมองผืนน้ำที่นิ่งสงบ ความคิดของนางกำลังแล่นอยู่ในความเงียบที่กำลังปกคลุมทั้งคู่


    “ข้าเนี่ย เป็นหญิงที่นิสัยไม่ดีจริงๆเลยนะ”


    “หืม?”


    “ข้าสามารถยอมรับออกได้ตรงๆว่า....ข้าเป็นคนหลายใจ....ข้าเอ่ยกับเขาไปว่าข้ารักเขา แต่ตัวข้าเองก็ชอบคนอื่นอยูเช่นกัน นี่ข้าเป็นอะไรของข้าเนี่ย....”


    “... เป็นเรื่องที่พูดยากนะ”


    เซซีลีอาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมนางถึงระบายกับคนๆนี้ ยิ่งพูดก็รู้สึกสบายใจยิ่งกว่าได้พูดกับคนอื่นๆ...


    “เอาเถอะ...ข้าจะพยายามแก้ไข เพราะข้าเองก็เป็นหญิง ไม่ควรที่จะทำตัวแบบนี้เสียด้วยซ้ำ"


    “แล้วข้าล่ะ” แม็กซีมีเลียนพูดติดตลก เซซีลีอาหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว


    “ข้าก็รักท่านพี่นะ....ในฐานะพี่ชาย” ทำไมนางรู้สึกเขินในคำพูดนั้นอย่างบอกไม่ถูก


    “เอ่อ...ข้าแค่พยายามทำให้ขำนะ อย่าคิดมากไปเลย”


    “ข้าไม่ได้คิดมากนะ!!” แค่จริงจังเท่านั้นแหละ!!! นางอยากพูดแบบนั้นออกไปจริงๆ “แต่ก็...รู้สึกคิดมากจริงๆล่ะ”


    แม็กซีมีเลียนใช้มือลูบหัวของนางเบาๆ “ใจเย็นๆเถอะ...”


    “มันอาจจะเป็นเพราะระยะทางก็ได้...” เซซีลีอาพูดลอยๆออกมา
    “อยู่ห่างกัน ไม่ได้เจอกันมานานนับปี..เขาเองก็ยอมรับว่าได้มองผู้อื่นไว้ด้วยเช่นกัน มัน...เป็นเรื่องปกติ...สินะ?.”


    “ก็ปฎิเสธไม่ได้....คนเราเองจู่ๆความรักหรือความชอบมันสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัวหรอก”


    “นั่นสินะ...นี่คงจะเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของข้าเองก็ได้ อยากให้มีคนดูแล เข้าใจในตัวข้า อยู่ด้วยแล้วสบายใจ พอมีคนแบบนั้นอยู่ข้างๆ บางครั้งข้าก็....เผลอใจชอบไปเสียแล้ว”


    “ข้าเข้าใจดี...เซซีลีอา...ถ้าเจ้ายังไม่คิดจะเลือก การอยู่แบบนี้ก็ถือว่ามีความสุขสำหรับเจ้าใช่มั้ยล่ะ
    แต่ยังไงก็ควรเผื่อคิดในตอนที่จะต้องเลือกจะทำเช่นไรด้วย ข้าว่านะ”


    “เลือกหรือ..... ระหว่างคนที่ข้ารัก กับคนที่รักข้าสินะ”


    “ในบางครั้งมีคนรักเจ้าโดยไม่รู้ตัวก็มีเช่นกันนะ....”


    “...แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องแบบนี้....อีกอย่าง..ข้าเองก็อดคิดไม่ได้ว่าที่ข้ารู้สึกรัก ได้รักจากใจ หรือเพราะประทับใจในตัวเขาเท่านั้นเองหรือเปล่า...”


    “อืม”


    ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งคู่ เมื่อจู่ๆหัวข้อสนทนาก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นเรื่องเครียด เซซีลีอาเองก็รู้สึกผิดที่มาระบายกับเขา ทว่ามันกลับทำให้นางสบายใจมากขื้น หรืออาจจะเป็นเพราะ นางกำลังเปิดโอกาสอยู่ก็เป็นได้



    “ในความคิดข้านะ” แม็กซีมีเลียนเอ่ยขึ้น “ข้าจะแยกเรื่องความชอบกับความรักออกจากกัน
    ชอบข้าอาจจะแค่หลง หรือประทับใจในตัวเขา ซึ่งสามารถมาจากใจหรือเกิดจากการกระทำก็เป็นได้ ส่วนมากมักจะเป็นเช่นนี้ มันจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์....เป็นเรื่องที่ซับซ้อนจริงๆเลยละนะ...”


