~Prologue~ ~A Tale from future~ .......จะให้เริ่มตรงไหนดีน่ะเหรอ ??? สำหรับชั้นแล้วเรื่องทุกอย่างเริ่มขึ้นตั้งแต่ยังจำความได้ ดาบสีดำสนิทที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและศพเกลื่อนกลาด จากฝีมือของคนที่ชั้นเรียกว่า พี่ชาย ในความเป็นจริงการแย่งชิงอาวุธทั้ง 13 เริ่มขึ้นมานานแล้วเพียงแต่ก็ต่อสู้มันไม่ขยายตัวพอที่จะเรียกว่าสงครามได้ จนกระทั้งชายผู้ถูกเรียกว่า “ยมทูตแห่งเบลก้า” ได้ก่อตั้งสมาพันธ์ Section 5 ขึ้น พวกเขาคือกลุ่มนักล่าฝีมือฉกาจที่ออกเสาะแสวงหาศาสตราในตำนานโดยไม่เลือกวิธีการ ตัวชั้นเองก็ไม่แน่ใจว่าเพราะไอ้ความเชื่อประหลาดๆที่ว่าหากผู้ใดได้ครอบครองอาวุธพวกนั้นได้ครบแล้วจะได้รับพลังอำนาจมหาศาลเป็นสาเหตุหรือเปล่า แต่ว่าสิ่งที่เด่นชัดคือ เหล่าผู้ครอบครองศาสตราคนอื่นตกเป็นเป้าหมายในการไล่ล่าครั้งนี้ไปโดยปริยาย แม้ว่าเหล่าสมาชิกของ Section 5 คนอื่นจะมิได้เป็นผู้ถือครองอาวุธเทพเหล่านั้น หากแต่ฝีมืออันเจนจัดนั่นสามารถไล่ต้อนเหล่าผู้ถือครองได้หลายครั้งหลายครา จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้พวกเขาต้องเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกันและดึงเหล่าผู้เคราะห์ร้ายที่โดนลูกหลงจากการไล่ล่าเข้ามาเป็นกำลังเสริม “กางเขนเลือด” คือหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงมากในครั้งนั้น กลุ่มของพวกเขานั้นแข็งแกร่งทรงอนุภาพ และยังมีสมาชิกที่ถือครองศาสตราอยู่ในกลุ่ม ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าขัน เพราะก่อนหน้านั้นเหล่าผู้ถือครองต่างจ้องจะแย่งอาวุธของอีกฝ่ายตลอดมา จนแทบจะเรียกได้ว่าถ้าเจอหน้ากันที่ไหน ที่นั้นต้องมีการนองเลือด เอาเถอะ เมื่อต้องก้าวสู่อันตรายร่วมกันมันก็ไม่ต่างอะไรกับลงเรือลำเดียวกันล่ะนะ และดูเหมือนอุดมการณ์ของพวกเขาจะสอดคล้องกันเป็นอย่างดี Cross Knight คือชื่อที่พวกเขาใช้ร่วมกัน แต่นั้นก็หมายถึงการปะทะกันที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ...... สุดท้ายสิ่งที่เรียกว่าโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นอย่างช่วยไมได้ โครลิส อาณาจักรอันสงบสุขกลายเป็นสมรภูมิเนื่องจาก กลุ่มทั้งสองต่างนัดหมายแย่งชิงของสิ่งเดียวกันจากครอบครัวเร่ร่อนครอบครัวหนึ่ง เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ชักนำ เมืองริริอา เมืองแห่งสถาปัตยกรรมอันงดงาม ให้ตกอยู่ใต้ความตายและเปลวเพลิง อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองกลุ่มก็ไม่อาจจะได้สิ่งที่ปรารถนาไปได้ เพราะเด็กน้อยสามคนที่รอดชีวิตไปราวกับปาฎิหารย์ ได้นำของสิ่งนั้นไป.... และหนึ่งในสามคนนั้นก็คือชั้น ผู้ซึ่งภายหลังถูกขนานนามว่า เนตรอัคคี แต่ว่าพวกเราก็ถูกแย่งชิงอีกสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า สิ่งที่เรียกว่าครอบครัว..... เด็กน้อยสามคนที่มีเพียงดาบที่เล่มใหญ่กว่าร่างกายเล็กๆของเรา และจี้ห้อยคอประหลาดที่พ่อกำชับหนักหนาว่า “ห้ามให้ตกไปอยู่ในมือผู้ใดโดยเด็ดขาด” แต่สำหรับชั้นในตอนนั้นมันก็เป็นเพียงแค่ของที่จะนำความตายมาหาพวกเราเท่านั้น ไม่มีทางเป็นอื่น..... และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ เราถูกโจมตีจากกลุ่มบุคคลลึกลับซึ่งชั้นมารู้ภายหลังว่าบริเวณนั้นเป็นแทบพรหมแดนที่เราจะข้ามไปยังรูบิเนเซีย ตัวของชั้นตกลงไปในหุบเหวลึก ที่ตอนนี้ชั้นมักจะไปนั่งอยู่ตรงนั้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกือบจะไม่มีวันนี้ และถ้ามันไม่มีน้ำที่ลึกพอตรงที่ชั้นตกลงไป ปัจจุบันก็คงเป็นเพียงซากศพที่โดนฝังไปนานแล้วล่ะ ก็แน่นอนว่าเด็กตัวเล็กๆอย่างชั้นไม่มีทางจะรอดชีวิตไปจากที่นั่นด้วยตัวคนเดียวไปได้แน่ ร่างกายที่บอบช้ำราวกับจะตายเสียเดี๋ยวนั้น กระเสือกกระสนขึ้นมานอนบนพื้นดินได้สำเร็จ และดวงตาสีแดงอันอบอุ่น ผมสีไข่มุกที่พลิ้วไหว กับมือที่อบอุ่นนั้นก็ฉุดรั้งชั้นจากความตาย..... นั้นคงเป็นบทเรื่มต้นสำหรับชั้น.... เอาเถอะ ถ้าคุณคิดว่าคนที่กำลังเล่าๆเปลืองน้ำลายอยู่นี่เป็นตัวเอกในหน้าประวัติศาสตร์นี่แล้วล่ะก็ ขอบอกว่าคุณคิดผิด แม้มันจะเป็นเรื่องที่มาจากมุมมองของชั้น แต่ว่า....