เสน่ห์หนังแอ็คชั่นยุค 80

กระทู้จากหมวด 'ดูหนัง ฟังเพลง อนิเม การ์ตูน' โดย soma555, 29 มีนาคม 2011.

  1. soma555

    soma555 นักข่าว

    EXP:
    233
    ถูกใจที่ได้รับ:
    25
    คะแนน Trophy:
    28
    [​IMG]

    หนังแอ็คชั่น แปลว่า หนังบู๊ หนังบู๊แปลว่า หนังที่เอาปืนยิงกัน ต่อยกัน ขับรถไล่ล่ากัน บลาๆๆๆ และต่องเป็นมากกว่า70% ของเรื่องราวทั้งหมด หนังนั้นจึงจะเรียกว่าหนังแอ็คชั่น

    ในยุคนี้ หนังแอ็คชั่นส่วนใหญ่จะเน้นขายสเปเชี่ยลเอฟเฟค ความไฮเทค หรือเป็นหนังแอ็คชั่นที่ใช้สมองในการคิดกัน ฉากต่างๆในหนังแอ็คชั่นยุคนี้ล้วนเป็นการตัดกล้องรวดเร็ว ฉุบฉับๆ สร้างความมึนงงแก่คนที่มองกล้องกันไม่ทันพอสมควร

    แต่สำหรับคอหนังแอ็คชั่น หลายคนบอกว่าหนังยุคนี้ไม่ใช่ยุคของเค้า

    เพราะยุคของเค้าคือยุค “Action 80!!!!”

    [​IMG]

    ในช่วง1980 จนถึง 1990 นั้นต้องเรียกได้ว่า เป็นยุคทองที่แท้จริงของหนังแอ็คชั่น เพราะเรียกได้ว่ายุคนั้นฮอลลีวู้ดผลิตหนังแอ็คชั่นออกมาชนิดได้ดูกันแทบทุกเดือน เพราะมันได้รับความนิยมมากๆและทำกำไรดี

    อีกทั้งดาราที่เกิดกันในยุคนั้น ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นดาราหนังแอ็คชั่นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Arnold Schwarzenegger , Slyvester Stallone , Bruce Willis , Steven Segal , Jean Claude Van Damme , Chuck Norris และอีกมากมายมหาศาล

    แล้วทำไมหนังแอ็คชั่นยุค80 จึงเป็นที่น่าจดจำกว่าหนังแอ็คชั่นยุคนี้ และทำไมหนังแอ็คชั่นยุค80 จึงกลายเป็นเทรนที่ได้รับความนิยมมากๆในหมู่นักดูหนัง วันนี้เราจะมาดูสเน่ห์หนังแอ็คชั่นยุค80กัน

    [​IMG]

    1.ดารากล้ามโต ไม่ต้องห่วงการแสดง

    การที่หนังยุคนี้ได้รับความนิยมขนาดนี้ สิ่งแรกที่ต้องยอมรับเลยคือ ดารา ดาราในยุค80ที่ได้เกิดส่วนใหญ่แล้วจะเป็นดาราที่ไม่ต้องมีความสามารถในการแสดง บางคนพูดสำเนียงยังไม่ชัดกันเลยแต่ก็ถูกนำมาแสดง เหตุผลเพราะ “กล้ามโต และมีความสามารถในการต่อสู้” ทั้งArnold ,Segal , และ Van Damme ล้วนเกิดในโลกฮอลลีวู้ดได้ เพราะกล้ามโตและมีความสามารถในการต่อสู้ทั้งสิ้น การที่จะให้หนังแอ็คชั่นเหล่านี้ดูน่าเชื่อถือ หรือให้รู้สึกว่าตัวละครเหล่านี้เก่งโคตร ดาราเหล่านี้จึงมีความจำเป็นมากๆในการสร้างหน้าหนังให้ดูมีราศี

    หากแต่ดาราเหล่านี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงแต่แรก ย่อมมีปัญหาด้านแอ็คติ้งเป็นปกติ ฉะนั้นการดูหนังแอ็คชั่นยุค80 ท่านห้ามซีเรียสกับแอ็คติ้งนักแสดงภายในเรื่องเด็ดขาด เพราะท่านอาจจะปิดหนังทันทีเมื่อเห็นว่าพระเอกของเรื่องพูดยังกับท่องหนังสือให้คนฟัง หรือการแสดงอารมณ์ต่างๆที่อาจทำให้คุณหัวเราะออกมา

