ฉลองบอร์ด AF โฉมใหม่...ผมขออนุญาต ยกบทความที่ตัวเองเขียนลงตามเวปอื่นๆ และลงในบลอคของตัวเอง มาแปะไว้ด้วยคนนะครับ เป็นบทความฉลองครบรอบขวบปีที่ 20 ของเกมส์สุดรักของหลายๆท่านในที่นี้ รวมถึงตัวผมด้วย...ส่วนตัวคิดว่า...อย่างน้อยก็อ่านเอาเพลินๆได้ไม่เลวทีเดียว ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สวัสดีครับ เพื่อนๆทุกคน เนื่องจากว่า ปีนี้เป็นปีเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ของเกมส์ "Final Fantasy" ...เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวาระอันน่ายินดีนี้ ผม ในฐานะแฟนคนหนึ่งของซีรีย์ ก็อยากขอถ่ายทอดประสบการณ์ ความคิด ความประทับใจต่างๆ ที่ได้รับมาโดยตลอด ในรูปแบบของบทความยาว หลายตอนจบนี้ ให้เพื่อนๆได้ร่วมอ่าน ร่วมรำลึกความหลังไปด้วยกัน ...และคาดว่าแม้คนที่ไม่เคยเล่น ไม่เคยรู้จัก ก็น่าจะสามารถร่วมเดินทางไปในเส้นทางสายนี้ด้วยกันได้ สู่เส้นทางที่แสนยาวไกล...ของความเพ้อฝันที่ไม่มีวันลบเลือน.... ---------------------------------------------------------------------- Prologue I was frozen in time, but I feel as if my time is just beginning... ~Vincent Valentine~ สิ่งที่คู่ควรกับคำว่าตำนาน นั่นหมายถึง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงไร แต่ชื่อของมันก็จะยังคงอยู่...อย่างน้อยแม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง ...ในความทรงจำ...ในหัวใจของผู้ที่ได้ร่วมรับรู้มัน บนหน้ากระดาษของประวัติศาสตร์วงการเกมส์ที่ยาวนานนั้น มีซีรีย์มากมายที่ได้ถูกสร้างสรรค์ออกมาอย่างต่อนื่อง แต่มีเพียงไม่กี่หัวเรื่องเท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับจากเหล่าเกมส์เมอร์ทั้งหลายว่า คู่ควรกับคำว่า"ตำนาน"อย่างแท้จริง หนึ่งในตำนานเหล่านั้น...มีชื่อๆหนึ่ง ที่ผมเชื่อเหลือเกินว่า น่าจะถูกลงความเห็นจากผู้ที่เคยสัมผัส...ไม่ว่าจะเป็นแฟนประจำหรือไม่ก็ตาม ว่าตัวมันนั้น คู่ควรที่จะเป็นหนึ่งใน "แถวหน้า" ของตำนานทั้งหลาย... 20th Anniversary 20ปี กับไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ 18 ธันวาคม 1987 เป็นวันเกิดของเกมส์สวมบทบาทตัวละคร(Role Playing Game) เกมส์หนึ่ง ที่ออกมาเพื่อเดิมพันให้กับความอยู่รอดของบริษัทเล็กๆที่กำลังจะล้มละลาย "เกมส์ภาษา"ตลับๆเล็กๆนั้น ออกมาปรากฎโฉมต่อสังคม พร้อมกับความหวังที่ยิ่งใหญ่ของผู้สร้าง...ทั้งๆที่ ณ ตอนนั้น ก็มีเกมส์ระดับตำนานอีกมาก กำลังครองตลาดอยู่ ในช่วงเวลานั้น คนเล่นทั้งหลาย...หรือแม้แต่เหล่าผู้สร้างเอง ก็คงไม่มีใครกล้าพูดได้ว่า เกมส์โนเนม จากค่ายเล็กๆ นี้ จะสามารถยืนหยัดต่อไป จนได้ฉลองวันเกิดในปีหน้าหรือไม่ ...แต่จวบจนถึงวันนี้ ครบรอบปีที่ 20...ชื่อนั้น...ก็ยังคงอยู่ที่เดิม ตั้งตระหง่านอยู่ในใจของผู้เล่นทุกคน... เรือเหาะที่พุ่งทะยานฟ้า...แสงปะทะของเวทย์มนตร์...เสียงกระทบของคมดาบ... ฉากสนามที่กว้างใหญ่...สหายที่ร่วมต่อสู้...เหล่าศัตรูที่อลังการ... เมื่อรวบรวมเอาวัตถุดิบชั้นดีเหล่านี้ มาควบคู่กับเพลงประกอบที่ไพเราะติดหู และเนื้อเรื่องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งการผจญภัย..."ความเพ้อฝันครั้งสุดท้าย" ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา และเต็มไปด้วยการพัฒนาที่ไม่สิ้นสุด ตั้งแต่อดีต จวบจนถึงปัจจุบัน ในฐานะเกมส์ภาษาระดับคุณภาพเกมส์หนึ่ง ณ วันนี้ วันหนึ่งวัน ที่จะก้าวไปสู่ทศวรรษที่สอง...วันหนึ่งวัน ที่จะเชื่อมต่ออดีตและอนาคตของหน้ากระดาษตำนาน... เรามาร่วมเดินย้อนกลับไปด้วยกันเถอะครับ...ร่วมไล่ตามไปพร้อมๆกัน บนเส้นทางแฟนตาซีสายนี้ ...กลับสู่ก้าวแรกของความฝัน...ที่แสนยาวนาน... แด่จินตนาการที่ไม่มีวันลบเลือน... -- Trace Memory...Trace Fantasy -- To be continued...Final Fantasy 1 ปฐมบทแห่งตำนานคริสตัล
