แนะนำหนังสือน่าอ่าน โดยสมาชิก All Final

กระทู้จากหมวด 'ETC' โดย kolonel, 17 ตุลาคม 2011.

  1. kolonel

    kolonel Demon Daughter of the Light

    EXP:
    380
    ถูกใจที่ได้รับ:
    36
    คะแนน Trophy:
    48
    สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่กระทู้แนะนำหนังสือน่าอ่านประจำบอร์ด :D

    กระทู้นี้มีจุดประสงค์เสมือนเป็นคู่มือช่วยตัดสินใจ ว่านิยายหรือหนังสือเป็นเล่มๆเรื่องไหนน่าสนใจ มีแนวเรื่องเป็นอย่างไร เหมาะสมกับสิ่งที่เราคาดหวังจะได้จากหนังสือเล่มนี้หรือเปล่า เพราะบางครั้ง เวลาที่เราไปเดินร้านหนังสือหรืองานสัปดาห์หนังสือ มักจะเกิดอาการเลือกไม่ถูก บางทีก็เลือกซะนานจนไม่ได้ซื้ออะไร ครั้นจะไปอ่านจนจบที่ร้านแล้วค่อยซื้อก็รู้สึกกระดากพิกล หรือบางเรื่องโดนคนขายไซโคจนซื้อมาแต่ไม่ถูกแนวก็รู้สึกเสียดาย เพราะนิยายหลายเล่ม ก็ใช่ว่าราคามันจะถูกเสียเมื่อไหร่ เลยอยากให้สมาชิกมาร่วมกัน

    ถ้าทุกคนช่วยกันตกผลึกความคิด ช่วยแนะนำ เชื่อว่าทุกคนน่าจะได้หนังสือที่ต้องการแน่นอนค่ะ

    การวิจารณ์ในกระทู้นี้ก็ประมาณว่า ใครชอบนิยายเรื่องไหน อ่านแล้วถูกใจอยากแชร์ให้เพื่อนๆในบอร์ดรู้ ก็มาโพสลงกระทู้นี้ได้เลยค่ะ พร้อมเนื้อเรื่องย่อ วิจารณ์หรือบอกเล่าจุดด้อยจุดเด่นของเนื้อเรื่อง แนวเรื่อง ตัวละคร และอื่นๆเพิ่มเติม ตามที่ผู้มาโพสต้องการ

    แต่ขอแพทเทิร์นที่ต้องมีทุกรีพลาย คือ

    หน้าปก (ถ้าไม่มีจริงๆก็ไม่ต้องก็ได้)

    ชื่อเรื่อง:
    ผู้เขียน: (ได้ทั้งนามปากกาและชื่อจริง)
    แนวเรื่อง: (แฟนตาซี ไซไฟ โรแมนติค จิกกัด บลาๆๆๆ ฯลฯ)
    รูปแบบหนังสือ: (เรื่องสั้นเล่มเดียวจบ เรื่องยาว สามเล่มจบเป็นไตรภาค มหากาพย์ ฯลฯ)
    จำนวนหน้า: (ถ้าไม่รู้ชัดก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ หรือประมาณเอาก็ตามสบาย)

    เรื่องย่อ: (ย่อมาตามหลังปกเลยก็ได้นะเออ)

    ความคิดเห็น: (ตรงนี้อยากใส่อะไรก็ตามแต่คนแนะนำเลยค่ะ)

    --------------------------------------------------------------------------------------------

    ถ้าสมาชิกคนอื่นมีข้อแนะนำอะไร ก็เชิญเสนอมาได้เลยนะคะ ;)

    --------------------------------------------------------------------------------------------
    Azemag, A.K.Thathap, swanton และ อีก 1 คน ถูกใจสิ่งนี้
  2. kolonel

    kolonel Demon Daughter of the Light

    EXP:
    380
    ถูกใจที่ได้รับ:
    36
    คะแนน Trophy:
    48
    สารบัญ

    - ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85 (วินทร์ เลียววาริณ)
    - ตามหาสรวงสวรรค์ (ศรินทร ภัศดาวงศ์)
    - พิภพมนตรา (จุฑารัตน์)
  3. kolonel

    kolonel Demon Daughter of the Light

    EXP:
    380
    ถูกใจที่ได้รับ:
    36
    คะแนน Trophy:
    48
    105709018.jpg

    I love, therefore I am.