    [​IMG]

    2. บทเดิมๆ เดิมจนดูหน้าก็รู้ใจ

    ณ ปัจจุบัน พล็อตหนังแอ็คชั่นส่วนใหญ่จะมีการเล่นชั้นเชิงมากมาย ทั้งพระเอกเสียความทรงจำ เบื้องหลังเป็นองค์กรสหรัฐ มีเรื่องจิต เรื่องสายลับนู่นนี้ หักมุมให้ปวดกระบาล แต่สำหรับหนังแอ็คชั่น80 คุณจงลืมพล็อตพวกนั้นได้เลย เพราะพล็อตของหนังเกือบทั้งหมดมันมีแค่นี้

    - พระเอกต้องเป็นทหาร ตำรวจ อดีตนาวิกโยธิน โคตรสายลับ
    - บางทีพระเอกพวกนี้ไม่ชอบงานพวกนี้ มักจะหนีตัวเอง เช่นไปสร้างวัด ไปเป็นช่างไม้ ไปเป็นกุ๊ก ไม่มีใครที่มาเป็นนายพล หรือไปทำธุรกิจอสังหริมทรัพย์ หรือแม้แต่นักการเมือง
    - พวกผู้ร้ายมักจะเป็น นายพลตกอับ คู่แค้นแต่ชาติปางก่อน โคตรอาชญากร อันตพาล คนเอเชีย หรือแม้แต่พวกคนระดับสูงของสหรัฐที่ดูหน้าก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี
    - จะต้องมีเหตุการณ์อะไรให้พระเอกลงมือ เช่น ครอบครัวถูกฆ่า ลูกกรูหาย นายพลกราบตีน อยู่ดีๆดันซวย หรือแม้แต่มาบรึ้มบ้านกรู
    - ช่วงบู๊ประมาณ 50-70 นาที
    - พระเอกฆ่าผู้ร้ายได้ เครดิตขึ้นพร้อมเพลงยุค80ผู้ชายร้องเท่ห์ๆ

    กว่า90%ของหนังแอ็คชั่น80 พล็อตไม่เคยไกลเกินกว่านี้ อย่างมากเปลี่ยนก็เปลี่ยนนิดหน่อย อาจกลายเป็นหนังไซไฟตามยุคสมัย แต่สุดท้ายพล็อตก็จะกลับมาดั่งเดิม

    [​IMG]

    3.พระเอกเทพ

    พระเอกหนังแอ็คชั่นยุคใหม่นี้ ถ้าเจอ พระเอกหนังแอ็คชั่นยุค80 รับรองพระเอกรุ่นใหม่สลายกลายเป็นปุ๋ยชีวภาพแน่นอน

    พระเอกหนังแอ็คชั่นยุค80 เปรียบเสมือนเทพพระเจ้าเดินดิน เค้าคนนี้ไม่เคยเกรงกลัวกองทัพมหาประลัยของศัตรู เค้าไม่เคยกลัวกฏหมาย อาวุธ หรือแม้แต่สะเก็ดระเบิดที่กระเด็นอยู่ เพราะเค้าคือพระเอกหนังแอ็คชั่น

    พระเอกเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ชอบลุยเป็นทีม มักจะลุยเดี่ยว ข้ามาคนเดียว ปืนกลกระบอก มีดพก ระเบิด และกำปั้น แต่พวกเค้าสามารถถล่มกองทัพศัตรูนับ100 หรือแม้แต่ค่ายทหารเวียดนามให้เหมือนกองทัพสหรัฐทิ้งระเบิดยังไงยังงั้น แต่นี้คือพระเอกลุยคนเดียว

    พระเอกกลุ่มนี้จะติดแอ็คชั่นรีเพลย์สูตร กระสุนไม่มีวันหมด เพราะพวกเค้าไม่เคยกังวลกระสุนปืนกลว่าจะหมดไหม ขอเพียงแค่เค้ากราดๆๆๆๆให้ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าหมดไปเท่านั้น