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ Never forget...The light of this world must always be guided in the right direction. If it goes astray,darkness will come again ~Final Fantasy I~ Final Fantasy I -The Prophecy ปฐมบท แห่งตำนานคริสตัล Prologue 2000 ปีที่แสนยาวนาน ก่อนหน้ายุคปัจจุบัน...'The Four Fiends' ปีศาจร้ายทั้ง 4 ได้ทำพันธะสัญญากับอัศวินหนุ่มคนหนึ่ง นามว่า การ์แลนด์ เพื่อมุ่งสู่การมีชีวิตอันยืนยงชั่วนิรันดร์ของทั้งสองฝ่าย... อัศวินหนุ่มผู้เก่งกาจคนนั้น ได้รับพลังที่เกินหยั่งถึง และเกิดใหม่ ในร่างของสิ่งมีชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งด้านมืด...ชื่อของมันคือ "คาออส" ...และแล้ว เวลาก็ล่วงเลยไปถึง 2000 ปี...กระแสประวัติศาสตร์ แล่นไหลไปอย่างต่อเนื่อง โดยมิได้มีท่อนใด กล่าวถึงเนื้อหาของพันธะสัญญาในเงามืดนั้นเลย แม้แต่บรรทัดเดียว... When Legend becomes Real ในที่สุด ก็มาถึงเวลาที่ตำนานหน้าใหม่เริ่มต้นขึ้น...ผู้คนในยุคปัจจุบัน ได้เผชิญหน้ากับวิกฤติครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน..."ปีศาจร้ายทั้ง 4" ที่เคยได้ยินเพียงคำเล่าขาน ก็ได้ปรากฎตัวขึ้น... ฉับพลัน คริสตัลทั้ง 4 ที่ควบคุมสมดุลของโลก...ทั้ง ดิน ไฟ น้ำ ลม ต่างก็สูญเสียประกายแสงไปสิ้น ลิซ - โครงกระดูกผู้ฆ่าไม่ตาย ปรากฎตัวขึ้นที่ถ้ำลึกใต้ผิวโลก และทำให้ผืนดินแห้งกรัง ไร้ซึ่งพืชผล มาลิลิธ - สตรีหกแขนที่ครึ่งร่างเป็นงูยักษ์ ปรากฎตัวขึ้นที่ใจกลางภูเขาไฟอันร้อนระอุ และทำให้เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ไร้การควบคุม คราเคน - ปลาหมึกยักษ์น่าเกลียดน่ากลัว ปรากฎตัวขึ้นที่วิหารใต้บาดาล และทำให้ผืนน้ำแห้งผาก ทะเลคลุ้มคลั่ง เทียแมท - มังกรหกหัวน่าเกรงขาม ปรากฎตัวขึ้นบนปราสาทลอยฟ้า มรดกของชนเผ่าที่ดับสูญ และทำให้สายลมบิดพลิ้ว บ้าระห่ำ จากนั้น โลกก็ดำดิ่งไปสู่ความมืดมิด... The Prophecy ...ในภาวะที่เสียงกรีดร้อง ไม่สามารถบรรเทาความทุกข์ทรมานได้...ผู้คนทั่วทั้งโลก ต่างมุ่งมั่น ฝากความหวังอันน้อยนิด ให้กับคำทำนายสั้นๆที่ถ่ายทอดปากต่อปากว่า..."เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ความมืด...ผู้กล้าทั้ง 4 จะนำแสงสว่างกลับคืนมา" ...แล้วในที่สุด ความฝันของชนทั้งผอง ก็สัมฤทธิ์ผล...นักรบ 4 คน ปรากฎกายขึ้น หลังจากผ่านการเดินทางที่ยาวนาน พร้อมกับชิ้นส่วนของคริสตัลที่ไร้ประกายทั้ง 4 ประคองแน่นไว้ในมือ... ณ บัดนี้...ภารกิจที่จะนำโลกกลับสู่ทิศทางที่ควรจะเป็น...ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว... Toward the Past พวกเขาผ่านร้อนผ่านหนาว ตระเวนเดินทางไปครึ่งค่อนโลก ได้เผชิญกับอุปสรรคต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะบุกถ้ำลึกค้นหามงกุฎมาคืนแก่ราชาไร้บัลลังค์ นำดวงตามาคืนแก่แม่มดผู้สูญเสียแสงสว่าง นำน้ำยาไปปลุกเจ้าชายเอลฟ์ที่หลับใหล นำอัญมณมีมาเบิกทางจากยักษ์ไทแทนขนาดมหึมา ฯลฯ ทว่า...น่าขันนัก...โดยที่ไม่มีใครคาดคิด..."กุญแจ"สำคัญที่สุดสำหรับตำนานบทนี้ ไม่ได้อยู่ที่ภารกิจกอบกู้คริสตัลในภายหลัง แต่กลับอยู่ที่"จุดเริ่มต้น"ของเรื่องราวทั้งหมด... เมื่อมองย้อนกลับไปที่ครั้งแรกเริ่ม ณ เวลาที่เหล่านักรบแห่งแสงปรากฎตัว ...