.....ก่อนอื่นเลย หลังจากที่ผมห่างเหินจากการแต่งฟิคไปร่วม3ปี ก็กลับมาแต่งอีกครั้ง รู้สึกเหมือนมันจะติดๆขัดๆหน่อยครับ ^^; สำนวนของผมอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ ยังไงก็ช่วยติชมละกัน สำหรับเรื่องสั้นเรื่องนี้คิดว่าหลายคนอ่านแล้วน่าจะรู้สึกคุ้นๆอยู่บ้างไม่มากก็น้อย จริงๆผมไม่อยากจะนับว่ามันเป็น Original ซักเท่าไหร่หรอกนะครับ เพราะผมได้รับแรงบันดาลใจมาจากหลายๆอย่าง ผมจะเขียนไว้ด้านล่างสุดแล้วกันว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากอะไร เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการสปอยล์จนเกินไปนัก .....แล้วก็สำหรับเรื่องสั้นเรื่องนี้ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันซ้ำกับที่เคยอ่านๆกันรึเปล่า แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่คล้ายกันยังไง ก็คิดว่าผมนำเรื่องราวมาเรียบเรียงใหม่เป็นสำนวนของผมแล้วกันนะครับ ^^ ************************************************************************************* Time เวลาไม่หวนคืน ************************************************************************************* .....แกร่ก....แกร่ก...." เสียงเตียงของผู้ป่วยฉุกเฉิน2ราย ถูกลากเข้าไปในโรงพยาบาลในกลางดึกคืนหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้ว เนื่องจากร่างที่อยู่บนเตียงทั้ง2นั้น เป็นเพียงร่างที่ไร้วิญญานเท่านั้น ผมได้แต่เพียงร้องไห้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เพราะผมยังไม่พร้อมกับการที่จะต้องจากพ่อและแม่ไปพร้อมกันทั้ง2คนแบบนี้ ============================================================= .....จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ 7 วัน เข้าไปแล้ว ผมได้แต่นึกเสียใจที่ใช้ช่วงเวลาดีๆที่ผ่านมาอย่างไร้ค่า ผมพึ่งจะมาสำนึกได้ก็ตอนที่ผมกับพ่อแม่ต้องอยู่คนละโลกกันแล้ว ในตอนนี้ผมไม่สามารถจะกอดพ่อแม่ได้อีกแล้ว ไม่สามารถเป็นลูกที่ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ตอนยังมีชีวิตอยู่ได้ ไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสกับพ่อแม่ ใช่แล้วที่ผ่านมาผมมันเป็นลูกที่ไม่ดี ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ในตอนนี้มันอาจจะสายไปแล้วที่ผมจะมาสำนึก น้ำตาของผมดูเหมือนจะไหลอยู่ท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตาที่มาเข้าร่วมงานศพในวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานแล้ว .....