    เซซีลีอาพยักหน้ารับเบาๆ


    “ความสัมพันธ์มันสามารถเปลี่ยนแปลงกันได้เสมอ ยังไงก็อย่าเพิ่งคิดมากเรื่องที่ตัวเจ้าน่ะหลายใจ มีใจไม่เป็นหนึ่ง เพราะนั่นน่ะจะใช้ในเมื่อเจ้าตกลงปลงใจไปแล้ว แต่ก็ไปมีอีกคนหนึ่ง...
    การประทับใจ หรือ ชอบเขา มันไม่ได้จำเป็นต้องเกิดกับคนๆเดียวใช่มั้ยละ เผลอๆ คนที่ชอบทั้งสองคน อาจจะไม่ใช่คนที่เจ้าเลือกเลยก็ได้”


    หัวใจของเซซีลีอากระตุกวูบเล็กน้อยกับประโยคนี้


    “ฉะนั้น อย่าเพิ่งมาคิดตัดสินใจแบบทึกทักไปเองในตอนนี้
    เพราะเจ้าเองไม่ได้เลือกตกลงปลงใจกับใครใช่มั้ยล่ะ ใช้เวลาเป็นตัวค่อยๆคิดไป เจ้าเองก็ยังมีเวลาอีกเยอะในชีวิตนี้นะ”


    แม็กซีมีเลียนดึงแก้มหญิงสาวเล็กน้อย “เอาละ จบเรื่องเครียดๆ”


    เซซีลีอายิ้มเล็กน้อยและเขินอายกับการกระทำของชายหนุ่ม “ขะ...ขอโทษนะ ที่มาบ่นเรื่องไม่เข้าท่าแบบนี้ให้ท่านฟังน่ะ”


    “ไม่เป็นไรหรอก ข้าดีใจเสียอีก ที่เจ้าเอาเรื่องนี้มาปรึกษาข้านะ”


    “ท่านเป็นพี่ชายของข้านินา”


    แม็กซีมีเลียนยิ้มแบบเด็กๆ เซซีลีอาปฏิเสธไม่ได้ว่า ชอบรอยยิ้มแบบนั้นของเขามากที่สุด ใช่...นางชอบ..ไม่สิ..นางรักเขา..นางรักพี่ชายของนางมากที่สุด...ความรู้สึกนี่ทำให้นางเลือกได้แล้ว...


    “ถ้า...ถ้าวันหนึ่ง ข้าขอเจ้าแต่งงานล่ะ”


    “หา?”


    นั่นคือประโยคที่หลุดออกมาจากปากของเซซีลีอา..เป็นคำพูดที่ไม่น่าหลุดออกมาจากปากของหญิงสาวเช่นนาง แม้แต่ผู้พูดยังต้องรวบรวมความกล้าที่เอ่ยออกไปทีเดียว


    “ท่านจะตกลงหรือไม่?”


    เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่อีกครา เซซีลีอาก้มหน้าหลบสายตาแม็กซีมีเลียนเต็มที่


    “ข้าขอถามในคำถามกลับกันกับเจ้าได้หรือไม่”


    “จะ..จะให้ข้าตอบยังไงละ!!! ท่านตอบข้ามาก่อนสิ!!”


    “ปกติแล้ว..ข้าต้องเป็นฝ่ายขอมิใช่หรือ” น้ำเสียงของชายหนุ่มดูขี้เล่น


    “ตะ..ตอบข้ามาก่อนสิ!!”


    “ข้าไม่ยอมหรอก”


    “ทำไมล่ะ??”


    “เพราะถ้าข้าจะแต่งงานกับเจ้าจริง ข้าจะไปขอเอง”


    เซซีลีอาสะดุ้งเล็กน้อยกับคำตอบที่ผิดคาดนั่น


    “เอาล่ะ ตาเจ้าตอบแล้วนะ”


    “ขะ...ข้าไม่รู้”


    “อย่ามาทำเป็นไขสือไปหน่อยเลยน่า...”


    “ยะ...อยากรู้ขนาดนั้นเลยหรือ?”


    “หึหึหึ...อยากรู้จริงๆนะ” จู่ๆเขาก็ทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา หัวใจของเซซีลีอาเต้นจนแทบจะระเบิดออกมาทีเดียว


    “กะ...ก็...ตกลง...ละมั้ง...”


    “อื้ม...ขอบคุณที่ตอบนะ...”


    “ข้าแค่ถามท่านเล่นๆเองนะ... หรือจะให้ข้าถามจริงๆล่ะ!”