    Descartes
    (โลก # 000,430,562)

    ชื่อเรื่อง: ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85
    ผู้เขียน: วินทร์ เลียววาริณ
    แนวเรื่อง: นวนิยายรัก Dak-Done เสียด-Color และ กวน-Teen (ก็ตามที่หนังสือบอกไว้น่ะแหละ ฮา) แอบไซไฟ และแอบอีกหลายๆอย่าง
    (จากหลังปก) นวนิยายรักหวานปะแล่มๆ ที่ผสมนิยายอิงประวัติศาสตร์ เจือนิยายวิทยาศาสตร์ ล้อเลียนเสียดสีสังคมการเมืองยุคบริโภคนิยม ด้วยโครงเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อนและเปี่ยมอารมณ์ขันร้าย
    รูปแบบหนังสือ: เรื่องสั้นเล่มเดียวจบ
    จำนวนหน้า: 295 หน้า

    เรื่องย่อ: สาย ธารี เป็นโกสท์ไรเตอร์ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักเขียนที่มีชื่อเสียงหลายคน วันหนึ่งเขาเดินชนหญิงสาวคนหนึ่งที่หัวมุมถนนและหลงรักเธอทันที เขาเชื่อมั่นว่า เขาเคยพบกับเธอมาก่อน

    สาย ธารี สืบพบว่าหญิงสาวคนที่เขาหลงรักแรกพบ เกี่ยวข้องกับหนังสือนิทานโบราณเล่มหนึ่งที่ตีพิมพ์โดยหมอบรัดเลย์ ชื่อ นิทานอีแสบ ยิ่งเขาคลี่ปริศนาแห่งนิทานอีแสบลึกเท่าใด ก็ยิ่งค้นพบความลับของเขากับเธอ ทั้งสอง ‘เคย’ รักกันมาก่อนในหลายๆ โลก จักรวาลประกอบด้วยมิติต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน เธอคนที่เขารักเป็นหนึ่งใน ‘เธอ’ จำนวนล้านๆ คนในโลกมิติต่างๆ ที่ซ้อนทับกัน

    ความรักของเขากับเธอในโลกมิติต่างๆ เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์โลกตั้งแต่โบราณ เช่น การยาตราทัพข้ามโลกของเจ็งกิสข่าน อเล็กซานเดอร์มหาราช การรุกกรุงธนบุรีของอะแซหวุ่นกี้ จิตรกรรมของ ดา วินชี ความลับกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ. 2310 ลายแทงขุมทรัพย์โบราณ ความลับของเลข 5 กับ 8 ไปจนถึงปริศนากลุ่มดาวราศีธนู หลุมดำ และการย้ายข้ามมิติในจักรวาล

    ความคิดเห็น:

    "ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85" หรือที่เราเรียกอย่างสนุกปากว่า "ผู้ชายคนที่ตามสตอลก์เธอทุกชาติ" นั้น จะพาคุณไปตะลอนทัวร์มิติแห่งรัก ของสองพระนาง สาย ธารี และ รตี วรรษรส ที่มีตัวตนอยู่ในทุกมิติและทุกชาติ ทั้งผจญภัยไปกับประวัติศาสตร์บิดๆเบี้ยวๆในโลกที่คุณเคยรู้จัก ขุดคุ้ยตำนานที่เคยเกิดขึ้น'ในโลกของเรา' ที่กลายเป็นเรื่องซ่อนเงื่อนเสียจนต้องอ้าปากกับความลึกลับ เมื่อมันเกิดขึ้นใน 'โลกของเราในมิติที่แตกต่างกันออกไป'

    นิยายเรื่องนี้ Dak-Done เสียด-Color และ กวน-Teen แทบทุกอย่างตามที่คนเขียนกล่าวไว้จริงๆ ทั้ง การเมืองไทย สถิติการอ่านหนังสือของคนไทย นิสัยคนไทย ภาษาวิบัติในอินเตอร์เน็ตของเด็กไทย กับนิยาม Thailand Only และอีกหลายๆอย่าง พร้อมแทรกมุข ต้นกำเนิดนิยายกำลังภายในจีน หนัง Star Wars หรือคำว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ที่แท้จริง (ซึ่งเกิดขึ้นโดยมีสาย ธารี เป็นตัวแปร) เอาไว้อีกต่างหาก!