ชั้นอยากจะเล่ามันโดยให้ความสำคัญกับอีกบุคคลที่ชั้นเคารพนับถือเช่นเดียวกับพี่ชายของชั้น บุรุษที่ตัวชั้นมองด้วยความชื่นชมจากด้านล่างมาโดยตลอด เขาคือ ราชามาร “เดม่อน ลอร์ด” ผู้กวัดแกว่งดาบสีขาวสะอาดตาผิดกับสมญาที่ได้รับ ยอดฝีมือที่ยืนอยู่เหนือกองซากศพศัตรูที่หมายประหัตประหาร แต่ประวัติของเขาแทบจะไม่มีลงเหลืออยู่ ผู้ที่เป็นทั้งวีรบุรุษและอสูรร้ายฆ่าคน หน้าแรกของบันทึกได้ถูกเขียนแล้ว.......... ...................................................................... ........................................................... ................................ Talk Talk Talk เรื่องนี้ผมพยายามจะเขียนออกมาดีๆ อยากรู้ว่าถ้าตัวเองไม่แต่งฟิครั่วๆแล้วมันจะขายออกไหม 555+ (แต่ก็กลัวสุดท้ายจะกลับไปรั่วเหมือนกัน) หลายๆคนอาจจะ งงๆ ว่าทำไมบทนำมาเร็วจังฟ่ะ ยังไม่ทันปิดรับสักหน่อย ที่มันมาเร็วไม่ใช่เพราะไฟแรงหรอกครับ เผอิญนั่งฟัง Theme ของ Final Fantasy versus XIII เข้า แล้วมันดันเข้ากับ Theme เรื่องที่ผมคิดเอาไว้พอดีเลย เท่านั้นแหละ ไอเดียต่างๆก็พรั่งพรูเข้ามา แต่บทนำนี่ประมาณแจกแจงเรื่องอีกครั้งและหาคนมาสมัครเพิ่มไปในตัว 555+ ยังไม่ปิดรับนะครับไปสมัครอีกกระทู้กันได้เลย โอ้ส เดม่อน ลอร์ด (Demon Lord) ไอ้หมอนี้มันเป็นใครกันแน่ ก็ต้องติดตามกันต่อไปโลด แต่คนเล่าเรื่องนี้คงไม่ต้องบอกหรอกมั้งว่าใคร - -* ปล.เรื่องนี้เกิดขึ้นในอดีตของผู้เล่าครับ อย่างที่ดีริกคุงสงสังตรงบรรทัดสุดท้ายนั่นเป็นบันทึกของผู้เล่าที่เริ่มเขียนไปทีล่ะหน้าครับ (ประมาณบันทึกประวัติศาสตร์อะไรประมาณเนี่ย) แต่จริงๆบทนำมันก็บอกอยู่แล้วนะว่าเรื่องเล่าจากอนาคต - - Thanks For You Support !!!!
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future เปิดเรื่องได้น่าสนใจมากครับ!!! นั่งเดาตัวละครกันมันเลย 555 เท่าที่อ่าน....เรื่องเล่านี้คงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตของเรื่องที่จะเขียนสินะครับ? เพราะดูจากตัวละครและฝ่ายสังกัดที่ปรากฎนี่...น่าจะเป็นตัวละครของผู้สมัคร?(รึเปล่า?) 5555...เอาเถอะ ยิ่งเดายิ่งมึน!!! ปล.เห็นบรรทัดสุดท้ายที่บอกว่าหน้าแรกแล้ว...มันขัดกันวุ้ย!! ตกลงอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตแน่เนี่ย -*-
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future หุหุ พี่โย เปิดเรื่องแบบปริศนา มาแต่ไกล.. ไว้จะรอดูตอนเต็มๆน้า
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future สุดยอดมากครับเปิดเรื่องได้ดีมากๆ อ่านแล้วทำให้อยากอ่านตอนที่ 1 ขึ้นมาทันตา!! แค่บทเปิดเรื่องยังมีปริศนามากมายขนาดนี้แล้วตอนที่ 1 จะขนาดไหน แล้วที่ดูจากบทนำ เรื่องนี้คงเป็นเรื่องเล่า ที่เล่าผ่านคนที่มีฉายาว่า "เนตรอัคคี" สินะครับ * *
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future สุดยอด!!!!! เปิดตัวได้เยี่ยมกว่าเรื่องไหนๆของโยเลยล่ะ เยี่ยมจริงๆ ชอบ!!! d><b ตอนแรกและตอนต่อๆไป ก็ขอให้คงคุณภาพไว้แบบคงเส้นคงวาด้วยนะ
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future เปิดตัวได้แจ่มจริงๆ (แต่ทำไมรู้สึกทะแม่งๆ หว่า หรือเพราะเห็นแต่งรั่วมานานเกินไป) เนตรอัคคี ....พอจะเดาได้แล้วว่าใคร เหอะๆๆๆ
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future บทแรกเปิดตัวได้น่าสนใจ อย่างมาก แล้วบทที่2 ล่ะโย กรั๊กๆๆๆๆ
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future โอ่ะ เห็นด้วยกันกับทุกท่านว่าเปิดตัวได้สุดยอดมากเลย!!! จะรอติดตามบทที่หนึ่งนะครับ ^^/
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future เปิดมาแล้ว หุๆๆ (ทำไม section5 ได้รับบทร้ายกลายๆไปเลยล่ะ?) รออ่านตอนต่ออย่างใกล้ชิด
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future เปิดตัวได้ สุดๆ ทำให้อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ เลยนะเนี่ยท่านโย ว่าแต่เปิดตัวเร็วได้ใจสุดๆ เลยอ่ะ