ทุกคนได้ไล่ตามไปกำจัดยอดองครักษ์แห่งอาณาจักรโคเนเรีย ที่เกิดเสียสติ ลักพาตัวเจ้าหญิงคนสำคัญหนีไป พร้อมๆกับชัยชนะในภารกิจครั้งแรก ชื่อเสียงของนักรบทั้งสี่ ก็พลันโด่งดังไปทั่ว...โดยมิได้มีใครสนใจ ถึงร่างไร้วิญญาณขององครักษ์หนุ่มคนทรยศ ที่ทอดกายอยู่เบื้องหน้า...ซึ่งมีนามว่า...การ์แลนด์... The Hidden Truth ในวินาทีเป็นตาย...ก่อนที่จะจบชีวิตลง การ์แลนด์ได้ทำพันธะสัญญามืดกับปีศาจร้ายทั้ง 4 และถูกดึงกลับไปสู่อดีตเมื่อ 2000 ปีก่อน พร้อมเกิดใหม่ในร่างของ"คาออส" ราชาแห่งความมืด และคาออส ก็ใช้พลังที่ได้รับ ส่งปีศาจร้ายทั้ง 4 ข้ามเวลาจากอดีต มาช่วงชิงแสงสว่างในยุคปัจจุบัน... วงเวียนของชะตากรรมดังที่เป็นอยู่นี้ ก็หมุนวนต่อไป...จากอดีต สู่อนาคต...และจากอนาคต ย้อนกลับสู่อดีต...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีวันจบสิ้น...คาออส และปีศาจร้ายทั้ง 4 ก็ยังคงมีชีวิตอยู่เหนือลิขิตแห่งเวลา...แสงสว่างของคริสตัล ก็ยังคงถูกช่วงชิงไป... ...ตลอดกาล... Behind the Cover Final Fantasy I - บทแห่ง"คำทำนาย" - นั้น สร้างกระแสที่รุนแรงอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อ 20 ปีก่อนหน้านี้...อาจจะเพราะรูปแบบของเนื้อเรื่องที่กล้า"ฉีก" นิยามเดิมของคำว่าแฟนตาซี ให้ไกลเกินกว่าคำว่า ความเพ้อฝัน อย่างที่หลายคนเคยเข้าใจ...โดยยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายแห่งการผจญภัยอย่างครบถ้วน ถ้าจะพูดถึงแนวคิดเรื่องของไทม์ ลูป [Time Loop] ที่เล่นเรื่องของกระแสเวลาหมุนวนทบต้น กลับไปกลับมานั้น แม้จะต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่นัก และสามารถพบได้ในนิยายไซไฟหลายๆเล่มในยุคนั้น...แต่ สำหรับวงการเกมส์ในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว ...นี่ไม่ใช่พลอตเรื่อง"ทั่วๆไป" อย่างแน่นอน ...ตลับเกมส์ 8 bit เล็กๆนี้ ถ่ายทอดทั้งองค์ประกอบที่ผู้เล่นคาดหวังว่าจะเจอ และเกินกว่าที่ผู้เล่นคาดคิดว่าจะเจอ ตั้งแต่ต้นจนจบ เราจะได้สวมบทบาทเป็นผู้กล้าทั้ง 4 ออกเดินทางกำจัดเหล่าปีศาจร้ายทั้ง 4 และนำแสงสว่างกลับคืนสู่คริสตัล โดยรูปแบบการต่อสู้ จะเป็นลักษณะของเกมส์ภาษาดั้งเดิม มีการเดินในฉากเมือง ฉากแผนที่โลก และฉากต่อสู้ ใช้ความสามารถเท่าที่มี จัดการศัตรูให้ได้ พร้อมรับค่าประสบการณ์มาสะสม ให้ตัวละครของเรา เก่งขึ้นเรื่อยๆ นำเงินไปซื้ออาวุธ ชุดป้องกัน เรียนรู้เวทย์มนตร์ใหม่ๆ และช่วยเหลือผู้คนต่างๆ ตลอดเส้นทางการเดินทาง Final Fantasy นำเอาจุดดีของเกมส์ภาษาร่วมสมัย มาประยุกต์ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และนำจุดด้อย มาปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น เราจะได้เลือกอาชีพของตัวละครหลักทั้ง 4 ตั้งแต่เริ่มแรก ไม่ว่าจะเป็นนักรบ นักกังฟู หัวขโมย นักเวทย์มนตร์ดำ มนตร์ขาว มนตร์แดง ตามแต่ที่เราต้องการ เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไป และเราผ่านการทดสอบจากมังกรผู้ยิ่งใหญ่ "บาฮามุต" หนึ่งในสัญลักษณ์ประจำซีรีย์แล้วนั้น ตัวละครของพวกเรา ก็จะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้า และพัฒนาความสามารถให้สูงไปอีกขั้น การมีบทบาทที่แน่นอนของตัวละครแต่ละตัว มีพัฒนาการที่เด่นชัดในแต่ละสายอาชีพ และเมื่อบวกร่วมไปกับกราฟฟิคที่โดดเด่นในตอนนั้น และเพลงประกอบที่ยังคงไพเราะ แม้จะมองจากตอนนี้ ทำให้ Final Fantasy กลายเป็นชื่อที่ติดหูชื่อหนึ่ง ทัดเทียมกับชื่ออื่นๆ...