    มันมีทุกแบบ ดั่งที่แนวเรื่องได้บอกไว้หมดล่ะ อยู่ที่ว่าคุณจะรู้สึกถึงมันแค่ไหน และจะเข้าใจมันเพียงไรเท่านั้นเอง (ซึ่งเราก็ขอยอมรับว่ายังไม่เข้าใจทั้งหมดหรอก แฮะๆ)

    นิยายเรื่องนี้อ่านแล้วต้องเข้าใจว่า "มันเป็นเรื่องแต่ง" (ในโลกของเรา) เพราะบางอย่างเสมือนจริงจนไม่น่าเชื่อ เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ เอาความเป็นไปได้ของทฤษฎีบนโลกแห่งความเป็นจริงมาเล่นทั้งหมด ฉะนั้น อ่านแล้วต้องใช้วิจารณญาณกันหน่อยนะจ๊ะ แถมบางที ถ้าไม่ได้ชอบการอิงอะไรพวกนี้ ก็จะพาลปิดหนังสือดองเอาเสียง่ายๆ

    ภาษาอยู่ในเกณฑ์สละสลวยแต่เรียบง่าย ไม่ได้หรูอลังการณ์จนร้อง อูอาาา นี่มันภาษาอะไรนี่ อ่านได้เรื่อยๆ การันตรีภาษาของผู้เขียนด้วยรางวัลซีไรต์ สอดแทรกมุกแอ็บๆแบบที่เหมือนคนหนุ่มสาวเขียนอยู่ประปราย ถ้าอ่านโดยไม่คิดมากกับพวกทฤษฎีหรืออะไรแบบนั้น และสนใจกับมุขและภาษามากกว่าล่ะก็ คุณจะอ่านเรื่องโรแมนติคในต่างมิตินี้ได้อย่างสนุกสนานแน่นอน!

    ป.ล. มีหลายมิติที่รตีเท่มาก กร๊าซซซซ
  4. kolonel

    kolonel Demon Daughter of the Light

    EXP:
    380
    ถูกใจที่ได้รับ:
    36
    คะแนน Trophy:
    48
    532125_332246623500038_100001441082133_957079_1406419673_n.jpg

    ชื่อเรื่อง: Maximum Ride แม็กซิมัม ไรด์

    ผู้เขียน: James Patterson (เวอร์ชั่นนิยาย)
    ผู้วาด: Narae Lee
    ผู้แปล: ปิยะนุช พุทธจรรยาวงศ์
    แนวเรื่อง: ไซไฟ แฟนตาซี
    รูปแบบหนังสือ: กราฟฟิคโนเวล เรื่องยาว
    จำนวนหน้า: 268

    เรื่องย่อ: การที่คุณมีปีกและบินได้อาจเป็นความฝันของคนหลายๆคน แต่ไม่สำหรับเธอ "แม็กซิมัม ไรด์" เด็กสาวอายุสิบสี่ (บนหน้าปกน่ะแหละ) และพวกพ้อง -- "เดอะฟอล์ค" (The Flock) ที่ได้รับปีกมาจากการทดลองอันโหดร้ายทารุณ จากห้องทดลองที่ถูกเรียกว่า "โรงเรียน" ครั้งหนึ่งพวกเขาหนีออกมาจากห้องทดลองนั่นได้ แต่แล้ว "แองเจิล" สมาชิกตัวน้อยก็โดนเหล่ามนุษย์ทดลองกึ่งหมาป่า นาม "อีเรสเซอร์" (Erasers) จับตัวกลับไป! แม็กซ์และพวกจะทำอย่างไรต่อไป แล้วพวกเขาจะทำมันสำเร็จหรือไม่!