    พระเอกหนังแอ็คชั่นส่วนใหญ่ทักษะจะเข้าขั้นพระเจ้า ทั้งปืน มีด การขับรถ ขับคอปเตอร์ เครื่องบิน จูนวิทยุ การคำนวณสารเคมีให้เกิดระเบิด การพูดได้200ภาษาทั่วโลก การสร้างอาวุธ ผสมดินปืน สร้างป้อมปราการณ์ ปล่อยเลเซอร์ ยิงร็อคบัสเตอร์ โชริวเคน ฮาโดเคน อายสลักเกอร์ พวกเค้าทำได้หมดแหละ

    พระเอกบางคนก็เทพเหลือหลาย สามารถเข้าประชิดศัตรูถือปืนอย่างรวดเร็ว พร้อมโชว์ทักษะการต่อสู้ด้วยการหักกระดูกเรียบ ไม่มีแผลให้เค้าแม้แต่แผลเดียว

    พระเอกบางคนก็ถึงขั้นสามารถต่อยหมีตายได้ทีเดียวก็มี……..

    [​IMG]

    4.ฉากแอ็คชั่นแบบลูกผู้ชาย

    ฉากแอ็คชั่นในหนังยุคนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบการใช้สเปเชี่ยลเอฟเฟค ต่อยเตะหมุนกล้อง เน้นการขับพาหนะเป็นหลัก แต่นี้ไม่ใช่สำหรับหนังแอ็คชั่นยุค80

    เพราะยุค80 คือยุคของการกราดกระสุน ระเบิด และหมัดเน้นๆ

    หนังแอ็คชั่นยุค80ส่วนใหญ่ จะเน้นฉากแอ็คชั่นที่พระเอกจะหยิบปินขึ้นมากวาดศัตรูที่อยู่ข้างหน้าให้หมด โดยมุมกล้องที่ท่านจะเห็นคือ ฉากพระเอกยิง และตัดไปที่ศัตรูที่โดนปืนพระเอกยิงตาย ยังงี้สลับกันไปๆ และซักพักพระเอกก็จะปาระเบิด ก็จะตัดไปที่ฉากระเบิดตูมมมมม เป็นยังงี้สลับกันไป สร้างความเพลิดเพลินแก่คนดูอย่างยิ่ง

    บางเรื่องก็จะมีฉากขับรถ ขับคอปเตอร์ ซึ่งฉากขับรถนั้นส่วนใหญ่จะเป็นขับรถไล่ล่าชนกันไปมา แต่ถ้าเป็นคอปเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็น2แบบ
    - พระเอกขับ กวาดศัตรูทั้งฉากเหมือนดั่งเล่นเกม
    - ศัตรูขับ จะไล่ยิงพระเอกแต่ไม่โดนแม้จะยิงมิซไซล์ก็ตาม และสุดท้ายจะเจอพระเอกซัดRPG พังทุกครั้งไป

    ด้านความสมจริง จงลืมให้หมด หนังแอ็คชั่นยุค80ไม่มีให้คุณหรอกความสมจริง เพราะทุกๆฉากแอ็คชั่นในหนังจะอุดมไปด้วยความขี้โม้ ความระห่ำเกินจริงให้คุณเต็มๆ

    ส่วนการสู้ด้วยหมัดนั้น จะเน้นการต่อยกันด้วยพลังกาย ต่อยช้าๆ ตุ้ยท้อง เอาของมาฟาด หยิบแล้วฟาดกลับ บางคนมีศิลปะการต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่าก็จะใช้วิชานั้นๆไป แต่สังเกตุได้จะไม่มีมุมกล้องหมุนไปมา มุมกล้องจะให้ดูฉากเน้นๆชัดๆ ดูกันเต็มตาใครชกใคร ใครฟาดใคร ใครฆ่าใคร

    กว่า90%ของหนังแอ็คชั่นยุค80 จะได้รับเรทR ซึ่งมีความรุนแรงสูง ไม่ใช่เพราะคำหยาบในหนัง หากแตเป็นเลือดและความโหด หนังแอ็คชั่นในยุค80 มักจะอุดมไปด้วยเลือด ยิงกันเลือดกระจาย ตัวระเบิด ไส้ทะลัก แขนขาขาดเป็นประจำ แม้เอฟเฟคจะดูหลอกๆ แต่ก็สร้างอารมณ์ร่วมกับฉากแอ็คชั่นของหนังได้อย่างดีมากๆ

    ตัวอย่างฉากแอ็คชั่นแบบ 80 80

    [media]http://www.youtube.com/watch?v=kxYmEYBLgBE[/media]

