[กลายสภาพเป็นฟิคยำเรียบร้อย] The tales of Aurora [Another บทยำก่อนเข้า บทที่สอง]

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย yoshiki, 4 มิถุนายน 2009.

  1. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    บ่นก่อนอ่าน อ้ากๆ

    ตอนแรกผมเข็นลงเป็นการโฆษณาไปในตัว และเพื่อเป็นการอธิบายโลกให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อคนที่ยังอยากไปอีดิดหรือสมัครจะได้ใช้ประโยชน์ได้อ่ะนะ

    เป็นอันว่าตอนสองจะเริ่มหลังฟิคน้ำเน่าผมจบลง ก็อ่านตอนแรกไปพลางๆก่อนนะครับ

    ปล. นี่เป็นตอนแรกเลยนะ ไม่ใช่บทนำแต่อย่างใด


    ........................................................................................
    .........................................................
    ....................................



    Aurora Chapter I

    The Death Scythe Princess… part I



    หญิงสาวก้าวเดินผ่านแมกไม้สีเขียว....ตัดกับแสงแดดยามบ่ายที่ร้อนจนชวนหงุดหงิด

    หญิงสาวผู้สวมชุดโกธิคโลลิต้าสีขาวสวยไม่เหมาะกับสถานที่ ผมสีฟ้ายาวถึงเอวปกปิดดวงตาสีอำพันสดใส มือที่สวมถุงมือประดับลายลูกไม้แบกวัตถุคล้ายท่อพีวีซี ที่ถูกหุ้มด้วยผ้าธรรมดาที่หาได้ทั่วไป เธอเพิ่งเสร็จจากธุระในป่าลึกที่เป็นสถานที่อันตรายสำหรับคนทั่วไป ‘Lost Forest’ และตอนนี้เธออยู่ในระหว่างทางกลับออกจากป่าตามคำบอกเล่าของผู้ที่เธอเข้าไปพบปะ

    เส้นทางที่เดินผ่านมาตลอดนั้นล้วนอันตรายทั้งจากสัตว์และจากพวกไม่ประสงค์ดี แต่เธอกลับผ่านมาได้โดยไร้รอยขีดข่วนแม้แต่บนเสื้อผ้าอันสละสลวย

    หญิงสาวเปิดแขนเสื้อของเธอดูปรากฏลายประทับหัวกะโหลกที่ไม่น่าจะใช้รอยสักอยู่บนท่อนแขนซ้าย มันมีทั้งหมดสามรอย หญิงสาวมองมันอย่างเงียบๆพลางเงยหน้าขึ้นรับผู้มาเยือนที่ไม่ได้เชื้อเชิญ

    “แหม น้องสาวมาเดินในที่แบบนี้คนเดียว ไม่เหงาเหรอจ๊ะ” ชายคนนึงในกลุ่มโจรป่า เอ่ยเชิญชวนไร้มารยาท

    แต่เธอยังนิ่งเฉย....

    “น้องคนสวยหยิ่งซะด้วย อะๆ ยิ้มแล้วเว้ยพวกเรา” หนึ่งในพวกนั้นผู้ไว้ผมทรงโมฮอก แซวหยอกล้อเด็กสาวเมื่อเธอเผยรอยยิ้มเล็กๆ พร้อมแสดงดวงตาสีอำพันผ่านเรือนผมที่ปกหน้า

    “วันนี้ เฮงจริงเว้ย ได้หญิงน่ารักๆ ไปนอนกอ...” สายลมวูบนึงพัดผ่านไป โจรป่าสามคนที่ยืนเรียงหน้ากระดานกันถูกฟันขาด ร่างกายท่อนบนลอยเคว้งกลางอากาศโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้สึก สายตาอันพร่ามัวของพวกเขาเห็นหญิงสาวผมฟ้าถือเคียวสีขาวเล่มใหญ่ ที่ไม่เข้ากับขนาดตัวเท่าใดนัก คมของมันนั้นไม่เปื้อนเลือดแม้แต่น้อย อันเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงฝีมือน่าครั่นครามของเธอเป็นอย่างดี

    ร่างส่วนบนทั้งสามตกลงพื้นพร้อมกับเลือดที่ไหลนองออกจากทั้งสองส่วน หญิงสาวเดินข้ามมันไปโดยไม่แสดงอาการใดๆทั้งสิ้นราวกับเธอแค่ฟันอะไรสักอย่างที่ขวางหน้าเธอไปเท่านั้น

    หญิงสาวก้าวข้ามกองซากศพก่อนจะเปิดแขนเสื้อของเธออีกครั้ง

    ตราประทับหัวกะโหลกหายไปจนหมดสิ้น......



    .................................................................................................................................................................




    มหานครคริสตัล แห่ง Eternal kingdom ศูนย์รวมแห่งเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ รวมถึงศาสตร์ความรู้หลากหลายแขนง สร้างความเจริญจนเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่สุดบนพื้นพิภพ แม้ว่าตัวอาณาจักรจะไม่มีอาณาเขตติดทะเล เนื่องด้วยทางเหนือพรหมแดนติดกับอาณาจักรแห่งความรู้ Rubinesia จนสุดเทือกเขา ด้านใต้ที่ถูกกั้นด้วยกำแพงขาวยาวก็ติดกับผืนป่าอันลึกลับ Lost forest แต่ด้วยเรือเหาะที่เปิดให้บริการไม่กี่สิบปีที่ผ่านมาทำให้ การเดินทางมายังราชอาณาจักรนี้นั้นไม่ได้อยากเย็นเลย รวมทั้งการเดินทางด้วยรถไฟและถนนตามปกติก็สะดวกและรวดเร็วยิ่ง

    บ้านเมืองและวิถีชีวิตผู้คนที่เป็นลักษณะสมัยยุโรปกลางนั้น ยิ่งทำให้เข้ากับปราสาทอันโดดเด่นของอาณาจักรได้เป็นอย่างดี

    ศูนย์กลางของอาณาจักรนั้นเป็นที่ตั้งของปราสาทที่ทำด้วยคริสตัลแทบจะทั้งหลัง โดยคริสตัลทั้งหมดนั้นคือคริสตัลที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี เพื่อก่อสร้างในแบบแปลนทางวิศวะกรรมชั้นยอด และด้วยความเป็นอยู่อันหรูหราของผู้ที่ทำงานในรั้วพระราชวัง ทำให้ผู้คนมากมายหมายปองจะเข้าไปใช้ชีวิตในปราสาทอันงดงามนี้

    บาร์เหล้าเล็กๆที่เปิดบริการตั้งแต่ช่วงหัวค่ำในมหานครคริสตัล เมืองหลวงของอาณาจักร สาวผมฟ้าเปิดประตูบาร์อย่างแผ่วเบา ถึงอย่างนั้นเมื่อเธอก้าวเข้ามาในบาร์ก็ยังดูเป็นจุดเด่นสะดุดตาของผู้คนทันที ไม่ว่าจะการแต่งกาย หรือของที่แบกมา บางส่วนที่รู้จักกิตติศัพท์ของเธอมาบ้างก็ทยอยออกจากร้านไปอย่างเงียบเชียบ

    หญิงสาวเลือกที่นั่งหน้าเคาท์เตอร์ ข้างเธอมีชายหนุ่ม ร่างกำยำที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ก่อนแล้ว กำลังซดสุราอย่างเพลิดเพลิน ราวไม่ใส่ใจทุกสิ่ง


    “ว่าไง ‘บัลลังค์รัตติกาล’ พูดอะไรบ้างละ” ชายหนุ่มผมสีเทายาวที่ผูกเรียบร้อย ว่าพลางกระดกเหล้าเข้าปากพร้อมเร่อออกมาอย่างไร้มารยาท

    หญิงสาวผมฟ้า รับแก้วเครื่องดื่มจากมาสเตอร์โดยไม่มีทีท่าว่าจะดื่มลงไป เอ่ยกลับไม่สนใจท่าทีของอีกฝ่าย “ดูเหมือนหัวหน้าอยากให้ชั้นไปพบกับ ‘นักแปรธาตุต้องสาป’ เผื่อว่าเธอจะพอทำอะไรได้บ้าง”

    “อะไรว้า ขนาดเจ้าบ้านั้นยังหาวิธีแก้คำสาปไมได้อีกเหรอ แต่ถึงขนาดโยนไปให้‘5 จักรพรรดิ’ คนอื่น ชั้นว่ามันก็เกินไปหน่อยม้าง” ชายหนุ่มว่าต่อ ทั้งคู่สนทนากันโดยไม่แม้แต่จะสบตา หญิงสาวหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนกระดกของเหลวในแก้วจนหมด

    “คุณเองก็มีชีวิตมายาวนานไม่แพ้พวกเขา ทำไมถึงไม่ได้เป็นตำนานบ้างละคะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องพูด พลันหันมองคู่สนทนาเป็นครั้งแรก ส่วนชายหนุ่มร่างบึกบึนสบตาประสานหญิงสาวด้วยท่ารันกะวิ้ง ก่อนยิ้มหร่ากับคำถามของเธอ

    “เธอไม่รู้อะไร ทั้งหัวหน้าของเธอและพวกเวร บรรลัย คนอื่นมันเก่งนรกกันขนาดไหน ไอ้ 5 ตัวเนี่ยชั้นประมือมาแล้วทุกคน รอดมาได้ก็บุญแล้ว” ชายหนุ่มยกเหล้าเข้าปากไปอีกขวดพร้อมคว้าขวดใหม่มาไว้ในมือที่ว่าง

    “ก็ดูน่าจะสูสีกันนี่คะ”

    “คิดแบบนั้นเหรอ”


    5 จักรพรรดินั้นคือชื่อเรียกกลุ่มบุคคลผู้มีอิทธิพลอย่างมากในโลก ‘เบื้องหลัง’ ที่ไร้กฎระเบียบของพวกอาชญกร หรือ คนเถื่อน พวกเขาคือสุดยอดนักรบ ผู้นำ และทรชนฝีมือฉกาจ ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในสงครามเมื่อ 400 ปีก่อน หลังสงครามครั้งนั้นมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ได้เป็นใหญ่ทั้งจากจำนวน และความสามารถในการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด ทว่าก็ยังมีเหล่าทรชนสงครามกลับมาสร้างฐานอำนาจและความหวาดหวั่นแก่ผู้คน ซี่งก็คือพวกเขา

    แท้จริงแล้ว ชื่อเรียก 5 จักรพรรดิ นั้นเป็นเพียงแค่ชื่อที่ผู้คนเรียกรวมๆกันเท่านั้น ไม่ใช่กลุ่มที่จงใจสร้างขึ้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันมิตรกันแต่อย่างใด ออกจะไปแนวเป็นศัตรูกันด้วยซ้ำ

    ทั้ง 5 ประกอบไปด้วย...

    ‘บัลลังค์รัตติกาล’ เจ้าแห่งความมืดที่อยู่ในส่วนลึกสุดของป่า Lost Forest

    ‘ดวงตานรกไร้ก้น’ หญิงสาวผู้ได้สมญา ‘นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุด’

    ‘แสงแห่งคำพิพากษา’ ชายผู้สันโดษ เต็มเปี่ยมด้วยพลังและฝีมือ

    ‘นักแปรธาตุต้องสาป’ ผู้นำเผ่าแวมไพร์ และนักแปรธาตุระดับสูง

    ‘กางเขนเลือด’ ผู้นำกลุ่มสายพันธุ์มืด และเจ้าของเหล่าโดมินิก

    และไม่เฉพาะโลก ‘เบื้องหลัง’ ที่ต้องเคารพยำเกรง แต่โลกของอาณาจักร ‘เบื้องหน้า’ ก็ยังต้องเฝ้าระวัง

    โดยตัวแสบที่ทำให้ประชาชนต้องขนหัวลุกก็คือ ‘กางเขนเลือด’ ที่มักจะส่งลูกน้องออกก่อการร้ายในหลายพื้นที่ของทุกอาณาจักร จนเป็นเหตุให้ปะทะกับกองทัพหลวงอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าช่วงนี้จะเงียบสงบลงไป แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ถึงขั้นไว้วางใจ ไม่มีใครรู้ว่า ‘กางเขนเลือด’ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่

    ส่วนในกรณีของคนอื่นๆนั้นเป็นอันรู้กันว่าถ้ายังไม่อยากหาเรื่องตาย หรือ ก่อสงครามไม่ไปยุ่งด้วยจะดีที่สุด

    “จะว่าไปเห็นค่าหัวตัวเองหรือยัง เนลันเทีย” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ 50 ล้านเหรียญ เห็นแล้วละ”

    “ก็นั้นน่ะสิ ค่าหัวกระจายขนาดนี้ ยังกล้ามาเดินร่อนทำตัวเป็นจุดเด่นในเมืองใหญ่ๆอีกนะ นับถือจริงๆแม่สาวคนสวย” ชายหนุ่มยกเหล้าขวดสุดท้ายจนหมดก่อนจะหันเก้าอี้หมุนมาทางสาวผมฟ้า “แล้วจะเอาไงต่อจะไปหายัยแวมไพร์นั้นเหรอ”

    “นั้นเป็นคำแนะนำของหัวหน้านี่คะ ช่วยไมได้” เธอตอบน้ำเสียงเรียบ “แล้วที่บอกว่ามีอะไรจะให้....”

    ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ชายหนุ่มผมเทาก็ยื่นซองๆนึงออกมา สาวชุดโกธิคเปิดมันอย่างระมัดระวังด้านในเป็นตราสัญลักษณ์หน้าปีศาจที่ทำด้วยโลหะผสม เธอมองมันอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะเก็บเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ “ขอบคุณมากนะคะ” เธอกล่าวขอบคุณสั้นๆ

    “ว่าแต่คำสาปเป็นยังไงบ้างละ”

    “พักนี้ ‘ตราประทับกะโหลกดำ’ มันค่อนข้างอยู่ตัวแล้วคะ หัวหน้าพอจะควบคุมมันได้แล้ว แต่ยังขจัดมันออกไปไม่ได้” ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อได้ยินดังนั้น และยิ่งสงสารเมื่อเห็นท่าทีเรียบเฉยของเธอ

    เนลันเทีย โลเฟลลอยด์ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ งั้นเหรอ ช่างเจ็บปวดจริงๆนะ” หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย จากความห่วงใยของชายหนุ่ม

    แท้จริงแล้วเธอคือลูกสาวตระกูลโลเฟลลอยด์ ขุนนางชั้นสูงของอาณาจักรรูบิเนเซีย แต่ด้วยโศกนาฎกรรมเมื่อ 4 ปีก่อน คนในบ้านของเธอถูกฆ่าตายเรียบเหลือเพียบเธอที่รอดมาได้ แต่ก็ต้องทดแทนด้วยการต้องสาป “กะโหลกฆาตกร” ซึ่งมันจะบังคับให้เธอต้องสังหารผู้คนก่อนที่วันรับคำสาปจะเวียนมาอีกครั้ง ถ้าเธอไม่ทำหรือทำไม่ครบเงื่อนไขก่อนถึงวันครบรอบคำสาปจะมอบความเจ็บปวดทรมานอย่างถึงที่สุดให้แก่เธอ และจะมอบความตายให้เธอในวันครบรอบวันรับคำสาป

    ส่วน ‘ตราประทับกะโหลกดำ’ นั้น คือสัญลักษณ์ที่จะเกิดขึ้นบนแขนซ้าย มันคือจำนวนของคนที่เธอต้องฆ่าก่อนวันครบรอบ แรกๆนั้นมันขึ้นมาแค่ตราเดียว แต่ตั้งแต่สองปีให้หลังมันกลับขึ้นมาถึง 23 ตรา เธอจึงมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการฆ่าคนอื่นเท่านั้น

    เธอต้องมีชีวิตอยู่เพื่อการล้างแค้น แม้ว่าจะต้องสังเวยชีวิตที่ไม่เกี่ยงข้องเพื่ออยู่ต่อ

    เธอคือ องค์หญิงมัจจุราช อันลือเลื่อง

    และผู้ที่ช่วยเธอให้พ้นมาจากความตายก็คือ ‘บัลลังค์รัตติกาล’ 1 ใน 5 จักรพรรดิ

    เสียงอึกทึกด้านนอกเรียกความสนใจของทั้งสองคน แม้ว่าทั้งคู่จะไม่แสดงอาการมากนัก แต่ก็พอรู้อยู่แล้วว่ามีภัยมาเยือน

    แขกในร้านพากันทยอยหนี มีเพียงมาสเตอร์สูงอายุที่ยังเช็ดแก้วไวน์ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เฮ้อ ไรซ์ เอ๋ย แกมาบาร์ข้าทีไร ได้เรื่องทุกที”

    ชายหนุ่มเจ้าของชื่อไรซ์ หัวเราะร่วนอารมณ์ดีกับคำบ่นเปรยๆต่อว่าของมาสเตอร์ “อะไรกันๆ พูดกับลูกค้าประจำแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย หืม....โอะๆ ชั้นเห็นไม่ผิดใช่ไหม เนลันเทีย”

    “อืม เป็น ‘มือสังหารเกศาเพลิงเนตรอัคคี’ ไม่ผิดแน่ มากับผู้ชายอีกคนที่ชั้นไม่มั่นใจว่าเป็นใคร” เนลันเทียตอบรับคำสงสัยของไรซ์ เธอมองศัตรูที่ตามล่าเธอจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดในการต่อสู้ครั้งล่าสุดด้วยสายตาเรียบเฉย

    “คงเป็นเพราะเธอทำตัวเด่นเกินละนะ เนลันเทีย พวกนั้นถึงแห่กันมา เออ ครั้งที่แล้วก็น่วมทั้งคู่เลยนี่หนา ยังไงๆก็เบามือกับ ชานะจัง เค้าหน่อยสิ” ชายหนุ่มพูดหยอกล้อ แต่หญิงสาวไม่เล่นด้วย

    “ถ้าชั้นไม่เอาจริง ก็คงเอาชีวิตไม่รอดหรอกค่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำตอบจริงจังจากคำถามล้อเล่นของเขา

    หญิงสาวตอบรับด้วยเนตรอำพันก่อนจะคว้าอาวุธคู่ใจก้าวเดินออกไปจากร้าน...แต่ยังไม่ทันไรดันสะดุดขาโต๊ะหน้าจูบพื้นซะได้ เมื่อไรซ์เห็นดังนั้นก็หัวเราะลั่น "ฮ่าๆๆๆๆ ที่เจ้า'บัลลังรัตติกาล' เคยแซวว่าเธอเป็นพวกโมเอะเดินได้นี่ดูท่าจะจริงสินะ"

    สาวผมฟ้ารีบลุกขึ้นมา เถียงด้วยใบหน้าแดงก่ำไม่ใช่เพราะโกรธแต่เพราะหน้ากระแทกพื้นเต็มเปา "ค..ใครเป็นโมเอะเดินได้กันคะ"

    “เอาน่าๆ นี่เนลันเทีย” น้ำเสียงที่จู่ๆก็เปลี่ยนไปกะทันหันทำให้เธอหยุดกึก “ขอให้โชคยังอยู่กับเจ้าล่ะ”

    “เช่นกันคะ ‘มหายักษาอัสนีบาต’ “ หญิงสาวกล่าวลาพร้อมออกเดินไปสู่การต่อสู้ที่เรียกหา



    เด็กสาวเนตรสีเพลิงที่เพียงแค่มองก็แทบจะลุกไหม้ กำลังยืนรอด้วยความหงุดหงิด..

    ผมยาวสลวยปลดปล่อยสะเก็ตไฟโปรยปราย แม้ภายนอกอาจจะเป็นเพียงเด็กอายุ 12 ที่ลักษณะแก่นแก้ว หากแท้จริงแล้วเธอคือ นักรบติดอันดับของอาณาจักรรูบิเนเซีย ‘มือสังหารเกศาเพลิงเนตรอัคคี’ผู้มีนามว่า ชานะ

    ดาบยาวที่ดูสูงกว่าร่างกายเล็กๆของเธอ ถูกคว้าออกมาจากเสื้อคลุมสีดำซีด เธอได้รับภารกิจตามล่า “องค์หญิงมัจจุราช” จากราชอาณาจักรรูบิเนเซีย และปะทะกันหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีครั้งใดรู้ผลแพ้ชนะ แถมยังสะบักสะบอมด้วยกันทั้งคู่ แต่ที่ทำให้เธอเสียหน้ามากที่สุดคือ หญิงสาวชุดขาวมักจะหนีรอดไปได้ซะทุกครั้ง

    (น่าหงุดหงิดจริงๆ)

    เธอได้แต่คิดถึงวีรกรรมที่ผ่าน มาแต่ค่ำคื่นนี้เธอดูอารมณ์เสียมากเป็นพิเศษถึงขนาดยืนเบ้ปากแสดงอาการเต็มที่

    (ไอ้หมอนี้มันใคร)

    คนที่เธอหมายถึงยืนถัดจากเธอไปไม่กี่เมตร เขาคือชายหนุ่มผมฟูหน้าตาหล่อเหลา ดวงตาสีนิลอันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าโดมินิก สวมชุดแต่งกายของทหารรับจ้างทั่วไป มาพร้อมกับดาบเล่มโตที่ดูเทอะทะแต่น่ากลัว เขามาเพราะการว่างจ้างจากอาณาจักรเอเทอนัล เพื่อช่วยกับเด็กสาวเนตรสีเพลิง จัดการ ‘องค์หญิงมัจจุราช’

    “นายน่ะ” หญิงสาวถามห้วนๆ ใส่ชายหนุ่มที่กำลังนั่งกินลูกชิ้นอย่างเอร็ดอร่อย

    “หืม” เขาหันมาตอบรับด้วยสีหน้าเอ๋อๆ

    “อย่ามาเกะกะเข้าใจไหม” ชานะพูดพลางสะบัดหน้าไปทางด้านหน้าบาร์เมื่อสัมผัสได้ถึงคู่ต่อสู้ที่ขับเคี่ยวกันมานาน

    “แหม ใครจะไปกล้าขวาง ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’ ได้ละ “ คำพูดยียวนยั่วโมโหชานะทันที

    “หุบปากๆๆๆๆๆ อย่ามายุ่งกับการต่อสู้ของชั้นกับยัยนั้นก็พอเข้าใจไหม แซ็ค บลิทซ์ไซน์เซ่น” ชายหนุ่มยักไหลไม่สนใจคำตวาดของเด็กสาว พลันชี้ไปทางด้านหน้าบาร์

    หญิงสาวในชุดโกธิคสีขาวปรากฏตัวขึ้นเหล่าคนมุง ถอยกรูหาที่ปลอดภัย บ้างก็ลงไปหลบในคูน้ำ ไม่ก็หลังยานพาหนะที่จอดตามถนนหนทาง ไม่เข้าใจจริงๆอันตรายขนาดนี้พวกเอ๊งยังจะอยู่ดูทำซากอะไรฟะ

    บริเวณด้านหน้าบาร์ที่เคยพลุกพล่านไปด้วยผู้คนเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน กลับโล่งสะอาดมีเพียงสองหญิงสาวและหนี่งชายหนุ่มที่อยู่บริเวณนั้น แสงจันทร์ที่สะท้อนบนผิวแม่น้ำเบื้องหลังเกศาเพลิงนั้นเป็นฉากหลังที่เหมาะเจาะสำหรับการต่อสู้

    “คราวนี้เธอไม่รอดแน่ เนลันเทีย”

    “ก็เห็นพูดแบบนี้ทุกครั้งนิ”

    สองสาวเอ่ยท้าทาย โดยไม่สนใจชายหนุ่มที่ยังนั่งแทะลูกชิ้นสบายใจเฉิบ ทันใดสายลมวูบนึงก็พัดผ่านใบหน้าของ ‘เจ้าหญิงมัจจุราช’ ไป อย่างรวดเร็ว คมดาบของชานะฟันถูกใบหน้าได้รูปของเนลันเทียจนได้แผลยาวที่แก้มซ้าย

    “โห ยังหลบได้แหะ”

    “เล่้นไม่ให้ตั้งตัวกันเลยเหรอ”

    สาวผมฟ้าสะบัดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นเคียวสีขาวที่ทั้งด้ามถูกแกะสลักอย่างวิจิตรพิสดาร ส่วนข้อต่อระหว่างด้ามกับใบมีดนั้นเป็นรูปสลักนางฟ้าที่กำลังสยายปีก นี่คือ ‘เคียวเทพธิดา’ เป็นอาวุธที่ขัดกับลักษณะของรูปสลักบนตัวมันอย่างยิ่ง

    เด็กสาวเนตรสีเพลิงพุ่งเข้าเล่นงานจากด้านบนจนเห็นเป็นลำแสงสีแดง เนลันเทีย อาศัยความว่องไวที่เหนือชั้นกระโดดถอยหลังหลบการโจมตี ดาบของชานะจึงทำได้เพียงเสียบพื้นถนนจนเกิดระเบิดควันฟุ้งกระจาย สาวผมฟ้าถือเคียวเล่มยักษ์เตรียมพร้อม เพราะเธอไม่อาจมองเด็กสาวได้ชัดนักเนื่องจากฝุ่นควันที่บดบังทัศนวิสัย

    ทันใดกระสุนเพลิงห้านัดซ้อนก็ยังเข้ามา เนลันเทียตอบโต้ทันควัน เธอใช้เคียวฟาดทีเดียวก็จัดการกระสุนเพลิงที่พุ่งเข้าได้อย่างง่ายได้ ทว่า

    (ข้างหลัง)

    ชานะ อาศัยจังหวะที่ สาวผมฟ้ากำลังสนใจกระสุนเพลิงสร้างระเบิดใต้ฝ่าเท้าพุ่งตัวข้ามหัวของเนลันเทียได้อย่างแยบยล พลันฟาดดาบเป็นแนวขวาง แต่ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ อาศัยสัญชาตญาณอันน่าพิศวงในฐานะมือสังหาร เธอแทงด้ามเคียวไปด้านหลังทันที

    เคร้ง !!

    เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น ชานะทึ้งไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอกระโดดถอยหลังเพื่อตั้งหลัก เพราะตอนนี้ เนลันเทีย โลเฟลลอยด์ เริ่มจะเอาจริงแล้ว

    หญิงสาวชุดขาวลอยขึ้นจากพื้นด้านหลังของเธอปรากฏดาบสีฟ้า 9 เล่มเรียงตัวกันเป็นวงกลม โดยมีวงเวทย์คล้ายจักรสีทองอยู่ระหว่างเธอกับดาบทั้ง 9 นี่คือ ‘ดาบเวทย์ศักดิ์สิทธิ์’ ที่จะสังหารทุกสิ่งเบื้องหน้า

    ชานะรู้จักพลังของมันดี เธอส่งพลังไปบนดาบยาวคู่ใจจนตัวดาบเกิดเป็นแสงสีแดง พริบตานั้น ดาบทั้ง 9 ก็กลายเป็นแสงสีฟ้าเข้าเล่นงานเด็กสาวเนตรอัคคีทุกทิศทาง ชานะเสียบดาบลงบนพื้นพลันเกิดระเบิดเพลิงขนาดใหญ่สลายดาบทั้ง 9 และทำลายถนนบริเวณนั้นจนสิ้น

    เนลันเทีย ไม่รอช้า เธอสยายปีกสีขาวในฐานะเผ่าฑูตสวรรค์ พร้อมพุ่งโฉบฟันเป้าหมาย แต่เปลวเพลิงปริศนาเข้าเล่นงานเธอแบบไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวต้องหันหลังกลับตอบโต้เปลวไฟได้แบบเฉียดฉิว แต่ช้าไปแล้ว..

    ชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่ตลอดฉวยโอกาสเล่นงานเธอ เนลันเธียที่เสียการทรงตัวกลางอากาศกระทันหันไม่สามารถรับการโจมตีจากด้านหลังของอีกฝ่ายได้ ดาบยักษ์ฟันกลางหลังเธออย่างแรงจนร่วงลงมากองกับพื้น

    “ทำไมแก....” สาวผมฟ้าพูดอย่างเคียดแค้น

    “อ้อ จะถามว่าทำไมลูกครึ่งโดมินิก ที่ใช้เวทย์ไม่ได้เรื่องถึงสร้างเวทย์ไฟระดับกลางได้น่ะเหรอ นี่ไง” ชายหนุ่มหน้าทะเล้น เผยของในมือ มันคือสกอร์เวทย์มนต์ที่จะสามารถอนุญาตให้ผู้ใช้ สร้างเวทย์มนต์ในสกอร์ได้หนึ่งครึ่ง โดยพลังของมันจะขึ้นอยู่กับผู้สร้างสกอร์ ไม่ได้ขึ้นกับผู้ใช้แต่อย่างใด

    “หรือจะถามว่าเล่นสกปรกดีละ” ชายหนุ่มหัวเราะร่วนอย่างสะใจ

    “แต่ตกใจจริงๆนะ ขนาดเวทย์ระดับกลางที่โดนจังๆขนาดนั้น ยังไม่มีแม้แต่รอยไหม้สักจุด ดูท่าเคียวนั้นจะยอดจริงสมคำร่ำลือ” ในความเป็นจริงหากไมได้ ‘เคียวเทพธิดา’ ที่มีฤทธิ์ป้องกันเวทย์มนต์ได้อย่างหมดจดช่วยไว้ละก็ เนลันเทียคงเจ็บหนักว่านี้แน่

    แต่คนที่โมโหกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่เธอ...

    “ไอ้หัวฟู ชั้นบอกแล้วไงว่าอย่ายุ่ง” ชานะ ที่หงุดหงิดอย่างแรงกับการแทรกแซงการต่อสู้ ตวาดเสียงดังลั่น

    “ขอโทษด้วยนะ ผมถูกจ้างมาเพื่อจัดการเธอคนนี้ แต่นายจ้างไม่ได้ห้ามให้ยุ่งการต่อสู้” เนตรอัคคีลุกโชติช่วงกับคำพูดกวนประสาทของทหารรับจ้าง

    “แก....แซ็ค บลิทซ์ไซน์เซ่น” ชานะคำรามก้อง

    เนลันเทียตาเบิกโพล่งเมื่อได้ยินชื่อ “นี่ถึงขนาดจ้าง ‘ดาวหางสีเลือด’ ทหารนอกรีตอย่างแกมาฆ่าชั้นเลยเหรอ อาณาจักรนี่ตกต่ำไปเยอะนะ”

    “โลกก็แบบนี้แหละ คุณ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ อีกไม่นานทหารก็จะมาจับคุณเข้าซังเต แล้วผมก็จะได้เงินค่าหัวก้อนงาม” ชายหนุ่มกางมือกว้าง ยินดีในชัยชนะอันฉาบฉวย

    เนลันเทียนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น ตอนนี้เธอเสียเลือดมากและคงยืนไม่ไหวเพราะถูกดาบใหญ่ขนาดนั้นฟันเข้าไปเต็มแรง ที่สำคัญเธอไม่ได้มีพลังฟื้นตัวอันน่าทึ่งเช่นแวมไพร์ ถ้ายังเป็นแบบนี้เธอก็คงไม่รอด ส่วนชานะได้แต่ยืนกันฟันกรอด

    “ครับผม จับเธอได้แล้วครับ” แซ็คสนทนากับผู้ว่าจ้างผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่เป็นรูปคริสตัลหยดน้ำตา หรือ Crystal letter ชานะมองตามชายหนุ่มด้วยความหงุดหงิด

    “ทำแบบนี้ มันน่าภูมิใจตรงไหน”

    “ถ้าเอาแต่สู้อย่างยุติธรรม ก็จับตัวไม่ได้สักทีน่ะสิ”

    พริบตาที่ทั้งสองไม่ได้สนใจรอบข้าง ระเบิดสายฟ้าสีฟ้าอ่อนลูกนึงก็เข้าเล่นงาน ทั้งชานะและแซ็กกระโดดหลบพ้นวิถี แต่สายฟ้าที่พุ่งเข้ามาอีกระลอกบีบให้ทั้งคู่ต้องใช้อาวุธตอบโต้ ดาบเล่มใหญ่ของแซ็กฟันสายฟ้าได้ในทีเดียว เช่นเดียวกับชานะที่เอาตัวรอดมาได้แบบสบาย

    “ชิ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ หายไปแล้ว” แซ็กเดาะลิ้นอย่างเจ็บใจ เมื่อรู้ว่ามีคนมาช่วยเธอ

    “งั้นเหรอ” ชานะกลับโล่งอกกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่ากองเลือดยังอยู่แต่ตัวเธอหายไปโดยไร้ร่องรอย พร้อมกับเจ้าของสายฟ้าที่หายตัวไปเช่นกัน


    (ผู้ใช้สายฟ้าในกลุ่มของมันคงเป็น ‘นภาคำราม’ แต่ก็ไม่ได้ใช้สายฟ้าสีนี้ มันเป็นใครกันแน่)

    แซ็คยืนวิเคราะห์สถานการณ์ พลางหันมองไปทาง ‘เกศาเพลิงเนตรอัคคี’ ซึ่งชานะเองก็เอ่ยขึ้นสั้นๆ “ชั้นไปละ”

    ชายหนุ่มปล่อยให้เด็กสาวเดินจากไป เขายิ้มขึ้นเล็กน้อยกับกองเลือดบนพื้น แม้พลาดไปเพียงนิดเดียว แต่สภาพแบบนั้นก็คงหนีไปได้ไม่ไกลนัก ต่อให้มีคนช่วยก็ตาม

    การตามล่า ‘เจ้าหญิงมัจจุราช’ ยังดำเนินต่อไป



    .....................................................................................................
    .................................................................
    ............................................


    Talk Talk Talk

    ตอนสองอีกสักพักว่าจะออกนะพี่น้อง ใครต้องการจะแก้ไขอะไรหลักจากตอนนี้แล้วก็เชิญได้ๆ ถ้ากลัวผมไม่เห็นก็ PM ได้เลยนะ


    Special Thanks

    1. เนลันเทีย โลเฟลลอยด์ ออริตัวน้อย ที่เก่งไม่น้อย ตัวเอกบทนี้ที่มาถึงก็พลาดท่าโดนฟันเลือดสาด

    2. ชานะ เจ้าเก่าขาประจำ โลลิ ซึน น่ารักสุดยอด !!!!

    3. เจ้าไรซ์ ของ แม็กแลนเซอร์ อยากไปมีทหาไรกินกันอะแม็กโดดฝึกงานมาดิ้

    4. แซ็ค บลิทซ์ไซน์เซ่น ของ ไพอาคุง อยากแก้อะไรรีบแก้ซะนะไอ้น้อง

    5. เหล่าผู้ที่ได้รับการเอ่ยแค่ฉายา

    And All Friens And Fans Thanks !!!!
  2. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    ตอน1มาเเย้ว 555 เเวมไพร์น้อยยศสูงน่าดูเลยเเฮะ
  3. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    ตอนแรกมาไวจนน่าตกใจ เปิดฉากมา ก็ซัดกันนัวเนียซะและ เป็นบทแรกที่ดูแจ่มมาเจ้าน้องชาย รอบทที่ 2 อยู่เช่นเดียวกับท่านอื่นๆ


    ปูเสื่อรอ
  4. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    ประวัติผมแก้แล้วนะพี่ชาย คำผิดก็ยังมีให้เห็นเหมือนเช่นทุกทีอ่ะนะ(จะให้เผามะ เดี๋ยวไอ้น้องชายคนนี้จัดให้ =w=)

    เอ้อใช่ ผมเปลี่ยนชื่อตัวละคร(เพิ่มชื่อกลางกับเปลี่ยนนามสกุล)นะงิ รบกวนแก้ด้วย(หรือจะให้แก้พร้อมกับการเผ่าก็บอกมาได้เลยนะงิ)

    รอชมต่อไปครับพี่น้อง >w<b
  5. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    มาอ่านตอนแรกแล้วค่า ฉากต่อสู้มันส์มากเลย ชานะจังน่ารัก กรี๊ดดดดด
  6. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    อัสนีบาต ครับ!! ไม่ใช่ บาตร(พระ)=="

    ว่าแต่ผมลงไปว่า เรียกกันว่า เร็กซ์ ไม่ใช่==" หรือผมไม่ได้ลง (แค่ก็ช่างเหอะ)

    รอชมต่อไป เหอะๆ
  7. swanton

    swanton Dragon on Board

    EXP:
    1,424
    ถูกใจที่ได้รับ:
    69
    คะแนน Trophy:
    113
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    หุบปากๆๆๆๆๆ

    = =v เหมือนไม่มีผิด
    ต่อให้โผล่มาเฉพาะฉายาก็รู้กันหมดแล้วล่ะครับว่าใครเป็นใคร - -" (คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่บ่อยๆ) ตัวละครรอบนี้มีไม่เยอะจำได้ง่ายดี
    น่าเห็นใจองค์หญิงมัจจุราชของเรา ส่วนประวัติของผมขอรอดูสักพักอาจจะไปอิดิทเพิ่มครับ (ก็ยังรู้สึกว่าหลุดๆธีมอยู่ดี ทำไงดีเนี่ย)
  8. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    พอได้ยินคอนเซปต์คำว่าซึนจากชานะแล้วผมขอประท้วง..... หลุยส์กับไทกะัซึนน่ารักกว่าฟ่ะครับพี่โย พี่แม็ก =[]=!!!

    [action]เผ่นป่าราบจากชานะแฟนคลับทั้งสองคนด้วยความเร็วคล๊อกอัพ ฟิ้วววว...[/action]
  9. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    ตอนแรกยังรอด 555+


    มาผนึกกำลังกับเรพบน ไทกะสุดยอดแห่งซึนเดเระ โมเอ้ \>A</
  10. maxlancer

    maxlancer ประธานรุ่น2ตุรกีเชียงใหม่

    EXP:
    1,183
    ถูกใจที่ได้รับ:
    1
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    [action]ชูนิ้วชี้ขึ้นฟ้า "คุณแม่เคยบอกไว้ว่า "การเอาหิ้งชาวบ้านมาเล่น" เป็นสิ่งเดียวที่ห้ามทำ"[/action]

    Henshin!! Cast off!! Hyper Cast off!!!

    [action]Hyper clock up ตามไป 123 Rider kick ใส่ไพอา[/action]
  11. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    โทริสุการิ คาเมนไรด้า ดะ โอโบเอะ โตเคะ เฮนชิน!!

    KamenRide Kabuto!!! Final AttackRide KaKaKa Kabuto!!!

    [action]เข้ามาเนียนกะเจ้าเเม็คก่อนเผ่น[/action]
  12. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    [action]//me พริ้วหลบลูกหลงด้วยท่าแมททริกซ์ก่อนวิ่งหนีออกจากกระทู้ไป[/action]
  13. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    วาลชิโอ!!!!!!เน่!
    ครอสสแมชเชอร์!!!!!!!! ไปที่ไพอาที่เสียหลักด้วยลูกเตะของแมกซ์คุงซ้ำ

    [action]เห็นมีใครมาว่าน้องชานะเค้า เลยเข้ามาเนียนแล้วจากไป[/action]
  14. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    ก็ไม่ได้อยากจะยุ่งอะไรหรอกนะ เพราะเดี๋ยวเห็นไอ้โยโพสจะเข้าใจผิดว่าตอนใหม่มา แต่ว่า

    ไอ้ที่เนียนๆกันข้างบนนั้นมันคืออะไรฟะ ชักสงสัยกับกระทู้ตัวเองชอบกล

    เอ้า ออกทะเลได้ !!!
  15. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    สงสัยต้องมาตามเก็บศพ เจ้าไพอา แฮะ เล่นอะไรไม่เล่น โดนไรเดอร์ ระดับเทพไป 2 ดอก แถมโดนริวเน่ซ้ำอีก ท่าจะรอดยาก นั่งปูเสื่อรอดูตอนใหม่ดันได้เห็นฉากฆาตกรรมซะนี่ ฮาๆ


    [action]กะว่าจะไม่แอบเนียนแล้วนะ แต่ว่ามันอดไม่ได้แฮะ เอิ๊กๆ[/action]
  16. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    เอ่อ.... ประท้วงนิด วาลชิโอเน่อะไรนั่นตามความเร็วคล๊อกอัพไ่ม่ทันไม่ใช่เหรอ พูดถึงชานะแล้วจะชานะหรือจะหลุยส์ยังไงคนพากย์ก็คุกิมี่เหมือนกันหยวนๆหน่อยน่า =_="

    [action]ว่าแต่เฮียโยเมื่อไหร่จะแก้ชื่อตัวละครผมซักทีอ่ะ เจ๊ยูโหดร้ายอ่ะทิ้งน้องซะงั้น OTL[/action]

    ปล.กลับเข้าฝั่งได้แล้วมั้ง OTL
  17. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    ใครทิ้ง


    แค่ไม่มีใครมากล้าแหยมเท่านั้นเอ๊งงงงง



    [​IMG]
    ขี้เกียจลบตราออก =___,=

    เย่~
  18. shinkyoto

    shinkyoto Well-Known Member

    EXP:
    580
    ถูกใจที่ได้รับ:
    3
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    อืม จะมีตัวละครตายกันตั้งแต่บทแรกเลยเร้อท่าน (กะจะทำลายสถิติการฆ่าตัวละครรับสมัคร กับ เรื่องอื่นๆเร้อ?)

    เจ้าหญิงมัจจุราชถือเคียวสีขาว ..... (เป็นอะไรกับยมทูตสีขาวหรือเปล่าเนี่ย?)

    บรรยากาศเก่าๆ บางอย่าง ยังคงเอาไว้ กับตัวละครหน้าคุ้นๆ (อย่างแรง)

    .....ดูต่อว่า เจ้าหญิงของเราจะรอดไปได้หรือไม่?


    [​IMG]

    อย่าออกไปไกลมากนัก ที่ข้างนอกนั่น มีสุสานเรืออยู่เย้อออออ ......
  19. yoshiki

    yoshiki FATE

    EXP:
    862
    ถูกใจที่ได้รับ:
    17
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทแรก The Death Scythe Princess

    คุยก่อนนิด ก้ากๆๆๆๆ

    บ้ิาที่สุดคอมเม้นออกทะเลกันใหญ่ ชิ ยังไงซะความซึน+น่ารัก สุดมันต้องชานะดิฟร้า แม้ว่าแม่เสือน้อยจะซึนได้ใจกว่า ผมก็ว่าชานะดูน่ารักกว่าอยู่ดีละเว้ย

    เอาละพอเหอะ ไอ้เรื่องเนี่ย น่าเศร้าจริงๆมาเถียงอะไรกันในนี้นะพี่น้อง

    โฆษณาก่อนนิดนึง อาทิตย์ที่ 21 นี้พวกกระผมจะไปอาละวาดงานแคปซูล 5.55 กัน (ทำไมต้อง 5.55 วะ) ใครว่างๆก็ตามไปเชียร์ได้นะยะ

    โอเค เริ่มกันเลยดีกว่า เย้ !!!

    .....................................................................
    .........................................................
    .......................................
    .........................





    The Aurora Chapter I

    The Death Scythe Princess…..part II​



    ยามเช้าของอาณาจักรนิจนิรันดร์ดำเนินไปตามปกติ....

    ชาวบ้านในย่านนี้ทำการค้าขายกันแบบทั่วไปตามสภาพชุมชนของชนชั้นกลางและล่าง รถเข็นคันแล้วคันเล่าถูกเข็นผ่านไปพร้อมคำเชิญชวนซื้อสินค้าของบรรดาพ่อค้าแม่ขายตามท้องถนน ส่วนร้านแผงลอยตามแนวทางก็มีสินค้าหลากหลายชนิดให้เลือกซื้อส่วนมากเป็นผักผลไม้และอาหารสดทั้งสองข้างทาง เสียงเจื้อยแจ้วของผู้คนดังระงมไปทั่ว

    แม้แสงแดดยามบ่ายที่ร้อนจนเหงือซึมไม่ได้ทำให้ความคึกคักเหล่านี้ลดลงเลย..

    “ฟื้นแล้วเหรอ เนลันเทีย” ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อยืดสีขาวขุ่นทับด้วยเสื้อกั๊กขาดๆ ปรากฏตัวขึ้นหน้าห้อง ผมยาวสีเทาถูกมัดเรียบร้อย เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ข้างเตียง

    “เมื่อครู่นี้เองคะ” เจ้าของเสียงนุ่มแต่ดูเย็นชานี่คือ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ อาชญากรค่าหัว 50 ล้าน ผู้กำลังเป็นที่ต้องการตัว เธอรอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิดในการต่อสู้กับสองยอดฝีมือที่คนนึงมาเพื่อล่าเธอโดยเฉพาะ และ อีกคนก็ดูเหมือนจะถูกส่งมาลอบกัด

    เธอถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสจนได้แผลยาวกลางหลัง แถมเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่ชายหนุ่มผู้นี้ก็สามารถช่วยเธอจากสถานการณ์วิกฤตได้อย่างน่าชมเชย

    ถึงกระนั้นเธอก็สลบไม่ได้สติไปถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ...

    “ชั้นหลับไปนานแค่ไหนคะ”

    “หนึ่งสัปดาห์แล้ว”

    เมื่อได้ยินคำตอบตามนั้น หญิงสาวเพ่งมองแขนซ้ายของตนด้วยดวงเนตรอำพันคู่สวย รอยตราประทับหัวกะโหลกปรากฏขึ้นบนแขนของเธอ

    ชายหนุ่มที่สังเกตเห็นเช่นกันจึงเปรยขึ้นเบาๆ “มันเริ่มเร็วดีนะ”

    หญิงสาวผมฟ้าพยักหน้ารับ ฤทธิ์ของคำสาป ‘กะโหลกฆาตกร’ ส่งสัญญาณให้เธอต้องตามหาเหยื่อเพื่อยืดชีวิตต่อ เธอทำแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เธอต้องการมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อให้คนที่ทำให้เธอต้องพบวิถีชีวิตแบบนี้ต้องชดใช้สิ่งที่มันทำ

    แม้ว่ามันจะเป็นการฆ่าผู้อื่นเพื่อต่ออายุตัวเองก็ตาม....

    หญิงสาวเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างปราสาทแก้วคริสตัลหลังงามยังสามารถมองเห็นได้แม้จากจุดนี้ ชายหนุ่มถอนหายใจขึ้นเล็กน้อย “ชั้นว่าเธอเหมาะเข้าไปอยู่ในนั้นมากกว่ามาเจอชีวิตแบบนี้นะ”

    “มันก็แค่เรื่องเพ้อฝันคะ ตัวชั้นไม่อาจเทียบได้กับองค์หญิง ราเคล ผู้สูงศักดิ์คนนั้นหรอกคะ” ถ้อยคำราวตัดเพ้อ พลอยทำให้ชายหนุ่มหนักใจไปด้วย

    “แล้วจะเอายังไงต่อละ”

    เนลันเทียเงยหน้ามองคู่สนทนาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ชั้นจะพบ ‘5 จักรพรรดิ โอลิเวีย’ ตามแผนการเดิมคะ”

    โอลิเวีย หรือ ‘นักแปรธาตุเลือดต้องสาป’ ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 5 จักรพรรดิผู้กุมอำนาจในโลกเบื้องหลัง เธอคือผู้นำของเผ่าพันธุ์แวมไพร์ หนึ่งในเผ่าพันธุ์อันทรงอำนาจ และเป็นเลือดแท้เพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่บนโลกนี้

    ไรซ์ที่ได้ยินคำตอบอันเด็ดเดี่ยวจึงเอ่ยปากขึ้นพร้อมรอยยิ้มกวนประสาท “แบบนั้นชั้นขอไปด้วยละกัน” หญิงสาวแสดงอาการตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น

    “นึกยังไงถึงตามไปด้วยคะไรซ์ จะเปลี่ยนจากตามชานะ เป็นตามชั้นแทนหรือไงคะ”

    ชายหนุ่มกลับหัวเราะร่วนไปกับคำพูดแฝงความจริงจังแปบแปลกๆของเธอ “ชั้นแค่อยากจะรู้เหมือนกันนี่หน่า ว่าคำสาปที่ถึงขนาดเจ้า ‘บัลลังค์รัตติกาล’ ยังจนปัญญาต้องโยนไปให้ยัยแวมไพร์แก่ๆนั้นจัดการ จะเป็นฝีมือของใคร”

    เนลันเทียนิ่งคิดไปครู่นึง ก่อนจะเข้าใจความหมายที่ชายหนุ่มร่างกำยำพูด “แบบนี้ก็หมายความว่า....”

    “ใช่ ถ้าเป็นยัยนั้นละก็ต้องรู้แน่ว่าใครเป็นคนทำลายชีวิตของเธอ” สิ่งที่ออกจากปากชายหนุ่ม เปลี่ยนท่าทีของหญิงสาวให้ดูจริงจัง

    “เออ แล้วก็คนที่ชั้นพิสมัยมีแค่ ‘มือสังหารเกศาเพลิงเนตรอัคคี’ คนเดียวเท่านั้นนะจ๊ะ” ไรซ์ ทำท่าทางยียวน แต่สาวผมฟ้าไม่ได้สนใจมุขตลกของเขามากนัก ทำเอาไรซ์หน้าหงอเขาจึงเปลียนเรื่องพูดทันที

    “วันนี้เราพักอีกวันละกัน พรุ่งนี้เราจะออกกันแต่เช้า ชั้นไม่อยากแบกคนเพิ่งฟื้นออกไปตากแดด ตกลงมั้ย”

    แม้ว่าเนลันเทียต้องการพบกับ ‘นักแปรธาตุเลือดต้องสาป’ ในทันที แต่เธอก็ไม่ใช่คนสิ้นคิดพอที่จะออกไปด้านนอกในสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แบบนี้ ทั้ง ‘มือสังหารเกศาเพลิงเนตรอัคคี’ และ ‘ดาวหางสีเลือด’ อาจเล่นงานเธอเมื่อไรก็ได้

    เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงพยักหน้ารับกับความเห็นของไรซ์.....

    ....................................................
    ....................................
    .........................
    ............




    แซ็ค บลิทซ์ไซน์เซ่น เดินไปตามทางยาวของปราสาทส่วนล่าง

    ตอนนี้ทหารรับจ้างอย่างเขารับงานชิ้นใหญ่ที่น่าท้าทายอย่างการตามล่า ‘องค์หญิงมัจจุราช’ แต่เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะมีคนมาช่วยเป้าหมายไปอย่างฉิวเฉียด แถมผ่านไปสัปดาห์นึงแล้วข่าวคราวของเธอก็เงียบกริบ แม้แต่ ‘มือสังหารเกศาเพลิงเนตรอัคคี’ ผู้ร่วมงานชั่วคราว (แต่อีกฝ่ายไม่ได้คิดว่าร่วมงาน) ก็ยังไม่เห็นหน้าหรือส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาแม้แต่น้อย

    และการที่คนอย่างเขาต้องรีบเร่งเข้ามาในบริเวณศูนย์บัญชาการทหารของปราสาทคริสตัลแห่งนี้ก็เนื่องมาจากความผิดพลาดนั้น

    “แซ็ค ทำไมป่านนี้ถึงยังไม่ได้ข่าวของ ‘องค์หญิงมัจจุราช’” น้ำเสียงทุ้มจากชายผมสีแสดผู้ซึ่งนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะตัวใหญ่เอ่ยถาม

    “ท่านคุณผู้บัญชาการเองก็ไม่ได้ข่าวเธอเหมือนกันนี่ครับ” แซ็คตอบพลางแคะขึ้มูกไปด้วย

    “ย้อนชั้นหรือไง...เฮ้ยๆ อย่าเอาขี้มูกป้ายกำแพงดิฟะ”

    แซ็คไม่ตอบ เขายืนยิ้มราวกับผู้ชนะท่าทีไม่เหมือนนายจ้างกับลูกจ้างคุยกันแม้แต่น้อย แต่ฝ่ายผู้บัญชาการก็ตามเกมส์ทันเขานั่งนิ่งไม่โต้ตอบกับท่าทียียวนชวนถีบกระเด็นนี้แถมมันยังเอาขี้มูกป้ายกำแพงอีก

    “ชั้นไม่ได้จ้างนายมาเพื่อให้มาเดินเล่นแคะขี้มูกเน่าๆในปราสาทแห่งนี้หรอกนะ อย่าคิดว่าตัวเองรู้จักกับ ‘กางเขนเลือด’ แล้วเราจะไม่กล้าทำอะไรนะ” เสียงทีแฝงความเอาจริง ทำให้แซ็คหรี่ตาลงเล็กน้อย

    “ผมเองก็หาสุดความสามารถแล้ว แต่คนที่ช่วยยัยนั้นไปคงถนัดหลบซ่อนไม่เบา และขี้มูกของผมก็ถือเป็นของหายาก”

    “ยังไงก็ช่างชั้นต้องการให้ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ หายไปจากดินแดนนี้โดยไว ไม่ว่าจะจับเป็นหรือตายก็ทำซะ แล้วก็เลิกพูดเรืิ่่องขี้มูกซะที”

    “แล้วผมจะพยายาม” หนุ่มผมดำตอบพลางยิ้มให้ ก่อนจะออกไปจากห้องโดยไม่ลืมทิ้งลายกวนประสาทกับขี้มูกบนกำแพงเอาไว้ให้ดูต่างหน้า "ที่มันบอกจะพยายามนี่เรื่องขี้มูกหรือเรื่อง 'องค์หญิงมัจจุราชกันแน่ฟะ' "

    นักรบหญิงอีกคนซึ่งอยู่ในห้องเช่นกันและรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมด เธอก้าวเดินไปใกล้กับผู้บัญชาการของเธอ พลันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ท่านคะ จะดีแล้วหรือ ที่เราจะจัดการกับ เนลันเทีย เพราะว่าเธอ...”

    ยังไม่ทันได้พูดจบอีกฝ่ายก็ชิงตอบคำถามของเธอซะก่อน “ยังไงซะก็เป็นอาชญากรที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์มานับไม่ถ้วน แม้จะมีความเสี่ยงว่าเราอาจต้องเปิดศึกกับ จักรพรรดิถึงสองคน แต่ชั้นก็ไม่ต้องการให้ฆาตกรตัวร้ายมาอยู่บนแผ่นดินอันบริสุทธิ์ของเรา”

    ความเงียบสงบเข้าปกคลุมอีกครั้ง......


    ................................................................................
    ..................................................................
    ................................................




    ยามบ่ายที่สุดจะคึกคักนั้นเงียบสงบลงราวกับเป็นเรื่องตลกเมื่อแสงจันทรามาเยือน เนลันเทีย มองออกไปนอกหน้าต่างห้องด้วยความเบื่อหน่ายที่ต้องคอยรักษาร่างกายให้พร้อมจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ แม้เธอจะเป็นเผ่าพันธุ์เทพ อย่างทูตสวรรค์ แต่ร่างกายนั้นกลับไม่ได้ต่างจากมนุษย์ทั่วไป การฟื้นตัวของร่างกายจึงเชื่องช้า

    ซึ่งเธอหงุดหงิดกับเรื่องนี้มาก ธุระต่างๆภายนอกไรซ์จึงเป็นคนจัดการให้เธอไปพลางๆก่อน

    สายลมยามราตรีลูบไล้ใบหน้าของเธอเบาๆ สาวผมฟ้าหลับตาลงพลางคิดถึงเรื่องในอดีต เปลวไฟสีแดงสดเผาผลาญทุกสิ่ง เสียงกรี้ดร้องของคนที่รัก และร่างดำทะมึนที่ยืนเหนือซากร่าง ดวงตาอันน่าสะพรึ่งนั้นมองมาที่เธอ ดวงตาที่เธอหวาดกลัวยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ดวงตาที่เธอปรารถนาจะมอบความอัปยศให้ยิ่งกว่าใครๆ เธอหวนคิดถึงวันคืนอันโหดร้ายได้ไม่นาน แขกไม่ได้รับเชิญรายหนึ่งก็พรวดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอยู่

    สตรีใส่ชุดเมดปริศนาเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว.....

    เคียวสีขาวเล่มโตที่วางพิงพนังห้องข้างเตียงก็ถูกย้ายเข้ามาอยู่ในสองมือของเธอทันที แต่ขาดันเกี่ยวกันกับผ้าห่มทำให้เธอล่มไม่เป็นท่า หากสัญชาตญาณของเธอกลับทำงานได้ดีพอๆกับความซุ่มซ่าม เนลันเทียกระโดดลุกขึ้นพร้อมคว้าเคียวเทพธิดาจ่อคอหอยผู้มาเยือนยามค่ำคืน

    เธอคือหญิงสาวผมสีม่วงอ่อนทรงพูนี่เทล สวมแว่นตากรอบบาง ใบหน้าเรียบเฉยยิ่งซะกว่าตัวเธอซะอีก แถมชุดเมดประหลาดๆที่ใส่มาก็ดูไม่เหมือนคนทั่วไปในระแวกนี้ หญิงสาวปริศนาขยับแว่นกรอบบางเล็กน้อย “ปฏิกิริยายอดเยี่ยมมากคะ สมเป็น’องหญิงมัจจุราช’ ที่ใครๆก็หวาดกลัว”

    สาวผมฟ้าหรี่ตามอง “พรวดพราดเข้ามาในห้องคนอื่นแบบนี้ คงเตรียมใจไว้แล้วสินะ”

    น้ำเสียงนิ่งของเนลันเทียนั้น เป็นการบ่งบอกว่าสิ่งที่เธอพูดไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ซึ่งสาวชุดเมดเองก็รู้ดี “ขออภัยทีเสียมารยาทคะ ชั้นแค่มาพบคุณตามคำสั่งของผู้เป็นนายเท่านั้น คุณโมเอะเดินได้”

    เนลันเทีย ไม่ตอบแต่ในใจนึกโมโหอยู่ไม่น้อย พลางประเมินสถานการณ์ เธอเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับสิ่งที่สาวหน้าตายพูด “จะให้ชั้นเชื่อคำพูดของใครก็ไม่รู้ที่โผล่พรวดมาในห้องอาชญากรเหรอ แล้วชั้นก็ไม่ใช่โมเอะเดินได้”

    “ชั้นเข้าใจว่าคุณมีศัตรูมากมาย แต่ขอให้เชื่อใจชั้นเถอะคะ” สาวปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบไร้น้ำหนัก ดวงตาสีม่วงเช่นเดียวกับเรือนผมจับจ้องไปที่เนตรสีอำพัน

    ทว่า...เสียงเปิดประตูไม้ดังขัดจังหวะซะก่อน

    และเป็นอะไรที่พอดีจริงๆเมื่อคนที่ปรากฏตัวขึ้นในสถานการณ์ตรึงเครียด สามารถหยุดยั้งความไม่ไว้ใจของเนลันเทียไว้ได้ “อ้าวเหม่ยหลินไม่ใช่เหรอ” ไรซ์ ทักทายอารมณ์ดี

    “สวัสดีคะท่านไรซ์ ไม่ได้พบกันนานนะคะ” ผู้เป็นเจ้าของชื่อเหม่ยหลิน ก้มหัวอย่างมีมารยาท

    “รู้จักกันเหรอ” เนลันเทียถามโดยที่เคียวของเธอยังจ่อคอสาวเมดแว่นอยู่

    “ก่อนอื่นลดอาวุธในมือก่อนแม่คุณ” ไรซ์ตรงไปจับด้ามเคียว ซึ่งเนลันเทียก็ยอมลดอาวุธแต่โดยดี

    เมื่อดูว่าสถานการณ์พร้อมจะพูดคุยชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวจึงหันไปทักทายกับสาวเมดปริศนาก่อน “คิดว่ากำลังจะตามหาตัวสาวกของยัยนั้นพอดี แต่ดันมาหาเองซะนี่ แถมเป็นคนสนิทตัวสำคัญซะด้วยนะ”

    “นั้นเป็นเพราะ ท่านโยชิกิ ส่งข้อความมาถึงนายท่านค่ะ ว่าให้ช่วยเรื่อง ‘องค์หญิงมัจจุราช’ หรือ อีกฉายา โมเอะเดินได้ค่ะ “

    เมื่อได้ยินดังนั้นดวงตาสีอำพันก็แสดงความโกรธถึงขีดสุด “อ้อ หัวหน้าน่ะเอง” น้ำเสียงโหดของเธอทำเอาไรซ์ขนลุกซุ่ไปทั้งตัว

    “ค่ะ ท่านโยชิกิได้ยินข่าวว่าคุณถูกทำร้ายบาดเจ็บ จึงขอให้พวกเราซึ่งอยู่ระแวกนี้อยู่แล้วมารับตัวแทนน่ะค่ะ”

    พอได้ยินแบบนี้ไรซ์ก็หัวเราะร่วนขึ้นมา พลางเกาศรีษะอย่างเสียไมได้ “ฮ่าๆ ทำไมมันไม่ส่งข้อความให้ยัยแวมไพร์พวกนี้มารับตัวเธอแต่แรกละเนี่ย”

    “หัวหน้าก็เป็นคนบ้าๆแบบนี้ละ คุณเองก็น่าจะรู้นี่หน่า” เนลันเทียตอบแทนหัวหน้าของเธอทันควัน

    “เออ นั้นสินะ มันเป็นพวกรักสนุกแบบแปลกๆนี่นะ”

    สาวเมดหน้าตาย เปลี่ยนมาคุยเรื่องเป็นงานเป็นการอีกครั้ง “พรุ่งนี้ 10 โมงเช้า ชั้นจะมารับคุณทั้งสองที่นี่นะคะ ขอให้เตรียมตัวให้พร้อมด้วย” ว่าจบเธอก็กระโดดออกจากห้องแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เช่นเดียวกับตอนเข้ามา

    เนลันเทีย ผู้ไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยแบบการเข้าออกอย่างเสียมารยาท แต่อารมณ์เสียที่ถูกล้อ เธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะโยนเคียวในมือพาดกับเก้าอี้อย่างแม่นยำ ถึงกระนั้นดวงตาของเธอก็ยังสังเกตเห็นถุงบางอย่างในมือของไรซ์

    “นั้นอะไรน่ะ”

    ไรซ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย “เอาเป็นว่า เธอต้องใช้ของพวกนี้ก่อนนอนละนะ”

    “แล้วมันคืออะไรละ” สาวผมฟ้ายังไม่หายสงสัย พลันเลิกเสียงสูงคล้ายโวยวาย

    “เออหน่า อย่าเพิ่งนอนแล้วลุกขึ้นมาจัดการตัวเองซะ”



    …..เวลายามเช้า เนลันเทีย มองตัวเองในกระจกพลางถอนหายใจเฮีอกใหญ่ “เฮ้อ นี่เราแย่ถึงขนาดต้องทำแบบนี้เหรอเนี่ย”

    ตอนนี้ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ มีสภาพผิดไปกับทุกทีโดยสิ้นเชิง ผมสีฟ้ายาวถูกย้อมกลายเป็นสีดำเข้ม ดวงตาสีอำพันก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ แม้แต่ชุดโกธิคสีขาวตัวเก่ง ก็ต้องเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงวันพีซแขนยาวสีน้ำตาลซีด เพื่อให้กลมกลืนกับผู้คน

    ไรซ์ที่แอบได้ยินเธอบ่นจึงแซวขึ้น “ก็ไม่ได้แย่นี่หน่า ฮึ เนลันเทียจัง”

    หญิงสาวหันกลับมามองด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปนิดหน่อยแต่ก็ยังนับว่าสวยอยู่ เธอหันควับไปดูนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงมันบอกเวลา 9.55

    “น้องคนนี้ขนาดโดนเปลี่ยนโฉมก็ยังดูดีนะเนี่ย” เสียงอาเจ๊วัยกลางคนที่เป็นคนดูแลเนลันเทียตอนที่เธอพักอยู่ที่นี้ รวมถึงจัดการช่วยเธอแปลงโฉมพูดด้วยความภูมิใจเล็กๆ

    “ขอบคุณมากนะเจ๊ ไม่ได้เจ๊ละแย่เลย” ไรซ์กล่าวขอบคุณอย่างเป็นกันเอง

    “เช่นกันคะ” เนลันเทีย โค้งให้เธออย่างน้อบน้อม

    “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็เคยติดหนี้ไรซ์มันน่ะนะ เฮ้อ แต่ก็เสี่ยงดี เอาอาชญากรมาซ่อนเนี่ย” อาเจ๊เจ้าของบ้านบ่นอย่างหนักใจ

    “เดี๋ยวเราก็จะไปแล้วคะ ขอโทษที่ทำให้ลำบาก”


    เสียงรองเท้าผ้ากระทบพื้นไม้ดังขึ้นกะทันหัน ร่างของสาวเมดแว่นผมสีม่วงอ่อนปรากฏขึ้นบนสายตาทุกคู่ เธอมองกวาดไปรอบๆ “ดูเหมือนจะพร้อมกันแล้วสินะคะ”

    “ขอตัวก่อนนะคะ” เนลันเทียกล่าวสั้นๆกับอาเจ๊ที่ยังตกใจในการปรากฏตัวของสาวเมดหน้าตาย ผู้เข้าออกบ้านคนอื่นอย่างพิศดารและไร้มารยาท เธอพยักหน้าแบบอึ้งๆเป็นการตอบรับ

    ไรซ์ยิ้มเล็กน้อยพลางแบกห่อผ้าที่เก็บเคียวส่งให้เนลันเทีย สาวเมดกระโดดขึ้นไปเหยียบขอบหน้าต่างพลันสปริงตัวลอยขึ้นสูงก่อนจะไปยืนบนหลังคาบ้านฝั่งตรงข้ามอย่างมั่นคง เนลันเทียนิ่งไปเล็กน้อยพลางหันหาชายหนุ่ม “ตามไปใช่ไหม”

    ไรซ์พยักหน้ารับ “อ่า ตามไปกันโลด”

    ไม่รอช้าทั้งเนลันเทียและไรซ์ กระโดดตามเมดหน้าตายไปทันที ส่วนผู้นำทางเองก็หันควับก้าวกระโดดตามหลังคาบ้านไปตามเส้นทาง โดยไม่รอทั้งสอง “เธอเป็นแบบนั้นเสมอเหรอ” เนลันเทียถามด้วยความสงสัย

    “เป็นมานานแล้วละ ทั้งอาการหน้าตาย กับไอ้เรื่องทำตัวผิดแผกกับชาวบ้านชาวช่องเค้าเนี่ย ฮ่าๆ” ไรซ์พูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง

    ทั้งคู่ตามติดสาวเมดที่ก้าวกระโดดจากหลังคาบ้านหลังหนึ่งไปอีกหลังหนึ่ง ไม่นานนักเธอก็กระโดดลงไปในตรอกมืดๆ พลันเดินไปตามทางเดินแคบ ซึ่งเนลันเทียดูจะไม่ค่อยพอใจกับเส้นทางสกปรกแบบนี้เท่าไร ในที่สุดทั้งสามจึงหยุดยืนหน้าถังเหล็กทรงสี่เหลี่ยมใบใหญ่

    สาวเมดผมม่วงทำการเปิดฝาที่ดูแล้วจะมีน้ำหนักไม่ใช่เล่นอย่างง่ายดาย พลางหลีกทางให้ทั้งสอง “เชิญทั้งสองท่านคะ”

    “เข้าไปในนี้เนี่ยนะ”

    “อะไรน่ะ ฐานลับยัยผีแก่นั้นเหรอ จะว่าไปแปลกแหะที่เธอไม่สะดุ้ดล้มตอนกระโดดบนหลังคา” เนลันเทียหันควับมองด้วยสายตาอาฆาตแค้นสุดฤทธิ์จนไรซ์ต้องตัดสินใจหุบปากสักระยะดีกว่า

    ทั้งเนลันเทียและไรซ์ทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างเห็นได้ชัด เพราะนอกจากด้านนอกกล่องเหล็กจะดูโทรมไม่เข้าท่าแล้ว พอมองเข้าไปด้านในที่มืดจนมองอะไรแทบไม่เห็นมันดูแย่กว่าซะอีก บวกกับกลิ่นแปลกๆไม่ชวนดมยิ่งน่าขนหัวลุก

    “รีบเข้าก่อนที่จะมีใครมาเห็นดีกว่าคะ”

    เนลันเทียที่ได้ยินดังนั้นจึงหันควับซ้ายขวามองไปที่ทางออกตรอก ซึ่งห่างจากจุดที่พวกเธอยืนอยู่พอสมควร “จะมีคนมาเห็นจริงๆเหรอ”

    “เรื่องนั้นไม่สำคัญ แต่ชั้นก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้นานซะด้วย รีบไปดีกว่าเนลันเทีย” ไม่รอช้าไรซ์กระโดดเข้าไปในกล่องทันที สาวผมฟ้าที่มองตามเข้าไปกลืนน้ำลายทีนึง พลันกระโดดตามไปอย่างเสียไม่ได้

    สาวเมดมองรอบข้างตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะตามทั้งสองเข้าไป

    ...ฝากล่องเหล็กถูกปิดอย่างเงียบเชียบ

    ภายในกล่องนั้นมีทางเดินใต้ดินเป็นทางยาว สาวผมฟ้าพยายามเพ่งมองปลายทางแต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ตาของเธอยังไม่ปรับตัวเข้ากับความมืดได้ดีนัก สิ่งที่เห็นจึงมีเพียงความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด แต่แสงไฟตามรายทางยังพอช่วยให้พวกเธอเดินโดยไม่สะดุดหรือเหยียบอะไรเข้า

    “พอต้องมาที่แบบนี้แล้ว ชั้นรู้สึกดีใจที่ไม่ได้ใส่ชุดสีขาวสวยของชั้นนะคะ” เนลันเทียเอ่ยระหว่างที่สองเท้ายังเดินไปตามทาง

    “มันจะได้ไม่เปื้อนสินะ รักสะอาดกว่าที่คิดแหะ นึกว่าจะ...” ยังไม่ทันได้พูดก็ถูกสาวที่อยู่ข้างๆเขม่นซะก่อน

    “แต่รู้สึกการย้อมผม เปลี่ยนสีตา มันดูไร้ประโยชน์ยังไงไม่รู้”

    “ดีแล้ว เดินไปไหนมาไหนจะได้ไม่เป็นจุดเด่นมาก รู้ว่าห่วงสวย แต่หัดทำตัวให้ปลอดภัยซะมั้ง” ไรซ์เอ็ดเข้าใส่สาวผมฟ้า ซึ่งเธอเองก็ทำเป็นหูทวนลมซะอย่างงั้น

    แล้วอยู่ๆ เหม่ยหลิน ผู้นำทางก็หยุดกึก ทำเอาผู้ตามทั้งสองแทบจะเบรกไม่ทัน “ถึงแล้วคะ”

    เนลันเทียและไรซ์ แสดงอาการงุนงง ที่ได้ยินแบบนั้น เพราะจุดที่พวกเขายืนอยู่นั้นยังไม่สุดทางเลยด้วยซ้ำ พวกเขามองไปรอบๆเพื่อจะเจอกลไกอะไรที่พอจะเป็นประตู หรือ บางสิ่งที่จะจับสังเกตได้แต่ก็ไม่มี “แน่เหรอว่าถึงแล้ว” เนลันเทียถามอย่างเป็นกังวล

    “แน่นอนคะ ‘องค์หญิงมัจจุราช’ “ ว่าเสร็จในมือของเธอก็ปรากฏกลุ่มก้อนสีดำประหลาดขึ้น ทั้งสองรีบถอยห่างจากสาวเมดโดยเร็ว

    “เฮ้ๆ จะเล่นอะไรน่ะ” ไรซ์ชิงถามทันที

    “ไม่ต้องเป็นห่วงคะชั้นแค่จะเปิด ‘ประตู’ เท่านั้น” เหม่ยหลินค่อยวาดมืดเป็นวง เส้นสีม่วงอมดำถูกวาดขึ้นจนเป็นจานแสงสีดำทรงวงรีขนาดสูงพอที่จะลอดเข้าไปได้อย่างสบาย

    “เชิญทั้งสองคะ” สาวเมดพูดพลางทำท่าเชื้อเชิญ ไรซ์ผู้ซึ่งไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้วหรือพูดอีกแง่ชีวิตมันไม่เคยระวังตัว ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เข้าไปในจานแสงนั้น โดยไม่สังเกตท่าทีลังเลของเนลันเทียเลยแม้แต่น้อย

    “เชิญท่านเนลันเทียคะ” สาวผมฟ้านั้นไม่ได้กลัว แต่เธอไม่ไว้ใจมากกว่า ถ้ามาคนเดียวเธอคงไม่คิดจะเข้าไปง่ายๆ แต่เมื่อพิจารณาถึงฝีมือคนที่มาด้วยกัน ก็น่าจะพอรับประกันได้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นเธอคงไม่พลาดท่าเอาง่ายๆ

    ‘องค์หญิงมัจจุราช’ จึงตามเข้าไปแต่โดยดี....

    หญิงสาวผ่านประตูมิติเข้าไปยังสถานที่แปลกประหลาด มันเป็นเหมือนห้องสูทในโรงแรมชั้นหรู เฟอร์นิเจอร์ในห้องนั้นล้วนแต่เป็นงานศิลปะอันวิจิตร แสงไฟสีเหลืองอ่อนจากโคมระย้าอันใหญ่ พรหมขนสัตว์ถูกปูลาดตลอดทาง ตัวห้องกว้างขวางแหละหรูหรานี่คลาคลำไปด้วยผู้คนที่มีลักษณะคล้ายๆกัน

    พวกเขาล้วนมีนัยน์ตาสีแดงสดเหมือนเลือดไม่มีผิด ผิวหนังสีซีดกว่าผู้คนทั่วไป เขี้ยวแหลมคมที่ผิดแผกไปจากมนุษย์ราวกับสัตว์ป่า ใช่แล้ว พวกเขาล้วนเป็นแวมไพร์

    เนลันเทียและไรซ์ รู้สึกถึงดวงตานับร้อยคู่ที่กำลังจับจ้องพวกเขาในห้องโถงขนาดใหญ่นี้ ....เหล่าแวมไพร์กำลังสำรวจพวกเขาอยู่

    “มากันจนได้นะ” เสียงเด็กหญิงแทรกขึ้นมาระหว่างบรรยายกาศน่าขนลุก แต่น่าแปลกเมื่อสิ้นเสียงนั้นความรู้สึกเหมือนถูกสำรวจทุกอณูพลันหายไปสิ้น

    เนลันเทียหันไปหาเจ้าของเสียงทันที เธอเป็นเด็กหญิงอ่อนเยาว์อายุไม่น่าจะเกิน 13-14 ปีด้วยซ้ำดวงตาสีน้ำเงินอ่อน เรือนผมสีน้ำตาลเกือบครีมและใบหน้าเหมือนกับถอดแบบตุ๊กตาฝรั่งเศสแป๊ะๆ แถมชุดโกธิคสีดำแบบเรียบๆที่เธอสิ่งยิ่งทำให้ดูเหมือนตุ๊กตาเดินได้เข้าไปใหญ่

    เด็กหญิงผู้อ่อนเยาว์นั่งอย่างทรงอำนาจบนโซฟาหรู แม้จะเป็นเด็กแต่ความรู้สึกที่ให้กลับดูเหมือนผู้เจนโลกมากกว่า ร่างกายเล็กๆนั่งไขว้ห้างสบายอารมณ์ “ไม่นึกว่านายจะมาด้วยนะ แม็กแลนเซอร์

    “ไงยัยป้า ยังหลอกตาประชาชีด้วยร่างเด็กนั้นเสมอเลยนะ” ชายหนุ่มหยอกล้อเด็กสาวอย่างเป็นกันเอง แต่เนลันเทียยังนิ่งเงียบอยู่ด้วยอารมณ์ทึ่ง

    แต่บางสิ่งในบทสนทาสะกิดใจเธอ “แม็กแลนเซอร์...” สาวผมฟ้าหันไปถามเพื่อนร่วมทางด้วยสายตาสงสัย

    “ชื่อเก่าของชั้นนะ จะมีไม่กี่คนหรอกที่ยังพอจำชื่อนี้ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกจักรพรรดิกับผู้ติดตามระดับยอดฝีมือน่ะ” แม็กเลนเซอร์ตอบพลันยิ้มให้เหมือนปกติ

    “ที่ต้องเปลี่ยนชื่อก็เพราะอยากมีชีวิตสงบๆไม่ใช่หรือไง คุณ...” คำพูดของเด็กสาวถูกแม็กพูดเบรกทันที “เฮ้ยๆๆ ไม่ต้องพูดสมญาเมื่อก่อนออกมาเลยนะยัยป้า”

    “แล้วที่มาว่าคนอื่นเป็นยัยป้า ไม่ดูอายุตัวเองบ้างนี่มันหมายความว่ายังไง ฮึ” เด็กสาวผมครีมย้อนทันที น้ำเสียงกับอารมณ์ของเสียงนั้นต่างกันสิ้นเชิง

    เด็กสาวเริ่มรู้สึกว่ากำลังทำให้แขกคนสำคัญอยู่นอกบทสนทนา เธอจึงเปลี่ยนสายตามาอยู่บนหน้าของเนลันเทีย “นี่น่ะเหรอ เด็กผู้หญิงที่ ‘บัลลังรัตติกาล’ เอ่ยปากขอให้ชั้นช่วยเนี่ย อืมๆ ก็สวยแบบที่มันชอบจริงน่ะนะ แต่ถ้าจำไม่ผิดสีผม สีตาไม่ใช่แบบนี้นี่หน่า ได้ยินว่าเป็นโมเอะเดินได้สินะ”

    "เรื่องนั้นพอทีเถอะค่ะ"

    “โดนย้อมพรางตัวน่ะ” แม็กตอบแทนสาวผมฟ้าที่ดูจะหมดอารมณ์พูด

    “ร่ายกายไม่ฟื้นตัวดีสินะ เท่าที่ดูจากหูที่ยาวกว่ามนุษย์เล็กน้อย คงเป็นพวกฑูตสวรรค์ล่ะสิ” เด็กสาวหัวเราะคิกๆ ร่างเล็กๆค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟาพลันเดินไปหยุดตรงหน้าของเนลันเทีย

    ถ้าเทียบส่วนสูงกันแล้วเธอน่าจะสูงราวๆ 150-160 ซม. เท่านั้นเอง เด็กสาวมองเนลันเทียอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเผยรอยยิ้มน้อยๆเหมือนเด็กๆไม่มีผิด “ชั้นอิจฉาเธอนิดๆนะที่เจ้านั้นให้ความสำคัญพอควรเลย”

    “ฮะๆ หึงเหรอ นั้นสินะก็เพราะเมื่อก่อน....” ความรู้สึกราวกับจะฉีกร่างเป็นชิ้นๆพุ่งผ่านตัวแม็กไปอย่างรวดเร็วๆ เฟอร์นิเจอร์ที่บริเวณนั้นปริแตกอย่างไม่มีสาเหตุ เหล่าสาวกแวมไพร์ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ถึงกับถอยหนีด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของชายหนุ่มปรากฏแผลยาวคล้ายมีดบาดหยดเลือดสีแดงเข้มไหลเป็นทาง

    ดวงตาของเด็กสาวตอนนี้ราวกับปีศาจตัวร้าย ดวงตาโหดและแข็งกร้าวผิดกับเมื่อครู่หน้ามือเป็นหลังมือ เหงือเม็ดโตๆผุดตามใบหน้าและร่างกายของแม็ก “โทษที....” คำพูดล้อเล่นของเขาเกือบจะทำให้เขาสิ้นชีพคาที่

    ส่วนเนลันเทียนั้นยิ่งอึ้งจนพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่ เมื่อครู่นี้คือจิตสังหารของเด็กสาวไม่ผิดแน่นอน เพียงแต่จากประสบการณ์ของเธอไม่เคยเจอจิตที่น่ากลัวและรุนแรงขนาดทำให้ข้าวของแตกหักในวงกว้างขนาดนี้มาก่อน แถมมันยังรวดเร็วขนาดที่ไม่รู้สึกตัวจนมันเข้าหาเป้าหมายไปแล้ว ถ้าเธอคิดจะฆ่าใครคงไม่ต้องสัมผัสตัวเลยด้วยซ้ำ

    ไม่ผิดแน่ เธอคนนี้คือ 1 ใน 5 จักรพรรดิ โอลิเวีย

    เด็กสาวหันกลับมายิ้มแย้มทันที “ขอโทษทีนะ เผอิญเมื่อกี้ถ้าไม่ทำอะไรหุบปากคนบ้าไปซะก่อน ชั้นคงนอนไม่หลับ” แม็กถึงกับขนลุกกับใบหน้ายิ้มแย้มไร้เดียงสาที่มองมาทางเขา

    เด็กสาวเดินกลับไปที่โซฟาตัวเดิม สาวเมดหน้าตายซึ่งตอนนี้ยืนอยู่หลังโซฟา ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นสาวเมดเช่นกัน แต่อินเมจผิดกับคนที่ไปรับพวกเธออย่างสิ้นเชิง เธอดูร่าเริง ขี้เล่นซุกซน แถมยังให้อย่างเป็นมิตรผิดกับอีกคนราวฟ้ากับเหว

    เด็กสาวตุ๊กตานั่งไขว้ห้างลงบนโซฟา เหล่าลิ่วล้อก็นำโซฟาขนาดใกล้ๆกันมาวางที่ฝั่งตรงข้ามในลักษณะโต๊ะรับแขกให้กับพวกเนลันเทีย เมื่อทั้งคู่นั่งลง เด็กสาวจึงเอ่ยปากขึ้น “ชั้นขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการหน่อยละกันนะ”

    เด็กสาวมองทุกคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเหนือกว่า พร้อมเปล่งเสียงอันสดใสหากแต่มีอำนาจยิ่งนัก “ชื่อของชั้นคือ โอลิเวีย ทาทาริ ซาราทูสตรา ‘นักแปรธาตุเลือดต้องสาป’ หรือ ชื่อที่เหล่าโลกเบื้องหน้าขนานนามให้พวกเรา..... 1 ใน 5 จักรพรรดิโอลิเวีย ผู้นำแห่งเหล่าแวมไพร์ทั้งปวง”



    .....................................
    .........................
    ................


    Talk Talk Talk

    ตอนหน้ากว่าจะมาคงอีกสักพัก แต่พยายามจะไม่ดองมากนะครับ แม้ว่างานจะเยอะจนท่วมหัวแล้วก็ตาม ฮือๆๆๆๆๆ เฮ้อ เซงงะ T T

    ในที่สุด ตำแหน่งใหญ่โตก็ออกมาแล้ว 1 หน่อ แต่บทนี้คงมีออกแค่โอลิเวียคนเดียวแหละครับ พี่เบิ้มคนอื่นๆก็จะได้ออกในบทต่อๆไป ถึงอย่างไรก็ต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่าน ที่ติดตามตอนนี้ทุกท่าน ชาบู ชาบู

    Special Thanks

    1. โอลิเวียจัง ของ เจ้า เจโนว่า เฮ้ย ผมชอบว่ะ น่ารักโคตร ดูรูปแล้วแบบอย่างโดนหามาได้ไงฟะ ขอเหอะ 555+

    2. เหม่ยหลิน ลิ่วล้อของโอลิเวีย เจ้าเจโนว่าส่งเข้าประกวดเช่นกัน

    And All Friends And Fans Thanks !!!!
  20. Ryuune

    Ryuune Well-Known Member

    EXP:
    1,084
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทที่ I ตอน II อัพแล้ว The Death Scythe Princess

    มาตามอ่านอีกเช่นเคยค่า ชอบจังแนวแฟนตาซีที่มีพวกเหนือมนุษย์มารวมกันเนี่ย
    (ของเราเขียนทีไรนึกหลักเหตุผลมาปนด้วยทุกทีจนไม่ค่อยเดิน ต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะนะเรา)

    [action]รอดูมิเนอร์ว่าจังวัยสาวต่อไปว่าจะมาเมื่อไหร่[/action]
  21. joi100

    joi100 นักเดินทางแห่งมิดการ์ด

    EXP:
    478
    ถูกใจที่ได้รับ:
    23
    คะแนน Trophy:
    38
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทที่ I ตอน II อัพแล้ว The Death Scythe Princess

    หลังจากออกทะเลรั่วถั่วกันไปเรื่อย ในที่สุดตอนที่ 2 ก็มาให้นั่งอ่าน หลังจากนั่งอ่านก็ยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิม

    สู้เขาล่ะพี่น้อง
  22. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทที่ I ตอน II อัพแล้ว The Death Scythe Princess

    รังเเวมไพร์ในรู หรูซะไม่มี

    อ๊างงงโอลิเวียของเขามาเเย้ววววว
  23. alladiya

    alladiya สมาชิกที่ไม่มีอยู่จริง

    EXP:
    1,207
    ถูกใจที่ได้รับ:
    11
    คะแนน Trophy:
    88
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทที่ I ตอน II อัพแล้ว The Death Scythe Princess

    อย่าพึ่งไฟแผ่วละ เหอๆๆๆ
  24. PaiaAznable

    PaiaAznable มนุษย์ตู้ปลาช้ำรัก

    EXP:
    744
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    86
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทที่ I ตอน II อัพแล้ว The Death Scythe Princess

    รังแวมไพร์รู้หรู.... ผิดไปจากที่คาดไว้คนละโลกเลย นึกว่าจะเป็นคฤหาสน์เก่าๆเก๋ากึ๊ก

    เดี๋ยวไฟก็มอดครับเจ๊ เชื่อดิ =w= [action]เผ่นป่าราบ[/action]

    ปล.บ่นส่วนตัว รู้งี้ตูน่าจะสมัครเผ่าอื่นที่ไม่ใช่โดมินิค เพราะไม่เห็นความเถื่อนในตัวแซ๊คเลยให้ตายสิ ส่วนเรื่องวันที่ 21.... ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ ผมติดวันที่ 20 อ่ะ เสียดายจัง OTL
  25. jenovasung

    jenovasung Member

    EXP:
    152
    ถูกใจที่ได้รับ:
    0
    คะแนน Trophy:
    16
    Re: [Fic รับสมัคร] The tales of Aurora บทที่ I ตอน II อัพแล้ว The Death Scythe Princess

    ว่าง...เข้ามากัดเจ้าของกระทู้เล่น..

    โยจังเอ้ย งานเเคปซูลวันนี้ เเฟนเเกเเต่งชุดโกธิคเเล้วน่ารักเลยชะมัดเลย ก๊ากกก ตอนเล่นเพลง Melodies of Life ก็หวานกันอยู่ 2คนบนเวที นะ 5555 กิ๊วๆๆๆๆๆ

    เฮ้อ...ตอนเเกเดินอยู่เเถวข้างล่างจะทักก็ไม่ได้ทักสักที เดินเร็วชะมัดเลยนะ

    [action]เดินหายออกจากกระทู้ทันที[/action]

Share This Page