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ Beyond the First Step ...จวบจนถึงปัจจุบัน Final Fantasy I เป็นภาคที่ถูกนำกลับมาปรับปรุง และพอร์ตสู่เครื่องเกมส์อื่นๆ บ่อยครั้งที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเกมส์คอนโซล หรือเกมส์มือถือ ถ้านับรวมแล้ว ก็เป็นสิบเวอร์ชัน ความคลาสสิคที่ไม่มีวันเลือนหาย? หรือตำนานเก่าเก็บที่ยังคงนำกลับมาหากิน? ถามแฟนเกมส์ภาษา ถามแฟนเกมส์ไฟนอล ถามบริษัทสแควร์ผู้ให้กำเนิด...นิยามของมัน จุดประสงค์ของมัน ก็คงจะแตกต่างกันไป ตามจุดยืนของแต่ละผู้ตอบ ...แต่สิ่งที่แน่ชัดก็คือ หากมองย้อนกลับไปจากวันนี้ ก็ต้องนับว่า ตลับเกมส์สีขาวตลับนั้น ได้วางรากฐานที่มั่นคง และยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยาย ให้กับกิ่งก้านของตน ที่แตกยอดมาในภายหลัง คงไม่มีใครเถียงว่า "ความเพ้อฝัน" เล็กๆที่ปรากฎโฉมเป็นครั้งแรกนี้ มีความหมายอย่างมากที่สุด ต่อก้าวต่อๆไปที่จะตามมา...ทั้งสำหรับซีรีย์ และสำหรับตำนานอื่นๆที่จะก้าวตามหลัง... .................................... .............................................. ...................................................... Last page's story - Travels Back in Time ...ไม่ใช่ครั้งแรก ที่นักรบแห่งแสง ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ว่าเกิดอะไรขึ้น เหนือกระแสเวลา ...ไม่ใช่ครั้งแรก ที่พวกเขาและเธอ ตัดสินใจที่จะเดินทางย้อนกลับสู่ยุคอดีต เมื่อครั้ง 2000 ปีก่อน ...ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เหล่าผู้ถูกเลือก ต้องกลับไปในอดีตที่แสนยาวไกล เพื่อพิชิตปีศาจร้ายทั้ง 4 ...พิชิตคาออส...และพิชิตชะตากรรมของตัวเอง ...การดิ้นรนเพื่อจะสิ้นสุดวงจรอุบาทว์ของกระแสเวลาครั้งนี้... ก็ดูเหมือนจะจบลงอย่างไร้ประโยชน์ เหมือนๆกับที่มันเคยเป็นมา และเหมือนๆกับที่มันจะเป็นไป ...แต่ครั้งนี้ มีอะไรที่เปลี่ยนไป...? มีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม...? ...ตัวคุณเท่านั้น ที่จะควบคุมเส้นทางที่แท้จริงของพวกเขา และนำบทสรุปที่แท้จริง กลับสู่โลกแห่งนี้อีกครา... Closing comment ...เมื่อพูดถึง FF1 แล้ว ผมก็นับลำบากเหมือนกันว่า ซื้อมากี่ครั้ง และเล่นจบไปกี่ครั้ง เพราะถูกนำมารีเมคและพอร์ตมานับครั้งไม่ถ้วน ยอมรับเลยว่า ทุกคร้งที่ประกาศออกมา ก็เหนื่อยหน่าย และผิดหวังไม่น้อย เพราะสำหรับใจจริงๆของผมแล้ว ก็คงมองไม่ต่างจากหลายๆท่านว่า นี่เป็น"ภาคหากินง่ายๆตลอดกาล"ภาคนึง...แม้ส่วนตัว จะไม่ได้รังเกียจ"เอกลักษณ์"สไตล์ old school ของภาคนี้ นั่นคือ... กราฟฟิคแบบ 2D การต่อสู้แบบผลัดกันเลือกคำสั่งคนละตา ระบบการเดินวนปราบศัตรูและเก็บประสบการณ์ให้ตัวเราเก่งขึ้น ฯลฯ หลายๆคนอาจจะมองว่า มันล้าสมัย ไม่ระทึกใจ และเรียบง่ายไปเสียแล้ว...ซึ่งผมยอมรับว่า...ค่อนข้างเห็นด้วย...ตัวผมมองว่า เวอร์ชันแรกสุดเท่านั้น ที่คู่ควรกับการขึ้นหิ้งอย่างแท้จริง ทั้งความยากของตัวศัตรู ความยาวนานของการเก็บเลเวล ข้อจำกัดในการพกไอเทม ความเหนื่อยหน่ายในการเก็บเลเวล ความวุ่นวายในการเซฟ บลาๆๆ...แต่สิ่งเหล่านี้แล ที่บ่งบอกถึงความเป็นภาคแรกของ ไฟนอล แฟนตาซี ที่ไม่มีใครเหมือน การกลับมาขายใหม่ในแต่ละครั้ง ได้ปรับปรุงให้ตัวเกมส์ง่ายลงๆ เหมาะสมกับผู้เล่นสมัยใหม่ขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้าย... เอกลักษณ์ที่ผมเคยรู้สึกกับ FF 1 ก็ชักจะน้อยลงทุกที ...