    ความคิดเห็น: ต้องบอกให้ทราบแต่เริ่มว่า "กราฟฟิคโนเวลเรื่องนี้เคยเป็นนิยายมาก่อน" ซึ่งนิยายก็ชื่อเดียวกันนี่แหละว่า Maximum Ride (ซึ่งเท่าที่เราหาข้อมูลมาแล้ว ซีรียส์ดังกล่าวกำลังจะออกเล่มสุดท้ายในสิงหาคมปีนี้พอดีด้วย) ส่วนตัวข้อมูลนี้เรารู้มาเกือบสองปีแล้ว ตั้งแต่ไปซัมเมอร์นิวซีแลนด์ แต่ตอนนั้นยังไม่สนใจ แถม "แม็กซิมัม ไรด์" ก็ดูชื่อผู้ชายมาก แนวเรื่องก็ไม่รู้ เลยไม่สนใจ จนกระทั่งเห็นเวอร์ชั่นกราฟฟิคโนเวลภาษาอังกฤษ สะดุดตากับเจ๊สาวห้าวสวย (ฮา) ก็เลยหยิบมาอ่าน ...ความรู้สึกคือภาพสวยมาก! แถมเนื้อเรื่องก็สนุก ชอบไซไฟประมาณนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ซื้อ เพราะราคาค่อนข้างสูง แถมอ่านไม่จบอีกต่างหาก

    จนงานสัปดาห์หนังสือครานี้เห็นเวอร์ชั่นแปลไทย ราคาไม่แพงเท่าไหร่ เลยรีบซื้อมาทันที

    อ่านจบแล้วขอบอกว่าสุดยอด! อยากหาเวอร์ชั่นนิยายเต็มๆมาต่อทันทีเลย! ซึ่งท้ายกราฟฟิกโนเวลนี้เอง ก็ได้แถมตอนเริ่มจากเวอร์ชั่นนิยายมาให้สามตอนอีก ช่างรู้ใจและเรียกน้ำย่อยได้ตรงจุดจริงๆ!

    ขอแนะนำค่ะ เพราะอ่านแล้วชอบมาก ไซไฟมีทุกอารมณ์ ตัวละครแต่ละตัวก็มีคาแรคเคอร์ชัดเจน แอคชั่นก็มา ดราม่าก็มี ครบรสจริง!
  5. A.K.Thathap

    A.K.Thathap Active Member

    EXP:
    128
    ถูกใจที่ได้รับ:
    36
    คะแนน Trophy:
    28
    [medio]18[/medio]

    ชื่อเรื่อง: 1Q84​
    ผู้เขียน:ฮารูกิ มูราคามิ (Haruki Murakami)
    ผู้แปล: มุทิตา พานิช, มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์, ปิยะณัฐ จีระกูรวิวัฒน์
    แนวเรื่อง: โรแมนติค อีโรติค แฟนตาซี ลึกลับ
    รูปแบบหนังสือ: ไตรภาค
    จำนวนหน้า: เล่ม 1; 456 หน้า, เล่ม 2; 400 หน้า

    เรื่องย่อ: (จากปกหลังเล่ม 2)​
    เรื่องราวของโลกสองใบที่เคลื่อนมาบรรจบ
    เรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่งที่ตามหากันและกันหากทั้งสองจะถูกลิขิตให้พบกันในโลกใบไหน
    โลกเดิมในปี 1984 หรือใน 1Q84
    "ทำไมถึงไม่มีความจำเป็นจะต้องคิดเรื่องจิตใจ การคิดถึงจิตใจของตนเอง
    แม้ไม่สนใจว่าจะเกิดผลในทางปฏิบัติหรือไม่เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ในชีวิตมนุษย์ไม่ใช่หรือ”
    “สำหรับฉัน ฉันมีความรักค่ะ” อาโอมาเมะตอบอย่างชัดเจน
    ตอนนั้นเองที่เท็งโกะคิดว่า เราคงไม่สามารถถอนหัวใจจากเด็กหญิงคนนั้นได้กระมัง
    จากนั้นจึงสำนึกเสียใจเอาป่านนี้ที่ไม่เคยเรียกเธอตามโถงทางเดินในโรงเรียน
    หากตัดสินใจเรียกเธอไว้ ชีวิตเราตอนนี้อาจแตกต่างจากที่เป็นอยู่ก็ได้

    ความคิดเห็น:
    1Q84 เป็นนวนิยายที่สะท้อนอะไรหลายๆอย่าง​

    ภาวะนิยมจารีตเกิดขึ้นมา เมื่อคนสร้างกระแส -- ที่ไม่ว่าจะผิดศีลธรรมหรือไม่​
    มันเป็นกระแสที่เกิดขึ้น จากการคัดลอกคำพูดใช้ง่ายของคนอื่น มาใช้ราวกับเป็นคำพูดของตัวเอง​
    กระแสจึงส่งผ่านได้รวดเร็ว และทำให้คนเราอ่อนแอลง​