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future เปิดเรื่องได้เยี่ยมเลยค่ะ - -b รู้สึกอยากอ่านตอนต่อไปขึ้นมาทันทีเลย ดีเหมือนกันนะคะที่เล่าเรื่องจากฝ่ายจอมมาร ปกติคนเล่ามักอยู่ฝ่ายธรรมะนี่เนอะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future พอเข้าสู้โหมดฟิคซีเรียสก็เขียนซะซีเรียสเลยนะโยจัง...ผิดกับฟิครั่วลิบลับ.. เปิดตัวได้ดีจริงๆ - -b สงสัยต้องเอาเป็นตัวอย่างซะเเล้ว 555+
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future ว๊ากกก อ่านบทนำแล้วอยากอ่านต่อมากมาย อยากเห็นฝ่ายต่างๆต่อสู้ปะทะกันนนน กรุณาด้วยนะครับ อยากอ่านต่อ *-*
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future พล๊อตเรื่องน่าสนใจดีนะครับ อยากเห็นอาวุธในตำนานของแต่ละท่านออกมาวาดลวดลายเร็ว ๆ จัง สู้ ๆ ครับ
Re: The Legacy War ~Prologue~ A Tale from future ~History’s Page I~ ~The Flame of Heaven~ .....จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของสงครามครั้งนี้อยู่ที่การตามล่าบุคคลสองคน จะเรียกว่าพวกเขาบ้าดีเดือดหรือว่ามีฝีมือเทพเกินคนชั้นก็ไม่มั่นใจนัก แต่ด้วยวีรกรรมไล่ถล่มพวกที่ตามล่าพวกเขาจนไม่เหลือซากซึ่งจำนวนนั้นห่างกันลิบก็พอเพียงในการบรรยายสรรพคุณของพวกเขาได้ง่ายๆ ไอเย็นแห่งรัตติกาล และ นภาคำราม หนึ่งบุรุษ หนึ่งสตรี ที่ในตอนนั้นตัวชั้นเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวก Section 5 ถึงได้ตามล่าตัวสองคนนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ที่แน่ๆศาสตราทั้ง 13 ต้องอยู่ในมือของสองคนนี้ และไม่ใช่เพียงชั้นคนเดียวที่คิดเช่นนี้คนอื่นๆเองก็เช่นกัน ถ้าไม่ถือทั้งสองชิ้นก็ต้องมีสักชิ้นล่ะหน่า ในศึกครั้งนั้นชั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มองค์กรที่ตามหาศาสตราในตำนานเช่นเดียวกันกลุ่มอื่นๆที่เคยเอ่ยถึงไป กลุ่มเล็กๆที่เป็นหนึ่งในหน้าสำคัญของประวัติศาสตร์นี้ Netherworld นั้นคือชื่อของพวกเรา กลุ่มของเรานั้นก่อตั้งหลังจากสองกลุ่มแรกนานพอควร เราอาศัยบ้านหลังกว้างๆที่ไม่เชิงว่าจะเป็นคฤหาสน์เท่าใดนักเป็นฐานบัญชาการที่มีเจ้าของบ้านเป็นพี่สาวอารมณ์ดีที่ใช้อาวุธน่าตาน่าสะพรึง พร้อมควบตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มไปในตัว ดวงตานรกไร้ก้น สมญาที่ไม่ได้เกินความจริงนักหากคุณเห็นแล้วจะเข้าใจเองแหละ ถึงแม้จำนวนสมาชิกของเราจะน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆมาก แต่สิ่งที่มาทดแทนคือผู้ถือครองที่มีจำนวนมากกว่ากลุ่มอื่นๆ แต่นั้นก็ไมได้หมายความว่าเราจะไร้เทียมทานอะไรนัก จริงๆแล้วหัวหน้าของเราไม่ได้อยากให้ชั้นเข้าร่วมสักเท่าไรนักหรอก อาจะเป็นเพราะว่าเด็กอายุ 12 อย่างชั้นจะให้ ไปจับอาวุธไล่ฆ่าคนมันก็กระไรอยู่ ซึ่งความเป็นจริงมันก็ไม่ได้เหมาะอะไรกับเด็กวัยนี้อยู่แล้ว แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ชั้นและเปลวเพลิงของชั้นต้องการ ชั้นไม่อยากอยู่ดูเพื่อนๆต้องออกไปสู้โดยที่ตัวเองได้แต่นั่งเล่นของเล่นอยู่ในบ้าน ชั้นไม่อยากทิ้งให้ผู้ที่ช่วยเหลือชั้นต้องต่อสู้โดยลำพัง และเพื่อตามหา พี่ชาย พี่สาว ที่หายไป “เจอตัวแล้ว !!!” เสียงตะโกนของหน่วยรักษาความปลอดภัยดังขึ้นพร้อมกันเสียงปืนนับสิบกระบอกที่ยิงไล่หลังมา เด็กสาวที่มีผมดุจเปลวเพลิงทะยานออกมาจากช่องอากาศขึ้นมาอยู่ด้านบนของโบกี้รถไฟที่แล่นตัดผ่านความมืดยามค่ำคืน มือขวานั้นถือดาบคาตาน่าเล่มยาวแทบจะเรียกได้ว่ายาวกว่าตัวเธอเสียอีก เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวสีเขียวเข้มเกือบดำพร้อมผ้าคลุมสีดำสนิทดูโดดเด่น แต่ที่ยิ่งกว่าคือ ดวงเนตรอัคคีที่ดุดันยิ่งกว่าผู้ชายตัวโตๆ “ฮัลโหลๆ “ เสียงจากกำไลข้อมือที่มีอัญมณีไร้สีประดับอยู่ดังขึ้น เด็กสาวเลื่อนมันเข้ามาใกล้ริมฝีปาก “เรน่า เหรอ....” “อีกไม่นานเจ้าคู่กัดดูโอ้ ทั้งสองจะไปช่วยตรงนั้นนะ ยังไงๆก็วิ่งเล่นบนรถไฟไปก่อนล่ะกัน” น้ำเสียงบ๊องๆกับข้อความชวนหัวเสียที่ผ่านออกมาจากอัญมณีทำเอาผู้รับสารสะอึกไปทีนึง “อะไรกันน่ะ ทำไมคนที่ทำตามแผนต้องมาซวยแทนพวกขึ้นรถไม่ทันด้วยเนี่ย” เด็กสาวตะโกนแข่งกับเสียงสายลมกรรโชกและเสียงกระสุนปืนที่ยิ่งไล่หลังเธอ “เดี๋ยวจะเร่งสองคนนั้นให้ล่ะกันนะ ว้าย !! ชั้นทำแก้วแตกอีกแล้วอ่ะ ไว้จะติดต่อไปใหม่นะ ฝากด้วยล่ะ เนตรอัคคี” แล้วสัญญาณก็ถูกตัดทิ้งให้เด็กสาวอยู่ตามลำพังอีกครั้ง แต่ตัวเธอเองไม่ได้มีเวลามาใส่ใจเรื่องสัญญาณกับแก้วที่แตกมากนัก เมื่อหน่วยรักษาความปลอดภัยกำลังขึ้นมาลากตัวเธอ เด็กสาวยืนนิ่งแม้จะถูกล้อมไว้ พลางใช้สายตากวาดไปทั้งสองด้าน “เอาล่ะหนูน้อย ยอมจำนนซะกระสุนปืนจะได้ไม่เจาะกะโหลกนะ” เสียงของ รปภ ที่อยู่ด้านหลังเธอพูดขู่พลางเอาปืนเข้ามาจ่อศรีษะ เนตรอัคคีมองไปทาง รปภ ก่อนจะยิ้มขึ้นเล็กน้อย “เท่านี้แกก็ตายแล้วล่ะ” พริบตาเดียวดาบคาตาน่าเล่มยาวก็ฟันร่างหน่วยรักษาความปลอดภัยรายนั้นขาดเป็นสองท่อน โลหิตสีแดงฉานสาดกระจาย ไม่รอช้าเธอพุ่งตัวเข้าหากลุ่มที่ยังยืนตกตะลึงด้านหน้าของเธอก่อนจะใช้ดาบในมือปลิดชีพไปอีกหลายศพ “ยิงโว้ย ยิงเลย “ พวกที่อยู่อีกฟากสาดห่ากระสุนเข้าใส่ เด็กสาวรีบหลบไปด้านข้างโบกี้ก่อนจะม้วนตัวผ่านหน้าต่างกลับเข้าไปอยู่ด้านใน พวกที่รออยู่ในตู้รถเมื่อเห็นเด็กสาวโผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัวก็ทำอะไรไม่ถูก เนตรอัคคีไม่ปล่อยให้โอกาศนี้หลุดลอยไป เรือนผมสีเพลิงยาวสลวยเปล่งประกายขึ้นพร้อมกับแสงเจิดจ้าไปทั่ว ตูม !!! เสียงระเบิดดังสนั่นซึ่งมาพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกโชน เหล่า รปภ เคราะห์ร้ายโดนไฟคลอกกันเป็นแทบ มีเพียงเด็กสาวเกศาเพลิงที่ยืนอยู่ในกองไฟนั่นเท่านั้น “เฮ้ย นะ..นั่นมัน” เสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของ รปภ รายหนึ่งที่กำลังมองภาพโบกี้รถไฟที่โดนเปลวเพลิงลุกท่วม “หรือว่าจะเป็นเด็กคนนั้น” หน่วยรักษาความปลอดภัยอีกคนเอ่ย “ไม่ผิดแน่ เด็กผู้หญิงที่เคยบุกทำลายหน่วยจู่โจมของกลุ่มเราด้วยตัวคนเดียว เปลวเพลิงแห่งสวรรค์ “ มือสังหาร เกศาเพลิง เนตรอัคคี !!!! “ชานะ !!!!! “ เสียงตะโกนจากด้านนอกดังเข้ามา แม้มันจะไม่ดังมากพอที่จะสู้กันแรงลมและเสียงอื่นๆตรงนั้นได้ ทว่าก็เพียงพอที่จะทำให้เธอได้ยินและมองออกไปด้านนอก “มาแล้วเหรอ ไอ้พวกบ้า !!” “ขอโทษด้วยจ้า ชานะจาง !!” ชายหนุ่มผมสีดำยาวที่รวบผมไว้ด้านหลัง กำลังบิดมอเตอร์ไซด์เก่าๆตามความเร็วรถไฟได้อย่างเหลือเชื่อเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินเหมือนแจ๊กเก๊ตก็พองขึ้นเหมือนมีลมผ่านเข้าไปด้านใน โดยมีหนุ่มชุดดำเจ้าของผมสั้นสีขาวนั่งซ้อนท้ายมาด้วย “เพราะ ไอ้เบื้อกนี้มันดันอยากกินโซบะก่อนทำภารกิจก็เลยขึ้นรถไม่ทันอ่ะจ้า !!!!” หนุ่มคนขับหันไปว๊ากใส่คนนั่งหลังทีนึงก่อนจะกลับไปคุยกับคู่สนทนาเดิม “แล้วทีเอ๊งล่ะฟ่ะเร๊กซ์ มาบ่นว่าต้องกินราเม็งก่อนมันก็เสียเวลาพอๆกันล่ะว่ะ” หนุ่มหน้ากวนที่นั่งซ้อนท้ายตะโกนเถียงพลางใช้พลังลมหนุนความเร็วรถไปด้วย ส่วนสาวน้อยที่ยังอยู่ในโบกี้ที่ไฟลุกท่วมเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นกับไอ้นิสัยทะเลาะไร้สาระไม่ดูเวล่ำเวลาของเจ้าคู่กัดทั้งสองนี่ “โว้ย คุยอะไรกันไม่เห็นรู้เรื่อง ถ้าจะทะเลาะกันไป....” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรต่อ กระสุนนัดหนึ่งก็เฉียดหน้าเธอไป ยังดีที่ปฎิกริยาของเธอนั้นเยี่ยมพอ มิเช่นนั้นมันคงจะแล่นทะลุแก้มขวาไปแล้ว เด็กสาวหลบเข้ามานั่งในโบกี้ พริบตาเมื่อครู่แม้จะอยู่ในสถานการณ์เฉียดตาย แต่สายตาของเธอก็ไม่พลาดที่จะมองเห็นมือสังหารที่ไกลออกไปในเสียววินาที ชานะรีบเปิดประตูออกไปอยู่บริเวณตัวเชื่อมระหว่างตู้รถ เธอมองผ่านเข้าไปในกระจกวงกลมบนประตูที่อยู่ตู้ถัดไป เมื่อแน่ใจว่าไม่มีพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยเธอจึงทะยานจากตู้ที่ไฟไหม้ไปอีกตู้นึง กำไลข้อมือของเธอส่งแสงสีขาวเล็กๆออกมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นเสียงของเร๊กซ์ที่กำลังบิดมอเตอร์ไซด์หลบกระสุนปืนที่ยิงมาจากโบกี้ด้านหน้า “ชานะจาง ไม่เป็นไรช่ายไหม !!!” “อือ ชั้นไม่เป็นไร แต่มีมือสไนเปอร์อยู่ถัดจากตู้ที่ชั้นอยู่ไป 5 โบกี้ เร๊กซ์นายจัดการมันได้ไหม” ชานะพูดพลางเปิดประตูเข้าไปหลบด้านในโบกี้ว่าง “ไม่มีปัญหา” เร๊กซ์เปลี่ยนมาเป็นซิ่งด้วยมือเพียงข้างเดียวมือซ้ายของเขามีประจุไฟฟ้าไปรวมอยู่เป็นกลุ่มก้อน ดวงตาสีเทาจับจ้องเป้าหมาย ซึ่งก็คือมือสไนเปอร์ ที่กำลังเล็งปืนมาทางพวกเขาพร้อมด้วยเหล่า รปภ ที่ถืออาวุธกันครบมือ มือขวาที่ร่วมรวบประจุไฟฟ้าได้มากพอตามที่ต้องการ ก็ถูกเหวี่ยงออกไปด้วยความเร็วมหาศาล เหล่า รปภ ที่เห็นก้อนไฟฟ้าพุ่งตรงมาก็หาที่หลบกันจ้าล่ะหวั่น แต่เมื่อก้อนพลังงานนั้นไปถึงเป้าหมายภายในโบกี้มันกลับหายไปราวกับอากาศธาตุไม่เกิดการระเบิดหรือเป็นอันตรายใดๆทั้งสิ้น “เฮ้ย เราโดนหลอกแล้ว” รปภ รายนึงตะโกนบอกคนอื่นๆ แต่สายไปแล้วเมื่อประตูโบกี้ถูกเปิดออกด้วยแรงมหาศาลพร้อมเปลวเพลิงที่พุ่งมาราวกับสายน้ำที่เทลงแก้ว เหล่าหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ไม่ได้ระวังตัวจึงกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านในทันที “เร็กซ์ นายทำอะไรของนายกันน่ะ” เสียงเด็กสาวที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดลอดผ่านอัญมณีไร้สีที่ข้อมือ “อ้าว ก็จะได้ให้ชานะได้โชว์ไง” เร็กซ์ตอบกลับ แต่มีเพียงเสียงสัญญาณที่ถูกตัดเท่านั้นที่ตอบกลับมา “เร็กซ์เอ๊ย จบภารกิจนี้เอ็งไม่รอดแน่เลยว่ะ” ชายหนุ่มที่ซ้อนท้ายพูดปลอบใจพลางตบบ่าเร็กซ์เบาๆ “เออ ขอบใจว่ะฮิวโก้ ถ้าตูตายไปล่ะก็ช่วยบอกคนอื่นๆด้วยว่าตายด้วยน้ำมือคนรักนะ” เร็กซ์เอ่ยพลางเช็ดน้ำตาด้วยความซาบซึ่ง ชานะ ยังคงมุ่งต่อไปจากโบกี้นึงไปอีกโบกี้ พร้อมกับเปลวเพลิงที่สังหารคนที่ขวางหน้าเธออย่างไร้ความปราณี จนพวก รปภ เริ่มจะรักชีวิตไม่เข้ามาต่อกรกับเธอมากนัก เนตรอัคคีคอยสอดส่องหาสินค้าสำคัญที่เธอได้รับคำสั่งให้มาชิงมันคืนไป สาวเกศาเพลิงมาจนเกือบจะถึงหัวรถจักรซึ่งในตู้รถนั้นเต็มไปด้วยกล่องสินค้ามากมาย และมีคนเฝ้าเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เป็นชายหนุ่มในชุดเสื้อแขนสั้นสีดำกับกางเกงขายาวสีดำเช่นเดียวกัน ดวงตาสีน้ำตาลที่ไร้อารมณ์และเรือนผมสีเงินตัดกับแสงสลัวจากภายนอก เด็กสาวยกดาบยาวขึ้นในท่าเตรียมพร้อม แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้แสดงท่าทางใดๆออกมา กลับกันเขาเดินไปที่กล่องเล็กใบหนึ่งที่วางในจุดสังเกตเห็นง่าย มือที่สวมถุงมือสีดำหยิบกล่องใบนั้นขึ้นพลันก้าวเดินมาหาเนตรอัคคี ที่ยังคงระวังตัวอยู่ “ที่ ที่อันตรายที่สุดคือ ที่ปลอดภัยที่สุด” เขาพูดขึ้นพร้อมส่งกล่องใบนั้นให้ชานะ “อะไรของนาย...” เด็กสาวถามด้วยความงุนงง แต่สายตายังคงความดุดันเอาไว้ “นี่คือสิ่งที่เธอมาหาไม่ใช่เหรอ” ชายคนเดิมพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ชานะใช้ดาบขอเธอจี้ไปที่คอของชายหนุ่มก่อนจะคว้าของในมือมาด้วยความรวดเร็ว เนตรอัคคี ก้าวถอยหลังออกมาโดยที่ดาบของเธอยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม “นายต้องการอะไรกันแน่” ชายผมเงินไม่พูดอะไรก่อนจะหันกลับไปนั่งอยู่บนลังไม้ใบใหญ่ “สักวันเธอจะรู้ เปลวเพลิงแห่งสวรรค์ ชั้นชอบชื่อนี้มากกว่าชื่อเนตรอัคคีของเธออีกนะ” ดูเหมือนเขาจะรู้เรื่องของเธอเป็นอย่างดี ชานะคิดเช่นนั้น พลางเหลือบไปเห็นสัญลักษณ์บนอกเสื้อ “นายเป็นคนของ Section 5 ไม่ใช่เหรอ” “จะถามว่าทำไมชั้นทำแบบนี้ใช่ไหม ก่อนอื่นเปิดของในนั้นก่อนดีกว่า” ชานะ ระแวงเล็กน้อยที่ศัตรูตรงหน้าเร่งเร้าให้เธอเปิดกล่องในมือออก แต่สิ่งที่เธอสัมผัสได้นั้นคือสินค้าที่เธอต้องการอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้ดั่งนั้นชานะจึงลดดาบตัวเองลงและค่อยๆเปิดมันออกอย่างระมัดระวัง ของข้างในเป็นมีดสั้นที่มีคมสีฟ้าอ่อน ตัวด้ามทำจากทองคำบริสุทธิ์และสลักด้วยลวดลายอันสวยงาม ที่สำคัญมันมีไอเย็นไหลออกมาตลอดเวลา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันบ่งบอกถึงชื่อของมัน เมื่อแน่ใจแล้วว่าของในมือเธอถูกต้อง