    “งั้นข้าก็จะตอบแบบจริงจังให้ฟังเอามั้ยละ”


    “งั้นก็..เชิญเลย”


    “มันต้อง....พิจารณาหลายๆอย่างนะ” เขาทำท่าครุ่นคิด “มันเป็นเรื่องที่จริงจัง เครียด ไม่อยากตอบหรอก เดี๋ยวมันจะไปยุ่งกับภาระชีวิตของข้าอีก”


    หญิงสาวหัวเราะเล็กน้อยกับคำตอบที่ดูจริงจังแต่ดูขำๆนั่น


    “ถ้าเช่นงั้น ข้าเปลี่ยนคำถามก็ได้”


    แม็กซีมีเลียนทำหน้าสงสัย


    “สมมติว่า....ถ้าข้าขอคบกับท่าน ท่านจะตกลงมั้ย”


    “ถ้าข้าตอบว่า ตกลง ล่ะ?”


    “ก็ตามที่ท่านตอบ....อ่ะ!!! จะ...จะเอาจริงหรือ??”


    “ถ้า....ยังไงล่ะหรือจะเปลี่ยน ...ถ้า...เป็น...”


    “เอ๊ะ?”


    “เอาเถอะ เจ้าคงไม่เข้าใจ” แม็กซีมีเลียนถอนหายใจเล็กน้อย


    “ถะ...ถ้าข้าจริงจังล่ะ!?”


    “....จะคบกับข้าจริงๆหรือ...ข้าก็จะถามกลับเช่นนี้”


    “.....ใช่...ข้าจะคบกับท่าน...เพราะข้าน่ะรักท่านพี่มากที่สุด มากกว่าใครทั้งมวล”


    คำตอบของเซซีลีอาดูแน่วแน่และมั่นคง แม็กซีมีเลียนไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมาเลยหากแต่ยิ้มและกุมมือนางเอาไว้


    "ถ้าเจ้ามั่นใจเช่นนั้น ข้าก็ไม่ได้รังเกียจตัวเจ้า เซซีลีอา”


    คำตอบนั่นทำให้หญิงสาวดีใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ณ ตอนนี้นั้น นางไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้วนอกจากเขาคนนี้ เขาคนที่นางได้ให้คำมั่นว่าจะรักตลอดไป


    “ท่านพี่...ไม่สิ..แม็กซีมีเลียน...ข้ารักเจ้ามากที่สุดเลยนะ”


    “ข้าเองก็...รักเจ้ามากนะ..เซซีลีอา”


    แม้จะเป็นคำบอกรักที่ดูเรียบง่าย แต่คำพูดทั้งหมดนั่นต่างก็ใส่ความรู้สึกที่แท้จริงของทั้งคู่ลงไปด้วย ความรู้สึกที่ไม่มีอะไรมาทำให้แปรเปลี่ยนไปได้....

    ////////////////////////////////

    งานเทศกาลจบไปหลายวันมาแล้ว เซซีลีอาและแม็กซีมีเลียนต่างก็ใช้เวลาอยู่ร่วมกันตามประสาคนรัก ถึงอย่างนั้นแล้ว เซซีลีอากลับมีความรู้สึกลังเลและปนเปเข้ามาผสมด้วย นางรู้สึกรักเขา หรือมันเป็นเพียงแค่ความประทับใจเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น? นางที่แทบจะไม่เคยได้ใช้เวลาร่วมกับคนรักเช่นนี้ เริ่มที่จะรู้สึกว่า ความรักของนางนั่นเป็นความรักของเด็กๆเสียเหลือเกิน เรื่องแบบนี้คงจะต้องใช้เวลาอีกมากมายสินะ....

    ตกค่ำของวันนี้ นางได้ยินมาว่ากององครักษ์ทางโรมได้เดินทางมาหาดยุคฟรังซิส แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องเป็นเขาคนนั้นอย่างแน่นอน เพียงแต่นางมิปรารถนาที่จะพบเขาในตอนนี้ เพราะนางกลัวว่าใจของนางอาจจะกลับไปหาเขาได้...นางไม่ต้องการให้ใครเจ็บปวดทั้งนั้น นั่นคือสิ่งที่นางคิด ณ ตอนนั้น


    “เซซีลีอาอยู่ไหม?”


    เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น เซซีลีอาผุดลุกขึ้นจากเตียง และเดินมาที่ประตู นางแทบไม่เชื่อว่าเขาจะมาหานางได้


    “อเล็กซ์....”


    “ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า ไม่ต้องเปิดประตูก็ได้...”


    “เอ๊ะ..”