แต่ที่สุดของที่สุด ผมก็ยังให้อภัย และเห็นด้วยกับการตัดสินใจของบริษัท ที่จะให้ภาคนี้ คง"ความคลาสสิคแบบกึ่งประยุกต์"ไว้ในรูปแบบใกล้เคียงกับในความทรงจำเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน และอย่างน้อยที่สุด...FF1 นี้ ซึ่งเป็นภาคแรกที่ผมเล่นนั้น...มันก็เคยสร้างความผูกพันธ์ สร้างความประทับใจให้ผมมาก่อนจริงๆ และความรู้สึกนั้น...แม้ปัจจุบัน ผมก็ยังจดจำได้ขึ้นใจ และรับรู้เสมอว่า ความเพ้อฝันแต่ครั้งเยาว์วัยนั้น...มิใช่เป็นเพียงภาพลวง แด่ความเพ้อฝันที่เชื่อมโยงสู่ปัจจุบัน --Trace Memory...Trace Fantasy-- To be continued...Final Fantasy II - ย่างก้าวที่สอง สู่การปฎิวัติ
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ ตอนที่ 1 ของบทความ... Final Fantasy I - The Prophecy จบลงตรงนี้นะครับ ณ ตอนที่เอามาแปะที่นี่ บทความตอนที่ 5 กำลังปั่นอยู่ครับ ส่วนตอนที่ 2-4 ที่ลงในเวปอื่นๆไปนั้น ขอตัวไปแก้ไขอะไรเพิ่มเติมซักเล็กน้อย แล้วจะทยอยเอามาแปะที่นี่ทีละตอนครับผม...หวังว่าจะถูกใจกัน ^^ เตรียมพบกับ บทความตอนที่สอง Final Fantasy II - The Rebellion นะครับ >>>>ลิงค์หน้าหลักบทความ<<<<
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ ล้ำลึกสุดยอดมากครับ รออ่าน ตอนที่ 2 - 5 อยู่นะครับผม
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ บอกตามตรงครับคุณ Zieghart ผมตามอ่านบทความนี้ของคุณที่ Thainin แล้วงงน่าดู กระโดดไปกระโดดมา เพราะที่โน่นไม่มีระบบขุด ทำให้หาตั้งนานกว่าจะเจอ ต่อไปผมขอตามอ่านที่ AF ละกัน อ่านง่ายดี ขอบคุณที่อุตส่าห์เขียนบทความให้อ่านครับ
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ ตอบคุณนินนะครับ ^^ ตอนทยอยโพสต์ที่ไทยนิน ตัวกระทู้มันตกไปนานแล้ว แต่จริงๆมันมีปักหมุดอยู่ในห้อง cafe น่ะครับ ^^ แค่อาจจะดูกลืนๆไปกับปักหมุดอันอื่นเท่านั้นเอง แหะๆ ส่วนตอนนี้ ก็ยังปักหมุดอยู่นะ แต่ย้ายไปห้อง Box แทนครับ ขอบคุณที่ติดตามจ้า
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ ผมเพิ่งจะมาจริง ๆ จัง ๆ กับ FF เอาก็ภาค 7 เข้าไปแล้ว ได้มาอ่านตั้งแต่ภาค 1 แบบนี้ เป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกดีมากเลยครับ
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ ผมได้เล่นมาตั้งแต่ภาค 1 เครื่อง family สนุกมากครับ ตอนนี้กะลังลุย ภาค 12 อยู่
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ ชอบบบบบบบบบบบมากกกกกกกกกกกกก เอาให้ครบทุกภาคเลยนะครับ :aha:
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ อ่านไปแล้วรู้สึกเหมือนตำนานเลยนะฮะลุงซิก... =w= ขี้เกียจเล่นภาค 4 = =" ( เล่นภาค NDS แล้วหมดกำลังใจเล่นภาคปกติ )
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ ตามอ่านตั้งแต่ในบล็อก มาลงบอร์ดใหม่แล้ว เยๆ สู้ๆ เข็นให้จบนะจ๊ะหมอปัด>w< (การเรียนก็ไฟท์ๆเน่อ)
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ มาต่อกันเลยนะครับ กับภาค2...ขึ้นชื่อนักล่ะ เรื่องความยาก ลุยดุ่มๆไปสู้กับบอสนี่ ได้นอนเอาง่ายๆ ^^" Final Fantasy II - The Rebellion ย่างก้าวที่สอง สู่การปฏิวัติ Prologue จักรวรรดิพาราเมเกียอันเกรียงไกร นำโดยจักรพรรดิผู้มักใหญ่ใฝ่สูง ได้ทำการขยายอำนาจ รุกรานดินแดนข้างเคียงอย่างไม่หยุดหย่อน ...ภายใต้เวทย์มนตร์ดำอันกล้าแข็ง และกองทหารแห่งความมืดที่ฆ่าไม่ตายแล้ว...