ชานะจึงนำมันเก็บไว้ในเสื้อของเธอดาบเล่มยาวถูกยกขึ้นจ่อหน้าบุรุษผมเงินอีกครั้ง “นายต้องการอะไรกันแน่” คำถามเดิมถูกตั้งขึ้นมาอีกครั้ง “สักวันเธอจะรู้เอง “ และคำตอบเช่นเดิมก็ถูกตอบ ชานะลดดาบของเธอลงก่อนจะพุ่งทะยานออกนอกโบกี้ด้วยความรวดเร็ว “เกศาเพลิง เนตรอัคคี งั้นเหรอ สักวันคงทำให้เราสนุกได้ไม่น้อย....” ......... หลังจากนั้นชั้นได้ออกมาสมทบกับเร็กซ์และฮิวโก้ด้านนอก ซึ่งทั้งสองคนต่างก้มหัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ และพฤติกรรมแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นจนพวกเราเอื้อมระอากันถึงที่สุดแม้แต่หัวหน้าของเรายังอดที่จะต่อว่าไม่ได้กับเรื่องที่ทั้งสองคนมักทำให้เสียงานอยู่เรื่อย แต่มันก็มีเหตุผลที่สองคู่กัดนี่มักได้งานร่วมกันประจำ นั้นก็เพราะว่า เทพอัสนีบาตรและเทพวายุ มักเข้าขากันในสนามรบเสมอ งานครั้งนั้นคือการแย่งชิงกริดแห่งน้ำแข็ง Gram’s Dagger คืนมา หลังจากที่สมาชิกคนนึงของกลุ่ม Cross Knight พลาดท่าเสียทีให้กับ Section 5 ไม่ได้หมายความว่าสมาชิกผู้ถือครองศาสตรคนนั้นฝีมืออ่อนหัดแต่อย่างใด แต่เพราะเล่ห์กลในการต่อสู้ครั้งนั้นทำให้พวก Cross Knight ต้องเอาชีวิตไปสังเวยกันมากพอดู แม้จะเสียอาวุธคู่ใจไปแต่ตัวเจ้าของก็ยังอาศัยฝีมือรอดกลับมาได้อย่างเหลือเชื่อ เขาก็คือ เงาแห่งความตาย เลนาส เซอราส อีกหนึ่งมัจจุราชในสนามรบ ที่หัวหน้ารับงานทวงของคืนครั้งนี้ก็เพราะบุญคุณที่เคยมีให้กัน ซึ่งตัวหัวหน้าเราเองก็ไม่อยากจะแบกรับมันไว้นานเท่าใดนัก เมื่อเราทราบข่าวการขนย้าย ชั้น เร็กซ์ และฮิวโก้ จึงถูกส่งไปแย่งชิงมันกลับคืน รองหัวหน้าแนะนำให้ลอบขึ้นไปจู่โจมและค้นหาให้เร็วที่สุด มันจะได้ผลดีกว่านี้ถ้าไอ้สองคนนั้นดันไม่ทำเสียงานซะก่อน แต่สิ่งที่ทำให้ชั้นไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลาก็คือ ชายคนนั้น ตัวตนของผู้ที่ให้กริดคืนมาอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ยอมบอกสาเหตุที่แท้จริง บุรุษผมเงินผู้ยืนอยู่กลางแสงจันทราที่ลอดผ่านเข้ามาทางช่องเล็กๆในนั้น ชายที่เต็มไปด้วยปริศนาที่ชั้นไม่อาจเข้าใจ เช้าวันรุ่งขึ้น ณ เทรโน่ เมืองชายแดนระหว่างโครลิสและเบลก้า ที่สภาพในเมืองนั้นค่อนข้างจะคึกคักและยิ่งมากขึ้นในยามค่ำคืน ตัวเมืองเต็มไปด้วยสินค้ามากมายทั้งจากโครลิส เบลก้า หรือกระทั่งฟาลาจิที่อยู่ไกลออกไป รวมทั้งเป็นสถานนีรถไฟหลักที่ใช้ในการเดินทางเข้าไปในเขตเบลก้าจากทางพรหมแดนทิศตะวันออก เด็กสาวที่ถูกปลุกด้วยเสียงสัญญาณจากอัญมณีสื่อสาร “Crystal letter” เธอค่อยๆใช้มือเล็กๆนั้นคลำ ไปรอบๆหัวเตียงจนคว้าอุปกรณ์ของเธอได้ “เรน่า เหรอ....” เสียงเล็กๆดังขึ้น “เป็นไงมั้งจ๊ะ เนตรอัคคี งานเรียบร้อยดีไหม” น้ำเสียงใสจากอีกฝากช่วยเติมบรรยายกาศยามเช้าได้เป็นอย่างดี “อือ ก็เรียบร้อยแหละ แล้วจะให้เอากลับไปเลยไหม” “อ่าห่ะ แต่ว่าให้เจ้าบ้าสองคนนั้นเอากลับมานะ ส่วนน้องสาวที่น่ารักยังคงมีภารกิจอยู่” เรน่า หน่วยข่าวกรองและเจ้าหน้าที่สื่อสารของทีม ยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสแต่สาวตาของชานะนั้นผิดไปจากเดิมทันที “ว่ามา....” ชานะที่ตอนนี้อยู่ในสภาพผิดไปกับเมื่อวานลิบลับผมของเธอแม้ยังคงยาวสลวยแต่กลายเป็นสีดำสนิท แม้แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงก็กลายเป็นสีดำเช่นกัน “นั่งรถไฟเที่ยวเช้าวันนี้ไปเมืองหลวงของเบลก้า” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชานะมีท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย งานครั้งนี้ไม่ต่างอะไรไปจากเข้าไปในรังศัตรูเลยทีเดียว “ให้ไปทำอะไรล่ะ...ถ้าจะให้ไปถล่มพวกมันก็ไม่ไหวหรอกนะ” เธอพูดติดตลกเล็กน้อย “ไม่ใช่หรอกแค่ไปรับคนเท่านั้นเอง ส่วนเอกสารที่ใช้ปลอมแปลงนั้นให้ชุดเดียวกับที่เธอได้รับไปนะ” ชานะหันกลับไปดูกระเป๋าเอกสารของเธอที่ทางกลุ่มจัดการปลอมแปลงให้เธอกลายเป็นเพียงนักท่องเที่ยวในคราบเด็กน้อยซึ่งก็ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไร “ไม่ต้องเครียดไปหรอก ไงๆตอนผมดำนี่ก็ไม่มีใครจำได้แล้วนี่” แม้เรน่าจะพูดมีเหตุผลแต่มันทำให้ชานะรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก “แล้วหน้าตาของคนที่จะให้ไปรับล่ะ” เนตรอัคคีถามเข้าประเด็น “ชายหนุ่มหน้าตาดี ผมสีแดงสด แล้วก็ถือดาบสีขาว” เมื่อได้ยินแบบนั้นชานะก็เบ๊หน้าเล็กน้อย “คนแบบนั้นหาที่ไหนก็มี เอาลักษณะเด่นๆกว่านี้ไมได้เหรอ” “คือว่า......