    “เรื่องของเจ้ากับแม็กซีมีเลียน”


    ไม่จริง....นั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจของเซซีลีอา...นี่เขารู้แล้วเหรอ...ทำไมกัน....


    “ทำไมหรือ?” นางยังคงแกล้งซื่อต่อไป แม้ว่าตอนนี้หัวใจของนางจะเต้นรัวราวกับเด็กที่ทำผิดและถูกจับได้


    “ข้าคุยกับแม็กซีมีเลียนแล้ว...ก็เลยคิดจะมาคุยกับเจ้า...”


    “...อื้ม...” แม็กซีมีเลียน!!! ทำไมท่าน!!! นางนึกตำหนิในใจ


    “ข้าไม่ได้ติดใจนะ ถ้าเจ้าทั้งสอง...จะตกลงปลงใจกัน...”


    “แม็กซีมีเลียน...บอกท่านไปแล้วหรือ...”


    เซซีลีอามีความรู้สึกที่เอ่อล้น มันคือความรู้สึกกลัว...กลัวว่าจะเสียเขาไป...และความรู้สึกผิด...ผิดที่ทำร้ายเขา..


    “ใช่ ข้าสองคนคุยตกลงกันแล้วล่ะ...จริงๆข้าเองก็พอรู้มาลางๆแล้วล่ะนะ”


    “อื้ม...ข้ากับเขาก็คบกันมาได้ซักพักหนึ่งแล้วล่ะ...แต่ที่ไม่ได้บอกไป...”


    “ข้าก็ไม่ได้ติดใจอะไรหรอก ข้าดีใจเสียด้วยซ้ำนะ ที่มีคนดูแลเจ้าได้น่ะ เซซีลีอา”


    เซซีลีอากำหมัดแน่น...ไม่...อย่านะ..อย่าไหลออกมานะ....


    “เพราะข้าเองก็คงไม่สามารถดูแลเจ้าได้เต็มที่...ข้าเองก็รู้สึกไม่ดีหรอกนะ”


    “ไม่เป็นไรหรอก!” เซซีลีอาพูดแทรกขึ้นมา “แค่มาคุยกันแบบนี้ข้าก็ดีใจแล้วล่ะนะ”


    “แต่.ตามสัญญานะ...เจ้าจะต้องกลับมาเยี่ยมข้าอีกนะ...”


    “อื้ม ได้แน่นอน...” อเล็กซ์เงียบไปชั่วครู่ราวกับใช้ความคิด “เอาล่ะ ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้ามาก เจ้าเองก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิด”


    “อเล็กซ์...” เซซีลีอากล่าวด้วยเสียงสั่นเครือที่สะกดกลั้นไว้เต็มที่ “ขอโทษนะ”



    “ขอโทษทำไมล่ะ? เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา”


    นางไม่อยากเอ่ยความจริงออกไป “ไม่รู้สิ...แต่ข้ารู้สึกผิดมากๆเลยล่ะ...” ที่ทำกับท่านแบบนี้ไง อเล็กซ์....


    “ไม่ผิดหรอกน่า อย่าคิดมากไปเลย” อเล็กซ์เว้นไปครู่ “ข้าขอแค่ให้เจ้ามีความสุขก็พอแล้ว”


    น้ำตาไหลพร่วงพรูลงมา เซซีลีอาไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ยิ่งประโยคนั้นแล้ว ทำให้นางรู้สึกผิดมายิ่งขึ้น ราวกับนางเป็นคนบาปที่ไม่อาจให้อภัยตนเองได้


    “เซซีลีอา?”


    “ขอบคุณนะ.....ข้าดีใจนะ...ที่มีพี่ชายอย่างท่าน” ข้าดีใจที่สุด ที่ได้รู้จักกับท่านด้วย ข้าไม่เคยเสียใจเลย....


    “อื้ม....ถ้าเช่นนั้น ข้าต้องขอตัวก่อน รบกวนเวลาเจ้ามามากแล้ว ลาก่....”


    “แล้วเจอกันใหม่นะ!”


    เซซีลีอาพูดแทรกขึ้นมากลบเสียงของอีกฝ่าย ที่เดินหายไป หญิงสาวทรุดนั่งที่หลังประตู และร้องไห้ออกมาราวกับคนที่เสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไปสิ่งหนึ่ง

    //////////////////////////////////

    แม้ว่าจะดึกมากแค่ไหนก็ตาม เซซีลีอาเดินเท้าเปล่าในชุดนอนบางๆของตนเองในสวนโดยลำพัง เท้าของนางย่ำไปอย่างไร้จุดหมาย...นางได้รู้จักคำว่าความเจ็บปวดที่มากมายเกินที่นางจะรับเอาไว้...