เสียงร่ำไห้ของผู้คน ก็ดังระงมไปทั่ว เปลวเพลงโหมกระหน่ำ หยดเลือดสาดกระจาย ย้อมราตรีที่มืดมิด ให้เป็นสีแดงฉาน... แม้จะไร้ซึ่งกำลัง แต่ราชาแห่งเมืองฟินน์ ก็ได้แอบก่อตั้งกองทัพปฎิวัติขึ้นมาในเมืองที่แสนห่างไกล ทำการซ่องสุมกองกำลัง และประสานความร่วมมือกับอาณาจักรอื่นๆ ที่ต่างก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน และกำลังจะเดินหน้าไปสู่จุดจบในรูปแบบเดียวกัน... Innocent Lambs ฟิริออน/มาเรีย/กาย เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ที่เห็นกันจนชินตา ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามที่เต็มไปด้วยความกระหาย แต่ไร้ซึ่งความหมายครั้งนี้ ...พ่อแม่ของทุกคน ถูกสังหารสิ้นในการโจมตีของจักรวรรดิ...พวกเขาและเธอ ถูกกองทหารแห่งความมืด ไล่ล่าหมายปลิดชีวิต เจ้าหญิงฮิลดา บุตรีแห่งราชาเมืองฟินน์ ได้ช่วยเหลือเหล่าเด็กน้อยไว้ได้ คงมีเพียงเลออน พี่ชายของมาเรียเท่านั้น ที่ถูกพาตัวไปโดยทหารจักรวรรดิ ...ด้วยความต้องการที่จะแก้แค้น และตามหาสมาชิกคนสำคัญที่สูญหาย...เด็กน้อยทั้งสามคน ได้ยื่นคำขอ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพปฎิวัติทันที พร้อมประกาศกร้าว จะล้มจักรวรรดิแห่งความมืดให้จงได้ ...ชีวิตที่รักษามา ไม่ใช่สิ่งด้อยค่าขนาดจะเอามาทิ้งขว้าง...เจ้าหญิงฮิลดาปฎิเสธคำขอร้องของเด็กน้อยในทันที ...แต่มาถึงตอนนี้ ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งพวกเขาได้ ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งเปลวไฟแห่งความมุ่งมั่น ที่โหมกระหน่ำในใจทั้งสามได้อีกต่อไป... The Stubborn Rebellion การต่อต้านยังคงยืดเยื้อ ฝ่ายจักวรรดิค่อยๆรุกคืบ กองทัพปฎิติค่อยๆถูกทำให้ล่าถอย...การสูญเสียที่เกิดขึ้น ช่างมากมายเหลือเกิน...ทหารเอก/จอมเวทย์คนสนิท/สุดยอดองครักษ์/คู่หมั้น หรือแม้แต่ราชาแห่งฟินน์ผู้นำทัพ...ก็ยังต้องจบชีวิตลง ท่ามกลางสงครามที่นับวันก็ยิ่งทวีความรุนแรง และเมื่อจักรวรรดิได้ปล่อยสุดยอดยานรบทำลายล้างนาม Dreadnought ออกมา แสงสว่างที่เหลือเพียงริบหรี่ของกองทัพปฎิวัติ ก็พลันวูบหายไป... ทว่า จะด้วยความรั้นเพราะวัยเยาว์ หรือความมุ่งมั่นเพราะเชื่อในความถูกต้องก็แล้วแต่...ตลอดตั้งแต่ต้นนั้น เด็กน้อยทั้งสาม ได้มีบทบาทอย่างมาก ต่อกองทัพปฎิวัติ...พวกเขาและเธอ เสี่ยงตายนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งลอบเข้าไปสืบข้อมูลสำคัญ ...รับมอบถ้อยคำสุดท้ายก่อนสิ้นชีพของผู้นำ ...ตามล่าโลหะมิสริลเพื่อเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของกองทัพ ...สืบทอดเวทย์มนตร์ในตำนานที่สาบสูญ ...ร่วมทางกับมังกรไวเวิร์น ฝ่าสู่ใจกลางพายุหมุนขนาดยักษ์เข้าหาจักวรรดิ ...จนสุดท้าย ทุกคนสามารถทำลายยอดยานรบให้กระจุยเป็นผุยผง และปลิดชีพจักรพรรดิพาราเมเกียลงได้สำเร็จ !! Real Confrontation น่าเสียดาย...รอยยิ้มแห่งความสุข กลับอยู่ได้เพียงชั่วครั้งคราว...ศัตรูคู่แค้น ที่ขัดขวางเด็กทั้งสามมาตลอดการเดินทาง และรู้จักกันในนาม "อัศวินดำ" สุดยอดทหารมือขวาของจักพรรดิพาราเมเกีย ได้ปรากฎโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา ซึ่งก็คือ"เลออน" พี่ชายผู้พลัดพรากของมาเรีย ซึ่งลุ่มหลงในอำนาจแห่งจักวรรดิอันยิ่งใหญ่นั่นเอง... จักวรรดิเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าไปอย่างฉับพลัน ด้วยการนำทัพของผู้นำที่แข็งแกร่งกว่าเดิม การรุกรานระลอกใหม่ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น...ซ้ำร้าย จักรพรรดิพาราเมเกียที่ควรจะจบชีวิตลงไปแล้ว ก็พลันกลับมาอีกครั้ง จากพันธะสัญญากับปีศาจ พร้อมรูปโฉมของอสูรกายจากโลกมืด และพลังเวทย์ทรงพลานุภาพอันน่าสะอิดสะเอียน ...โลกอันแสนมืดมิด ก็กลับดูมืดมนยิ่งกว่าที่เคย !!!