ลืมไปแล้วอ่ะ” เรน่าสารภาพตรงๆซึ่งนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเธอเช่นเดียวกัน เพราะหน่วยข่าวกรองคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเฟอะฟ่ะ ใส่ซื่อ เป็นที่หนึ่ง “โอเคๆ แต่ถ้าชั้นไปแล้วไม่เจอ จะกลับเลยล่ะกัน” “ไม่ได้ๆ หัวหน้ากำชับมาว่าไงๆก็ต้องไปรับมา” เรน่ายืนคำขาด ไม่ใช่จากเธอ แต่เป็นจากหัวหน้า “เฮ้อ.....ถ้าหาไม่เจอชั้นโทษเธอล่ะนะ ยัยเฟอะ” ชานะคุยกับคนที่อายุมากกว่าเธอเหมือนคนอายุเท่ากัน “จ้าๆ แม่น้องตัวดี แล้วเจอกันนะ” สิ้นเสียงนั้นสัญญาณก็ถูกตัดไป เนตรอัคคีกลับเข้าไปเตรียมตัวออกเดินทางอีกครั้ง โดยที่ทิ้งจดหมายพร้อมทั้งสินค้าสำคัญให้กับสองหนุ่มที่ยังนอนหลับไม่ได้สติ แม้ตัวเธอจะหวั่นๆว่าเจ้าสองคนนี้จะรักษาของได้หรือไม่ แต่เธอไม่มีเวลาแล้ว รถไฟจากเทรโน่มุ่งตรงไปยังนครหลวงแห่งเบลก้า ณ ที่นั่งผู้โดยสารเด็กสาวผมดำยาวนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าตาคำนึงถึงบุคคลที่จากเธอไป ซึ่งตัวเธอเองก็พยายามหาตัวทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันเป็นเป้าหมายสำคัญของเธอ ........ชั้นต้องไปอยู่บนรถไฟอีกครั้งแต่คนล่ะฐานะกับเมื่อคืนวานที่เป็นผู้บุกรุก แต่วันนี้เป็นเพียงผู้โดยสารคนนึง ด่านตรวจของเมืองเทรโน่เองก็ให้ชั้นเข้าเมืองได้ง่ายๆเพราะเจ้าพวกนั้นติดเหล้ากันงอมแงม ขนาดตอนยื่นเอกสารให้ดูยังไม่คิดจะดูเลย แถมกลิ่นเหล้าก็คละคลุ้ง แต่ก็เป็นโชคดีไปทำให้ชั้นไม่ต้องหนักใจกับการเดินทางมากนัก สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนและเครื่องจักร เทคโนโลยีของเบลก้านั้นล่ำหน้ามากกว่าอาณาจักรอื่นๆมาก ทั้งพาหนะ อาวุธ หรือแม้แต่บุคลากร แต่สิ่งที่ชั้นมองไปมีเพียงอย่างเดียวนั้นคือ ท้องฟ้าสีครามและปุยเมฆสีขาวสะอาด และการเดินทางครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ชั้นจะได้เจอกับคนๆนั้น อสูรสงครามที่ยังไม่เคยปรากฏผลงานใดๆเลย แม้แต่ตอนนี้ชั้นยังคงจำได้ดีกับการพบกันครั้งแรกของชั้นและ “เดม่อน ลอร์ด” ………………………………………………………………………………………… Talk Talk Talk คลอดตอนหนึ่งออกมาก่อนจะหนีไปจัดการธุระส่วนตัวสักระยะ จึงขออนุญาตดองงานทั้งหลายทั้งปวงไว้ก่อนนะครับ ช่วงนี้สถานการณ์ชีวิตผมย่ำแย่มากพอดู ตอนแรกเลยออกมาไม่ดีอย่างที่คิดเอาไว้ จะทำให้ผิดหวังกันหรือเปล่าเนี่ย จะว่าไปพอมาเขียนฟิคไม่รั่วแล้วคนล่ะอารมณ์กันเลยแหะ รู้สึกแต่งยากกว่าปกติสามเท่า แต่ก็ยังติดอะไรรั่วๆมาอยู่ดี 555+ ส่วนใครที่มาอ่านแล้วสนใจร่วมสนุกยังรับคนอยู่นะครับหรือหน้าเดิมๆจะยัดอีกสักตัวสองตัวผมก็ไม่ว่างกันนะ Special Thanks -ชานะ (Shakugan no Shana) หนึ่งในตัวละครล็อกเลขที่ผมตั้งใจไว้แต่แรกแล้วเจ้าของสมญาเนตรอัคคีที่ทุกคนเดาๆกัน (หรือใครบางคนรู้ทันทีเหมือนเห็นฉายา) พยายามจะเขียนในแบบออริจินอลนะ แต่ไปๆมาๆดันเป็นชานะในแบบของตัวเองไปซะได้ -เรน่า ไอรีนเน่ โดย ดิริกคุง ผมชอบนะเธอคนเนี่ย สาวเอ๋อที่มาพร้อมความรั่วทุกอิริยาบถแล้วจะไปเอาชีวิตรอดในโลกที่โหดร้ายอย่างงี้ได้งายยยยย (แต่ก็ขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับตัวละครตัวนี้นะครับ) -เร็กซแนล ซาเมอท์ โดย แม็กจัง ก็นึกอยู่แล้วว่าต้องออกมาประมาณนี้ ทำนิสัยแบบนี้กะไว้ดูเซอร์วิสชานะสินะ รู้หรอกหน่า -ฮิวโก้ โอเวอร์เเมน โดย เจโนวา มิทราบว่าติดเชื้อผมหรืออย่างไร ตัวละครท่านถึงได้บ้าม่อถึงเพียงนี้ แต่ตอนนี้บทม่อๆยังไม่ออกนะ รอไปก่อน (จะเอาบ้าม่อหรือบ้ากามดีแหละ สองอย่างก็ได้นะ) -และเหล่าผู้ที่ออกมาเพียงสมญานามทั้งหลาย (เรียกกันด้วยฉายานี่รู้สึกมันเท่ห์ดีแหะ) And All Friends And Fans THANKS !!!!!!