    “แท้ที่จริง ไม่มีใครที่เจ็บปวดทั้งนั้นแหละ...”


    เซซีลีอาหยุดเดิน เงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์นั้น “เพราะคนที่เจ็บปวดน่ะ คือข้าเองต่างหากล่ะ...”


    ใช่...ข้าเองนี่แหละ...ที่เป็นคนที่บาปหนาที่สุด....



    "มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ยอดรักของข้า เหตุใดถึงใบหน้าเศร้าหมองอย่างงั้น"


    แม็กซีมีเลียนเอ่ยถามขึ้น เขามาอยู่ตรงหน้านางตั้งแต่เมื่อใดกัน....เซซีลีอาจ้องมองใบหน้าของชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างเศร้าหมอง หัวใจของนางตอนนี้ราวกับพังครืนไปซีกหนึ่ง


    "แม็กซีมีเลียน...เจ้า...นำเรื่องของเราไปบอกกับเขาแล้วหรือ...?"


    นี่เรากำลังโกรธหรือ....เซซีลีอาคิด...เจ้าจะโกรธทำไมเล่าเซซีลีอา เพราะคนผิดน่ะ มันเจ้าเองมิใช่หรือ เจ้าน่ะมันคือคนผิด!!!


    “ทำไมล่ะ...ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้"


    ".........ข้าขอโทษ"


    เป็นคำขอโทษที่ออกมาจากใจจริงของเขาจริงๆ แต่ทำไมกัน ทำไมนางถึงโทษเขาอยู่ได้...เขาไม่ใช่คนผิด..ข้าต่างหาก...


    "อเล็กซานโดรได้เอ่ยสงสัยต่อตัวเจ้ามานาน ไม่สิ เค้าพอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว สุดท้ายข้าจึงเปิดอกคุยกับเขาไปตรงๆ”


    “...ข้าเข้าใจแล้วล่ะ...”


    “เจ้าโกรธข้าหรือ?”


    "ข้าไม่ว่าอะไรเจ้าหรอก แม็กซีมีเลียน....แค่ข้ารู้สึกผิด...รู้สึกผิดเหลือเกิน เหมือนกับใจข้ากำลังถูกบดขยี้ด้วยความรู้สึกนี้"


    นางกุมมือของนางแนบไว้กับอก ใช่...นางเจ็บปวดสุดจะบรรยายได้...นี่สินะ ถึงมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า เจ้าจะไม่มีวันเห็นค่าของสิ่งนั้น จนกว่าสิ่งนั้นจะจากเจ้าไป...



    "ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ก็ต้องมีวันนี้อยู่ดีสินะ" นางพึมพำออกมาเบาๆ...แม้ว่าจะรอเพื่อไปบอกด้วยตัวเองในยามที่พบกันอีกครา หรือจะให้แม็กซีมีเลียนเป็นผู้บอกไปอย่างเช่นตอนนี้ ความรู้สึกก็ไม่ต่างกันแม้แต่น้อยอยู่แล้วมิใช่หรือ...


    "เพราะฉะนั้น ไม่เป็นไรหรอก...ระหว่างเขากับข้า มันจบไปแล้วล่ะ..."


    สิ้นเสียงของนาง น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ นางทรุดนั่งลงกับพื้นหญ้าที่อ่อนนุ่ม แม็กซีมีเลียนประคองตัวของนางเอาไว้ เขามิเอ่ยอะไรออกมาเลย ราวกับจะให้เวลาแก่เซซีลีอาปลดปล่อยความรู้สึกที่อดกลั้นออกมาเสียให้สิ้น


    “ใช่..ข้ารักเขา..ข้ารักเขามาก..ข้ารักอเล็กซานโดร!!!”


    นางฟูมฟายอย่างสะอึกสะอื้น “ทำไม...ทำไมข้าถึงรักเขาขนาดนี้เล่า!!! ไม่เอาแล้ว ข้าไม่อยากรู้สึกแบบนี้แล้ว!!”


    “ข้าขอโทษ...อเล็กซานโดร...ข้าขอโทษ...ฮึก...”


    แม็กซีมีเลียนดึงตัวของนางมาซบกับอกเอาไว้


    “เซซีลีอา....” ชายหนุ่มเรียกหญิงอันเป็นที่รักของตนเบาๆ นางพลิกตัวมามองเขา


    “ข้าอาจจะไม่สามารถแทนตัวผู้ที่ท่านเคยรักได้ เพราะข้ามิใช่เขา” แม็กซีมีเลียนทำสีหน้าจริงจัง แต่ข้าจะขอทุ่มเทความรักที่ข้ามีให้เจ้า ด้วยความเป็นตัวข้า แม็กซีมีเลียนผู้นี้
    ข้าไม่อยากเห็นน้ำตาของเจ้า ดังนั้น ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขให้ได้
    .....ข้าขอสัญญา....”



    ในชีวิตของเซซีลีอาที่เต็มไปด้วยความรักจอมปลอมเสียจนนางหมดหวังที่จะพบกับรักที่แท้จริง...ทว่า...ในตอนนี้นางคิดว่านางได้พบกับรักนั้นแล้ว...พบกับผู้ที่รักนางจนสุดหัวใจ ไร้ซึ่งคำลวง...รักที่นางจะไม่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอีก...


    “ขอบคุณนะแม็กซีมีเลียน ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างข้า..”


    ผู้ที่รับทุกอย่างของนางได้....ผู้ที่อยู่เคียงข้างยามที่นางต้องการใครซักคน...


    “สัญญากับข้าอีกได้มั้ย...”


    ผู้ที่นางสามารถฝากทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ให้ได้...แม้แต่ชีวิตและ..หัวใจนี้...


    “ว่าจะอยู่เคียงข้างข้าตลอดไป”


    “ข้าให้สัญญา.....”


    ชายผู้ซึ่งนางสัญญาว่าจะรักไปชั่วกัลปาวสาน....


    “ตราบเท่าที่ข้ายังคงอยู่กับเจ้า ข้าจะคอยดูแลเจ้าเอง”


    ....ไม่มีอะไรที่ข้าจะต้องการมากไปกว่านี้อีกแล้ว....ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้อีกแล้ว....


    ......ขอบคุณนะ...แม็กซ์....


    =================================================

    ฟิคนี้คงไม่มีอะไรจะกล่าวมากค่ะ ฟิคนี่แต่งเป็นคู่ระหว่างแม็กซีมีเลียนและเซซีลีอา ที่คาเรนแต่งมานี่คือCecilia Side Storyค่ะ คาดว่าPart2จะออกมาภายในวันพรุ่งนี้ได้
    กล่าวถึงชื่อเรื่อง ตามคำแปลโบราณของชื่อเซซีลีอา จะหมายถึงดอกลิลี่แห่งสวรรค์
    L'amante di Lily เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า คนรักของดอกลิลี่ ;w;

    ยาวมาก! ขอบคุณทุกๆท่านที่นั่งอ่านนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ;w;
  2. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    เข้ามาอ่านละ ได้อารมณ์ยุคกลางจริง ๆ อ่านแล้วประทับใจตัวละครหลักทั้งสามมาก ๆ เลย

    บทบรรยายก็ละเอียดดี ทำให้เห็นภาพลักษณ์คนสมัยนั้นชัดเจนเลย

    /me รออ่านของอีกคน ว่าแต่จะกระทู้นี้เลยหรือแยกกันล่ะ
  3. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    อ่านไปเม้นท์ไปเลยยาวหน่อยนะครับ
    ขออนุญาตติก่อนละกันนะ

    คาเรนยังต้องฝึกการบรรยายฉากซึ่งมีความซับซ้อนสูงนะครับ เพราะเปิดเรื่องมาผมก็รู้สึกว่าอ่านติดๆขัดๆแล้ว ถึงแม้จะสร้างฉากไว้ได้อย่างสวยงาม แต่การบรรยายกลับดูติดขัดๆ
    อย่างที่สองคือการตัดฉาก ซึ่งตัดได้รวดเร็วมาก ทำให้คนอ่านงงมาก จากท่าเรือสู่โบสถ์ จากโบสถ์สู่ห้องในคฤหาสน์ ไม่มีการบรรยายเพื่อเชื่อมต่อการเปลี่ยนสถานการณ์ ดังนั้นจึงขาดความกลมกลืนไปมาก บางทีการเชื่อมฉากที่ต่างกันอาจใช้การทอดคำบรรยาย หรือจะใช้การบรรยายความรู้สึกของตัวละครก็ได้ (รู้ว่ามันยากมาก และทุกครั้งที่ผมเขียน นี่ก็เป็นจุดยากจุดหนึ่งสำหรับผมเหมือนกัน)