ที่ผ่านมาพ่อและแม่ดีกับผมเสมอมา แต่ผมกลับไม่เคยทำตัวเป็นลูกที่ดี ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ ไม่เคยสนใจคำตักเตือนหรือคำสั่งสอนต่างๆของท่าน เมื่อต้องจากันผมกลับรู้สึกสำนึกในสิ่งที่ทำผิดพลาดมาตลอด25ปีที่ผ่านมา แต่มันก็ได้เพียงแต่ทำให้ผมรู้สึกผิด ไม่สามารถช่วยย้อนเวลาให้ผมกลับไปตอบแทนบุญคุณของพ่อและแม่ได้อีก .....ผมยังจำวัยเด็กของผมได้ดีทุกเช้าพ่อแม่ของผมจะไปส่งผมที่โรงเรียน และจะกลับมารับผมในตอนเย็นโดยไม่เคยมาสายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมจะเป็นลูกที่เชื่อฟังพ่อแม่มาโดยตลอด จนกระทั่งผมเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นผมเริ่มไปโรงเรียนเอง ความสัมพันธ์ของพวกเราดูเหมือนจะห่างเหินกันมากขึ้น ผมต่อว่าพ่อแม่ผมหลายครั้งด้วยความไม่เข้าใจเจตนาที่ดีและความเป็นห่วงของพ่อและแม่ ในช่วงที่ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นท่านทั้งสองก็คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ แต่หลายครั้งที่ผมกลับหงุดหงิดและคิดว่าพ่อแม่จะมากดดันผม .....เมื่อผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในบางครั้งที่ผมไปเที่ยวกับเพื่อนจนกลับบ้านดึกดื่น ผมก็จะรำคาญที่พ่อแม่มักจะมาต่อว่าผมเสมอ ทั้งๆที่ผมแค่ไปเที่ยวกับเพื่อน ผมกลับพึ่งมารู้สึกได้ในตอนที่ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว พ่อแม่เพียงแต่ต้องการจะให้ผมระวังตัวในอันตรายที่จะเกิดขึ้นในยามค่ำคืนเท่านั้น แต่ผมกลับแสดงท่าทีไม่พอใจใส่ท่านเป็นการตอบแทน ผมมันเป็นลูกที่แย่จริงๆ .....ในช่วงที่ผมใกล้จะเรียนจบผมดื่มเหล้าบ่อยมากจนทำให้บางครั้งก็ไม่มีสติอยู่กับตัว ทำให้หลายครั้งได้ต่อว่าพ่อแม่ไปโดยไม่รู้ตัว แต่ถึงจะเป็นการกระทำโดยไม่รู้ตัว มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้พวกท่านต้องรู้สึกเจ็บปวด เพราะลูกแย่ๆอย่างผม ผมช่างเป็นคนที่อกตัญญูเสียจริง ที่ไปทำแบบนั้นกับพ่อแม่ ถึงกระนั้นทุกวันที่ผ่านมา ผมกลับไม่เคยรู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่ผมทำเลยจนกระทั่งวันนี้ .....หลังจากวันนี้ไป ผมคงทำได้แต่รู้สึกผิดบาปในสิ่งที่ผมทำไป แต่พ่อแม่ของผมก็ไม่ได้อยู่ในภพเดียวกับผมอีกแล้ว แล้วท่านจะรับรู้ความรู้สึกของผมได้หรือ ทำไมก่อนหน้านี้ผมไม่ทำตัวเป็นลูกที่ดีและกตัญญูต่อท่านให้มากๆนะ .....ทำไม... ทำไม... ทำไม...คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวผม .....ผมควรจะสำนึกให้ได้ก่อนหน้านี้สิ ผมอยากมีเวลาอีกซักหนึ่งวันให้ผมได้ทำอะไรเพื่อพ่อแม่บ้าง ถ้ามันมากไปก็ขอซัก1ชั่วโมงให้พวกเราได้กินข้าวเย็นด้วยกัน หรือ 1นาทีเพื่อให้ผมได้บอกรักกับพวกท่านก่อนก็ยังดี ทำไมเวลาที่ผ่านที่พวกท่านต้องการจะอยู่ใกล้ชิดผม ผมไม่เคยเห็นคุณค่า แต่วันนี้ผมอยากอยู่ใกล้ชิดพวกท่านบ้าง แต่ผมกลับไม่มีโอกาสเสียแล้ว ผมเสียใจและรู้สึกผิดจริงๆ ถ้าเวลาย้อนกลับมาได้ผมอยากจะเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ตอบแทนพวกท่านให้ได้มากกว่านี้ ผมจะกอดพวกท่าน จะไปกินข้าวเย็นกับพวกท่านทุกวัน ทำไมเวลาถึงไม่ให้โอกาสผมอีกซักครั้งก็ยังดี ผมไม่อยากจากลากับพวกท่านไปแบบนี้ ============================================================= .....ในที่สุดงานศพก็เสร็จสิ้นลง ผมคงจะไม่ได้เห็นพ่อและแม่ของผมอีก แต่ในตอนนี้ผมได้ยินเสียงร้องไห้ของพวกท่านอย่างชัดเจน ที่ร้องไห้ให้กับการจากไปของผม ลูกอกตัญญูคนนี้ ผู้ซึ่งไม่เชื่อฟังคำสอนของท่าน ผู้ซึ่งคึกคะนองและทำตัวเป็นภาระให้กับท่านมาโดยตลอด และยังทำให้มีผู้เคราะห์ร้ายต้องมาตายเพราะความประมาทจากการดื่มเหล้าของผมอีก ถึงตอนนี้ผมจะสาบานว่าไม่ดื่มเหล้าอีก ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปเพราะผมและผู้เคราะห์ร้ายรายนั้นก็ได้ตายจากโลกนี้ไปเสียแล้ว ผมไม่มีโอกาสจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องราวใดๆที่ผิดพลาดได้อีก ถ้าผมเชื่อฟังคำสอนคำตักเตือนของพ่อแม่มากกว่านี้ สำนึกได้ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์อันน่าเศร้านี้คงจะไม่เกิดขึ้น ผมน่าจะใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากกว่านี้ หลังจากวันนี้ไปผมคงได้แต่ไปสำนึกในการกระทำที่ผิดบาปของผมในโลกหลังความตายเสียแล้ว ************************************************************************************* .....เอาล่ะครับ อ่านกันจบแล้วสินะครับ งั้นผมขอบอกไว้ก่อนเลยว่า เรื่องนี้ผมได้แรงบันดาลใจมาจากโฆษณาไทยประกันชีวิตเมื่อนานมาแล้ว ที่พ่อขับรถชนกับรถบรรทุกแล้วบอกว่าอยากมีเวลามากกว่านี้ที่จะอยู่กับลูกน่ะครับ ผมก็เลยลองเอามาเรียบเรียง+ดัดแปลงนิดหน่อยครับ สำหรับเหตุผลที่ว่าทำไมพึ่งคิดจะเอามาเขียนในตอนนี้ ก็เพราะว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนผมไปฟังพระเทศน์มาครับแล้วเห็นโฆษณาตัวนี้ แต่ครั้งนี้อาจจะเป็นเพราะผมมีมุมมองที่เปลี่ยนไปจากตอนเห็นโฆษณานี้ครั้งแรกล่ะมั้งครับ เลยเอามาแต่งเป็นเรื่องสั้น(ที่สั้นมากๆ) ยังไงก็ฝากติชมด้วยแล้วกันนะครับ ^^'
เรื่องนี่มันช่างมืดมนเสียจริงนะครับเนี่ย ให้แง่คิดดีๆ กับคนหลายคนด้วยนะครับเนี่ย เป็นผลงานเรื่องสั้นที่ใช้ได้เลยทีเดียว