Re: The Legacy War ~Page 1~ Flame of Heaven ชานะมาแต่ไกล มันเป็นตัวเอกสินะเน้อ เนื้อหายาวได้ใจ เรื่องบรรยายผมไม่กล้าอธิบาย(ยังไม่โปร) โดยรวมแล้ว(สำหรับผม)ถือว่าน่าติดตามดีครับ ป.ล.กองโจรอาภัพคงซุ้มนานพอดู- -"
Re: The Legacy War ~Page 1~ Flame of Heaven โอ้ๆมาไวแท้ๆ ^^ เรียกฉายามันดูเท่กว่าจริงๆด้วยแฮะ แบบนี้ก็ดีนะ Oo! การบรรยายนับว่าลื่นครับ >w<b เยี่ยมแล้ว ขอให้พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆน้อ ^^ ส่วนเนื้อเรื่องนี่ขำเรน่า กร๊าก ขนาดโผล่แต่เสียงยังเดาความซุ่มซ่ามได้ 555
Re: The Legacy War ~Page 1~ Flame of Heaven ตอนแรกมาไว้ทันใจจริงๆ เริ่มเรื่องมาก็สนุกแล้ว และก็อย่างที่ คุณRyutoบอก ชานะมาแต่ไกลจริงๆ(ฮา) สำหรับตอนแรกแล้วผมขอบอกเลยว่า "สนุก"ครับ น่าติดตามมากๆ ชักอยากจะอ่านตอนต่อไปไวๆซะแล้วสิ
Re: The Legacy War ~Page 1~ Flame of Heaven เออฟร่ะ เรียกฉายาแล้วเท่แบบอัพเลเวล กร๊าก โยเขียนแบบนี้บอกตามตรงว่าชอบอ่ะ เขียนดีกว่าแบบรั่วๆอีก (คือมันก็คนละแบบกันอะนะ เอาเป็นว่าชอบทั้งคู่แหละ) :???: :???: เรน่าโผล่มาแค่เสียงก็แอบรั่วได้จริงๆด้วยกร๊าก ขอบอกว่าสนุกมากๆ>w< มาเข้าคิวรอติดตามตอนต่อไปน้อ
Re: The Legacy War ~Page 1~ Flame of Heaven ว่าแล้วเชียว ซานะมาแต่ไกลจริง ๆ ด้วย กร๊ากกกกกกก ผมก็หาอยู่ว่าคาร์ใครหนอ...ที่แท้ก็ออริจริง ๆ นี่ขนาดแค่เสียงยังรั่วขนาดนี้ แล้วตัวจริงพี่ท่านจะบ้าบอขนาดไหน หน่วยข่าวบ้าไรฟ่ะลืมหน้าตา กร๊ากกกกกกกกกกกก คาดว่าอีกไม่เกิน 3 ตอนเรน่าต้องตกงานชัวร์ๆ 55555 รอตามต่อคร้าบบบบบบ~
Re: The Legacy War ~Page 1~ Flame of Heaven ..บอกได้คำเดียวว่า "ชอบ" อ้ะ!!! >w< เนื้อเรื่องลื่นไหลดีมาก~~ เรน่าเปิดตัวราวกับจะเป็นตัวเอกตัวที่ 2 เลยทีเดียว 555+~ ที่สำคัญ!! แก๊ง Netherworld เราได่ตัสชานะจังมาครอบครองง~~ วะ5555+~~!! ยังไงก็สู้ๆต่อไปนะจ๊ะ! เป็นกำลังใจให้~~~ \^w^/
Re: The Legacy War ~Page 1~ Flame of Heaven เค้าขอเป็นหน้าม่อโลลิค่อนได้มะ โยจัง ก๊ากกก โผล่มาก็เถียงกันดีจริงไอ้คู่กัดคู่นี้ ดูถ้าจะไปกันได้ดีในสนามรบนะ ว่าเเต่ตอนนี้เซอวิสเเต่เจ้าเเม็คโดยเฉพาะสินะ 55555 ป.ล.ผมคงไม่ได้เข้ามาสัก2-3อาทิตย์น้า..หน้าจอคอมที่บ้านมันพึ่งจะไหม้ไป....เเง..
Re: The Legacy War ~Page 1~ Flame of Heaven [ก่อนหน้านี้ซัก2ชั่วโมง] เหนื่อยจากค่ายแทบขาดใจ [หลังจากอ่านฟิค] อ้ากกก ชานะ!!!!! ฮิ้วววววววว (HP MAX) ว่าแต่เจโนว่าจอคอมเน่าแล้วเหรอเนี่ย โถ่....ไร้เพื่อนคุยเลย=="
Re: The Legacy War ~Page 1~ Flame of Heaven พี่โยครับ... เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตาม สำนวนไม่ติดขัดแต่อย่างใด แต่ว่า...มีเพียงปัญหาเดียวก็คือ" ผมไม่เคยอ่านชานะง่า~~" [action]ผมทำอารมณ์ร่วมไม่ค่อยได้น่ะ เอิ้กๆ[/action]