    ประกอบกับผมที่รวบขึ้นไปและดูยุ่งๆ << สะดุดตรงนี้ เพราะซิซิลีอากำลังอยู่ในอิริยาบถสง่างาม คำว่า "ยุ่งๆ" จึงถือว่าโผล่มาผิดที่ผิดทางครับ
    ถึงแม้ว่าเซซีลีอาจะอยู่ในตระกูลชั้นสูง เป็นถึงบุตรีของดยุคฟรังซิส แต่นางกลับเมินเฉยต่อความหรูหราที่แสนจะฟุ่มเฟือยนั้น << เสียดายมากที่จริงๆประโยคช่วงนี้น่าจะโผล่มาตอนซิซิลีอาอยู่บนคฤหาสน์ เพราะมันเป็นการปู background ตัวละคร ซึ่งน่าจะใส่มาตั้งแต่ต้นๆเรื่อง และจะช่วยให้คนอ่านเข้าใจนิสัยของซิซิลีอาได้ดีก่อนจะไปเจองานเต้นรำ

    ส่วนจุดเด่นของฟิคนี้ เรื่องการบรรยายอยู่ที่การบรรยายลักษณะตัวละคร จะเห็นได้ว่าคาเรนให้ความสำคัญกับการบรรยายตัวละครมาก โดยเฉพาะซิซิลีอา (ชื่อเพราะจัง) ไม่รู้จะด้วยความจงใจไหม แต่ผมอดคิดไม่ได้ว่าสีชุดของซิซิลีอาในแต่ละฉากบ่งบอกอะไรได้เยอะ และส่วนใหญ่ก็อยู่ในชุดสีขาว ซึ่งตรงกับสิ่งที่เรื่องต้องการจะสื่อ คือ Lily ด้วยสินะ
    อีกหนึ่งจุดเด่นคือการใช้ฉากของอดีต ซึ่งผมคิดว่าเป็นความโรแมนติกอย่างหนึ่ง คาเรนเชี่ยวชาญการแต่งแนวเก่าๆระดับดีเลยทีเดียว มันเป็นสิ่งที่รู้สึกได้ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนสามคนก็น่าสนใจ ถึงจะงงไปเยอะเพราะต่างก็เรียก "ท่านพี่" เช่นกัน (คาเรนใช้คำอื่นเรียกใครสักคนก็ได้ จะได้ฟังง่ายขึ้น) ส่วนตัวแล้วรู้สึกเหมือนกำลังฟังเรื่องเล่าของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งสับสนในชีวิตรัก ซึ่งก็จบลงด้วยดี ยินดีด้วยนะครับ

    ปล. คำวิจารณืทั้งหมด เป็นความเห็นส่วนตัวของผม อย่าได้เก็บไปคิดมาก ถ้าชอบในแบบตัวเองก็แต่งในแบบของตัวเองต่อไปนะครับ
  4. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    - สำนวนภาษา -

    มีการใช้คำฟุ่มเฟือยค่อนข้างเยอะ อาทิ

    - หญิงสาวผู้นั้นที่...
    - ร่างเล็กๆนั้น...
    - จนเหลือเพียงหญิงสาวผู้นั้น...

    ทั้งคำว่า 'หญิงสาว' ถูกใช้บ่อยมาก จนทำให้อ่านแล้วไม่ลื่นไหลต่อเนื่องเท่าที่ควร ถ้าเปลี่ยนเป็นใช้สรรพนามอื่นๆน่าจะเหมาะกว่า และตัดคำสร้อย 'นั้น' ที่ต่อท้ายในหลายๆทีออก จะทำให้สำนวนกระชับ น่าอ่านมากขึ้น


    การเขียนในบางครั้งใช้การเล่นคำสัมผัสได้ดี แต่บางครั้งก็ทำให้เยิ่นเย้อได้ เช่น
    - งานเลี้ยงในค่ำคืนที่ผ่านมา ผ่านไปไวราวกับโกหก..
    หากเปลี่ยนให้เป็น 'งานเลี้ยงหรูหราผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับโกหก' จะกระชับ และเล่นสัมผัสอักษรได้มากกว่า


    ควรจะตัดทอนคำอธิบายต่อท้ายบุคคลที่ 1 และบุคคลที่ 2 ออกและใช้ชื่อของตัวละคร จะสามารถพรรณาฉากได้ชัดเจนมากกว่า ดังนี้
    - ชายคนหนึ่งเข้ามาเปิดประตูให้กับหญิงสาวผู้หนึ่งที่ก้าวลงมาจากรถ ท่ามกลางความตะลึงของทุกๆคนภายในงาน
    หากเปลี่ยนเป็น 'แมกซิมิเลียนในชุดอัศวินเต็มยศก้าวเข้าไปเปิดประตูรถม้าให้กับเซซิลิอา นางปรากฎตัวพร้อมกับอาการตะลึงของทุกคนในงาน' น่าจะเหมาะสมกว่า