ฮ่วย...ดักซะเนียน....นึกว่าคนตายคือพ่อกับแม่จริงๆ ดันกลายเป็นผู้พูดกับตัวประกอบที่ไม่ได้พูดถึงในเรื่องไปซะได้ เป็นเรื่องสั้น....ที่สั้นสมชื่อจริงๆ ( ไม่รู้เป็นเพราะหน้าเว็บกว้าง เนื้อหาเลยดูน้อย หรือว่ามันน้อยยยยยจริงๆแฮะ...) แล้วเรื่องเก่าๆที่เคยเปิดรับสมัครไว้ล่ะเฟธ -_,-+
=[]=!! เป็นเรื่องสั้นที่สั้นจริงๆ (กร๊าก แซวเล่นนะครับ!!) จบได้หักมุมมาก =[]= ตอนแรกก็คิดว่าพ่อกับแม่ตาย กลายเป้นลูกตายซะงั้น..... หลอกผมซะตายใจเลย ฮาๆ ผมว่าเรื่องนี้เน้นความรู้สึกมากกว่านะ มันทำให้ผมสะเทือนใจได้ดีทีเดียว ภาษาอาจไม่ต้องสวยหรู แต่แง่คิดที่ให้ ผมว่ามันทำให้หลายๆคนที่ได้อ่านรุ้สึกตัวและทำในสิ่งที่ควรทำเสียที ^^ P.s. นับว่าเป็เรื่องสั้นเรื่องแรกเลยนะครับเนี่ยที่เจิมบอร์ด ฮา
มาลงชื่อว่าโดนหลอกอีกคน =[]=" เนียนมาก เพิ่งจะรู้ความจริงตอนเฉลยนั่นแหล่ะ(เอวัง) มีแต่คนบอกว่าแค่นี้ก็สะเทือนใจแล้ว แต่ผมจะผมยุให้ทำให้มันยาวขึ้นอีกนิดครับ *-*/ จะได้สะเทือนใจขึ้นไปอีก(มาโซ) มันเป็นเรื่องสั้น(ที่สั้นจริงๆ)เตือนใจเรื่องนึงเลยอ่ะ แต่ผมยอมรับว่ายังไม่ค่อยถึงใจเท่าไหร่ (หรือผมด้านไป - -"?) มีเรื่องสั้นออกมาแล้วก็ขอทวงเรื่องยาวด้วยดิ =[]=!! อยากอ่านอ่ะเฟธ
มุขหักมุมเจ๋งเป้งมากโด้! ยอดเยี่ยม แต่ถ้าตัดฉากสวยกว่านี้จะประทับใจมาก อ่านไปทิ่มแทงใจตัวเองไป ผมเองก็เลวกับพ่อแม่ไว้เยอะเหมือนกัน.. เป็นเรื่องสั้นที่ดีครับ ถึงจะไม่แปลกแหวกแนวมาก แต่ก็พอจะเตือนสติให้เรารู้ว่า ความตายไม่รอใคร รีบทำดีกับคนที่รักคุณมากที่สุดก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว ปล.ถ้าผมจะขอจับเคสนี้ไปใช้ในฟิคยมทูตของผม(แต่เป็นตัวออริที่เก็บอยู่ในคอมนะ)จะว่ากันไหมเนี่ย?
โดนตั้งแต่ชื่อฟิค... เข้ามาในกระทู้ก็โดน....โดนหลอก เหอๆๆๆ อ่านแล้วสะเทือนมาก คนเราทำอะไรไปไม่คิดหรอก กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อสูญเสียไปแล้ว ให้แง่คิดดี ><
ขอบคุณนะครับ สำหรับทุกๆ Rep ขอแวะมาตอบคำถามรอบแรกซักหน่อย ^^ จริงๆเรื่องนี้ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันออกแนวมืดมนหรอกนะครับ แค่ต้องการจะนำเสนอว่า เวลาของทุกคนมีค่า เราไม่มีทางรู้ว่าจะต้องตายไปวันไหน เพราะงั้นเราควรจะแสดงความรักกับคนที่เรารักมากๆ เพราะไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรน่ะครับ ดังนั้นอย่ารอจนมันจะสายเกินไป(จำคำของคนอื่นมาพูดอีกที :555: ) ส่วนที่ว่าเรื่องนี้มัน"สั้น"จริงๆ ผมก็เห็นด้วยครับ ตอนพิมพ์เสร็จยังแบบ......