    เกิดเป็นกำแพงสูงใหญ่ เสียงที่แตกต่างเหมือนไข่ที่บอบบาง​

    “ระหว่างกำแพงสูงแกร่งกับไข่ที่แตกเมื่อตกกระทบ​
    ผมจะขอยืนหยัดอยู่ข้างเดียวกับไข่ใบนั้นเสมอมาและเสมอไป”​
  6. ffpokemon

    ffpokemon Editor

    EXP:
    1,691
    ถูกใจที่ได้รับ:
    79
    คะแนน Trophy:
    113
    ชื่อเรื่อง: Outliers - The story of sucess
    ผู้เขียน: Malcomm Gladwell
    แนวเรื่อง: หนังสือแนว self-improvement เกี่ยวกับความสำเร็จ
    รูปแบบหนังสือ: เล่มเดียวจบ
    จำนวนหน้า: คิดว่าประมาณ 300 ครับ

    เรื่องย่อ: หนังสือเล่มนี้ได้รวมรวมปัจจัยแปลก ๆ ที่ส่งผลต่อการประสบความสำเร็จของคน เช่นว่าทำไมคนนักกีฬาฮ็อกกี้ในเมเจอร์ลีกของแคนาดากว่า 80% เกิดในเดือนมกราคมถึงมีนาคม ทำไมคนจีนเรียนเลขเก่งกว่าคนยุโรป ทำไมนักกฏหมายชั้นนำสมัยก่อนมักมาจากครอบครัวที่ทำงานตัดเย็บผ้า ด้วยเรื่องเจ๋ง ๆ เหล่านี้จะทำให้ผู้อ่านมอง "ความสำ้เร็จ" ในมุมมองที่ต่างกันออกไป

    ความคิดเห็น: ผมชอบหนังสือเล่มนี้เพราะผมเบื่อหนังสือแนว self-improvement ที่ล้นชั้นวางในร้านหนังสือไปหมด หนังสือแนวนี้มักจะเขียนโดยคนที่ประสบความสำเร็จพอสมควรและออกมาแนวเดียวกันหมด คือบอกคนอ่านว่าต้อง "ปรับความคิด" "ปรับทัศนคติ" ฯลฯ พร้อมบอกวิธีมองโลกของผู้เขียนที่เว่อร์อย่างกับว่าเป็นเทวดา เพื่อจะบอกว่าถ้า "คิดแบบนี้" แล้วจะสำเร็จ

    ผมอ่านหนังสือแนวนั้นแล้วพูดตรง ๆ เลยว่า "โคตรโม้" เลย คนอะไรมันจะไปมีความคิดลึกซึ้งทะลวงโลกแบบนั้นได้ตลอดเวลา (อ่านประวัติสตีฟ จ็อบส์ดูแล้วยิ่งรู้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ ความจริงก็ปุถุชนคนเดินดินเหมือนเรานั่นแหละ ไม่ใช่ว่าต้องมองโลกขั้นเทพ ลึกซึ้งดุจเทวดา)

    Outliers นั้นชี้ให้เห็นว่าคนจะสำเร็จได้นั้นปัจจัยมันมีร้อยแปดมาก ไม่ใช่แค่เก่งหรือไม่ยอมแพ้ ไม่ใช่แค่คว้าโอกาสได้ แต่ปีที่เกิด สถานที่เกิด คนที่เรารู้จักตอนเด็ก ส่วนสูง ภาษาที่ใช้ กิจกรรมที่เราชอบทำ กิจกรรมในสังคมรอบตัวเรา ฯลฯ ล้วนต่อส่งผลต่ออนาคตของเรา แน่นอนว่าคนเราเกิดมาต้องพยายามให้ถึงที่สุด แต่ถ้าถึงที่สุดแล้วเรายังไม่ประสบความสำเร็จ มันไม่ได้แปลว่าเราไม่มีวิสัยทัศน์เหมือนคนอื่น (อย่างที่หนังสือแนวนี้มักบอกเรา) และมันไม่ใช่เรื่องผิด แท้จริงคนที่ประสบความสำเร็จได้มีแค่หยิบมือเดียวที่ "พอดี" แค่นั้นเอง

Share This Page