    ไม่จำเป็นต้องใช้การบรรยายให้มากเกินไปในบางจุด อาทิ
    - เซซีลีอาเดินเท้าเปล่าในชุดนอนบางๆของตนเองในสวนโดยลำพัง > เซซีลีอาเดินเหม่อลอยภายในสวนโดยลำพัง
    (แถมมีคำซ้ำ 'ใน' อีกด้วย ทำให้เยิ่นเย้อ)


    - ตัวละคร -

    เซซิลิอา ค่อนข้างขัดแย้งในตัวเองอย่างมาก อาทิเช่น 'นางมิใช่ผู้หญิงคนอื่นๆที่มักจะเดินตามชายหนุ่มที่หมายปองต้อยๆและหัวร่อต่อกระซิกด้วยกัน
    ' แต่กลับ 'หญิงสาวโผเข้ากอดรัดพี่ชายด้วยความคิด ความดีใจนี้ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้'

    มันทำให้มิติของตัวละครดูเลื่อนลอย ไร้หลัก นิสัยที่ขัดแย้งกันเองภายในตัวละครทำให้ขาดความสมจริง
    ในตัวของเซซิลิอา มีทั้งความเข้มแข็ง เอาแต่ใจ ชอบเอาชนะ (ในฉากพบกันที่ตลาด) แต่กลับมีนิสัยลังเล คิดมากซ้อนอยู่ภายใน ทำให้ตัวละครไม่มีบุคลิกหลักที่ชัดเจน เหมือนกันว่านางเปลี่ยนตัวเองไปตามอารมณ์ของนางในสภาวะต่างๆ

    การไม่ปูพื้นตัวละครมาก่อนทำให้ตัวละครแต่ละตัวไม่มีจุดเด่น อีกทั้งปูมหลังความสัมพันธ์ของตัวละครก็คลุมเคลือ
    หากมีการอธิบายลักษณะนิสัยของตัวละครผ่านบทสนทนาจะให้ตัวละครมีมิติมากขึ้นตามที่ได้กล่าวไปแล้ว


    - เทคนิคการเขียน -
    ในช่วงแรกบรรยายได้ดี แต่ในช่วงหลังการบรรยายกลับดูสั้นและขาดพลังไปอย่างมาก บทสนทนาที่ค่อนข้างยาวแต่กลับไม่มีการบรรยายอารมณ์ ความรู้สึก สีหน้าของตัวละครประกอบ ทำให้ขาดพลังในการสื่อสารให้เห็นภาพที่ชัดเจน

    ภาษา มีการใช้สลับกันระหว่างภาษายุคเก่าที่เป็น Theme หลักของเรื่องกับภาษายุคใหม่ แต่ในช่วงท้ายกลิ่นอายตรงส่วนนั้นหายไปจากเรื่องทั้งหมด
  5. ladykaren

    ladykaren อัลปาก้าที่อยู่ในฟูก

    EXP:
    906
    ถูกใจที่ได้รับ:
    4
    คะแนน Trophy:
    88
    ขอบคุณทุกๆท่านสำหรับคำแนะนำเจ้าค่ะ จะนำไปปรับปรุงในคราวต่อๆไปแน่นอนค่ะ;w;

    เรื่องนี้อาจจะติดๆขัดๆไปบ้าง เพราะส่วนหนึ่งในเรื่องนี้ดัดแปลงมาจาก"เรื่องจริง"
    เพราะฉะนั้นความรู้สึกของเซซีลีอาเลยสับสนเหมือนกับความรู้สึกของคนแต่งในตอนนั้นค่อนข้างมาก เพราะคนแต่งดึงความรู้สึกออกมาเขียนด้วย
    ยอมรับว่าเขียนสนองNeedตัวเองค่ะ (เหมือนเขียนจีบกันแปลกๆ กร็ากกก)

    ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ;w;/
  6. identity

    identity Active Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    36
    ชอบชื่อของนางเอกเรื่องนี้เพราะ ชื่อเหมือนกับนางเอก gundam f 91 Cecily :medance.: :medance.:
  7. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ที่ชอบสุดสำหรับเรื่องนี้คือการสื่ออารมณ์ตัวละครออกมาน่ะนะ สัมผัสอารมณ์ของตัวละครได้ชัดเจนดี ชื่อตัวละครส่วนใหญ่คุ้นๆคงเพราะหยิบคาแรคเตอร์ที่เคยใช้มาแล้วด้วยเลยจินตนาการภาพตามง่ายหน่อย เอาเป็นว่าจบคอมเมนท์ดื้อๆซะงี้ละกัน นึกไม่ออกว่าจะคอมเมนท์อะไรแล้ว />_<

Share This Page