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ Behind the Cover Final Fantasy II - บทแห่ง "การปฎิวัติ" - นั้น ไม่ใช่หมายเพียงแค่ตัวเนื้อเรื่อง ที่กล่าวถึงการต่อต้านจักวรรดิ และความทุกข์ของผู้คนที่ล้วนถูกพลิกให้มาอยู่ท่ามกลางไฟสงครามอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงเท่านั้น...แต่ตัวเกมส์เอง ก็แสดงจุดยืนของซีรีย์อย่างชัดเจน ในก้าวที่สองนี้เองว่า...จะเดินบนเส้นทางของ"การปฎิวัติ" ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จนถึงปัจจุบัน ซีรีย์บางซีรีย์ เลือกที่จะคงคอนเซปต์ของการมี"เอกลักษณ์" เดิมไว้เสมอมา...แต่สำหรับไฟนอล แฟนตาซี กลับเลือกที่จะเดินในเส้นทางของ " การเปลี่ยนแปลง" เพราะนอกจากชื่อเฉพาะต่างๆที่ยังคงถูกยกมาใช้เป็นเอกลักษณ์แล้วนั้น...ทั้งระบบการเล่น อารมณ์ของตัวเกมส์ ธีมของเนื้อเรื่อง และบรรยากาศต่างๆ ก็เรียกได้ว่า ไม่เคยซ้ำกัน ในภาคนี้ จะไม่มีระบบการปราบศัตรู นำแต้มประสบการณ์ มาเพิ่มเลเวล พัฒนาตัวละครอีกแล้ว แต่จะเป็นระบบ"ความถนัด" แทน...ไม่ว่าจะเป็นพลังชีวิต พลังเวทย์ ความเร็ว ความอึด การใช้ดาบ ใช้ขวาน ใช้ธนู ฯลฯ ตัวละครไหน ใช้การต่อสู้รูปแบบใดบ่อยครั้งกว่า "ความถนัด"ด้านนั้นๆก็จะยิ่งเพิ่มพูน และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ...กลับกัน หากทักษะด้านไหนที่ถูกละเลย และไม่ได้ใช้นานเข้า แต้มความถนัดของตัวละครนั้นๆ ก็จะค่อยๆลดลงทีละน้อย สิ่งอื่นที่ได้รับการชื่นชมอย่างมาก ก็คือระบบ"คีย์เวิร์ด" ที่เป็นการนำ"ถ้อยคำ"ที่ได้รับมอบจากคนๆหนึ่ง ไปเลือกพูดกับคนอื่นๆ เพื่อนำไปสู่การเข้าหาเนื้อเรื่องที่แตกต่างจากเดิม และไอเทมที่คาดไม่ถึง...อาจเพราะในโลกที่ไม่สามารถแยกแยะมิตรหรือศัตรูได้แล้ว การเลือกใช้คำพูด ก็กลายเป็นสิ่งที่สำคัญ กำหนดเป็น-ตายได้ในฉับพลันนั่นเอง และในภาคนี้เอง ที่เป็นจุดกำเนิดของตัวละครอมตะอีกหลายตัว ที่เป็นที่จดจำของซีรีย์ อย่างสุดยอดวิศวกรเรือเหาะ "ซิด" หรือนกสีเหลืองขนฟูน่ารักน่าชัง "โชโคโบะ" ที่แม้จะผ่านมาอีกกว่า 10 ภาค นานเกือบ 20 ปี...ทั้งสองตัวละคร ก็ยังคงปรากฎโฉมอยู่ทุกครั้งไป ................. .......................... ................................. Last Page's story - Last Struggle;Once and for All จักรพรรดิพาราเมเกีย ที่ได้กลับมาจากโลกมืด ได้สร้างจักรวรรดิโฉมใหม่ ให้กลายเป็นหอคอยทมิฬ นามนั้นคือ แพนเดโมเนียม (Pandemonium) เชื่อมต่อลงไปถึงก้นบึ้งของขุมนรก พร้อมประกาศจะทำลายล้างโลกให้สิ้นซาก... ณ ตอนนี้ มันมิใช่ปัญหาเพียงแค่คนกลุ่มหนึ่ง หรือเมืองๆหนึ่งอีกต่อไป...แต่โลกทั้งใบ กำลังจะก้าวไปสู่จุดจบที่น่าเศร้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...อีกครั้ง ที่เด็กน้อยทั้งสี่ จะต้องเชื่อมั่นในความถูกต้อง และอีกครั้ง ที่พวกเขาจะต้องจบการต่อสู้ที่แสนเศร้านี้...อย่างสมบูรณ์... Closing Comment FF 2 นี่ จัดได้ว่ามีความสมจริงหลายๆอย่าง ทั้งระบบการพัฒนาความสามารถตัวละครแบบ 'ใช้มากได้มาก' หรือการใช้พาสเวิร์ดไปบอกคนนั้นคนนี้...