    [​IMG]

    จริงๆแล้วหนังแอ็คชั่น80 ทำไมถึงถูกพูดถึงยุคนี้มากกว่า น่าจะเป็นเพราะว่าหนังพวกนี้มันผูกพันธ์กับคนมากกว่า หลายคนตอนเด็กๆอาจจะเคยดู จะรู้สึกผูกพันธ์กับหนังพวกนี้มากกว่า

    ที่หนังแอ็คชั่น80เสื่อมความนิยมน่าจะเป็นเพราะการเข้ามาของคอมพิวเตอร์ กราฟฟิค ที่สร้างสรรค์ฉากต่างๆออกมาได้อย่างน่าตื่นตา ตื่นใจ คนจึงสนใจภาพอันตื่นตา มากกว่าที่จะมาดูหนังแอ็คชั่นที่พล็อตเดิมๆ ฉะนั้นจึงน่าเสียดายที่หนังแอ็คชั่นยุค80เริ่มหายไป ในยุคปัจจุบันก็อาจจะมีคนเริ่มหยิบหนังแนวนี้มาระลึกความหลังมากขึ้น

    หนังแนวนี้มีพล็อตที่ดูง่ายๆ สามารถหยิบมาดูฆ่าเวลาได้อย่างสบายใจ เนื่องด้วยพล็อตที่แทบไม่ต้องมีอะไรให้คิดปวดกระบาล แต่อุดมไปด้วยฉากแอ็คชั่นที่ดูสนุก และไม่มีมุมกล้องส่ายหรือหมุนให้ปวดหัว หนังแอ็คชั่นยุค80 ถ้าเปรียบก็เปรียบเสมือนหนังซีรีย์ ไอ้มดแดง อุลตร้าแมน ที่สามารถเอามาดูง่ายๆ สบายๆ และดูได้เรื่อยๆนั้นเอง

    หากแต่ในอนาคต หนังแอ็คชั่นยุค80ก็อาจจะกลายเป็นแค่ตำนานที่หายไป เมื่อหนังแอ็คชั่นยุค2000เข้ามาแทนที่

    สำหรับคนที่อยากลองอยากชมสไตล์หนังแอ็คชั่นยุค80 ขอแนะนำหนังต่อไปนี้เลย แล้วท่านจะซึมซัและเข้าใจในเสน่ห์ของมัน

    Commando
    Raw Deal
    Total Recall
    The Running Man
    Rambo1 2 3 4
    Lethal Weapon1 2 3 4
    Cobra
    Tango & Cash
    Predator
    Robocop
    Cliffhanger
    Rocky 4 (เน้นภาค4 เพราะมันโคตรแอ็คชั่น)
    Under Siege1-2 (แม้จะฉาย1992 แต่สไตล์มันคือหนังแอ็คชั่นยุค80เลย)
    Speed
    Hard Target
    Terminator1-2 (จริงๆอันนี้ไม่น่านับ เพราะสไตล์มันไม่ใช่หนังยุค80เท่าไร มันดูใหม่มาก)
    Die Hard 1 2 3 (4ยุคใหม่เกิน)

    แล้วบทความสั้นๆอันนี้ขอจบลงเพียงเท่านี้ ลาล่ะ 555
  2. mogca

    mogca モーグリ:零式

    EXP:
    3,681
    ถูกใจที่ได้รับ:
    44
    คะแนน Trophy:
    98
    สั้นๆ.......มันโดนครับ 5555
  3. ffpokemon

    ffpokemon Editor

    EXP:
    1,691
    ถูกใจที่ได้รับ:
    79
    คะแนน Trophy:
    113
    สไตล์หนังประเภทแบบไม่ต้องคิด เอามันอย่างเดียวนี่มันสุดยอดจริงๆ นะครับ

    ขนาดผมเองเป็นแฟนหนังแนว sci-fi detective ที่ชอบให้มันมีอะไรลึกลับซ่อนเงื่อนพลิคล็อก
    พอมาดู Rambo 1 2 3 นี่ยังรู้สึกมันไปกับพระเอกเลย อารมณ์ประมาณ kill รัวๆ

    รู้สึกตอนเหมือนดูหนังพวกนี้เราเอาสมองวางไว้ที่อื่น ดูจบค่อยเอาสมองกลับมาใส่ ประมาณนั้นเลย ฮ่าๆ

Share This Page