อ่านก่อนนิดนึง บทความนี้ คือบทความReview หนังในมุมมองของผมแค่คนเดียว ไม่ใช่มุมมองของคนส่วนมาก ฉะนั้นไม่แปลกถ้าท่านจะรู้สึก เอ๊ะทำไมนายไม่ชอบตรงนี้ เอ๊ะทำไมนายมาด่าเรื่องนี้ เอ๊ะนายบอกเรื่องนี้ดี นายเพี้ยนรึเปล่า อยากจะบอกว่า ผมเป็นแค่คนดูหนังคนนึง มิอาจสามารถเอาใจของคนทั่วโลกมารวมในคนเดียว แล้วประมวลคะแนนให้พอใจทุกคนได้ เพราะคนเราย่อมมีรสนิยมการดูหนังไม่เหมือนกันทุกคนครับ ฉะนั้น ถ้าอ่านReview ของผมแล้ว จงอย่าตัดสินทันที ขอให้พิสูจน์หนังเรื่องนั้นด้วยตัวท่านเอง ไม่แน่ หนังที่ผมบอกห่วย อาจเป็นหนังในใจท่านก็ได้ครับผม ด้วยความเคารพครับ และต่อไปนี้ กระผมจะขอเขียนเรื่องย่อด้วยตัวเองนะครับ เนื่องจากมีผู้ติติงเรื่องของเรื่องย่อที่ก๊อปมาจากเว็บMajorcineplex มั่วมาก บางทีถึงขั้นไม่น่าดู ฉะนั้นต่อไปนี้จะขอเขียนเรื่องย่อด้วยตัวเอง ถ้าติดปัญหาจุดใดติติงได้ไม่มีปัญหานะครับ และจากนี้ขอเพิ่มอะไรนิดนึง เนื่องจากการรีวิวผมนั้น พยายามที่สุดเพื่อที่จะให้มันไม่มีสปอยออกมา เพื่อที่คนที่ยังไม่ได้ดูสามารถอ่านได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อันนี้ต้องขอความร่วมมือจากผู้ที่อ่านReview ของผมว่า “อย่าโพสข้อความที่มันเป็นการSpoil ภาพยนต์ แบบไม่ได้ซ่อนข้อความSpoil เอาไว้ (ซึ่งวิธีการซ่อนข้อความนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบอร์ดครับ)” เพราะอย่างน้อยต้องคิดว่า ยังมีคนที่ไม่ได้ชมภาพยนต์เรื่องที่ผมReview อยู่นะครับ อันนี้ขอความร่วมมือด้วย สวัสดีครับทุกๆท่าน พบกับSoma กับReview ภาพยนต์เรื่องแรกของผมในปีนี้นะครับ ที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดูเรื่องแรก แต่ขอเขียนเรื่องนี้ก่อนล่ะกันนะครับ เป็นไงครับทุกท่านไปเที่ยวปีใหม่สบายดีกันไหมครับ ผมคิดว่าทุกท่านน่าจะสนุกกับการพักผ่อนกันพอสมควร เอาล่ะไม่ให้เสียเวลามาดูกันว่าวันนี้ผมจะรีวิวเรื่องอะไร ไปชมกันเลย The Spaceship Battle YAMATO แนวหนัง : แอ็คชั่น ไซไฟ ดราม่า ตัวอย่าง [media]http://www.youtube.com/watch?v=HXueApDZyhc[/media] เรื่องย่อ โลกในยุคอนาคตเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อกลุ่มมนุษย์ต่างดาวได้ใช้ดาวหางเปลี่ยนชั้นบรรยากาศโลกให้กลายเป็นกัมมันตภาพรังสีรุนแรง ทำให้มนุษย์ต้องอาศัยอยู่กันในใต้ดิน ขณะที่เหล่าทหารได้ออกรบสู้กับเหล่ามนุษย์ต่างดาว แต่ก็พ่ายแพ้กลับมาตลอด ในขณะนั้นเองปี 2199 โคไต ซุซุมุ อดีตทหารที่มาทำงานเก็บขยะ ได้ค้นพบวัตถุลึกลับตกมาจากฟ้า และวัตถุชิ้นนี้มีความสามารถให้กัมมันตภาพรังสีหายไปได้ ความหวังสุดท้ายของมนุษย์ชาติจึงเริ่มต้นขึ้นกับการเดินทางไปสู่ดาวที่ส่งวัตถุชิ้นนี้มา ในฐานะยานอวกาศลำสุดท้าย YAMATO มุมมองของSoma หวังสูงสุดๆจากการที่มี ผู้กำกับ Always มาทำให้ แค่นั้นก็ทำให้ผมค่อนข้างเชื่อมั่นคุณภาพผลงาน + กับที่เห็นตัวอย่างแบบใช้CG ที่สวยมาก ทำให้ยิ่งอยากดูเข้าไปใหญ่ และเมื่อไปดูมา ก็ค้นพบความจริงที่โหดร้ายเหลือเกิน คือ หนังไม่สนุก หรือ ดี อย่างที่หวังเอาไว้เลย = = ก่อนอื่นคงต้องขอชมส่วนที่ดีของหนังเรื่องนี้กันก่อน CG ในหนังทำออกมาสุดยอดมากๆ แบบอย่างที่หวังเอาไว้จริงๆกับCGหนังเรื่องนี้ที่ สวยสุดยอด เนียนตา ระดับฮอลลีวู้ดดีๆเลย โดยเฉพาะถ้าเทียบกับหนังญี่ปุ่นด้วยกันเอง CG ในยามาโต้เข้าขั้น “สุดยอดมากๆ” โดยเฉพาะฉากตอนบุกเข้าไปในดาวของศัตรู ที่ทำออกมาเนียนเหลือเกิน งานออกแบบของหนังเรื่องนี้ก็ใช่ย่อย โดยเฉพาะดาวของศัตรูที่ออกแบบมาดูดีพอสมควร รวมทั้งตัวศัตรู ยานฝั่งศัตรู ยานฝั่งพระเอก ส่วนใหญ่ออกแบบมาค่อนข่างดีพอสมควรเลยทีเดียว อีกจุดที่ต้องชมคือ การแสดงของนักแสดงในเรื่อง โดยเฉพาะ ป๋าทาคุยะ คิมูระ ที่แสดงออกมาได้สมศักดิ์ศรีซุปเปอร์สตาร์ของญี่ปุ่น เพราะแกสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างดี และดาราหลายๆคนก็สามารถแสดงออกมาได้สมบทตัวละคร แต่ถึงแม้โปรดัคชั่นหนังจะดีขนาดไหน สุดท้ายหนังเรื่องนี้กลับตกม้าตายอนาถในเรื่องของบท เพราะบทของหนังโครงดี แต่นำเสนอไม่ดีเอามากๆ โดยผมจะอธิบายก่อน จริงๆโครงเรื่องYamato นี้ จะเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปสู่ดาวที่สามารถช่วยโลกได้ และหนังจะแสดงถึงความสัมพันธ์ของลูกเรือภายในยาน แต่หนังกลับละเลยความสัมพันธ์ตัวละครมากๆ ชนิดที่ผมสามารถพูดได้ว่า ใส่มาลวกๆ หนังทำเรื่องความสัมพันธ์ของลูกเรือออกมาได้แย่มาก หนังใช้เวลาแป๊บเดียวในการพูดถึงชีวิตและความสัมพันธ์ของลูกเรือ รวดเร็วและรวบรัด ขาดอารมณ์ให้อินตาม ที่สำคัญ หนังแทบไม่ได้บอกปูมหลังของตัวละครเลย อยู่ๆหนังกลับให้ตัวละครรู้จักกัน ทั้งที่ยังไม่รู้ว่า มันรู้จักกันได้อย่างไร อีกทั้งหนังยังสร้างบุคลิคตัวละครออกมาไม่ได้น่าจดจำเท่าไรเลย ทำให้บางครั้งเกิดสงสัยซะด้วยซ้ำว่า ไอ้นี้มันใคร มาจากไหน มันมีตัวตนในหนังได้อย่างไร ผลของการทำบทตรงจุดนี้ออกมาไม่ดี ทำให้ ช่วงพีคต่างๆของหนัง ทำออกให้ไม่มีอารมณ์ร่วมตามในทันที เมื่อขาดอารมณ์ร่วม ทำให้ฉากพีคต่างๆในหนังดูน่าเบื่อทันที นับว่าเป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่หนังเรื่องนี้ทำออกมาแล้วไม่ใส่ใจในจุดนี้ อีกอย่าง บทของยามาโต้ ไม่ค่อยเคลียร์ในหลายๆอย่าง ปมหลายอย่างในหนังเรื่องนี้ค่อนข้างไม่เคลียร์เอามากๆ มันไม่ใช่ปมที่ทิ้งเชื้อไว้ให้ภาคต่อซะด้วย บทมีหลายอย่างที่น่าสงสัย ประมาณว่า เอ๊ะได้ยังไง เอ๊ะ ทำไม ซึ่งจะเป็นค่อนข้างบ่อยในช่วงหลังของหนังที่ดูเหมือนบทจะรีบๆทำให้จบหนัง หรือรีบๆไปสู่จุดพีคสุดท้าย ซึ่งจากผลการเขียนบทที่ไม่เน้นความสัมพันธ์ตัวละคร ทำให้ฉากพีคสุดท้ายไม่ได้ประทับใจอะไรเลยอีก = = ที่สำคัญ หนังเรื่องนี้ จบเหมือนประมาณว่า “ขี้เกียจทำและ จบเลยๆๆๆๆ” ส่วนฉากสงครามในหนังนั้น ต้องขอบอกว่า ดูดีในระดับนึง ไม่ถึงขั้นร้องว้าว หรือมันส์จนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ ที่ดูดีในระดับนึงนี้ต้องขอบคุณCGของหนังที่ทำให้หนังเรื่องนี้สามารถทำฉากสงครามอวกาศออกมาได้ดูดีมากขึ้นกว่าเดิม แต่โดยรวมฉากสงครามไม่มีอะไรหวือหวา หรือให้พูดถึงเท่าไร แต่ฉากยิงปืนใหญ่ยิ่งใหญ่สุดๆ สุดท้ายมีคำเตือนนิดนึงเกี่ยวกับผู้ที่จะไปชมภาพยนต์เรื่องนี้ - สำหรับใครอยากดูซับไทย มีฉายที่เดียวคือ SFW ที่ เซ็นทรัลเวิลดิ์ นะครับ และขอบอกว่า ซับห่วยบัดซบมาก ทั้งขึ้นไม่ตรง อ่านยาก บางทีแปลมั่วอีก ทำใจหน่อยนะครับ แต่ไม่ถึงขั้นดูไม่รู้เรื่องนะ - ผมคิดว่า “หนังตัด” ด้วยครับ หลายๆคนที่ไปดูมาตอนนี้กำลังสงสัยกันอยู่เหมือนกัน สรุป : ค่อนข้างผิดหวังเหมือนกันกับยามาโต้ในระดับผู้กำกับที่มีผลงานอย่าง Always เพราะบทค่อนข้างละเลยใส่ใจด้านตัวละคร ทำให้ไม่มีอารมณ์ร่วมในทันที แต่ดีใจที่รู้ว่า เอเชียของเราสามารถทำCG ได้สวยยิ่งใหญ่ขนาดนี้ คิดว่าถ้าอนาคตมีหนังCGดีๆ บทเยี่ยมๆ คงเจ๋งน่าดู สรุปคือ หนังเรื่องนี้ไม่ห่วยครับ แต่มันก็ไม่สนุก เกรด B- เครดิตภาพ : Facebook ของ SF http://s8.invisionfree.com/MHVF/ar/t11418.htm แล้วเจอกันใหม่นะครับผม โชคดีปีใหม่ครับ ลาล่ะ555
ดูมาแล้วไม่ประทับใจเท่าที่ควรครับ ทั้งที่มาที่ไปตัวละครว่ามันไปรู้จักกันตอนไหน เพราะอยู่ๆโผล่มาขึ้นยานปุ๊ปก็รู้จักกันเลยมันเลยดูไม่ค่อยอินเท่าที่ควร อย่างน้อยถ้าบอกซักนิดว่าเคยเจอกันมาก่อนมันคงรู้สึกอินกว่านี้ และอีกอย่างคือคิดเหมือนกันครับว่ามันตัดแน่ๆ เพราะหลายๆฉากมันดูไม่ต่อเนื่องชอบกล มันดูกระโดดๆผิดปกติ
เรื่องนี้อยากดูมาเป็นปีๆ พอได้ยินมาว่าเข้าไทยแล้วโดนตัดจนหนังโดดไปโดดมาแล้วความอยากดูลดฮวบฮาบเลยล่ะค่ะ แต่ไม่ได้ตั้งความหวังไว้กับบทมากเท่าไหร่ อยากไปดูป๋าคิมทัก เมสะจัง แล้วก็ซีจีอลังการแบบที่ไม่เคยเห็นในหนังญี่ปุ่นมาก่อน(แต่ฮอลลีวูดเกร่อแล้ว...) คิดว่าถ้าไม่ตั้งความหวังอะไรกะไปดูเพลินๆอาจจะสนุกก็ได้มั้งคะ อารมณ์เหมือนเวลาจะดูหนังไมเคิลเบย์ก็อย่าไปหวังอะไรกับบทนั่นล่ะค่ะ อีกอย่าง ไม่ค่อยได้เห็นหนังญี่ปุ่นเข้าฉายหลายๆโรงแบบนี้บ่อยๆ เห็นแล้วอยากอุดหนุน เผื่อมีเรื่องอื่นๆตามมาฉายแบบนี้อีก แหะๆ
คนไทยทำหนัง ทำเกม ต่างประเทศมันมีโอกาสที่เปิดกว้างกว่าเมืองไทยเยอะครับ ถ้ารัฐบาลสนับสนุน ก็คงมีคนเก่งๆกลับมาพัฒนาบ้านของเราบ้าง