สำหรับมุมมองของตัวผมเอง และของนักวิจารณ์ในสมัยนั้น ถือว่าได้คะแนนเต็มในเรื่องความแปลกใหม่ ทว่า แม้ระบบจะฟังดูน่าสนใจ แต่ในทางปฎิบัติแล้ว ตัวเกมส์สามารถที่จะพัฒนาระบบดังกล่าวให้ดียิ่งกว่านี้ได้อีกมาก เพราะตัวเกมส์มีบั๊กแปลกๆที่ฟังดูไม่เข้าท่า ปะปนอยู่ไม่น้อย และเปิดโอกาสให้ผู้เล่น "เล่นนอกกติกา" ได้อย่างง่ายดาย ทั้งการโจมตีใส่พวกเดียวกันเป็นระลอก การกดแคนเซิลชุดคำสั่งซ้ำไปซ้ำมา การคงไว้ซึ่งสภาพปางตายของตัวละคร ฯลฯ...เรื่องตลกทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ มีไว้ใช้สำหรับอัพเกรดค่าสถานะของตัวละครในเกมส์ได้อย่างรวดเร็ว และก็เพิ่งจะมาถูกแก้เอาในเวอร์ชันหลังๆนี้เอง มาว่าถึงสิ่งที่ผมชอบที่สุด นอกจากเพลงประกอบที่ยิ่งใหญ่ชวนขนลุก ก็คงจะเป็นบรรยากาศของเรื่อง ที่ได้อารมณ์แห่งยุคกลาง และความรู้สึกดิ้นรนต่อต้านของคนกลุ่มน้อย ที่ค่อยๆฝ่าฟัน ทำภารกิจทีละอย่าง ทีละอย่าง ค่อยๆเข้มแข็งขึ้น ได้สูญเสีย และได้พบพานกับสหายใหม่มากมาย...จนท้ายที่สุด ก็กลับมารวมกัน เป็นกลุ่มเดิมกับ ณ ตอนเริ่มแรกนี่เอง การผูกโยงไปถึงเรื่อง"ทายาท"ต่างๆก็ทำได้น่าสนใจ อย่างเรื่องราวของอัศวินมังกรคนสุดท้าย ที่ในภาครีเมคหลังๆ ก็อุตส่าห์นำไปโยงกับตัวละครหลักอีกตัวในภาค 4 ได้อย่างแนบเนียน หรือมังกรไวร์เวิร์นที่กำลังจะตาย ฝากไข่ของตน ให้ไปเก็บในที่ปลอดภัย และ สายเลือดสุดท้ายของเผ่าพันธุ์นั้น ก็ได้กลับมาช่วยตัวเอกในภายหลัง...เล่นไปก็ยิ้มไปเลยครับ และที่สำคัญที่สุด นี่น่าจะเป็นภาคแรก ที่ความเป็น"ดรามา" ถูกใส่เข้าไปอย่างเต็มที่ ...ตลอดการเดินทาง เหล่าเด็กน้อยได้พบเจอคนมากมายที่เข้ามาร่วมต่อสู้ด้วย และโดยมากแล้ว แทบทุกคนต่างก็ต้องจบชีวิตลงเพื่อปกป้องเหล่าตัวเอกทั้งสิ้น...ทั้งๆที่บางคน ก็เพิ่งจะได้รู้จักกันไม่นานแท้ๆ ? บางครั้งก็อาจทำให้รู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดความรู้สึก ทั้งๆที่ไม่ได้ปลุกอารมณ์คนเล่นเสียก่อน.... ...เพราะข้อจำกัดของเกมส์ RPG ยุค old school ที่ทำให้ต้องเน้นหลักที่ผลลัพธ์ของเหตุการณ์ มากกว่าจะมานั่งปูพื้นความสัมพันธ์ตัวละคร? ...หรือเพราะตัวละครเหล่านั้น เชื่อมั่นใน"อุดมการณ์"ของตน และฝากความหวังไว้ที่"อนาคต"ของตัวละครหลัก...แม้จะพบกันเพียงแค่ชั่วข้ามคืน? ...ผมเลือกที่จะเชื่อแบบหลังครับ มันดูโรแมนติกกว่าเป็นไหนๆ แด่ความเพ้อฝัน ที่แลกมาด้วยชีวิตและการเสียสละ --Trace Memory...Trace Fantasy-- To be continued...Final Fantasy III - เสียงเพรียกสุดท้าย จากสายลม
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ จบตอนที่สองของบทความ Final Fantasy II - The Rebellion นะครับ เดี๋ยวอีกซักวันสองวัน เตรียมพบกับบทความตอนที่สาม Final Fantasy III - The Chosen จ้า ภาคสุดคลาสสิคอีกอัน ที่เพิ่งจะได้แปลเป็นอังกฤษอย่างเป็นทางการ ก็อีตอนรีเมคลง DS นี่แล ปล. เห็นแวบๆ ใครอาจหาญเรียกผมว่าลุง....ระวังจะโดนมิใช่น้อยครับ :bad: อายุยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานบอร์ด AF อยู่นะเฟร้ยยยยย 555 >>>>ลิงค์บทความตอนที่สอง<<<
Re: [บทความ] 20 ปี กับ ไฟนอล แฟนตาซี ในความทรงจำ ว่าแล้วเชียวว่าภาคสองมันต้องมาแล้วฮ่าๆๆๆไม่เสียแรงที่แว่บเข้าแว่บออกรอคอยขอบคุณครับ ยังกะคนรออ่านการ์ตูนรายสัปดาห์เลยเรา :aiii: