เพื่อน ๆ นักชิมนักช้อปทั้งหลาย คงจะรู้จักร้าน "โถพลู" ที่สวนจตุจักรกันดี เพราะเป็นร้านที่ขึ้นชื่อว่า อาหารอร่อย ราคาก็พอไปไหว แถมยังเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ใครไปช้อปที่สวนฯ ถ้า ไม่ได้ลิ้มลองอาหารที่นี่ก็ถือว่าไปไม่ถึงสวนฯค่ะ เราเอง + เพื่อน ๆ + ญาติ ๆ ก็ชื่นชอบในรสชาติ อาหารร้านนี้เช่นกัน แต่ไม่นึกไม่ฝันเลยค่ะ ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ วันนั้นเราไปกัน 3 คน คือ เรา แม่แฟน และเพื่อนของแม่แฟน อาหารที่พวกเราสั่งมีดังนี้ค่ะ * ทอดมัน ปลากราย * ข้าวมันส้มตำ * ข้าวผัดสัปปะรด * ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ * น้ำดื่ม * น้ำมะพร้าว ประมาณว่า หิวมากค่ะ เห็นอะไรน่าทานก็สั่ง ๆๆๆ วันนั้นเราได้โต๊ะด้านหน้าของครัวใหญ่ที่ไม่ใช่ห้องแอร์-และอยู่ ระหว่างบริเวณที่ล้างจาน (ใครที่เคยไปร้านนี้คงทราบดีว่า ร้านโถพลูเค้าจะมีที่นั่งแบ่งเป็นหลาย ๆ ส่วน และห้องครัว ก็จะมีหลายครัว ครัวผัด ครัวยำ ส่วนเตรียมเครื่องดื่ม อะไรแบบนี้) อาหารจานแรกที่ยกมาคือ ทอดมันปลากราย จานเล็ก ๆ น่ารัก ประดับประดาด้วยดอกกล้วยไม้และผัก แต่งจานสวยงาม ซึ่งก็มีทั้ง แตงกวา กะหล่ำปลีซอย แครอท ประมาณนั้น ไม่แน่ใจนะคะ จำไม่ได้ว่า เป็นผักดองหรือเปล่า ส่วนทอดมันนั้น มีประมาณ 5 ชิ้น จัดเรียงสวยอยู่ในมันทอดที่ทำเป็นกรวย ๆ หรือที่ รู้จักกันในชื่ออาหารว่า "รังนก" (ก็คงทราบกันดีว่าที่ โถพลู เค้าจะมีการจัดจานอาหารสวยงามน่ารับ ประทานมาก) อาหารจานแรก หมดไปอย่างรวดเร็ว อร่อยมากๆ เลยค่ะ ขอบอก แม้แต่ผักแต่งจานก็ เกือบไม่เหลือ แล้วแม่แฟนเรายังแอบชิมเจ้ารังนกนั่นด้วย บอกว่าแข็ง ๆ ไปหน่อย สงสัยทิ้งไว้นาน แต่ พวกเราก็แอบคอมเพลนเล็กน้อยว่า แพงจัง จานนิดเดียวเอง ตั้ง 100 บาทแน่ะ แต่ก็อร่อยดีนะ วันนั้นคนเยอะมาก อาหารค่อนข้างนาน พวกเราก็นั่งเม้าท์กันไปถึงเรื่องต่าง ๆ นั่งอีกสักครู่ใหญ่ ๆ อาหารแต่ละอย่างก็ทยอยมาเสิร์ฟ พวกเราก็ก้มหน้าก้มตาทาน ไม่คุยแล้ว จนอาหารหมด อิ่มกันได้ที่ ก็ถึง ตอนนั่งย่อย พูดคุยกันถึงรสชาติอาหาร บริการ ยังเอ่ยปากชมกันว่า อาหารอร่อย บริการก็ดี คนรับ รายการยิ้มแย้ม คล่องแคล่ว แถมยังพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย ร้านก็คนเยอะแยะ ฝรั่งมากินกันเต็มไปหมด น่าอิจฉาเจ้าของร้านจริง ๆ เลย ประมาณนั้น ในขณะที่พนักงานก็เริ่มเข้ามาเก็บจานออกไป พวกเราก็ สอดส่ายสายตารอบ ๆ ร้านไปด้วย ชี้โบ้ชี้เบ้ ประกอบการสนทนา นั่นเอง.......สิ่งที่พวกเราไม่คาดฝันว่าจะเห็น ว่าจะเกิด ขอเล่าเป็นข้อ ๆ เลยนะคะ เห็นกันจะ ๆ ต่อหน้าต่อตา แบบนี้จริง ๆ ค่ะ 1. จานทอดมันฯ อันแสนโอชะของพวกเรา ถูกยกเข้าไปยังส่วนของการล้างจาน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ ประจำอยู่หนึ่งคน เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 30 ปลาย ๆ ภาพที่เราเห็นเผิน ๆ คือ เค้าคอย - แยก อาหาร แยกขยะ หรือกวาดเศษอาหารทิ้งจากจานก่อนล้าง แต่ดูไปดูมามันไม่ใช่ค่ะ พอสังเกตดี ๆ จะ เห็นว่า ตรงนั้นมันจะมี ตระกร้าแบบเหลี่ยม ทรงเตี้ย ใบเล็ก ใบใหญ่ อยู่หลายใบ ทีเดียว แต่ละใบก็ จะบรรจุสิ่งของต่าง ๆ กัน ที่เห็นก็มีดังนี้ค่ะ * รังนกทอด * ผักแต่งจาน * กล้วยไม้ที่ใช้ประดับจาน * หลอดน้ำดื่ม * ขยะรวม จานทอดมันฯของพวกเราถูกยกไปวางแถว ๆ นั้น พร้อม ๆ กับจานอาหารแต่ละประเภท จากแต่ละโต๊ะ ญ. คนดังกล่าวก็เริ่มทำการ "แยก" กล้วยไม้ไว้ในตะกร้ากล้วยไม้ รังนกทอด หยิบมาดู ๆ เห็นว่าถูก หักเป็นชิ้น ๆ แล้ว ทิ้งไปในขยะรวม ส่วนรังนกที่มาจากโต๊ะอื่น ๆ ยังสภาพดีอยู่ รวมไว้ในตะกร้ารังนก ด้วยกัน 2. ข้าวผัดสัปปะรด ลักษณะเวลาเสิร์ฟคือ เป็นข้าวผัด ที่อยู่ในลูกสัปปรรดที่ถูกผ่าซีกในแนวนอน แล้วถูก ควักเนื้อออกหมดแล้ว ประดับขอบด้วยกล้วยไม้ บัดนี้ เมื่อทานหมด จับเข้าส่วนล้างจาน ถูกกระทำด้วยผู้ หญิงคนเดิม กล้วยไม้ ถูกแยกไว้กับตะกร้ากล้วยไม้ กวาดเศษข้าวผัดที่เหลือ ๆ ออก นำสัปปรรดซีกนั้น แกว่ง ๆ จุ่มๆ ในกะละมังที่มีน้ำอยู่ แล้วนำไปรวมกันไว้กับสัปปรรดซีกอื่นๆ ในตะกร้า สัปปะรด ตอนนี้พวกเราเริ่มมองหน้ากันตาปริบ ๆ สงสัยกับการกระทำนั้น ๆ ว่าเค้าทำอาไรเน้อ 3. น้ำมะพร้าว เวลาเสิร์ฟ ลักษณะคือ มาทั้งลูก แล้วเสียบหลอด เมื่อทานหมด บัดนี้ ถูกนำมาตั้งรวมไว้ ที่เดียวกัน ถูกผู้หญิงคนเดิม นำหลอดออก แล้วมารวมกันไว้ในตะกร้าหลอด วางตั้งไว้สักพัก มีผู้ชายคน หนึ่งมาหยิบเอาลูกมะพร้าวไป โอ้.........พระเจ้าจอร์ช น่าสะอิดสะเอียนมาก เมื่อเห็นชายผู้นั้น นำลูกมะพร้าวดังกล่าว มาเปิดฝา แล้วเทน้ำมะพร้าวที่บรรจุไว้ในขวดเข้าไป แล้วจัดแจงเสียบหลอด ปิด ฝา จิ้มด้วยกล้วยไม้ แล้วเดินหายลับตาไป คาดว่าน่าจะเอาไปเสิร์ฟผู้โชคร้ายสักคน (ทั้ง ๆ ที่เราก็แงะ เนื้อกินไปแล้ว 2-3 คำ) ตะลึงค่ะ บอกได้คำเดียวว่าตะลึง ทั้งโต๊ะ อ้าปากค้างกันเป็นแถว หันกลับไปดู ผู้หญิงด้านล้างจานกันแบบ ไม่ได้นัดหมาย 4. จานอาหารที่ผ่านการรับประทานยังทยอยกันมาไม่ขาดสาย ผู้หญิงคนนั้นก็ยังขมักเขม้นกับการ "แยก" วัตถุต่าง ๆ อย่างชำนาญ ไม่ว่าจะเป็น รังนกทอด ผักแต่งจาน ดอกกล้วยไม้ หลอด ลูกมะพร้าว ลูก สัปปะรด ฯลฯ ส่งต่าง ๆ ที่ยังดูไม่สึกหรอ เมื่อบางตะกร้าเริ่มมีจำนวนของมากพอสมควร ก็จัดแจง ส่งเข้าครัว (ซึ่งตรงนั้นมันจะเป็นช่อง ๆ ไว้สำหรับผ่านสิ่งของกัน ระหว่างห้องครัวกับที่ล้างจาน) ไม่ต้องเล่าต่อแล้วใช่มั้ยคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นึกไม่ฝันว่า จะเกิดการรักษ์โลก รีไซเคิลกันได้ถึงเพียง นี้ สิ่งที่รับประทานไปเมื่อตะกี้ แทบจะออกมาทางเดิมเลยค่ะ ท่านผู้อ่านที่เคารพรัก พวกเรามองกันอยู่นานนนนนมากกกกก จนผู้หญิงคนนั้นเค้าเริ่มจะรู้สึกตัว กิจที่ทำอยุ่เริ่มเป็นไปอย่าง ตะกุกตะกัก แบบว่า ไม่ค่อยรื่นน่ะค่ะ ทำแบบเคอะเขิน จนเมื่อมีพนักงานเสิร์ฟเดินเอาจานมาวางไว้ให้ เค้าก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน แล้วก็หันมามองพวกเรา จนพวกเรามีความเห็นตรงกันว่า.....ถอยดีกว่า ไม่อาวดีก่า แล้วก็เช็คบิล รีบออกมาจากที่นั่นทันใด ค่าอาหารมื้อนี้ ตกราว ๆ 600 กว่า บาท จำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้ค่ะ ยังคุยกันเลยว่าค่อนข้างแพงถึง แพงที่สุดกับการนำอาหาร "ขยะ" มาให้ทาน หนำซ้ำการคิดราคาค่าอาหาร ยังบวกแวต (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) เข้าไปอีก 7 เปอร์เซ็นต์ ทำเหมือนเมือง นอกเลยค่ะ ระบบนี้ในเมืองไทยไม่ค่อยเห็น นอกจากตามโรงแรมหรือภัตตาคารใหญ่ ๆ ระดับ อินเตอร์ ฯ เดินกันออกมาจากร้าน ยังขนลุกอยู่ไม่หาย กับพฤติกรรมดังกล่าว พวกเราคิดกันว่า ไม่ใช่ตัวลูกจ้างหรอก ที่จะกล้าทำแบบนั้น ถ้าหากว่าเจ้าของร้าน ไม่สั่งให้ทำ ไม่รู้ จะหากำไรอะไรกันขนาดนั้นคะ ใช้วิธีสกปรกมากไปหรือเปล่า เรื่องที่เราเจอนี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมานี้เองค่ะ ตอนแรกกะว่าจะเข้ามาเล่าให้ชาว พันธุ์ทิพย์ฟังตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที ได้แต่เล่าให้เพื่อนฝูงคนรู้จักกันฟัง ให้เค้าได้ไปเล่า ต่อ ๆ กัน อ้อ......วันนั้นกลับบ้านกันไป ตัวเรา ระหว่างทางกลับบ้าน ปวดท้องนิดหน่อย แบบมวน ๆ แต่ไม่ เป็นไรมาก เพราะปกติ เป็นคนธาตุแข็ง ส่วนแม่แฟนเรา อายุ 60 แล้ว ท้องเสียทั้งคืนเลย แต่โชคดีที่ ไม่เสียแบบหนัก ๆ และเพื่อนของแม่แฟน จากที่ได้โทรฯ สอบถามอาการกันแล้ว ก็มีท้องเสียบ้างเหมือน กัน 2-3 ครั้ง ยังนึกเสียดายอยู่ว่าวันนั้นไม่ได้ถ่ายรูปไว้ จะได้มาโพสต์ให้เห็นกันจะๆ ไปเลย มีแต่กล้องจากโทรฯมือถือ ซึ่งไม่สามารถถ่ายเห็นในระยะนั้นได้ แต่คิดไปคิดมาอีกที ถ้ามีกล้องจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะกล้าถ่ายหรือเปล่า กลัวถูกอุ้มค่ะ เมื่อประมาณเดือนที่แล้วนี่เอง หลังจากที่เราได้เล่าเรื่องนี้ให้แก๊งค์เพื่อนสนิทเราฟัง เราก็ได้มีโอกาส ไปเดินสวนฯ อีกครั้ง เราก็เลยบอกเพื่อนๆ ว่า จำได้มั้ย เรื่องที่เคยเล่าให้ฟัง เดี๋ยวเราจะพาไปดู สถานที่จริง ก่อนไปถึง เราก็เตี๋ยมกับเพื่อน ๆ ว่า อะไรอยู่ตรงไหน ให้สังเกตอะไรส่วนไหนบ้าง วันนั้นไปกันทั้งหมด 4 คนค่ะ รวมตัวเราด้วย ก็ทำเป็นว่า เดินหลงกัน แล้วก็ไปหยุดรอกันตรงที่เกิดเหตุ พอดี ก็สายตาใครสายตามันค่ะ กวาดบรรยากาศรอบ ๆ กันใหญ่ เราเห็นแล้วก็ยังอดขำไม่ได้ ทำหน้า เหมือนคนหลงทางกันจริง ๆ เลย เราเองก็ยืนอยู่แถว ๆ นั้นด้วยเหมือนกัน ก็เห็นแบบเดิม ๆ เลย ค่ะ เพื่อน ๆ เห็นแล้วต่าง ก็อุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า "แหวะ" โชคร้ายที่วันนั้น ยังไม่มีใครทานข้าวกันไปเลย แล้วก็เลยไม่กล้าทานข้าวนอกบ้านเลยค่ะวันนั้น ต้องหิ้ว ท้องกลับมาทำทานกันที่บ้าน เข้าเรื่องต่อค่ะ หลังจากที่หมดแผนทำเป็นหลงทาง หาเพื่อนไม่เจอแล้ว เราก็นัดกันว่า ให้เดินมาเรื่อย ๆ จนสุดร้าน ให้ไปจนถึงโซนที่เริ่มมีร้านขายของ ให้ไปรอกันแถว ๆ นั้น นะ (ตรงแถวนั้น ร้านแรกจะเป็นร้านขายกระโปรงแนวแขก ๆ ) ซึ่งเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งไปถึงก่อน ก็ ยืนดูกระโปรงร้านนั้นอยู่ เมื่อเจอกันจนครบแก๊งค์ ก็เริ่มเม้าท์แตกกัน เจ้าของร้านเค้าก็ฟังอยู่ด้วย เค้าก็ถามขึ้นมาว่า "มีอะไรกันเหรอคะ" เราก็เริ่มเม้าท์พฤติกรรมร้านโถพลูให้ฟัง ว่าอย่างโน้นอย่างนี้ พี่เค้าก็ทำ ปากจุ๊ ๆ แบบว่า ให้หยุดพูด ตอนแรกเราก็งง ๆ เอ๊ะ ทำไมเหรอ พี่เค้าก็ชี้ไปที่ข้าง ๆ ร้าน ช่องถัดไป อ้าว.......กลายเป็นส่วนจัดเตรียมน้ำของร้านโถพลูซะงั้น โห อะไรมันจะขยาย สาขาได้มากมากก่ายกอง เราหันไปมอง เพื่อน ๆก็มองตามกันไป มีคนอยู่ในนั้น 2 คน คนหนึ่งเป็นคนเดินเสริฟและเก็บแก้ว อีกคน หนึ่งเป็นคนตระเตรียมเครื่องดื่มไว้คอยท่า (จากการสังเกตค่ะ) อีกแล้วครับท่าน ภาพที่เห็นนั้น มัน น่าขยะแขยงอีกแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเจอภาพเหตุการณ์แบบนี้อีก แก้วน้ำต่าง ๆที่ผ่านการดูดดื่ม มาแล้ว ถูกยกมาวาง หลอดถูกแยกออกไปรวมกันไว้ แน่นอนค่ะ นำกลับมาใช้ใหม่ แก้วน้ำที่ยังมีน้ำ และน้ำแข็งค้างอยู่ ถูกเททิ้ง.....ไม่ล้างค่ะ นำน้ำแข็งชุดใหม่อัดใส่แก้วแล้วเสิร์ฟเลยทันทีทันใด โอ้.....พระเจ้าจอร์ช มัน......อะไรดี เกินบรรยายค่ะ หันไปมองหน้าเพื่อน ๆ แล้วทำหน้าแหย ๆ ใส่กัน หันไปมองหน้าพี่ขายกระโปรง พี่เค้าได้แต่ยิ้ม ๆ " พี่ขา วันก่อนนู้นหนูก็มาทาน เจอยิ่งกว่านี้อีกค่ะ" พี่ขายกระโปรง ยังเอาแต่ยิ้ม เรากะเพื่อน ๆ "โห เลวว่ะ ทำงี้ได้งัย" "แหวะ" "แบบนี้มันต้องแจ้ง" ฯลฯ "พี่อยู่แถวนี้ก็คงพอเห็นบ้างใช่มั้ยคะพี่" เรายิงคำถาม พี่เค้าก็ได้แต่ยืนยิ้ม คงไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะต้องขายของแถวนั้น หลังจากที่พวกเราเม้าท์กันอย่างดุเดือด และกำลังจะเดินจากไป พี่เค้าก็พูดขึ้นมาว่า " เห็นกันจนชินแล้วน้อง คนขายของที่จตุจักรเค้าไม่กินกันหรอกร้านเนี้ย" กึ๋ย....หยอง คือเรื่องจริงนะคะ ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ไม่ได้กุเรื่องใด ๆ ขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วเราก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับร้านนี้นะคะ ไม่ใช่พวกที่เข้ามาก่อกวน ให้ร้านเค้าเสียหายค่ะ หากจะถามหาหลักฐาน ขอบอกว่า "ไม่มี"ค่ะ แต่ถ้าอยากจะเห็นกับตา ลองไปที่ร้านดูนะคะ
ไม่เคยได้ยินชื่อร้านค่ะ แต่ถือว่าตัวเองโชคแล้วกันนะที่ไม่เคยไปกิน ^ ^'' แต่ร้านที่เคยไปกินๆมาเนี่ย ก็ไม่รู้ว่าเค้าจะใช้วิธีนี้กันรึเปล่านะ =w='' !!! ไม่รู้จะช่วยกันลดโรคร้อนด้วยประหยัดทรัพยากรด้วยวิธีทุเรศๆไปทำไมกันเนี่ย... อ่านแล้วแหวะจริงๆค่ะ อีแบบนี้แหละ... ดังนั้นพวกเราก็กลับมาทำอาการทานกันเองในครอบครัวดีไหมคะ ^ ^'' กินนอกบ้านเบื้องลึกเบื้องหลังมันเยอะจนน่ากลัวจริงๆ ร้านอื่นๆก็อาจจะมีก็ได้ เพียงแต่พวกเราไม่เห็น จริงไหมคะ?!!! (T[]T สยอง!!!)
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จริงหรือเปล่านะ ทว่า...... เคยไปกินที่ร้านนี้ พบว่า .................. ............... ............ ......... ...... ... .. . อาหารแพงมหาโหด แถมยังชาร์ตค่าแอร์ด้วย! เอากะเขาสิ....
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เรียกได้ว่า ไม่มีจริยธรรมเอาซะเลย เปิดมาได้ร้านแบบนี้ (ว่าแต่มันอยู่บล็อคไหนน่ะ) :???:
ไม่รู้ว่าเรื่องจริงรึเปล่านะฮับ เพราะ FWD เ้นี่ย เคยเจอเหมือนกันทีเ่ป็นเรื่องไม่จริง ...ดังนั้น ยังไม่พูดอะไรดีกว่า แต่ก็น่าจะเป็นการดี ว่า หากจะไปทานร้านที่ว่านั้นจริงๆ ลองไปสังเกตการณ์สักนิด ก่อนจะเดินดุ่มๆเข้าไปทานอาหารฮับ ปล. เมื่อปีที่แล้ว มีลงวิชาเลือก - อาหารกับสุขภาพ ไปเล่นๆ ซึ่งอาจารย์ก็มีกล่าวถึงเรื่องคล้ายๆกันนี้ แต่ไม่ใช่ร้านนี้หรอกนะฮับ เป็นร้านแผงลอยที่ขายตามสถานที่ท่องเที่ยวใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา น่ะฮับ เรื่องมันเป็นปัญหา ก็ตรงที่ว่านักท่องเที่ยวเค้าไปถ่ายรูป แล้วเห็นว่ามีแม่ค้าบางร้าน ที่เอาจานชามไปล้างในแม่น้ำ ก็เลยถ่ายรูปไว้ แล้วก็ไปโพสตามในเวบของประเทศเค้า กลายเป็นเรื่องเสียหายระดับประเทศไปเลยล่ะฮับ -*-
ไม่ค่อยได้ไปจตุจักร แต่ถ้าไปก็จะรีบๆ ซื้อของแล้วเดินออกมา ไม่อยากกินอะไรในนั้นเพราะแพง แล้วเรื่องน้ำขวดก็เคยมีเรื่องในนั้นมาทีแล้ว ก็เลยพกของไปกินเองหมด ส่วนเรื่องร้านนี้ถ้าโทรไปร้องเรียนสคบ.แล้วเค้าจะมาตรวจสอบให้ไหมนะ หรือว่าต้องรอคิวรับการตรวจอีกยาว= =a
ที่ไทย การกระจายข่าวในแง่ลบ มีประสิทธิภาพมากนะครับ จริงไม่จริงนี่ยังไงขอให้ไปดูด้วยตาตัวเองก่อนละกันครับ
ต้นเรื่องมาจากกระทู้้นี้ี่ค่ะhttp://www.pantip.com/cafe/food/topic/D5947983/D5947983.html คุณคนโพสต์มีอมยิ้มด้วย แต่เราก็ไม่เคยไปกินอะนะ ได้แต่เดินผ่าน^^"
คิดแบบ J ครับ โดยเฉพาะ ข่าวแนวให้ร้ายบุคคล ยิ่งต้องระวัง แต่ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร หรือ บุคคล มันก็มี % จะเป็นจริง หรือ เท็จ ได้พอๆกัน แค่ว่า ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ก็ไม่ควรบอกต่อ หรือ ปักใจว่าใช่
ท่าทางจะจริงค่ะ คือถ้ามีแหล่งจากพันทิป คนโพสมีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตน แล้วไม่ได้โพสทิ้งขว้าง กลับมาตอบเรื่อยแบบนี้ แสดงว่าเห็นมาจริง ๆ แล้วเอามาโทรโข่งบอกกันนะ แต่ในความเห็น 123 ทางร้านเขาออกมาอธิบายแล้วนะ ลองอ่านดูค่ะ
ข่าวที่เป็นแง่ + มักเงียบ เมื่อเทยบกับ ข่าวด้าน - ที่มีการเผยแพร่ ผู้คนให้ความสนใจกันล้นหลาม ปล. ไม่เคยไปกินร้านนี้ครับ เท่าที่อ่านมาน pantip ที่ Rep บนๆ Link ไป ส่วนมาก Complain เรื่อง ราคา มาก ท่าทางแพงได้ใจ - -
edit: เอาต้นตอมาโพสต์แถมผิดอีกตะหาก =[]= แอบชอบกินข้าวผัดในสัปประรดอะค่ะ เลยรู้สึกว่าน่ากลัวแล้วแหะ ไม่รู้เชื่อใจร้านไหนได้บ้าง ท่าทางที่เมืองไทยไม่ได้ทำอยู่ร้านเดียวนะคะ หรือเราจะโดนinfluenceมากไปแล้วเนี่ย ก้ากกกกก' editรอบสองจ่ะ: ตามลิงค์ไป มีคนแสดงอาการเหมือน เจ้าของร้านมาตอบด้วยล่ะ
คงต้องไปสังเกตุการณ์เองแล้วล่ะครับ เพราะข่าวแง่ลบอย่างนี้มันแพร่เร็ว และคนที่จะเชื่อมันก็เยอะ อาจจะเป็นร้านคู่แข่งมาปล่อยข่าวเสียๆหายๆก็ได้ครับ สรุป [action]จิบชานมรอต่อไป~~[/action]
โชคดีที่ไม่เคยกินทีร้านนี้ค่ะ ไม่กล้ากินข้าวในจตุจักรอ่ะ.....แบบว่าแพงงงงเหลือเกิน... อยากให้ประทรวงสาธารณสุขมากวดขันพวกนี้บ้างจัง ยังไงก็เอาไปเล่าบอกต่อให้เพื่อนๆฟังนะคะ