หน้าครึ่งเอง(A4) แถมมีเคาะEnterอีกเพียบครับ 555 (ลังเลอยู่นานเหมือนกันว่าจะเอาลงดีมั้ย แต่สุดท้ายก็ลงมาเจิมบอร์ดครับ 555) สำหรับเรื่องฟิคที่เคยรับสมัครไปนั้น ...เนื่องจากตอนนี้ขึ้นบอร์ดใหม่แล้ว อะไรเก่าๆที่ไม่ดีก็ลืมมันไปแล้วมาเริ่มสิ่งดีๆในบอร์ดใหม่กันเถอะครับ เย้ๆๆ [action]โดนบรรดาคนที่เคยสมัครฟิคไว้มารุมยำ[/action] พูดเล่นนะครับ 555 เรื่องพวกนั้นผมคิดว่าถ้าจะเขียนต่อคงจะเป็นฉบับRemakeแล้วล่ะครับ เพราะตอนนี้ผมมีพลอตเต็มมือเลย แถมวัตถุดิบก็เพียบ เพราะ3ปีกว่าๆที่หยุดไปนี่ผมก็เก็บข้อมูลมาตลอดน่ะครับ คิดมาเสมอว่าจะได้แต่ง แต่ได้ภาระทางการเรียนในมหาลัย ที่ผมปากกัดตีนถีบมาตลอด(ขออภัยถ้าไม่สุภาพนะครับ) ก็แคล้วคลาดมาจนถึงเทอมที่แล้วที่เริ่มจะสบาย แต่ก็ยังมีวิชาชวนปวดหัวนิดหน่อย เลยยังไม่ได้แต่งไปอีกเทอมนึงครับ พอมาเทอมนี้ตอนนี้เหลือแค่โปรเจคแล้วครับ เพราะงั้นผมก็จะพยายามแบ่งเวลาให้มาเขียนฟิคต่อได้ครับ (ถ้าคู่โปรเจคผมรู้ว่าอู้โปรเจคมาทำ ผมต้องโดนมันฆ่าหมกท่อแน่ 5555<<ต้องปั่นโปรเจคแล้วเหมือนกันครับ) แล้วก็ขอโม้เรื่องส่วนตัวที่เกี่ยวกับฟิคเล็กน้อยครับ วิชาเลือกเทอมนี้อาจจะมีผลทำให้สำนวนผมไม่คงที่นิดหน่อยนะครับ แต่อาจจะจุดประกายให้ผมอยากแต่งฟิคได้ทุกสัปดาห์ เพราะผมลงวิชา Paragraph Writing ไป เลยอาจจะทำให้ผมมีความรู้สึกอยากเขียนมากขึ้น + ที่ลงวิชานี้เพราะอยากลำดับความคิดในการเขียนให้ดีขึ้นด้วยนะครับ แล้วก็ลงวิชาบางวิชาที่มันอาจจะมีเกร็ดให้มาลงฟิคได้เหมือนกัน เรียกว่าเป็นเทอมแห่งการเก็บข้อมูลมาเขียนฟิคโดยแท้(ฮา) จริงๆก็ไม่ทั้งหมดหรอกครับ ที่จะเอามาแต่งฟิคได้ก็แค่ครึ่งเดียวเท่านั้นแหละครับ [action]ได้ยินเสียงแว่วๆประมาณว่า "เทอมนี้ไปเรียนแน่เรอะ"[/action] :555: ส่วนเรื่องจบหักมุม ตอนแรกผมกะจะให้ตัวประกอบคนนั้นเป็นน้องของตัวเอกในเรื่องนะครับ แต่อันนั้นมันคงจะหดหู่ไปหน่อยนึงน่ะครับ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ประเด็นที่ผมเน้นในเรื่องนี้ซักเท่าไหร่น่ะครับ (ตอนแรกกะจะเขียนประมาณว่า เตียงผู้ป่วยฉุกเฉินนำร่างของชายหญิงคู่หนึ่ง แล้วให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องสาวของตัวเอกน่ะครับ แล้วก็ประมาณว่า ตัวเอกกับน้องต้องอยู่คนละโลกกับพ่อแม่แล้ว <<แค่คิดก็เศร้าเกินกว่าจะพิมพ์แล้วน่ะครับ แหะๆ) แล้วก็ เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่เจิมบอร์ด เพราะผมจงใจนิดหน่อยครับ 55555 เห็นว่าขึ้นบอร์ดใหม่พอดี ผมก็เลยคิดจะเอาฟิคยาวมาลง แต่พลอตก็ยังเกลาได้ไม่สมบูรณ์น่ะครับ เลยยังไม่เอามาลง แล้วแต่งฟิคสั้นมาลงไปก่อน จริงๆก็ไม่เจตนาขนาดว่าจะลงทันที แล้วก็คนแรกหรอกครับ แต่อยู่ดีๆพลอตนี้ก็ปิ๊งมาในหัวเฉยเลยน่ะครับ แล้วก็มาแต่งในวันถัดมา ^^' สำหรับฟิคยาวคิดว่าถ้าเร็วๆนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ก็อาจจะเปิดรับสมัครตัวละครแล้วล่ะครับ - -'' ตอนแรกกะจะแต่งเป็นฟิคออริเลย แต่คิดว่าตัวละครที่มีคงไม่พอครับ ส่วนเรื่องตัดฉากสวยๆ ผมยอมรับผิดเลยครับว่าพลาดไปเต็มๆ เพราะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยน่ะครับ = ='' ถ้ามีเวลาอาจจะเอาเรื่องสั้นที่สั้นจริงๆ นี้มารีเมคให้เป็นเรื่องสั้นที่ยาวกว่านี้หน่อยก็ได้นะครับ ^^' สำหรับที่พี่อีวานจะเอาเคสนี้ไปใช้....เอาไปได้เลยครับ จริงๆเดิมทีผมจะใช้เคสนี้สมัครฟิคพี่ด้วย 5555 แต่กลัวจะสื่อออกมาไม่เหมือนกันกับที่ผมไปฟังเทศน์มาน่ะครับ(แรงบันดาลใจในการเขียน ^^') เลยเอามาเขียนเองก่อน บอกตามตรงว่าก่อนจะปิ๊งพลอตนี้ ผมกำลังคิดเรื่องสมัครฟิคพี่อีวานอยู่นะครับ 555 เพราะงั้นก็เอาไปใส่ไว้ก็ดีเหมือนกันครับ นี่เป็นเคสนึงเหมือนกันที่ผมอยากเห็นในมุมมองของพี่อีวานน่ะ สำหรับเรื่องชื่อฟิคนะครับ เป็นชื่อที่บังเอิญมากๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่ตั้งใจคิดนะครับ แต่ว่าคิดไว้ว่าจะเอาชื่อ Time นี่แหละ เพราะเวลามันหวนกลับมาไม่ได้ เหมือนมีไทม์แมชชีน ก็เลยเอาชื่อนี้ก่อน ส่วนชื่อต่อท้าย ตอนแรกเป็น "เวลาไม่อาจหวนคืน" แล้วผมก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ถูกใจซักที แล้วผมอยู่ดีๆก็นึกๆแล้วคำว่าอาจ มันก็ตกไปตอนไหนไม่รู้น่ะครับ หลังจากนั้นพอลองเอาชื่ออื่นที่คิดได้หลังจากนั้นมาเทียบ ผมก็คิดว่ามันไม่โดนเท่ากับชื่อนี้แล้วน่ะครับ ^^'' ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเมนท์ และ คำติชมนะครับ ปล. ถ้าเรื่องยาวยังไม่ถูกเข็นออกมาในเร็วๆนี้ ผมอาจจะแต่งเรื่องสั้นต่อไปก่อน แล้วเอามาลงครับ(ถ้ามีเวลาว่างพอนะครับ ^^) ปล2. ตอนนี้มีพลอตอีกพลอตนึงที่นึกได้ครับ เพราะว่าหลังจากแต่งเรื่องนี้เสร็จก็นึกถึงที่ฟังพระเทศน์วันก่อน+ฟังอาจารย์พูดวันนี้(หมายถึงวันพุธนะครับ)แล้วก็ปิ๊งขึ้นมาว่า ตรงกันพอดี เลยอาจจะเอาเรื่องมาผสมกันน่ะครับ เพราะผมฟังแล้วรู้สึกอินกับสิ่งที่ทั้งอาจารย์พูดแล้วก็พระเทศน์มากๆเลยครับ ปล3. รู้สึกว่าตอบคอมเมนท์จะยาวกว่าตัวฟิคอีกนะครับเนี่ย
เป็นการเล่าเรื่องที่สะเทือนอารมณ์ได้พอสมควร ชอบตรงสุดท้ายที่หักมุมออกมาให้คนอ่านแปลกใจ ** เออเนอะ เห็นด้วยกับโด้ ฟิคเก่าๆที่อยู่ในบอร์ดเก่า ก็ลืมๆไปตอนนี้เรามาอยู่ในบ้านหลังใหม่แล้ว เรามาเริ่มต้นกันอีกทีละกัน สู้ๆ [action]กร๊ากกก[/action] :555: