Parallel Online - ตอนที่ 21 [< UPDATE >]

กระทู้จากหมวด 'Fiction' โดย pentita, 27 สิงหาคม 2011.

  1. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    ที่จริงอาหมวยเป็นเรื่องที่สนุก แต่ผมไม่ชอบแค่ตัวนางเอกคนเดียวน่ะ เลยพาลไม่อ่านต่อ ^^"
    ผมรำคาญที่นางเอกชอบพูดแนว... "อะไรเนี่ย ให้มาทำไม เกะกะชะมัด ไม่เห็นอยากได้เลย" (เจ๊แกเพิ่งได้ไอเท็มสุดยอดเทพ ใครๆ ก็อยากได้)
    แล้วช่วงหลังเริ่มพูดจาไม่มีมารยาท แนวเชิดๆ แต่ดันไม่มีใครโกรธ ทั้งที่นอกเกมส์ นางเอกก็เป็นคนพูดจาดีแท้ๆ เข้าเกมส์แล้วเหมือนนิสัยเปลี่ยน

    แต่อ่านใน tag spoiled แล้วอยากลองอ่านต่อนะเนี่ย ไว้รอชาร์จพลังเพิ่มความอยากอ่านเยอะๆก่อนค่อยไปซื้อทีเดียวครับ 5555+ จะได้อ่านแบบยาวๆ จุใจ
  2. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ว่าแต่มีเรื่องไหนที่เข้าตาอีกบ้างมั้ยน่ะครับ รู้สึกอยากหาอ่านเพิ่มอยู่เหมือนกัน

    ผมเองเท่าที่อ่านตอนนี้ก็มีแค่นี้ล่ะ บางเรื่องเคยอ่านในเน็ตแล้วพอถึงจุดนึงเกิดไม่ชอบขึ้นมาก็พลอยไม่ได้ซื้ออ่านไปซะเฉยๆด้วย
  3. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    ผมว่าเรื่องที่ผมชอบ คุณ taleoftrue อ่านแล้วแหงๆ

    เรื่อง ราชาแห่งราชัน(แปลจากภาษาจีน) 11เล่มจบ ครึ่งแรกสนุกมาก ช่วงกลางๆ อ่านแล้วเริ่มง่วง แต่ช่วงท้ายๆ กลับมาสนุกใหม่อีกรอบ

    กะ 1/2prince เรื่องนี้ผมติดลงแดงสุดๆ แต่ฉบับแปลไทย ผมว่าแปลไม่ได้ความฮาจากคนเขียนสักครึ่ง =[]=!
    ถ้าอ่านอังกฤษได้ แนะนำให้เข้าไปอ่านที่แฟนๆ ฝรั่งเค้าแปลให้ดีกว่า อ่านแล้วหัวเราะตกเก้าอี้ไปไม่รู้กี่รอบ
    ฮานรกแตก แปลได้บรรยากาศของคนเขียนมาก http://www.princerevolution.org/halfprince-main/halfprince-chapterlist/
    นอกจาก 1/2prince ในเวปนั้นยังมีแปล The legend of sun knight ของคนเขียนคนเดียวกัน ไม่ใช่แนวออนไลน์ แต่แนะนำเลยครับ 55555+ ที่จริงเรื่องThe legend of sun knight ก็มีแปลไทย แล้วทำมาดีมากด้วย ผมอ่านทั้งบนเวปกะในหนังสือ คนแปลเก่งทั้งคู่เลย แปลออกมาฟีลตรงกันเป๊ะๆ

    pride online(ของคนไทย) ก็สนุก เป็นนิยายที่มีแต่บทพูด แทบไม่มีส่วนที่เป็นบรรยายเลย 555555555
    ที่จริงผมแอนตี้นิยายแบบไม่มีบทบรรยาย แต่เรื่องนี้ดันสนุก บทสู้มันส์สุด ลูกเล่นตอนบู๊เยอะดี
    เลยทำใจวางอคติลง แล้วคิดซะว่าอ่านการ์ตูนไม่มีภาพเอา
    ตอนนี้ออกมาหลายเล่ม เล่มหลังๆ เลยเริ่มมีช่วงน่าเบื่อบ้างช่วงสนุกบ้าง (เหมือนเป็นอะไรที่หนีไม่ค่อยพ้นกะนิยายเรื่องยาวทุกเรื่องเลย) แต่เล่ม1-4มันส์มากกกกกก
  4. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ราชาฯ, 1/2, LSK นี่ผมอ่านไปแล้วแฮะ 1/2 นี่พอเข้าใจอยู่เพราะผมเองก็อ่านมังกะ(แบบแปล eng) อยู่เหมือนกัน มุกบางจุดทางแปลไทยจะใช้ภาษากับสำนวนเล่นด้วยยากกว่า(หรืออาจจะเพราะชื่อตัวละครยกแบบต้นฉบับมาทั้งดุ้นก็ไม่รู้)

    ส่วน Pride จริงๆก็สนุกแต่ผมอ่านแค่ภาคแรกเพราะว่าพอจบภาคแรกเริม่รู้สึกว่ามันจะไม่ใช่เกมออนไลน์ยังไงชอบกลเลยไม่ได้อ่านต่อ >_<"

    แต่ถ้าชอบ LSK ผมว่าลองดูๆ Knight of Darkness อาจจะชอบก็ได้นะ บรรยากาศกับโทนเรื่องค่อนข้างคล้ายกันอยู่ (แต่คนแต่งคนละคนกันครับ)

    กลายเป็นว่าเรื่องที่อ่านค่อนข้างจะตรงกันเยอะแฮะ />_<
  5. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    อ้าว เจอแฟน Enter ซะแล้ว 55555

    ที่จริงผมว่าถ้าคนแปลเก่งๆ ก็น่าจะแปลไทยได้ฮานะ อย่างคนแปล LSK แปลเก่งมากเลย

    Knight of Darkness ผมไม่ค่อยชอบอะครับ TwT....แต่ซื้อแล้วเลยตั้งใจว่าสักวันต้องอ่านให้จบ....
    เวลายอดซื้อไม่ถึงโปรโมชั่นในงานหนังสือ ผมจะเอา KND ไปเติมให้ยอดมันถึงหวังของแถมจาก Enter :p

    งานหนังสือรอบก่อนซื้อเล่มล่าสุดไป คิดว่าสะสมจำนวนเล่มได้เยอะแล้ว เริ่มอ่านดีกว่า กลายเป็นว่าถึงเล่มสองก็เปิดอ่านต่อไม่ไหวแล้ว 555+
    เนื้อเรื่องคล้าย LSK แต่ผมรู้สึกว่าวิธีบรรยายของคนเขียนมันอ่านแล้วเหนื่อยๆ
    แถมยังจำหัวหน้ากองพันคนอื่นไม่ได้สักทีนอกจากมอทย่ากับลูเธอร์ ^^" คล้ายๆ หาจุดเด่นแต่ละคนมาจำไว้ในหัวไม่ได้

    เหมือนจะได้อ่านเรื่องเดียวกัน แต่ชอบไม่ตรงเรื่องกันเลยป่ะครับเนี่ย 5555

    ถ้าแนวแฟนตาซีคนไทย ผมชอบของคุณพัณณิตา ภูมิวัฒน์เขียนทุกเรื่องเลยครับ มีเรื่อง ผู้เสกทราย,ไมรอน, มาโอ แมวแห่งเมืองเวทมนตร์, ดราก้อนเดลิเวอร์รี่, เดอะสตอรี่เทลเลอร์, พณ แห่งกาลเวลา, เซรีญา(เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกเหนื่อยสุดจากทุกเรื่องของเค้า เพราะไม่มีฉากหยุดพักหายใจเลย 555)

    เรื่องไมรอน กับเดอะสตอรี่เทลเลอร์ผมอ่านแล้วร้องไห้ T-T ไม่ใช่ฉากเศร้าด้วยนะที่ร้อง

    ไม่รู้ทำไม แต่ละเรื่องถึงได้พิมพ์น้อย+หายาก แต่เห็นเล่มหลังๆ หันมาพิมพ์กับ enter น่าจะหาง่ายขึ้นเยอะ (ผมทำหายไปหลายเล่มแล้ว)
    ตอนนี้เลยซื้อเก็บใหม่ซะ เพราะชอบรูปเล่มของ Enter ทำสวยดี (มีโดจินหลังปกด้วย 555)
  6. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ของคุณพัณณิตา ภูมิวัฒน์ผมก็อ่านเหมือนกัน ที่ชอบสุดคือดรากอนเดลิเวอรี่ (ไมรอน, มาโอ กับสตอรี่เทลเลอร์ี่นี่ผมไม่ได้อ่านแฮะ)

    แต่ไม่รู้ทำไมดรากอนเดลิเวอรี่ถึงไม่ออกเล่มต่อซักทีก็ไม่รู้แฮะ ทั้งที่ใกล้จะจบแล้วแท้ๆ

    ส่วนตัวผมไม่ค่อยสนใจยอดของแถมเท่าไหร่ ถ้าไม่สนใจก็ไม่ได้ซื้ออ่านเลยแต่เพราะเรื่องที่อ่านมีหลายเรื่องอยู่ก็เลยพลอยได้ของมาไม่น้อยอยู่เหมือนกันน่ะฮะ (ค่าย enter นี่ไปงานหนังสือทีไรผมก็จ่อเข้าบูทนี้ก่อนเลยล่ะ เพราะขืนไปช้าคนเยอะแล้วจะซื้อลำบาก)

    อีกเรื่องในค่าย enter ที่ผมคิดว่าสนุกก็ Sunken Moon เห็นความซวยของนายถังข้าวแล้วตลกดี >_<
  7. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    ตอนที่ 5 (ยังคิดชื่อตอนไม่ออก​ มักง่ายเนอะ)

    “ที่นี่แหละ ฉันจำได้ ขายของจำพวกใช้ค้างคืนนอกเมือง”

    โทนี่หยุดยืนหน้าตึกหลังเล็ก วอลเปเปอร์บนกำแพงวาดรูปคนหลับอยู่ในถุงนอนกับสัตว์ประหลาดหลายตัวทำท่าตื่นกลัวกองไฟที่ถูกจุดไว้ข้างๆ ช่วงหลังคามีสีแดงสลับเขียวเหมือนอาคารอื่นๆบริเวณโซนตลาด ส่วนป้ายหน้าร้านเป็นภาพกระโจม บ่งบอกประเภทสินค้าชัดเจนดี

    ในนั้นวางของเล่นน่าสนใจไว้เยอะ และเพราะเริ่มมีเงินพอสมควรมิเชลเลยเลือกหยิบสนุกสนาน แต่เธอถูกเพื่อนห้ามโน่นนี่นิดหน่อย สุดท้ายจึงได้ซื้อแค่กระโจมหลังเล็ก ถุงนอน สเปรย์ป้องกันสัตว์ร้าย ชุดจุดไฟ ตะเกียง ไส้เทียนไข ทั้งหมดอย่างละสอง พวกเขาเดินต่อไปยังร้านใกล้ๆ มองหากล่องถนอมอาหารกับกระบอกน้ำเพิ่ม เรื่องรอบคอบแบบนี้โทนี่เป็นคนเสนอ เด็กชายเห็นว่าหากเดินทางหลายวันคงไม่พอ

    คนขายยังแนะอีกว่าควรซื้อเสบียงไว้ เพราะขืนไม่ใช่อาชีพพ่อครัวจะเสียเวลาปรุงมาก แถมยังให้ลองชิมคนละคำก่อนตัดสินใจ มิเชลเลือกมักกะโรนีไข่ ขนมปังหวาน และมันฝรั่งต้มของโปรดเป็นหลัก ส่วนโทนี่ซื้อเน้นไปทางข้าวหน้าใส่เครื่องหลายๆอย่าง พวกเขาแบ่งตักใส่กล่องถนอมอาหารจนครบ กะเอาว่าพอกินได้หกมื้อ

    โทนี่ลากเพื่อนสาวไปต่อร้านขายยา เขาเหมาน้ำยาฟื้นพลังทีเดียวหนึ่งร้อยขวดเล็กโดยที่ช่องเก็บของในเป้จุได้เพียงสามร้อย ส่วนเข็มขัดคาดเอวก็แค่แปดสิบช่อง มิเชลส่ายหน้าไม่เอาพอเด็กชายพยายามแบ่งให้ เธอยอมซื้อเฉพาะน้ำยาสี่สี แบบที่ช่วยล้มราชาหมาป่าคิเมร่าเท่านั้น

    พอมาดูเรื่องอาวุธ แบบเจ๋งๆราคาขายในร้านแพงลิบลิ่ว เด็กชายตุนน้ำยาฟื้นพลังเยอะเกินไป เงินจึงไม่พอ มิเชลพยายามให้ยืมเพราะเธอค่อนข้างพอใจกับกิ่งไม้ที่ตอนนี้ขยับขึ้นมาเป็นเลเวล7แล้ว พลังโจมตีทางกายภาพถือว่านำมีดมือใหม่เท่าตัว แต่ก็แค่มากกว่าดาบทหารโครงกระดูกในถ้ำภูเขาไฟสองคูหาของโทนี่เพียงสามสี่แต้ม

    โทนี่ยังคงอิดออด ปากบอกอยากพึ่งตัวเอง คราวนี้เลยโดนโวยใส่ หาว่าหากเขาใช้อาวุธห่วยๆ ก็ทำลำบากด้วยกันทั้งคู่อยู่ดี ยังไงพลังโจมตีมิเชลไม่มากพอซัดกับสัตว์อสูรเองคนเดียว เด็กชายจึงค่อยยอมรับฟัง แต่พอพูดจะขอยืมแบบติดดอกเบี้ย เพื่อนสาวจึงเซ็งระเบิด เธอเดินไปเลือกซื้อให้เองเดี๋ยวนั้นทันควัน

    นาทีที่เด็กชายรับหน้าไม้​เจ้าคนยืมตังค์ต้องรีบแจ้นไปซื้อลูกดอกตัดหน้าพอเพื่อนทำท่าเตรียมควักเงินจ่ายแทนอีก เธอรู้ว่าโทนี่อยากได้ดาบสวยๆ แต่นักธนูเท่ห์เหมือนกันนะ อย่างลาล่าไง! แถมไม่ต้องคอยเป็นห่วงด้วย พวกกองหลังยิ่งอยู่ห่างสัตว์อสูรมากเท่าไหร่ มิเชลจะยิ่งสู้อย่างสบายใจ ที่จริง..​ถ้าโทนี่เก่งเหมือนกลุ่มแพนด้าน้อยกับจั๊งค์ก็คงเลือกอาวุธระยะประชิดให้แล้ว

    ทีแรก เขาเลือกแบบห่วยสุดราคาอันละเหรียญมาเพียงร้อยดอก มิเชลจึงบอกให้ซื้อเพิ่ม เพราะนั่นเป็นปริมาณเท่ากับที่ลาล่าใช้พาเธอเก็บเลเวลแค่แป๊ปเดียวเท่านั้น ถ้าต้องลุยสามวันคงไม่พอแน่นอน ดีว่าคนขายมีแถมซองใส่ลูกดอกให้ฟรีเพราะเหมาของไว้เยอะ ประหยัดเงินไปอีกหน่อย

    “ลูกดอกทำไมมีหลายราคาจัง พลังโจมตีมันจะเยอะกว่ากันรึเปล่า”​เด็กชายตั้งข้อสงสัยกับเพื่อน อันถูกสุดทำจากไม้ ดูหักง่ายเมื่อเทียบกับลูกดอกโลหะ แต่ก็หนักกว่ากันเยอะ

    “มีลูกดอกเวทมนตร์ด้วย” เธอหยิบแบบที่ทำเป็นรูปทรงคดงอของไม้เท้าขึ้นมา “ไอ้แบบนี้มันจะพุ่งไปข้างหน้าได้รึเปล่าเนี่ย”

    “ช่างเถอะ มีเยอะเกินไป เอาแบบถูกสุดไว้ก่อนละกัน”​โทนี่ปิดประเด็นเอง เขาเลือกของได้แล้ว

    “คิดแบบนี้ไม่สมกับเป็นโทนี่เลยนะ ไม่คิดเผื่อไว้หน่อยเหรอ”

    “อืม...​ก็จริง แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ไม่ได้อยากใช้หน้าไม้เป็นหลัก เอาแค่นี้พอ”

    “เอ...​ไม่ถูกใจเหรอ งั้นมิเชลซื้อดาบเผื่อให้อีกเล่มละกัน” เธอแกล้งเดินไปใกล้โต๊ะจ่ายเงิน โทนี่รีบคว้าชายเสื้อเพื่อนไว้

    “ไม่..ไม่ต้อง...​อันนี้แหละดีแล้ว หน้าไม้อันนี้ฉันชอบมาก”

    *****************************

    ณ​ร้านขายอุปกรณ์ป้องกัน มิเชลเหม่อมองอยากได้ชุดกระโปรงของนักเวทสาว มันสวยน่ารักดี นับเป็นครั้งแรกที่รู้สึกไม่พอใจกับร่างชายหนุ่ม เธอพยายามหาทางแก้มนตร์ดอกไม้จงบานอยู่นานเพื่อกลับสู่ร่างเด็กน้อย โทนี่จึงเป็นฝ่ายสนุกบ้าง เขาแกล้งหยิบเสื้อผ้าผู้หญิงขึ้นมากวนเล่น

    ทั้งคู่เล่นกันจนลูกค้าคนอื่นรำคาญ​โดนอัปเปหิออกมาด้วยสายตา สรุปว่าไม่มีใครได้ชุดใหม่ แต่อย่างไรซะ พวกเขากลับมาถังแตกอีกครั้ง โทนี่ถลุงเงินจนหมดไปกับของจำเป็นต้องใช้ ส่วนมิเชลที่ตังค์เหลือเยอะกว่าด้วยไอเท็มจากบึงอสรพิษ ดันทำตัวเป็นอาเสี่ยใหญ่ ซื้ออาวุธสุดแพงให้เพื่อนเงินร่อยเหรอไปแล้ว

    “จะไปจากเมืองนี้กันแล้วนะ”​โทนี่ทักขึ้นพอเท้ามาหยุดอยู่นอกเมือง

    “ตะกี้ลืมบอกลาเจสสิก้าไปเลย คราวนี้เราไปไกลซะด้วยสิ” มิเชลร้อง นึกอยากกลับไปหาอีกรอบ “คิดว่าไปทวีปใหม่แล้วกลับมามืองนี้ใช้เวลานานรึเปล่า”

    “ไม่เป็นไรหรอก ก็บอกว่าไปเมืองท่า เธอคงรู้แหละว่าจะไปทวีปอื่น เราไม่ใช่ผู้เล่นกลุ่มเดียวที่คุยกับเธอสักหน่อย”

    “เหรอ นึกแบบนั้นแล้วเศร้านะ” เธอแสดงสีหน้าหม่น “แต่......ที่จริงก็คงปกติล่ะมั้ง เจสสิก้าเป็นพนักงาน มิเชลกับโทนี่คือลูกค้า”

    “มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วแหละ เขาบริการเราตามหน้าที่”

    “โทนี่! พูดจาใจร้ายจัง”

    “เรื่องปกติจะตาย” เด็กชายตอกย้ำความรู้สึกเพื่อน

    “ไม่เห็นจะปกติเลย ก็มัน...​อ๊า...! ไม่คุยด้วยแล้ว..!” เธอหาปัจจัยมาโต้แย้งไม่ได้จึงตัดบทหนีดื้อๆ

    พอเตรียมออกเดิน มิเชลหยุดยืนเฉย ปล่อยให้โทนี่เดินนำเพราะรู้ว่าเขาต้องคลำถูกทางแน่นอน และเธอก็ไม่ผิดหวัง เด็กชายก้มดูแผนที่แป๊ปๆ จากนั้นเงยมองทองฟ้า สังเกตุทิศทางของพระอาทิตย์รอบสายแล้วไปแบบมั่นใจ

    มีคนนำทางสบายจัง... มิเชลแอบนึกอยู่ในใจ..

    ทั้งสองเดินผ่านทุ่งหญ้าเป็นระยะทางไกลมาก พอถึงหน้าป่าต้นสนดงฟ้า มิเชลรีบขอหยุดนั่ง ก่อนจะหมดโอกาสได้พักแบบที่เจอมาในบึงอสรพิษ พวกเขาลงมือกินข้าวกัน แต่ท้องยังไม่ค่อยหิวเลยแทะๆกันไปเพียงครึ่งมื้อ

    บริเวณทางเข้า ไม่เห็นวี่แววต้นสนดังชื่อเรียกสักต้น มันกลับเต็มไปด้วยกอไผ่กับหน่อไม้สีน้ำตาลอ่อนขึ้นหนาทึบ ดูแล้วคล้ายกำแพงเขาวงกตที่ต้องฝ่าหาเส้นทางออก กองหินกรวดก็ระเกะระกะเรี่ยราดจนเดินยาก ก้าวขาครั้งหนึ่งจะเผลอเตะทิ้งสักก้อน หากมาพร้อมคนหมู่มาก งานนี้คงมีทำกระเด็นใส่เพื่อนร่วมทีมกันบ้าง กระทั่งเสียงนกร้อง ลักษณะเด่นประจำป่ายังแปลก มันเป็นโทนเสียงทุ้มต่ำแทนเสียงแหลมสูงใสกิ๊งตามปกติ แต่มิเชลรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินจากหนังบางเรื่อง

    ศึกแรกเปิดฉากด้วยฝูงกระรอกบินสามเนตร ตากลางหน้าผากเจ้าพวกนี้เป็นจุดรวมพลัง สามารถชาร์จมนตร์แล้วยิงทอร์นาโดลูกเล็กใส่ผู้เล่นได้ พวกมันคอยกระโดดร่อนอยู่ข้างบน ขาไม่ยอมแตะพื้น ทีแรกเธอตั้งใจหาทางเอาอาวุธฟาดศัตรูตามแบบที่ตนถนัด แต่โทนี่ทักให้ลองใช้ทักษะเพราะอุตส่าห์มีกิ่งไม้เลเวลเจ็ดในมือ มิเชลจึงเรียกน้ำออกมาต้านพายุ ปรากฏว่าประสบผล เวททั้งสองชนกันกลางอากาศแล้วหมดฤทธิ์ไป กลุ่มน้ำกระจายตกลงมาจนตัวเปียกคู่

    ถ้าใช้เวทจุดไฟ มันจะลงมาเป็นดอกไม้ไฟรึเปล่านะ.... มิเชลจินตนาการภาพเล่น

    ทว่า พวกมันต่างเฮโลพาพรรคพวกมาเสริมเรื่อยๆ เธอร่ายเวทขึ้นกั้นไม่ทัน และด้วยกำแพงต้นไผ่ระดับสี่เมตรเบียดล้อม กระทั่งจ้าวแห่งความเร็วอย่างมิเชลยังถูกลูกทอร์นาโดรุมอัดเอาเพราะขาดแคลนพื้นที่สำหรับใช้วิ่งหลบ เด็กสาวล้มกลิ้งหน้าคว่ำ มือกับเข่าพยายามยันพื้นลุกขึ้นยืนใหม่ แต่สักพักจะโดนกระแสลมผลักลงไปกองอีกรอบ

    "โอ๊ย เจ็บนะ... ถ้าสู้กันข้างนอกมิเชลไม่แพ้หรอก"

    โทนี่รักษาระยะห่างไกลจากจุดตะลุมบอนพอควร ในใจแอบนึกขอโทษเพื่อนสาวโทษฐานใช้เธอแทนเหยื่อล่อระหว่างประเมินสถานการณ์ เด็กชายพยายามยิงเก็บกระรอกทีละตัว แต่กำลังเสริมพวกมันเพิ่มมาเร็วกว่าปริมาณที่ฆ่าตาย ฝีมือหน้าไม้เขาก็ยังมั่วซั่ว เล็งโดนอยู่เพียงนิดเดียว และในสภาพโดนรุมอัดจนขยับลำบาก จะน้ำยาอะไรก็ไร้ประโยชน์ สรุปว่ามีแต่ต้องหนีเท่านั้น ยิ่งตอนนี้แทบมองไม่เห็นมิเชล เพราะฝูงสัตว์อสูรบินว่อนฉวัดเฉวียนบังวิสัยทัศน์

    เขาใช้น้ำยาฟื้นพลังเติมค่าเลือดให้มิเชลแล้วร้องเรียก แต่เด็กสาวกำลังย่ำแย่สุดขีด ความเร็วผิดมนุษย์ไม่ได้ช่วยให้เอาตัวรอดบนพื้นที่แคบ กำแพงวงกตต้นไผ่ขึ้นขวางเกะกะเป็นอุปสรรค พอเธอหาช่องว่างใช้หลบซ่อกแซ่กรอดออกมามักจะเจอทอร์นาโดจิ๋วเข้าซ้ำอีกหลายลูก พวกมันจำนวนเยอะจนสามารถสะสมพลังรอในตากลางหน้าผาก แล้วสลับเวรกันปล่อยก้อนลมหมุนโจมตีศัตรู

    เคราะห์กรรมซ้ำร้ายเมื่อมีชุดใหม่เข้ามาเสริม พญาฮูกยักษ์สีเขียวปรากฏกายพร้อมกรงเล็บใหญ่ ลักษณะเล็บคล้ายเนื้อทองเหลืองที่ใช้ทำแม่กุญแจ ปริศนาเสียงนกโทนทุ้มต่ำกระจ่างเมื่อพวกมันร้องเพลงประสานกึกก้อง มิเชลขาอ่อน ล้มหัวเข่ากระแทก นั่งคุดคู้ตัวงอ พยายามเอาแขนดันป้องกันหน้าทิ่มดิน คลื่นรบกวนทำให้ประสาทสัมผัสด้านชา ยืนทรงตัวลำบาก ถึงนิ้วกำยึดอาวุธไว้แน่น แต่เธอก็กลายเป็นเป้านิ่งให้เหล่ากระรอกสามเนตรรุมโจมตี ขนาดโทนี่อยู่ห่างๆ ยังรับผลกระทบไปนิดหน่อย เขาพยายามครองสติเพื่อเงื้อหน้าไม้เล็ง

    ทว่าเหล่าฮูกมีจำนวนน้อยกว่าฝูงกระรอกที่สุ่มยิงยังไงก็โดน แถมฝีมือการใช้หน้าไม้เขายังห่วยจนน่าร้องไห้ พอเล็งพลาด พวกมันสังเกตุเจอคนแอบซุ่มทันที โทนี่จึงได้ออกกำลังช่วงขา วิ่งหนีวนเป็นวงกลม มิเชลเห็นแล้วใจหาย เธอพยายามฝืนสะบัดส่วนของตัวเองให้หลุดเพื่อจะรีบไปช่วยเพื่อน เด็กสาวเรียกเวทจุดไฟขึ้นมากลางอากาศปะทะกับทอร์นาโดจิ๋ว สะเก็ดเพลิงกระเด็นตกตามรากไม้ แต่ไม่ถึงกับลุกไหม้เพราะกระแสลมแรง

    โทนี่หาจังหวะตั้งหน้าไม้เพื่อเล็งพญาฮูกไม่ได้เลย พวกมันทั้งอยู่ที่สูง รวดเร็ว และคอยโจมตีจากระยะไกลด้วยคลื่นเสียงป่วนประสาท แถมยังเรียกให้กระรอกบินรู้ตำแหน่งของเขาซะอีก เด็กชายเอาซองใส่ลูกดอกขึ้นต้านกระแสลมแล้ววิ่งต่อ

    กระรอกบินกลุ่มหนึ่งเริ่มโดดต่ำลงมาหาเด็กสาว พวกมันอ้าปากเตรียมลงเขี้ยว มิเชลหักตัวหลบ เธอฝืนความเจ็็บพุ่งตัวผ่านกระแสลม ตั้งใจไปช่วยเพื่อน ทว่า.... เมื่อผู้เล่นอ่อนแรง เหล่าสัตว์อสูรจะรีบตามซ้ำ เด็กสาวก้มตัวยกแขนป้องหัว ปลายเท้ากระโดดดึ๋งพยายามหนี แต่สายตาปักคาอยู่ที่โทนี่ เขากำลังวิ่งวน มือหยิบใช้น้ำยาฟื้นพลังรัวราวกับเททิ้ง

    พลันร่างบางปราดเปรียวโผล่พุ่งขึ้นกั้นระหว่างเด็กสาวกับสัตว์อสูร สตรีปริศนาใช้เพลงหมัดตอกเวทพายุกลับคืนไปหมด เส้นผมสีแสดปลิวสะพัดตามแรงลม นับเป็นครั้งแรกที่มิเชลเห็นผู้เล่นขยับตัวได้รวดเร็วขนาดนี้ เธอเชื่อว่าตัวเองไวกว่า แต่บุคคลตรงหน้าเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาด ดูเป็นมืออาชีพ หรือเรียกว่าคิดก่อนออกท่า

    หญิงผมสีแสดลึกลับคว้าแขนมิเชลกับโทนี่แล้ววิ่ง

    "หนีสิ" เธอบอกพวกเขา

    "หนี? ไม่ได้จะจัดการกับมันเหรอ" มิเชลแปลกใจ ในเมื่อสาวปริศนารับมือพวกมันได้ง่ายดายปานนั้น

    "จะสู้กับกระรอกทั้งป่ารึ" เธอถามกลับ

    สาวปริศนาเปิดช่องทางให้ทั้งคู่ เธอล้วงสนับมือขึ้นมาสวม แล้วคอยต้านพายุหมุนด้วยกำปั้น ระหว่างหนี มิเชลหันหลังกลับเพราะอยากช่วย แต่โดนเจ้าหล่อนว่าใส่ เธอบอกจงตั้งใจวิ่งต่อไปเถอะ

    มิเชลหายใจหอบแฮ่ก เธอหมดแรงจากการถูกรุมเลยไปได้ช้ากว่าโทนี่ เด็กชายฟื้นค่าเลือดให้แล้ว แต่น้ำยาช่วยคลายความเหนื่อยล้านั้นไม่มี พอพวกเขาออกมาพ้นเขตป่า จะกระรอกสามเนตรหรือพญาฮูกไม้ก็เลิกไล่ตาม เป็นอันว่าปลอดภัย ทั้งคู่นอนแผ่ลงกับพื้นโดยลืมเรื่องที่ต้องขอบคุณผู้ช่วยชีวิตเสียก่อน

    สาวหมัดมวยมีรูปร่างเล็ก ส่วนสูงมากกว่าโทนี่เพียงนิดเดียว เส้นผมสีแสดที่ตัดซอยไล่ระดับเป็นจุดเด่นสุดของเธอ เพราะด้านหน้าไว้ยาวลงมาถึงเนินอก แต่ช่วงหลังสั้นเพียงครึ่งคอ ด้านเสื้อผ้าสวมใส่ก็น่าดูไม่แพ้กัน ด้วยชุดกี่เพ้าสีน้ำเงินลายมังกรขลิบทอง กับกระโปรงสั้นแค่เข่าแต่ผ่าข้างขึ้นเกือบถึงขาอ่อน

    "อย่าเดินสะดุดตาให้มาก" สาวปริศนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เธอพูดโดยขยับแค่ปากแต่ใบหน้านิ่งสนิท "ปริมาณสัตว์อสูรที่นี่มหาศาล ถ้ามาด้วยจำนวนคนแค่นี้ก็ต้องทำตัวลีบที่สุด"

    "แต่.. ทางแคบขนาดนั้น จะเดินยังไงไม่ให้สะดุดตา" มิเชลแย้ง

    "ต้นไผ่ไม่ได้ขึ้นติดกันตลอดแนว คอยหาช่องเล็กๆ ลอดผ่านเอาสิ ทางเดินไว้สำหรับพวกที่กลุ่มใหญ่พอ"

    "คุณมาคนเดียวเลยเดินนอกทางเดินเหมือนกันใช่มั้ยครับ" โทนี่เอ่ยถาม

    "ค่ะ แต่หลงทางหลายวันจนน้ำยาฟื้นพลังใกล้หมด เลยต้องกลับเมือง"

    เด็กน้อยทั้งสองร้อง 'อ้าว' พร้อมกัน แล้วไหงคนหลงทางโผล่ออกมาถึงหน้าทางเข้าป่าได้ล่ะนั่น..? นักหมัดสาวเผยอยิ้มเล็กน้อยก่อนชักกลับมาเป็นสีหน้านิ่งอย่างเคย

    "พวกหน้าใหม่ชอบทำเอะอะแถวทางเข้า ก็เลยลองตามฝูงกระรอกมา.... ไม่คิดว่าจะโชคดีแบบนี้เหมือนกัน"

    "ถ้าอย่างนั้นเราไปด้วยกันมั้ยครับ" โทนี่รีบชวนทันที เธอดูมีข้อมูลพึ่งพาได้ ยังไงต้องดีกว่าไปตายพร้อมกับมิเชลเป็นไหนๆ

    "ไม่ค่ะ" เธอตอบปัดอย่างสุภาพ ทว่าไม่มีแม้แต่คำอ้างนุ่มนิ่มเพื่อรักษาน้ำใจ

    มิเชลมองขาหญิงสาวปริศนาค่อยๆก้าวจากไป สายตาเธอมองต่ำ ทำท่าเหมือนอาลัยอะไรอยู่ โทนี่รู้สึกถึงอารมณ์หดหู่ของเพื่อนจึงถามอย่างเป็นห่วง แต่คำตอบที่ได้รับคืนมาช่างน่าเขกหัวสิ้นดี

    "คิดว่าขามิเชลจะสวยแบบนั้นบ้างมั้ย" เธอทำตาละห้อย "...โทนี่อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ มิเชลจริงจังนะ! ขาเขาสวยจริงๆ!"

    ************************************

    หลังพักจนหายเหนื่อย พวกเขาเร่งเปิดประชุมด่วน พอเช็คน้ำยาฟื้นพลังพบว่าเหลือแค่หกสิบกว่าขวด มิเชลเริ่มนึกเสียใจ เธอไม่ได้ซื้อไว้สักนิดเพราะกลัวเปลืองช่องใส่ไอเท็ม โทนี่ถึงต้องแบ่งส่วนของตัวเองให้ เวลาแบบนี้ยังจะทำเพื่อนลำบากเข้าไปอีก

    ทั้งสองถกกันเรื่องกลับเมืองเพื่อเติมยาฟื้นพลัง ระหว่างเถียงมิเชลเอ่ยขอเวลานอก มือหยิบกิ่งไม้อาวุธคู่กายเขี่ยพื้นดิน วาดเป็นตัวกระรอกกับนกฮูก เธอร่างลักษณะพวกมัน พลางถามเช็คความถูกต้องจากทักษะการจำสุดโต่งของโทนี่ไปด้วย

    เด็กหญิงอยู่ในภวังครุ่นคิดเพียงครู่เดียว เธอก็กระแทกกิ่งไม้เลเวลเจ็ดลงกับพื้น ปากร้องโวยวายขึ้นมาเอง

    "คิดไม่ออก! เจ้าพวกนี้อยู่สูง มิเชลโจมตีมันยังไงก็ไม่ถึง!"

    "อย่างเธอก็รู้จักร่างภาพหาจุดอ่อนกับเขาด้วยเหรอ" โทนี่ยักคิ้ว "ซดยาฟื้นพลังมากไปรึเปล่า"

    "อย่ากวนกันแบบนี้สิ! โทนี่ก็ต้องคิดด้วย" เธอก้มลงเก็บอาวุธที่เพิ่งโยนทิ้ง "ใช้เวทจุดไฟเผาป่าซะดีมั้ย แล้วค่อยสาดน้ำดับไฟเอา"

    "จะว่าไป ทำไมตะกี้ไม่ลองใช้ไฟล่ะ"

    "มันมีระยะเวลาในการร่ายเวท ถ้าโดนโจมตีระหว่างกำลังเรียกใช้ก็ต้องเริ่มร่ายใหม่หมด ตอนนั้นมิเชลโดนรุมเจ็บจะตาย"

    คุยต่ออยู่นานสรุปว่ามิเชลกับโทนี่ระดมหัวคิดไม่ออก เลยจำต้องยึดถือคำแนะของสาวหมัดมวยปริศนาเมื่อครู่เป็นหลัก แม้ตัวเธอหลงทางจนต้องกลับเมืองไปเติมน้ำยาฟื้นพลัง แต่การเดินลัดเลาะตามดงไผ่ดูปลอดภัยกว่าบนถนนเส้นหลักจริงๆ

    ทั้งคู่เลือกเข้าป่าต้นสนดงฟ้าจากด้านข้าง โทนี่คอยเดินนำ ถือดาบทหารโครงกระดูกไว้ตัดสิ่งกีดขวางออก ส่วนมิเชลตามหลัง งวดนี้เธอแบ่งเอายาฟื้นพลังมาสิบขวด เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ตั้งตัวทัน เสียงกรอบแกรบจากการย่ำกองไม้ไผ่ดังคลอตลอดเส้นทาง

    โทนี่เอามือผลักกิ่งไผ่ที่ถูกตัดออกด้านข้าง เท้าก้าวข้ามหน่อไม้อ่อนสีเขียวน้ำตาล บางทีก็มีเผลอสะดุดเหยียบหน้าจิ้มดินกันคนละทีสองที มิเชลตามหลังโดยเว้นระยะห่างเท่าเดิมเรื่อยๆ เธอเมื่อยขานิดหน่อยแต่ทนได้ บึงอสรพิษเหนื่อยกว่านี้เยอะ

    ส่วนแก๊งสัตว์อสูรเลิกตอแยไปนานแล้ว น่าแปลกที่ขอเพียงหลบมานอกทางเดินปกติ เหล่ากระรอกบินสามเนตรก็มองไม่เห็นทั้งสอง พวกมันวิ่งกระโดดอยู่บนยอดไผ่ ห่างกันแค่หกเมตร แล้วถ้าถามถึงพญานกฮูก มิเชลคิดว่าคงหลับตามโพรงไม้สูงๆ จะบินลงมาเฉพาะเวลามีเสียงเรียกของฝูงกระรอกบินเท่านั้น

    "รู้สึกปลอดภัยจนแปลกๆ" มิเชลทักขณะกำลังเหยียบข้ามซากขอนไม้ใหญ่ โทนี่เพียงแสดงอาการเห็นด้วยแต่ยังลุยหน้าต่อไป

    คำว่าปลอดภัยจนน่ากังวลเป็นสิ่งที่ตรงกับสถานการณ์นี้มาก ทิวทัศน์เบื้องหน้าก็ซ้ำซาก มีแต่ต้นไผ่ หน่อไม้ ต้นไผ่ แล้วก็หน่อไม้! อ้อ... อาจจะแถมเศษซากกิ่งตายแห้งบนพื้นบ้าง แต่มิเชลยังคงมั่นใจในฝีมือการนำทางของเพื่อน อย่างน้อยเขาคงไม่พาวนมั่ว ด้วยสุดยอดทักษะการจำฉบับสัตว์ประหลาด

    ยิ่งลงลึก ฝูงกระรอกบินบนหัวชักบางตา มิเชลกำอาวุธในมือแน่นขึ้น เธอรู้สึกระแวงอยู่นานแล้ว หากสัตว์อสูรชุดแรกปริมาณน้อยลง ปกติจะแปลว่าเริ่มใกล้ถิ่นของตัวถัดไป การเดินทางคงไม่ได้ราบเรียบจนจบ เด็กสาวแปะมือดึงชายเสื้อเพื่อน ตั้งใจเกาะติด กลัวพลัดหลง

    "โทนี่ ป่านี่ใช้เวลาเดินสามสี่วันใช่มั้ย"

    "ทำไมเหรอ" เขาถามกลับโดยไม่หันมามอง ยังคงตั้งใจนำทางอยู่

    "ถ้าเกิดมีธุระต้องออกจากเกมส์ก่อนล่ะ จะทำยังไง"

    โทนี่หยุดเดิน ทำท่าคิดตาม

    “ไว้ค่อยคิดละกัน” คิดอย่างไรก็ไม่มีคำตอบ เขาจึงตอบตัดบทสั้นๆ ไป

    จู่ๆโทนี่ที่เดินนำก็ล้มคะมำ คนตามหลังสะดุดหัวปักรากไม้ตาม เธอเงยขึ้นแบบมึนๆ บนปลายเท้าของเด็กชายมีก้อนสีน้ำเงินกับเทา เขารีบผลักเพื่อนออก แล้วถอยโดยลากก้นไถอยู่กับพื้น ใบหน้าดูตื่นๆ ขาตะกายดันตัวไปข้างหลัง อารามตกใจทำมิเชลกรีดร้องเสียงสั่น

    กายไร้วิญญาณของผู้เล่นสวมชุดสีน้ำเงินอมเทานอนกองอยู่ ถึงแม้มันคือร่างในเกมส์ แต่ความอุ่น นิ่ม และบาดแผลดูสมจริงจนน่ากลัว มิเชลใช้เวลาสักพักกว่าจะชิน กลิ่นสนิมจากเลือดส่งออกมาจางๆ มีรอยกรีดตัดผ่าตั้งแต่ช่วงไหล่ยาวถึงท้อง ตามแขนขาก็ปรากฏอาการฟกช้ำเป็นดวง สักพัก ศพนั้นค่อยๆเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา

    เด็กตาบอดสองคนมองหน้ากัน กระทั่งโทนี่ผู้อ่อนประสบการณ์มองเห็นยังเข้าใจความหมายที่เพื่อนสื่อด้วยสายตา แถมยังใช้สายตาตัวเองตอบกลับได้ด้วย!

    มิเชลขยี้ตาเผื่อว่ามันช่วยลบภาพสยองในสมองทิ้ง เธอเคยดูแค่แบบสองมิติจากหนังของวิช่วลเวิร์ล แต่ระยะประชิดขนาดนี้ กลิ่นเลือด กับรอยแผลสุดจะสมจริงเล่นเอาขนลุกเกรียว ชวนนึกอยากบ่นให้พ่อฟังเหลือเกิน

    "เวลาตายในเกมส์.. จะเป็นแบบนั้นเหรอ" จังหวะหายใจโทนี่เริ่มกลับมาเป็นปกติ

    "น่ากลัว..." มิเชลหัวใจเต้นแรง เธอเผลอกลั้นหายใจเฮือกใหญ่ "แล้ว... โทนี่ไม่เคยเห็นภาพคนตาย กลัวได้ไง"

    "ถ้าเธอเจอคนตายตอนอยู่นอกเกมส์จะกลัวรึเปล่าล่ะ ทั้งที่มองไม่เห็นน่ะ"

    "อืม กลัวสิ"

    มิเชลเข้าใจความหมายที่โทนี่สื่อ พวกเขาเด็กตาบอด แม้มองไม่เห็น แต่ก็มีความกลัวเหมือนคนทั่วไปเพราะประสาทส่วนอื่นได้เข้ามาสวมบทบาทแทน การรับรู้ทางกลิ่น กายสัมผัส หรือนิ้วมือนั้นจะไวต่อสิ่งกระตุ้น แถมยังตอบสนองง่ายเกินปกติ

    พลัน โทนี่ที่ล้มทับบนตัวเธอลอยหายไปเฉยๆ... เรียกให้ถูกคือโดนคาบ เด็กสาวนั่งตาค้างอยู่สองวิก่อนไล่ตาม โจรลักพาตัวคือฝูงฮูกยักษ์ขนทอง พวกมันใช้เท้ากำเหยื่อ สะบัดปีกพาบินขึ้นฟ้า มิเชลรีบเอามือกอดปีนต้นไผ่ พยายามชะเง้อหาเพื่อน เขากำลังโดนปล่อยตกลงพื้น ดูเหมือนเป็นลักษณะการโจมตีอีกรูปแบบหนึ่ง

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!” เสียงโหวกเหวกของเหยื่อนกฮูกดังลั่นฟ้า โทนี่พยายามดิ้นสะบัดรบกวนการบิน เอาศอกกระทุ้งท้องสัตว์อสูรแรงๆ ส่วนเท้าเตะกวาดมั่ว

    เขาทำหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอกหล่นพื้นเรียบร้อย มือพยายามล้วงเอาดาบทหารโครงกระดูกออกมาอย่างทุลักทุเล กรงเล็บพญาฮูกจิกเข้าที่เนื้อหลังเลือดไหลซิบ มิเชลกลายเป็นฝ่ายต้องใช้น้ำยาฟื้นพลังช่วยเพื่อนบ้างแล้ว เธอลืมคิดไปด้วยซ้ำว่านี่คือการปีนต้นไม้ครั้งแรก ถึงแม้แค่ในโลกเกมส์ออนไลน์ก็ตาม

    เด็กชายเอาดาบปักตัวสัตว์อสูรเมื่อเห็นมันตั้งท่าจะปล่อยเขากระแทกพื้น พญาฮูกกรีดร้องพลางคลายกรงเล็บที่กำอยู่ออก ทว่า เขายังเกาะไว้โดยไม่ร่วง มือกำด้ามอาวุธแน่น คมเหล็กเย็นจมลึกลงใต้ขน มิเชลยืดขาเร่งตะกายปีนเมื่อเห็นว่าเพื่อนถูกพาบินห่างออกไปอีก

    พญาฮูกบินฉวัดเฉวียนเซซ้ายขวา บางทีก็กระแทกเข้ากับยอดไผ่ โทนี่ไม่กล้าปล่อยมือหรือดึงดาบออก เขาพยายามดันอาวุธแทงลึกลงไปอีก ส่งผลให้สัตว์อสูรกระตุกหนัก เสียงร้องโหยหวนลั่นสะเทือนแก้วหู

    ถ้าไม่ใช่เพราะสองแขนกำลังโอบยอดไผ่กลัวร่วง เธอคงเอานิ้วอุดหูแล้ว สงสารเพียงแต่โทนี่ที่ต้องฟังจ่อระยะประชิด ค่าพลังชีวิตเด็กชายลดฮวบ มิเชลรีบใช้ปากกัดเปิดขวดช่วยเติมเลือดให้ พญาฮูกเองก็เริ่มบินต่ำลงทุกที สัญญาณการโหม่งพื้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

    สักพักอะไรบางอย่างโฉบเข้ามาเกาะแกะบริเวณหัวมิเชล เธอมัวแต่สนใจเจ้าตัวที่จับเพื่อน ลืมดูว่ามีฝูงฮูกบินวนใกล้ๆเสียสนิท พวกมันหลบอยู่ด้านหลังต้นไผ่จึงไม่ทันสังเกตุ เด็กสาวคลายวงแขนข้างขวาจากเครื่องยึดเหนี่ยว เปลี่ยนไปกำอาวุธเตรียมสู้กลับ มิเชลเอากิ่งไม้เลเวลเจ็ดตวัดรอบ พลางจุดไฟเผาบรรดากระรอกที่แอบซุ่มรอโจมตีด้วย

    ยอดไผ่ไม่ปลอดภัยเหมือนบนพื้น กระรอกสามเนตรไหวตัวเมื่อถูกบุกรุกถิ่นอาศัย การขึ้นต้นไม้จึงให้ผลเสียมากกว่าดี มิเชลรูดมือไถลลงอย่างรวดเร็ว เธอได้แผลถลอกมานิดหน่อย แต่ใจยังนึกถึงเพื่อนผู้ลอยเคว้งบนฟ้า โทนี่โดนเบียดกระแทกเข้ากับต้นไม้พร้อมกับพญาฮูกหลายที และในครั้งที่หก เด็กชายจำต้องปล่อยดาบเพราะเจ็บแขน ตัวเขากำลังร่วง

    "โทนี่!!!"

    มิเชลพุ่งตัวหมายรับเพื่อน เธอรู้ว่าไม่ทัน จึงพยายามเรียกเวทสาดน้ำเข้าไปใต้ร่าง หวังช่วยชะลอแรงตก

    จู่ๆ เด็กชายทำสิ่งที่เธอไม่คาดคิด โทนี่หยิบมีดสั้นมือใหม่ขึ้นจับปักกลางลำต้นไผ่ ไถครูดลงมาเป็นทางตรง ความเร็วการตกถูกหน่วงให้ช้าขึ้น พอหล่นถึงพื้นจึงไม่ถึงกับตายคาที่ มิเชลรีบช่วยใช้น้ำยาฟื้นพลังอย่างรู้งาน

    "โทนี่!..โทนี่!" เธอกุลีกุจอเปิดฝาน้ำยาฟื้นพลัง

    "ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งสนใจฉัน เธอเติมซะจนพลังจะล้นหลอดแล้ว ดูพวกฮูกโน่นก่อน" เด็กชายส่งสายตามองขึ้นบน เล็งไปทางฝูงฮูกที่เตรียมบินร่อนต่ำ พวกมันเริ่มส่งเสียงร้องป่วนประสาทอีกครั้ง

    ฮูกตัวที่จับโทนี่เมื่อครู่ตกพื้นตายอยู่ไกลลิบ เด็กชายเหลือเพียงมีดสั้นห่วยๆ เพราะยกดาบทหารโครงกระดูกให้มันไปแล้ว แถมหน้าไม้ยังถูกเหวี่ยงหล่นอยู่ไหนไม่รู้ ตัวมิเชลก็พลังโจมตีเท่ามดกัด หากลุยคงแพ้คู่ พวกเขาได้แต่จับมือ ดึงแขนพากันวิ่ง

    "ไหนคนตะกี้ว่า...เดินนอก...เส้นทางแล้วมันจะไม่ยุ่งกะเราเนี่ย!" มิเชลโวย

    "คนเมื่อกี้หลง.. แฮ่ก...หลงทาง.. คงยังมา... มาไม่ถึง....แถวนี้" เด็กชายตอบเสียงหอบ เขาเตี้ยกว่าเลยโดนเธอลากซะขาลอยพื้น

    "โทนี่ช้า! เร็วกว่านี้หน่อยสิ!"

    "เร็วเท่าเธอ.. แฮ่ก.. ได้ที่ไหนเล่า!"

    มิเชลขึ้นนำ เธอร้อนใจโทนี่ที่ช้าจึงกระชากลากถูไปตลอดทาง ขณะวิ่งหนี เท้าเด็กชายข้างหนึ่งจะไม่แตะพื้นเสมอ เขารู้สึกเหมือนกำลังกระโดดเป็นกระต่ายขาเดียว มีกำลังแขนเพื่อนฉุดให้ตัวลอย พอเมื่อยค่อยหาจังหวะเปลี่ยนข้างลงน้ำหนัก ปากพยายามร้องทัดทานเพื่อนตัวแสบ

    “ช้าหน่อยเถอะ... ช้า...หน่อยยยย.... ได้โปรดดดด”

    ****************************

    “โอ๊ย!”

    “ว๊าย!”

    วิ่งได้แปปเดียวโทนี่ก็ขาพันจนล้ม มิเชลดึงมืออยู่เลยกลิ้งตาม พอพญาฮูกเห็นเป้าหมายหยุดนิ่ง พวกมันทิ้งดิ่งพสุธาตรงแหน่วลงมา เด็กสาวเอาสองเท้าสองแขนผลักเพื่อนไปข้างหน้า ส่วนตัวเองหลับตาปี๋ ทำใจรอรับการโจมตี

    “ว้ากกกกก”

    เสียงร้องของโทนี่ดังยาวแล้วขาดวูบ มิเชลถูกแรงกระแทกจากจะงอยปากสัตว์อสูรเอาจุกท้อง พอเธอมีโอกาสพักหายใจเพราะฝูงฮูกบินกลับขึ้นฟ้า เพื่อนก็หายตัวไปเสียแล้ว

    "โทนี่?" เธอเอามือซ้ายกุมท้อง ส่วนอีกข้างใช้ช่วยพยุงตัวคลาน ขาเร่งถีบตะกายเคลื่อนไปด้านหน้า มิเชลก้มมองบนพื้นที่เพื่อนจู่ๆ ก็อันตรธานหายแบบไม่บอกไม่กล่าว เมื่อกี้นกฮูกพุ่งใส่เธอคนเดียวนี่นา...?

    พอมองแล้วเห็นรูโบ๋วสีดำลึก ช่องขนาดพอดีตัวคน มีร่องรอยของเศษใบ้ไม้ใบหญ้าที่เคยกองสุมเหมือนกับดักกระจายอยู่โดยรอบ เดาได้ว่าโทนี่คงหล่นลงหลุมนี้ เธอเอามือแหย่ ควานแล้วเจอแต่ความว่างเปล่า ปลายนิ้วไม่สัมผัสถึงอะไร แถมด้วยฝูงพญาฮูกเตรียมร่อนโจมตีซ้ำระลอกสอง จึงต้องตัดสินใจกระโดดลงไป

    มิเชลรู้สึกถึงความหวิวอยู่ชั่วขณะ เมื่อเท้าแตะพื้น ด้วยระยะตกสูงลิบลิ่ว ขาเลยรับแรงกระแทกไม่ไหว ตัวหล่นลงไปกองพับกัน ค่าเลือดลดหายกึ่งหนึ่ง และก่อนได้ร้องโอดโอยเพราะความเจ็บ พลังชีวิตก็ถูกฟื้นเรียบร้อยแล้ว เธอค่อยๆพยุงกายขึ้นยืน มองเห็นหน้าเพื่อนกับบุคคลคุ้นเคยอีกสามคน นักบวชขาวตรงหน้าลดคฑาลง ท่าทางเขาจะเพิ่งร่ายเวทรักษาให้

    "จั๊งค์! เร-- อยู่นี่ได้ไง!" เธอย่อชื่อพี่น้องเรวินเรเชลเรียกควบ เหตุเพราะกำลังตกใจจนนึกคำต่อไปไม่ทัน

    "หวัดดี บังเอิญชะมัด ตอนนี้ไม่รู้จะพูดคำว่ายินดีที่ได้เจอกันอีกรอบได้รึเปล่า" โจรหนุ่มหัวฟ้ายิ้มแบบฝืนมุมปาก

    มิเชลส่งสายตาสงสัยหาโทนี่ แต่เพื่อนส่ายหน้า

    "ฉันหล่นลงมาก่อนสิบวินะ จะถามอะไรจากฉันเหรอ?"

    เด็กสาวเริ่มสอดส่ายมองรอบข้าง ทั้งห้าคนอยู่ในห้องปิดตายสี่ด้าน ผนังเป็นอิฐบล็อคสีแดง มีกองไฟลุกเป็นแสงสว่างหนึ่งเดียวกลางห้อง ข้างๆวางกระโจมเล็กสามหลัง แบบเดียวกับที่เธอซื้อจากร้านเด๊ะ บนพื้นปรากฏข้าวของวางเกลื่อนกลาด คาดว่าเป็นไอเท็มพวกจั๊งค์กับเรวิน เรเชล เธอเริ่มเข้าใจความกังวลผู้มาก่อน เพราะถึงเงยขึ้นดูเพดาน ก็ไม่เห็นทางเข้าออกหรือช่องประตูตรงไหน

    "ปิ๊งป่อง เราอยู่ในห้องปิดตายนะคร้าบบบ..." จั๊งเน้นคำพูดด้วยเสียงสูง "สามบวกสองได้ห้า คราวนี้ห้าหัว ช่วยๆ กันคิดหน่อยว่าออกจากที่นี่ยังไงดี เพราะไอ้คุณเรวินหงุดหงิดจนจะบึ้มห้องทิ้งแล้ว"

    "ตอนนี้ฉันไม่ขำด้วยนะ" นักบวชหนุ่มแทรกเสียงเย็น "ฉันรอฟังคนอื่นหาข่าวมาให้ไม่ไหวแล้ว ขอออกไปหาข้อมูลข้างนอกก่อน"

    เรวินมุดเข้ากระโจมหลังกลางแล้วหายยาว มิเชลถามจากจั๊งค์กับเรเชล เลยได้รู้ว่าเต๊นท์สำหรับพักแรมสามารถใช้เข้าออกเกมส์ด้วย ข้อสงสัยเรื่องวิธีออกเกมส์ระหว่างอยู่นอกเมืองจึงกระจ่าง ทั้งสามคนมาถึงห้องปิดตายก่อนพวกเขาสี่ชั่วโมง และกำลังปวดหัวเพราะที่นี่ไม่มีประตูสักบาน

    “เมื่อกี้พวกพี่เขาติดต่อเพื่อนคนอื่นแล้วครับ ทุกคนกำลังช่วยหาวิธี​พี่เรวินก็ออกเกมส์ไปหาวิธีเหมือนกัน” เรเชลอธิบายเหตุการณ์​“พวกเราคิดว่าเป็นบั๊ค แต่พอรายงานไป GM ที่เป็นผู้ดูแลเกมส์บอกว่าไม่ใช่”

    “ฉันว่าใช่ชัวร์​พวกนั้นพูดปัดความรับผิดชอบ แต่ที่จริงแอบแก้บั๊คอยู่แน่เลย” จั๊งค์เริ่มขึ้นเสียง “ปล่อยให้รอตั้งนานไม่บอกอะไรนี่มันไม่ไหวจริงๆนะ”

    “ไม่ใช่ว่ามีทางออกอื่นที่หาไม่เจอรึเปล่า?”​มิเชลถามบ้าง แต่เธอก็ไม่เห็นเจ้าทางออกที่ว่าอยู่ดี​“อย่างเช่นทางที่เราใช้เข้ามา?”

    “อันนั้นแทบจะพังเพดานหากันแล้ว แต่ไม่เจอ ขนาดรื้อกระเป๋าคุ้ยกันสุดๆ ยังไม่มีของอะไรใช้ออกนอกห้องนี่ได้เลย”​จั๊งค์โบ้ยหน้าใส่กองไอเท็มบนพื้น ถึงตรงนี้ มิเชลค่อยเห็นว่าข้าวของเกลื่อนกลาดทั้งหมดเป็นอาวุธสารพัดประเภท ทั้งสามคงรื้อดูจนหมดปัญญาไปต่อแล้วจริงๆ

    รู้สึกตัวอีกทีก็หันไปเจอโทนี่กำลังเดินลูบกำแพงคนเดียว ตั้งแต่เข้ามา เขายืนปลีกวิเวกเงียบกริบ ดูจะสนใจตัวห้องปิดตายเป็นหลัก ไม่มีอาการตื่นเต้นเพราะพบเจอเพื่อนใหม่แบบเธอนัก มิเชลในฐานะคู่หู เห็นแล้วจึงต้องช่วยกระตุ้นต่อมมนุษย์สัมพันธ์สักหน่อย

    "เรเชล จั๊งค์ คนนี้คือโทนี่ เพื่อนผมเอง" เธอลากคอเสื้อเพื่อนออกจากมุมห้อง "หัวฟ้าๆ ชื่อจั๊งค์ ตัวสูงๆ ชื่อเรเชล เป็นน้องชายของคนที่ออกเกมส์ไปหาข่าวเมื่อกี้"

    "ใช่คนที่นายนัดไว้จนต้องรีบกลับเมืองรึเปล่า" โจรหนุ่มยกนิ้วชี้หน้าถามห้วนๆ ไม่มีเศษเสี้ยวของความเกรงใจ เรเชลผู้มาด้วยกันถึงกับอายแทน เขาต้องรีบกดมือจั๊งค์ลง

    “ใช่แล้ว! อาชีพช่างทำกระดุม..เอ้ย...​ช่างฝีมือ” มิเชลแย่งพูดแทนเสร็จสรรพ เธอทำเพื่อนหมดโอกาสเปิดปากไปในตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ

    เรเชลเหล่มองผู้ชายตัวเล็กสุดอย่างโทนี่ด้วยแววตาพิลึก บางทีพวกเรา.... อาจจะอายุใกล้กันก็เป็นได้...เพราะผู้ชาย ไม่มีใครนิยมใช้ตัวละครเตี้ยกว่าความจริงนักหรอก ​เขาแอบยิ้มกริ่มฮึกเหิมอยู่ในใจ คาดหวังให้ได้เพื่อนวัยเดียวกันสักที คนอื่นที่เคยเล่นเกมส์ด้วยต่างรุ่นราวคราวเดียวกับพี่เรวินพี่จั๊งค์ทั้งนั้น ก่อนนี้เลยต้องใช้คำสุภาพตลอดเวลา

    “เราชื่อ...​เรเชล​ อาชีพนักดาบ โทนี่ นายเป็นช่างฝีมือสินะ”​ นานปีทีหน นักดาบหนุ่มน้อยร่างสูงเกินวัยจะลดความสุภาพในบทสนทนาหนึ่งระดับ จั๊งค์ถึงกับหมุนคอมามองแทบไม่ทัน

    “ใช่แล้ว”

    “เล่นยากนะอาชีพสายผลิตของ แต่นายอยู่กับพี่มิเชล คงสบายๆ อยู่แล้ว”

    มิเชลคอหมุนตามจั๊งค์​ ทำไม...โทนี่ถึงเป็นโทนี่ แล้วมิเชลกลายเป็นพี่มิเชลล่ะ!? อย่างน้อยมิเชลก็เกิดกลางปีนะ แต่โทนี่น่ะต้นปี แก่กว่าเห็นๆ!

    “สบายน้อยลงน่ะสิ...” โทนี่หวนนึกถึงหลายเรื่องที่ควรจะ ’สบาย’ แต่มิเชลทำให้โคตรลำบากกว่าเก่า

    “ใจร้าย ทั้งคู่เลย....”​ เธอโอดโอย มือล้วงสมุดบันทึกชื่อเพื่อน ใช้ระบบข้อความลับเขียนบ่นโทนี่สามสี่ประโยค แต่ถูกเมินพอเห็นชื่อคนส่ง เขาไม่ลังเลที่จะกดปิดเสียงกำไลทิ้ง

    เรเชลแม้เลือกเล่นตัวละครร่างสูงใหญ่ แต่เพิ่งสิบห้า โทนี่ก็สิบสาม นับว่าไม่ห่างกันนัก ส่วนมิเชลที่สิบสามเท่าโทนี่กลับถูกมองว่าแก่กว่า เพราะใช้ตัวละครหนุ่มแน่น บวกฝีมือกับความไวนรกแตก ดูแล้วเหมือนคนมากประสบการณ์เชิงเกมส์ต่อสู้ อีกอย่าง เขามองเห็นเธอเป็นพี่ชายสุดเท่ห์ในดวงใจไปแล้ว

    “ปล่อยเด็กสองคนคุยกันไปเถอะ พวกเรามาทางนี้ดีกว่า”​ จั๊งค์ดึงมิเชลออกจากวง “เรเชลมันดีใจ ปกติอยู่กับเพื่อนของฉันกับเรวินตลอดเลยไม่ค่อยเจอใครอายุใกล้ๆกัน”

    “เรเชลอายุเท่าไหร่เหรอ?”​ เธออยากรู้

    “สิบห้าย่างสิบหก แล้วน้องชายนายล่ะ”

    เรเชลอายุมากว่าตั้งสองสามปี ไม่วายยังใส่คำว่าพี่นำหน้าให้! เด็กสาวนึกบ่นในใจ เอ...​หรือเพราะเราดูพึ่งพาได้นะ? ต้องใช่แบบนั้นแน่ๆเลย... มิเชลคงดูเป็นผู้ใหญ่ แต่โทนี่น่ะเด็กสมวัย!...

    คิดเองเออเองได้ดังนี้ เธอก็เลิกติดใจสรรพนามเรียกของนักดาบหนุ่มโดยสิ้นเชิง

    “โทนี่อายุสิบสาม”​ มิเชลตอบจั๊งค์​ “แล้วโทนี่ก็ไม่ใช่น้องชายด้วย”

    “อ้าวเรอะ เห็นมาด้วยกัน”

    “ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ จะเข้าใจผิดอะไรไปบ้างไม่แปลกหรอก” มิเชลจับบ่าจั๊งค์ตีเสมอราวคนอายุเท่ากัน ในเมื่อเราดูมีมาดเป็นผู้ใหญ่งั้นเนียนไปคงไม่ผิดเนอะ...​ ของแบบนี้ไม่ขึ้นกับวัยวุฒิ จั๊งค์ต้องเห็นเราโตกว่าแหงๆ เลยเข้าใจว่าโทนี่เป็นน้องชายไปซะได้

    ซึ่งตัวเธอเองนั่นแหละ ที่เข้าใจผิดแบบกู่ไม่กลับ....

    จั๊งค์เริ่มชวนคุยสัพเพเหระ สักพักพาลากเข้าเรื่องสาวๆ โจรหนุ่มบ่นว่าเกมส์นี้แห้งแล้งมากไปแล้ว ทำซะสมจริงจนผู้หญิงไม่กล้าเล่น ขนาดลดความเจ็บปวดในเกมส์เหลือเพียงหนึ่งต่อสิบ พวกคุณเธอยังกลัวได้กลัวดี ชายอกสามศอกอย่างเขาเลยต้องอดอยากปากแห้ง จะเดินทางไหน หรือฝึกเลเวลหนแห่งใดก็เจอแต่ตัวผู้กับคนมีแฟน แบบนี้ขัดแย้งหลักความสวยงามอันแท้จริงหมด

    เธอกำลังจะเสนอชื่อลาล่า เอลฟ์สาวนักธนูผมเขียว แต่นึกทันว่ามีแฟนแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นเจสสิก้าแทน จั๊งค์ตอบรับด้วยการส่ายหัว ทำเสียงจุ๊ปาก

    “NPC เป็นข้อยกเว้น เพราะNPCคือคนของประชาชน เธอต้องมอบความรักที่มีแก่ผู้เล่นชายทุกคน เวลาพวกเธอเปลี่ยนกะทำงาน ดีไม่ดีตัวคนเล่นข้างในก็เปลี่ยนไปด้วย”

    “แต่จั๊งค์แค่เอาไว้ดูเท่านั้นไม่ใช่เหรอ”

    “นายนี่ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ ของแบบนี้อยู่ที่ความรู้สึก! คิดตามดูนะ... ถ้าเกิดว่าพนักงานที่เล่นตัวละครเจสสิก้าลาออก ทีนี้บริษัทเกมส์รับคนใหม่มาทำหน้าที่แทน พอนายไปคุยก็ไม่ใช่เจสสิก้าคนเดิม...​นายจะทำยังไง!?” จั๊งค์ขึ้นเสียงดัง ทำมือไม้ประกอบบทสนทนา

    “ก็เสียใจ”

    “ใช่! แล้วถ้าคุณเธอยิ้ม หรือเล่นหูเล่นตาให้นาย จากนั้นก็ทำแบบเดียวกันกับคนอื่น นายจะยังเห็นรอยยิ้มนั้นมีค่าเท่ากับยิ้มที่ให้ผู้ชายคนเดียวได้รึเปล่าล่ะ!?”

    “อืม..น้อยกว่า”

    “ใช่เลย! แบบนั้นแหละ มิเชล นายเริ่มเข้าใจวิถีจีบสาวในเกมส์ขึ้นมาแล้วสินะ”

    “คนเล่นเจสสิก้าลาออกแล้วยิ้มคือวิถีจีบสาว?” เธอเอาคำถามของจั๊งค์มาผสมกัน แล้วทำให้ตัวเองงงหนักกว่าเดิม

    “โอ๊ยย...​ไม่ๆๆ นายยังไม่เข้าใจ เสียชาติเกิดเป็นผู้ชายจริงๆ...​มาๆ ฉันจะสอนให้เอง” เขาเอาแขนโอบคอมิเชล ดึงหูเข้ามาใกล้ “ฟังนะ เวลานายเจอสาวแปลกหน้า คำแรกที่ต้องพูดคือ....”

    กลายเป็นว่าในห้องเกิดการจับกลุ่มสนทนาแยกเป็นสองฝั่ง คู่โทนี่เรเชลคุยเรื่องความโหดของพญาฮูก นักดาบหนุ่มน้อยเล่าว่าตนถูกมันไล่จนตกลงมาในห้องนี้เหมือนกัน​ และพอรู้ว่าอีกฝ่ายทำอาวุธหล่นหาย จึงยื่นดาบที่ดีกว่ามีดสั้นห่วยๆให้ฟรี

    ส่วนมิเชลกำลังเรียนรู้วิถีแห่งชายหนุ่มจากจั๊งค์ โจรหนุ่มสรรหาประโยคสุดน้ำเน่า ตกยุค และทุกอย่างที่ฟังดูแสนประหลาดยกมาให้จำ เธอตั้งท่าค้าน ขนาดฟังเองยังขนลุก ประสาอะไรกับผู้หญิงแปลกหน้า แต่เขานั่งยันนอนยันเอาคางยันว่าแบบนี้แหละ สาวๆชอบนัก ถึงปากบอกไม่ก็ห้ามเชื่อ ใจคิดอย่างพูดอย่างแน่นอน

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทักษะจ้อน้ำไหลไฟดับหรืออะไร มิเชลฟังไปก็ชักสะกดจิตตัวเองให้เชื่อตาม คำพูดสุดเชยเริ่มดูดีขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งมุขเฉิ่มเมื่อห้าสิบปีที่แล้วยังน่าจำไปใช้ต่อ ผู้เผยแพร่วิชาอย่างจั๊งค์จึงยิ่งได้ใจ ยกแม่น้ำห้าสายลากทุกเรื่องมายำแบบไม่จบไม่สิ้น

    กองทัพแมงโม้บินว่อน ดูเหมือนไม่เฉพาะผู้หญิงเท่านั้นที่ช่างเจรจา ทั้งสี่คุยกันออกรสติดลม ต่างคนต่างลืมว่าโดนขังอยู่ในห้องปิดตาย ณ เวลานี้ จั๊งค์เริ่มให้มิเชลกราบคำนับเป็นท่านอาจารย์ผู้รอบรู้วิถีชายหนุ่มแล้ว เธออิดออดตอนแรกแต่สุดท้ายยอมเพราะอารมณ์พาไป ฝั่งเรเชลกำลังสอนโทนี่ใช้ดาบ เขาบอกหลักการวางมือจับที่ถูกต้อง นอกนั้นก็ถกแต่เรื่องดีมีสาระ เทียบกับคู่แรก สรุปได้ว่าค่าเฉลี่ยอายุไม่ช่วยอะไรแน่นอน

    เธอไม่รู้ว่าคุยกันนานแค่ไหนแล้ว แต่พอจั๊งค์กำลังจะเข้าหัวข้อมัดใจสาวขี้อาย เสียงเตือนอันแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นอีก..​ มิเชลก้มมองกำไล เข็มชี้บอกเวลาห้าทุ่ม....​ จากนั้นจ้องตาโทนี่ เพราะเวลาเส้นตายของแม่เขาคือสามทุ่มครึ่ง

    โทนี่ร้องลั่น กุลีกุจอกางกระโจมแล้วบอกลาทุกคนอย่างเร่งด่วนที่สุด เรเชลนึกเสียดาย เขากำลังสอนวิธีสู้กับศัตรูบนฟ้าค้างไว้อยู่ หากกลับมาเล่นต่อพรุ่งนี้ คงต่อให้ติดจากของเดิมลำบากเพราะไม่เข้าใจหลักการจริงๆ และคงเหมือนเริ่มใหม่เกือบทั้งหมด

    มิเชลต้องออกจากเกมส์ด้วยเหมือนกัน แต่เธอไม่ได้รีบขนาดโทนี่ จึงเลือกที่จะพูดคุยต่ออีกสักพัก

    “จั๊งค์กับเรเชลจะเลิกเล่นเมื่อไหร่?”

    “ไม่รู้สิ รอเรวินมันกลับมาก่อนค่อยว่ากัน ปกติฉันนอนหลังเที่ยงคืน แต่ติดอยู่ในนี้แล้วไม่มีอารมณ์อยากเล่นต่อเลย”

    “ผมตามพี่เรวินให้มั้ย?” เรเชลเสนอตัว ทั้งคู่อยู่บ้านเดียวกันเพราะเป็นพี่น้อง

    “ก็ดี ช่วยเช็คหน่อยว่ามันแอบหลับไปก่อนรึยัง”

    “งั้นไปล่ะนะ ได้เวลาต้องไปแล้วเหมือนกัน” เธอเปิดกระโจมขึ้น ก้มหัวเดินเข้า ข้างในไม่มีอะไรนอกจากด้ายสีขาวเส้นบาง พอเอานิ้วดึง ความรู้สึกของน้ำหนักร่างกายกลับมาอีกครั้ง ตัวกำลังนอนจมอยู่บนเตียงอุ่นนุ่ม

    มิเชลกำลังสบายจึงไม่อยากลุก เธอดึงหมอนข้างเข้ามากอด แต่จู่ๆเจอสิ่งแปลกปลอมเกะกะสวมอยู่บนข้อมือ คลำแล้วจึงรู้ว่าเป็นกำไลสำหรับฝากข้อความยามนอนหลับ พ่อจะเขียนอักษรเบรลใส่กระดาษ จากนั้นหนีบติดกับกำไล ตื่นเมื่อไหร่ก็ได้อ่านพอดี

    ลงจากเตียงระวังๆหน่อย เพราะข้างเตียงพ่อวางโต๊ะกับข้าวเย็นเอาไว้​จะเล่นเกมส์ไม่เป็นไร แต่ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา ไม่ใช่เล่นหักโหมแบบนี้

    เสียงท้องประท้วงดังพออ่านถึงคำว่าข้าวเย็น เธอเข้าเกมส์ตั้งแต่บ่ายสาม ตอนนี้ห้าทุ่ม เท่ากับว่าเล่นมาราธอนติดกันถึงแปดชั่วโมง ช่วงเวลาในนั้นมันช่างเย้ายวน... ชวนให้ลืมโลกภายนอกหมดสิ้น กระทั่งคนรอบคอบอย่างโทนี่ยังถูกเสน่ห์ของมันล่อลวงจนเกินเวลานอนสองวันติดแล้ว

    เด็กหญิงรู้สึกผิด พ่อคงห่วงกลัวลูกหิว แต่ความรู้สึกผิดนั้น...ไม่ทำให้ตนแน่ใจว่าพรุ่งนี้จะสามารถคุมเวลาเล่นได้เลย อารมณ์เพลิดเพลินขณะอยู่ในเกมส์​ รูปและเสียงที่โลกจริงให้ไม่ได้ แม้มีคำว่าลำบากแทรก แต่ทุกอย่างแฝงด้วยความสนุก ตื่นเต้น น่าค้นหา เพื่อนใหม่เองก็เป็นปัจจัยหลักอีกตัวหนึ่ง มิเชลชอบลาล่า เจสสิก้า จั๊งค์ เธออยากสนิทกับอิลแฟนของลาล่า คู่พี่น้องเรเชลเรวิน และแพนด้าน้อยมากกว่านี้ รวมไปถึงสาวปริศนาชุดจีนที่เจอกันเพียงครู่เดียวด้วย

    มิเชลยื่นมือคลำหาโต๊ะกินข้าว เธอลงมือจัดการจนเกลี้ยง อิ่มแล้วอาบน้ำนอน ในหัวนึกขอให้วันพรุ่งนี้มาถึงเร็วกว่าเดิม
  8. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    taleoftrue

    ผมเคยอ่านที่คนเขียนเขาพิมพ์ไว้บนเวปน่ะว่า ตอนแรกเค้าพยายามเขียนเพื่อเร่งให้มันทันงานหนังสือ แล้วหลังจากนั้นพบว่าเขียนได้ไ่ม่ดี เลยตั้งใจจะเขียนตามสปีดตัวเอง ซึ่งมันคงออกมาช้าหน่อย เพราะบางทีก็เห็นคนเขียน เถลไถลไปเขียนเรื่องอื่นบ้าง ^^" ปกติเห็นคนเขียนคนนี้เป็นสไตล์ที่เขียนช้าอยู่แล้ว

    มีนิยายเรื่องนึงที่ผมตามเค้าบนเวปมาตั้งแต่ม.4-5 ได้อ่านตอนจบ ปี3-4โน่น==" ตอนที่ผมเริ่มอ่านช่วงม.4-5 ก็เขียนใกล้จบเล่มแล้วด้วยนะ แต่ลากยาวมานานมากกกกกก

    TALK

    อ่านตอนที่ห้าจบ หรือยังไม่จบไม่เป็นไรครับ อยากขอความคิดเห็นว่าเนื้อเรื่องดูจืดชืดรึเปล่า? น่าเบื่อไปมั้ย?
    เพราะตามโครงเรื่องที่ผมกะๆ ไว้ กว่าจะpeak ต้องตอนที่เจ็ดโน่นT^T ห้าหกตอนแรกมีไว้แนะนำตัวละคร แต่กลัวไม่มีจุดหัก จุดตื่นเต้นอะไรที่จะดึงดูดให้อ่านไปยาวๆ ได้

    กำลังคิดจะย้อนไปรีไรท์เนื้อเรื่องใหม่ เพราะบกส่วนตัว(น้องสาว)บอกว่าเรื่องมันจืด เลยอยากถามคนที่ได้อ่านว่าเนื้อเรื่องมีแรงจูงใจให้อ่านต่อไปเรื่อยๆ รึเปล่า หรือว่าเอื่อยไป =[]=

    ตอนที่1-2 ยังไงผมต้องแก้แน่นอนเพราะขนาดเขียนเองยังไม่ชอบอยู่หลายฉากเฉยเลย^^!
    (ตอนที่สองจบที่เจอโทนี่ในเกมส์ครั้งแรก)

    แต่ตอนที่3-5 ผมค่อนข้างชอบสามตอนนี้ เลยดูเองไม่ค่อยออกเพราะถึงออกมาเนื้อเรื่องจืดๆ ผมก็จะหลอกตัวเองอยู่ดี TvTa (ตอนที่สามเริ่มที่เข้าเมืองตายายไปรับภารกิจ)

    สำนวนในช่วงท้ายตอนที่ห้าคงมีติดขัดบ้างเพราะเพิ่งพิมพ์เสร็จร้อนๆ ^^"
    เวลาพิมพ์เสร็จใหม่ๆ จะไม่เคยมองเห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง ต้องดองทิ้งสักสองวันให้กลิ่นออกก่อน =.=

    ปล.ขอบคุณสตาฟล่วงหน้า เพราะรู้ว่าเดี๋ยวจะมาอัพเดทหัวกระทู้ให้ 55555
  9. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    คิดว่าสำนวนออกไปทางอธิบายมากไปหน่อยมันเลยดูจืดๆไม่ชวนให้ตื่นเต้นกับสถานการณ์ซักเท่าไหร่น่ะฮะ ส่วนเนื้อหาหรืออีเวนท์ในเกมก็ยังเรียบๆไม่ค่อยมีอะไรดึงให้คนอ่านถึงกับติดตามจดจ่อซักเท่าไหร่ จริงๆแล้วช่วงตอนที่ 1-2 มีพล็อตที่ชวนให้น่าติดตามต่อพอดูแต่พอ 3-4 เริ่มออกมาเรียบๆไปบ้างเพราะงั้นช่วงตอน 5 ก็น่าจะดึงพล็อตที่ทำให้คนอ่านสนใจว่าจะเป็นยังไงต่อออกมาบ้างน่ะฮะ

    ชักอยากรู้ว่ามิเชลจะได้เจอกับเจ้าชายของเธอในเกมมั้ยหนอ
  10. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    เมื่อเจ้าของเรื่องออกปากขอคอมเมนต์ ผมก็จะคอมเมนต์ให้เช่นกัน

    ซึ่งปกติแล้วผมไม่กล้าปากดีคอมเมนต์ผลงานของใครเท่าไร เพราะตัวผมเองก็ไม่ได้เก่งกาจมากมายขนาดจะไปติผลงานของใครได้แถมผลงานของตัวเองก็ไม่ใช่จะดีเด่อะไรมากนัก

    บางทีคอมเมนต์ของผมอาจจะรุนแรงไปบ้างก็ต้องขออภัยเจ้าของผลงานไว้ตรงนี้ด้วยครับ




    - สำนวน -

    จริงๆแล้วที่ผ่านมาตั้งใจจะไม่คอมเมนต์ส่วนสำนวนเพราะมันเป็นลักษณะเฉพาะของคนเขียน เหมือนคนชอบหวานชอบเปรี้ยวต่างกัน

    แต่ผมรู้สึกแปลกกับสำนวนในหลายๆจังหวะที่ให้ความรู้สึกว่าเยิ่นเย้อเกินจำเป็นไปบ้าง โดยเฉพาะในตอนที่ 5 นี้

    ขอยกตัวอย่างนะครับ


    กระรอกบินสามเนตร

    ใช้กระรอกบินสามตาธรรมดาๆดีกว่าครับ สามเนตรระดับภาษากระโดดไปมากเลย



    มิเชลจึงเรียกน้ำออกมาต้านพายุ ปรากฏว่าประสบผล เวททั้งสองชนกันกลางอากาศแล้วหมดฤทธิ์ไป

    ลองเปลี่ยนเป็น

    มิเชลจึงเรียกเวทน้ำออกมาต้านพายุซึ่งได้ผล เวททั้งสองปะทะกันแล้วสูญสลายไป

    คำว่า ประสบผล มันทำให้ภาษาแปร่งไปพอสมควร


    พญาฮูกยักษ์สีเขียวปรากฏกายพร้อมกรงเล็บใหญ่ ลักษณะเล็บคล้ายเนื้อทองเหลืองที่ใช้ทำแม่กุญแจ

    ตรงนี้คือจุดที่ผมอ่านแล้วสะดุดที่สุดเลยครับ เปรียบเทียบกรงเล็บกับเนื้อทองเหลืองยังไม่เท่าไร แต่พออธิบายเพิ่มว่าเป็นทองเหลืองที่ใช้ทำแม่กุญแจมันเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ไม่จำเป็นไป ลองเปลี่ยนเป็นแบบนี้ดูนะครับ

    พญานกฮูกยักษ์สีเขียวปรากฏตัวขึ้นพร้อมกรงเล็บใหญ่สีทองเหลืองแหลมคมดุจโลหะ


    ถึงแม้มันคือร่างในเกมส์ แต่ความอุ่น นิ่ม และบาดแผลดูสมจริงจนน่ากลัว มิเชลใช้เวลาสักพักกว่าจะชิน กลิ่นสนิมจากเลือดส่งออกมาจางๆ

    ตรงนี้เป็นอีกจุดที่สะดุดมาก ปกติแล้วเลือดอาจจะมีรสฝาดเหมือนเราลองเลียเหล็กก็จริง แต่เลือดกลิ่นสนิมนี่ออกจะเกินความรับรู้ของผมไปบ้าง ควรจะใช้กลิ่นคาวเลือดมากกว่าครับ
    อีกอย่าง ถ้าศพยังใหม่มากกลิ่นเลือดก็ยังไม่น่าจะมีเช่นกันครับ แต่ถ้าศพนั้นตายมานานเราก็จะได้กลิ่นเนื้อเน่าแทน


    อีกจุดหนึ่งที่สงสัยเหลือเกิน

    ชุดกี่เพ้าสีน้ำเงินลายมังกรขลิบทอง กับกระโปรงสั้นแค่เข่าแต่ผ่าข้างขึ้นเกือบถึงขาอ่อน

    ปกติแล้ว ชุดกี่เพ้ามันเป็นชุดกระโปรงตัวเดียวอยู่แล้วนี่ครับ ? หรือว่าเป็นเสื้อสไตล์กี่เพ้ากับกระโปรงสั้น ?
    แอบงงเล็กน้อย




    - ฉากการต่อสู้ -

    จริงแล้วผมรู้สึกมาตั้งแต่ตอนอ่านฉากสู้กับบอสหมาป่าในถ้ำแล้วครับ ผมว่ามันยาวมากจนดูเหมือนยืด

    ผมพอจะทราบความตั้งใจของคนเขียนที่สื่อออกมาผ่านตัวอักษรว่าอยากให้มันดูตื่นเต้น มีจุดหักเหระหว่างการต่อสู้ไม่ให้มันเรียบง่ายไป

    แต่ถ้าภาษาสั้นและกระชับกว่านี้อีกสักนิดให้สมกับเป็นเกมส์ RPG อาจจะช่วยให้จังหวะในการต่อสู้น่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นก็ได้ครับ


    อีกจุดหนึ่งที่รู้สึกแปลกคือฉากสู้กับกระรอกบินและนกฮูก

    ** ก่อนจะเจอสาวกี่เพ้าปริศนา กระรอกบินผลัดกันโฉบและใช้เวทลม นกฮูกใช้คลื่นเสียงโจมตีก่อนแล้วค่อยโฉบโจมตี

    ** แต่พอหลังจากสาวปริศนาจากไป พวกตัวเอกเดินเลาะป่าไผ่ไปเจอศพ

    ฉากที่โทนี่ถูกคาบไปออกจะไม่สมเหตุสมผล เพราะอย่างที่กล่าวไว้ด้านบน นกฮูกโจมตีด้วยคลื่นเสียงก่อนแล้วค่อยโจมตี อีกอย่างคือนกฮูกไม่ใช่เหยี่ยวหรืออินทรีย์ที่โฉบลงมาแบบไร้สุ้มเสียง และคราวนี้ก็ไม่ได้มาตัวเดียวแต่มาเป็นฝูง ควรจะเป็นอีเวนท์ที่นั่งคุยกันเรื่องศพแล้วเสียงแหลมสูงของนกฮูกดังใกล้เข้ามา ทั้งสองคนวิ่งหนีแล้วโทนี่โดนตะครุบขึ้นไปยังพอจะเข้าท่าครับ

    และกริยา 'โดนคาบ' ก็ผิดลักษณะการล่าเหยื่อของนกฮูกพอสมควร

    ** ป่าไผ่ครับ... ปกติแล้วทั้งกระรอกบินและนกฮูกไม่อาศัยอยู่ในป่าไผ่แน่นอน ถ้าออกแบบสถานที่เป็นป่าเบญจพรรณตั้งแต่แรกคงดีกว่านี้



    - การดำเนินเรื่อง -

    ในตอนหนึ่ง ผมคิดว่ามันมี event เยอะไปครับ กลิ่นควันจากเหตุการณ์หนึ่งยังไม่ทันจางหายก็เจอกับอีกเหตุการณ์แล้ว

    ทำให้อารมณ์ในแต่ละตอนไม่ต่อเนื่องกันครับ



    ทั้งหมดนี้เป็นจุดสังเกตของผมเท่านั้น ที่เหลือก็แล้วแต่ผู้เขียนแล้วว่าเห็นด้วยมากน้อยเพียงใดครับ

    ปล. แก้หัวกระทู้ให้แล้วครับ เหลือแต่ชื่อตอน (ฮา)




    ด้วยจิตคารวะ

    Azemag A.C. McDowell
  11. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    อ่ะ แก้ตอนที่ห้าด้วยดีกว่างานนี้ =w= ขอบคุณที่ช่วยทักครับ พอโดนทักแล้วเหมือนม่านบังตาที่หลอกตัวเองหลุดออก

    เรื่องนี้ถ้ามีบทรักๆใคร่ๆของนางเอกโผล่มา ผมกะเอาใสสุดๆ เพราะมันยังเด็ก 55555

    ปล.เพิ่งเห็นโพสล่าสุด ขอตัวไล่อ่านแปปนึงก่อนนะครับ ยาวๆ ชอบครับ>.<

    Edit อ่านจบแล้ว

    อ่านจบแล้ว โอ้วววว ขอบคุณมากครับ ยาวดี ชอบเวลาคนพิมพ์ติ จะได้รู้ว่าอะไรที่มันขาดๆ เกินๆ xD


    ที่จริงผมว่าเอาแค่ความรู้สึกตอนกำลังอ่านเนี่ยแหละครับว่าอ่านแล้วรู้สึกยังไงก็พอแล้ว :D เหมือนที่นักอ่านอย่างเราๆ ยังบ่นเวลาอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์เลย

    เพียงแต่ถ้าคนคอมเม้นท์ก็เขียนเหมือนกัน นอกจากบอกว่าชอบไม่ชอบ จะช่วยบอกวิธีแก้ได้กว้างขึ้นด้วย

    กระรอกบินสามเนตร ที่จริงมันเป็นชื่อเฉพาะน่ะครับ ประมาณเดียวกับหมาป่าคิเมร่า
    คงแก้ด้วยการหาชื่อให้กระรอกซะ เพื่อความชัดเจน
    ประสบผล -> รับทราบครับ
    เนื้อทองเหลือง -> รับทราบครับ 55555555 อ่านซ้ำแล้วฮาตัวเองเหมือนกัน
    กลิ่นสนิม -> คือผมรู้สึกว่าเวลาเลือดไหลมันมีกลิ่นสนิม อาจจะคิดเองอยู่คนเดียว ^^; ถ้าคนอื่นไม่ได้รู้สึกว่ากลิ่นเป็นสนิม แล้วสะดุดล้มตรงประโยคนี้อย่างแรงก็คงต้องดูด้วย
    ชุดกี่เพ้า -> คงเป็นที่การบรรยายไม่ชัดเจนครับ หมายถึงชุดกระโปรงตัวเดียวนั่นแหละ แต่ตัวกระโปรงสั้นผ่าสูง

    เรื่องฉากสู้รับทราบครับผม

    นกฮูกจริงๆ ไม่ได้มีกฏเกณฑ์ตายตัวว่าต้องคลื่นเสียงก่อนแล้วโจมตี แค่ว่าช่วงต้นป่าที่เจอคลื่นเสียง มันไม่ได้ลงมาวุ่นวายบนพื้น เพราะกระรอกครองเป็นเจ้าถิ่นอยู่ ^^; ไม่มีพื้นที่ให้นกฮูกได้แทรก
    กิริยาของสัตว์ที่ดูไม่สมจริง ไว้จะไปเปิดหาภาพมาแก้ไขครับ ถ้าขี้เกียจมากๆ อาจหยิบเอาสัตว์จากจินตนาการมาเล่น ตัดปัญหา 555 (รึสร้างปัญหาก็ไม่รู้)

    ที่จริง โดนคาบ ของผมหมายถึง ใช้เท้าหนีบ (อธิบายในนิยายไม่ชัดเจนอีกแล้ว)

    เรื่องป่าไผ่ ผมมิกซ์ มั่วๆ ครับ นึกว่าเกมส์ออนไลน์ ถิ่นอาศัยมอนสเตอร์จะเอาไปผสมมั่วได้ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีคนอ่านแล้วรู้สึกสะดุด แก้ไว้ก่อนคงดีกว่า ไว้จะไปหาดูว่ามีตัวไหนในป่าไผ่ที่ลักษณะคล้ายกันหยิบมาใช้แทนได้รึเปล่า

    อันนี้หมายถึง แต่ละ event ตัดจบเร็วไปด้วยป่าวครับ คนอ่านเลยหายใจไม่ทัน อยากขอให้ขยายความนิดนึงเน่อ มองภาพไม่ออก >.<
    ผมเชื่อคนง่ายมากครับ ^^;....
    Azemag ถูกใจสิ่งนี้
  12. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    อืม สำหรับตอนที่ 5 ที่ event เยอะ ผมพอจะเข้าใจแล้วละ อ่านรอบแรกมุ่งไปที่รายละเอียดในโลกเสมือน(เกม) มากเกินไป

    ลืมดูสรุปตัวท้ายที่พ่อเอาอาหารมาวางไว้ให้ข้างเตียง


    คือ มันไม่จบไวไปหรอกครับ แต่รในความรู้สึกของผม (ในตอนที่ห้า) รู้สึกว่ามันเกิดเยอะไปหน่อย

    เตรียมตัว > เดินทางผ่ากลางป่าไผ่ > สู้ไม่ไหว มีผู้หญิงปริศนาโผล่มาช่วยแล้วจากไป > ลุยใหม่อีกรอบ > เจอศพ (การตาย) > วิกฤติอีกรอบ > ตกหลุม(?) > เจอกลุ่มเพื่อน > เมาท์ยาว > เกินเวลากำหนด

    พอย่อยเป็นอีเวนท์ที่ต่อเนื่องแล้วรู้สึกยาวมากเท่านั้นเอง ^ ^ ; (จริงๆตอนอ่านก็รู้สึกว่ายาวมากเหมือนกันนะ - ฮา)
    แต่ก็เข้าใจได้ว่าพวกเด็กๆเล่นเพลินจนลืมเวลาไปเลย


    เรื่องกระรอกสามเนตรนั่นถ้าเป็นชื่อเฉพาะก็ต้องขออภัยด้วยครับ ผมเองก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกันแค่รู้สึกว่าชื่อมันแปลกมาก

    กลิ่นสนิม อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ไม่เคยได้กลิ่นสนิมครับ แต่ปากแตกบ่อย(สาเหตุคงเดาได้)มันฝาดรสเหล็กมากกว่า

    อันนี้รอบแรกตกหล่นไป ขอเพิ่มอีกหน่อยละกันนะ
    จะว่าไงดีละ คำอ้างนุ่มนิ่ม....
    ถ้าเปลี่ยนเป็น ข้ออ้างที่เหมาะสม , คำอ้างที่เหมาะสม , เหตุผล มันจะฟังดูดีกว่ารึเปล่า ?
    อันนี้ก็ไม่กล้าแนะมาก เพราะเป็นสำนวนเฉพาะของคนเขียนเหมือนกัน เป็นขอบเขตที่ไม่กล้าแตะต้องมาก ^ ^;
    pentita ถูกใจสิ่งนี้
  13. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    ฉบับปรับปรุง ครึ่งแรก เหมือนแต่งใหม่ 5555+ เลยโพสแยกดีกว่า
    หลายๆ ฉากคงซ้ำอันเดิม ใครไม่อยากอ่านฉากเดิม อ่านข้ามได้ครับ ผมจะเขียนสรุปฉากนี้ไว้ล่างสุดสำหรับคนขี้เกียจอ่านซ้ำ

    ตอนที่ 5 วิถีบุรุษ(ครึ่งแรก)

    “ที่นี่แหละ ฉันจำได้ ขายของจำพวกใช้ค้างคืนนอกเมือง”

    โทนี่หยุดยืนหน้าตึกหลังเล็ก วอลเปเปอร์บนกำแพงวาดรูปคนหลับอยู่ในถุงนอนกับสัตว์ร้าย ช่วงหลังคามีสีแดงสลับเขียว ส่วนป้ายหน้าร้านทำเป็นภาพกระโจม บ่งบอกประเภทสินค้าชัดเจน

    ในนั้นวางของเล่นน่าสนุกเพียบ อย่างขลุ่ยใบหญ้าที่เป่าอย่างไรก็เพราะ เสื้อยืดที่มีลายเป็นภาพเคลื่อนไหว กับหนูไขลานส่งเสียงล่อสัตว์อสูร ผลเสียคือมักล่อสัตว์อสูรมาทั้งป่า และกระถางต้นไม้ปริศนาสำหรับลุ้นข้อความบอกรักยามดอกไม้บาน แต่ทั้งหมดดูจะขายไม่ออก เลยถูกทิ้งไว้ในมุมลดราคา

    มิเชลเริ่มมีเงินเลยหยิบเอาตามใจชอบ แต่เธอก็โดนเพื่อนสั่งห้ามคว้าของไร้สาระ สุดท้ายจึงได้ซื้อแค่กระโจมหลังเล็ก ถุงนอน สเปรย์ป้องกันสัตว์ร้าย ชุดจุดไฟ ทั้งหมดอย่างละสอง พวกเขาเดินต่อไปยังร้านใกล้ๆ มองหากล่องถนอมอาหารกับกระบอกน้ำเพิ่ม เรื่องรอบคอบแบบนี้โทนี่เป็นคนเสนอ เด็กชายเห็นว่าหากเดินทางหลายวันคงไม่พอ

    คนขายยังแนะให้ซื้อเสบียงตุน เพราะถ้าไม่ใช่อาชีพพ่อครัวจะเสียเวลาปรุงเปล่าๆ มิเชลเลือกไข่เจียว ขนมปังหวาน และมันฝรั่งต้มเนยสุดโปรดเป็นหลัก ส่วนโทนี่ซื้อเน้นไปทางข้าวหน้าใส่เครื่องหลายอย่าง พวกเขาแบ่งตักใส่กล่องถนอมอาหาร กะเอาพอกินสักหกมื้อ

    โทนี่ลากเพื่อนสาวไปต่อร้านขายยา เขาเหมาน้ำยาฟื้นพลังทีเดียวห้าสิบขวดเล็กทั้งที่เป้กับเข็มขัดจุรวมกันได้แค่สามร้อยแปดสิบช่อง มิเชลกลัวกระเป๋าเต็มเร็ว เลยยอมซื้อเฉพาะน้ำยาสี่สีอันที่ช่วยล้มราชาหมาป่าคิเมร่าเท่านั้น

    พอมาดูเรื่องอาวุธ แบบเจ๋งๆราคาแพงลิบลิ่ว เด็กชายตุนน้ำยาฟื้นพลังเยอะเกินไปเงินจึงไม่พอ มิเชลพยายามให้ยืมเพราะเธอค่อนข้างพอใจกับกิ่งไม้ที่ตอนนี้ขยับขึ้นมาเป็นเลเวล7แล้ว พลังโจมตีทางกายภาพมากกว่ามีดสั้นมือใหม่ น้อยกว่าดาบทหารโครงกระดูก แต่สามารถเพิ่มระดับขึ้นได้เรื่อยๆ

    ทว่าโทนี่อิดออด ผลักเงินกลับ พลางเอ่ยปากอยากพึ่งตัวเอง คราวนี้มิเชลเลยโวยใส่ เพราะหากเขาใช้ของห่วยก็ลำบากทั้งคู่อยู่ดี พลังโจมตีเธอไม่มากพอไปซัดกับสัตว์อสูรเองคนเดียว หลังฟังจบ เด็กชายจึงค่อยยอม มิเชลทำหน้าที่เลือกซื้อให้เองเดี๋ยวนั้น และเจ้าอาวุธที่เลือกได้คือ ‘หน้าไม้’

    วินาทีที่เด็กชายรับหน้าไม้​เขาต้องรีบแจ้นไปซื้อลูกดอกตัดหน้าพอเพื่อนทำท่าเตรียมควักเงินจ่ายแทนอีก เธอรู้ว่าโทนี่อยากได้ดาบสวยๆ แต่นักธนูเท่ห์เหมือนกันนะ อย่างลาล่าไง! แถมไม่ต้องคอยเป็นกังวลด้วย พวกกองหลังอ่อนแออยู่ห่างสัตว์อสูรมากเท่าไหร่ มิเชลจะยิ่งสู้อย่างสบายใจ ที่จริง..​ถ้าโทนี่เก่งเหมือนกลุ่มแพนด้าน้อยกับจั๊งค์คงไม่ห่วงอะไรแล้ว

    ทีแรก เขาเลือกแบบห่วยสุดราคาอันละเหรียญมาร้อยดอก มิเชลจึงบอกให้ซื้อเพิ่ม เธอเคยเห็นลาล่าใช้ แค่สองชั่วโมงเอลฟ์สาวซัดไปครบร้อย ถ้าต้องลุยสามวันคงไม่พอแน่ ดีว่าคนขายมีโปรโมชั่นแถมซองใส่ลูกดอกเพราะเหมาของไว้เยอะ ประหยัดเงินไปอีกหน่อย

    “ลูกดอกทำไมมีหลายราคาจัง พลังโจมตีมันจะเยอะกว่ากันรึเปล่า”​เด็กชายตั้งข้อสงสัยกับเพื่อน อันถูกสุดทำจากไม้ ดูหักง่ายเมื่อเทียบกับลูกดอกโลหะ แต่ลูกดอกโลหะหนักกว่ากันเยอะ

    “มีลูกดอกเวทมนตร์ด้วย” เธอหยิบแบบที่ทำเป็นรูปทรงคดงอของไม้เท้าขึ้นมา “ไอ้แบบนี้มันจะพุ่งไปข้างหน้าได้รึเปล่าเนี่ย”

    “ช่างเถอะ มีเยอะเกินไป เอาแบบถูกสุดไว้ก่อนละกัน”​โทนี่ปิดประเด็นเอง เขาเลือกของได้แล้ว

    “คิดแบบนี้ไม่สมกับเป็นโทนี่เลยนะ ไม่คิดเผื่อไว้หน่อยเหรอ”

    “อืม...​ก็จริง แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ไม่ได้อยากใช้หน้าไม้เป็นหลัก เอาแค่นี้พอ”

    “เอ...​ไม่ถูกใจเหรอ งั้นมิเชลหาดาบเผื่อให้อีกเล่มละกัน” เธอแกล้งเดินไปใกล้โต๊ะจ่ายเงิน โทนี่รีบคว้าชายเสื้อเพื่อนไว้

    “ไม่..ไม่ต้อง...​อันนี้แหละดีแล้ว ฉันชอบหน้าไม้”

    เด็กสาวยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่จริงเงินหมดเกลี้ยง ไม่มีปัญญาซื้ออะไรดีๆเพิ่มแล้ว การแกล้งแหย่โทนี่ผู้จริงจังเป็นความสุขอย่างหนึ่ง และพอเตรียมตัวเสร็จ ทั้งสองออกมานอกตลาด เช็คสัมภาระ เตรียมมุ่งหน้าสู่ป่าต้นสนดงฟ้า

    *****************************

    เมื่อถึงเวลาออกเดิน มิเชลยืนนิ่ง ปล่อยโทนี่นำเพราะรู้ว่าเขาต้องคลำถูกทางแน่นอน และเธอก็ไม่ผิดหวัง เด็กชายก้มดูแผนที่แป๊ปๆ จากนั้นเงยมองทองฟ้า สังเกตุทิศทางของพระอาทิตย์ช่วงสายแล้วไปแบบมั่นใจ

    มีคนนำทางสบายจริง... มิเชลคิด..

    ทั้งสองย่ำเท้าผ่านทุ่งหญ้า ระยะค่อนข้างทางไกล บนพื้นมีใบไม้แห้งทับถมขึ้นเป็นชั้น ลากขาแต่ละทีฝุ่นก็ฟุ้งกระจาย มิเชลเผลอเตะมันใส่หน้าโทนี่ไปหนหนึ่ง เด็กชายจามน้ำหูน้ำตาไหลเยิ้ม เธอรู้สึกขยะแขยงเลยพยายามเดินให้เรียบร้อยขึ้น...

    ส่วนสัตว์อสูรรอบๆคือเหล่ากวางป่าจุดสีชมพูขี้กลัว ฆ่าแล้วให้ค่าประสบการณ์ต่ำ เงินน้อย บวกความเหนื่อยจากทะเลทราย มิเชลเลยไม่คิดวุ่นวายอะไรกับมัน

    จู่ๆ เธอรู้สึกได้ถึงแรงสั่นของลมมากกว่าปกติ เหมือนอะไรจะพุ่งมาจากข้างหลัง เด็กหญิงคว้าคอเพื่อนซี้ กระโจนโถมตัวไปด้านหน้า ไม่ยอมเสียเวลาเหลียวมอง

    โทนี่หน้าคว่ำกองบนพื้น เศษใบไม้ปลิวกระจาย ส่วนมิเชลแค่เกือบล้ม เธอหันหลังกลับ เห็นกลุ่มผู้เล่นถืออาวุธหกคน ทั้งหกสวมเกราะแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า แว่บแรก​คิดว่าพวกเขาติดสถานะอาชญากร แต่เมื่อลองนึกถึงอิล ตอนที่นักเวทหนุ่มโดนสถานะอาชญากรเพราะโจมตีเธอ ผิวยังเปลี่ยนเป็นสีแดง ส่วนพวกนี้ไม่ใช่

    ชายคนแรกสืบเท้าเข้ามา มิเชลรีบปัดความคิดทุกอย่างในหัวทิ้ง เด็กสาวเอี้ยวหลบ เอากิ่งไม้กระแทกใส่แขนผู้มุ่งร้าย เธอรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวพวกนี้แปลก ทั้งที่ออกตัวเร็ว แต่กลับไม่ยกดาบขึ้นฟัน เหมือนกำลังรีรอบางอย่าง...

    “มิเชล..​ตัวเธอ...” โทนี่ละล่ำละลัก

    ตัวเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอติดสถานะอาชญากรเสียแล้ว... สถานะนี้ ถ้าตาย เงินครึ่งหนึ่งก็ไหลเข้ากระเป๋าคนฆ่า แถมยังโดนหักอีกห้าเลเวล! เรียกว่ามีแต่ข้อเสีย... เสียงประกาศของระบบดังตามมาบอกวิธีแก้ คือคู่กรณีต้องยอมความหรือรอไปสองอาทิตย์

    “แต่มิเชลไม่ได้..ลงมือก่อน” เด็กหญิงไม่เข้าใจ อาชญากรคือคนเลวที่ทำร้ายคนอื่นก่อน แต่เธอแค่ตอบโต้

    “พวกนั้นต่างหากที่ไม่ได้ลงมือก่อน! มันแกล้งพุ่งเข้ามาใกล้ๆหลอกให้เธอโจมตี!”

    “มีวิธีแบบนี้ด้วยเหรอ มิเชลไม่ผิดแต่ต้องเป็นอาชญากร!?”

    เมื่อเห็นเหยื่อทำตามแผน ทั้งหกดูพออกพอใจ คนที่เป็นตัวล่อให้มิเชลติดสถานะอาชญากรเผยอยิ้ม ถึงหมวกเหล็กสีแดงปิดหน้าไปเกือบครึ่ง ก็ยังมองเห็นว่ามีปากหนากว้างกว่าคนอื่น เด็กสาวเลยแอบตั้งชื่อเรียกเองว่า ‘ปากหนา’ เขาใช้กระบองหนามตะปูเป็นอาวุธ และเริ่มรุกไล่กระโจนเข้าใส่ พร้อมกับพรรคพวกช่วยล้อม ปิดทางหนี

    “โทนี่ห้ามช่วยนะ..” เธอกระซิบ

    เด็กชายที่กำลังตั้งหน้าไม้ชะงัก ไม่เข้าใจ

    “พวกนี้เก่งกว่าโทนี่ ถ้าต้องสู้กันโทนี่จะโดนล่อให้เป็นฝ่ายติดสถานะอาชญากร” เธอเรียกเวทจุดไฟขึ้นรอบวง ป้องกันตัวเองและเพื่อน “ตอนนี้ยังไม่ไกลจากเมือง โทนี่ต้องหนี”

    “จะให้ทิ้งเธอไว้ได้ยังไงเล่า..”

    “ระหว่างดูแลโทนี่ กับสู้คนเดียวอันไหนจะสบายมากกว่ากัน”

    เขาเงียบ.. คำพูดนั้นแทงใจ... ทว่า ศัตรูเริ่มก้าวข้ามกองไฟมาหาแล้ว มิเชลตวัดกิ่งไม้สะกัดคมอาวุธจากทุกทิศ พวกมันเล็งเธอเป็นพิเศษ เพราะคนฆ่าจะได้เงินในกระเป๋า แต่ขอโทษที... คิดว่าตอนนี้เหลืออยู่สักเท่าไหร่กันเชียว!

    เด็กหญิงหาจังหวะก้มหัวกระโดดถีบท้องคนหนึ่ง เอากิ่งไม้แทงหน้าอก แล้วผลักล้มลงในกองไฟ ใบไม้แห้งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีจึงไม่ดับง่ายๆ เธอเอาเท้าเหยียบ ยันไว้ห้ามลุก

    “ข้ามไปสิ! ถ้าสู้ไม่ไหวมิเชลหนีได้! อย่างมากก็แค่ตายในเกมส์!”

    “แต่...”

    “โทนี่บ้า! ชักช้า!” ปากหนากำลังจะพุ่งใส่โทนี่ เธอรีบดึงแขนเพื่อนหลบแล้วผลักออกนอกกองไฟ เด็กสาวโดนหัวตะปูจากกระบองเฉี่ยวแขน ค่าพลังชีวิตลดนิดหน่อย

    เช่นนั้นแล้วโทนี่จึงยอมถอยกลับเมือง เขาก้มหน้าวิ่ง ใบหน้าร้อนผ่าว อับอายและรู้สึกแย่ ข้างหลังมีพวกเกราะแดงพยายามไล่ตาม แต่มิเชลเรียกเวทจุดไฟดักไว้ เศษใบไม้ฝุ่นคลุ้งน่ารำคาญมามีประโยชน์เอาตอนนี้

    “โว้ยย! ไอ้ตัวเล็กมันหนีไปแล้ว เจ้านั่นมันคือคนฆ่าหมาป่าคิเมร่าไม่ใช่เรอะ!” หนึ่งในหกโวยวาย กองไฟขวางทางทำให้ตามไม่สะดวก

    “หมาป่าคิเมร่า..? พวกคุณคือคนเลวชอบขโมยของที่เจสสิก้าเตือนไว้สินะ” เธอถาม

    “ที่จริง ฉันว่าแกคือคนฆ่าตัวจริงมากกว่า อย่างไอ้หนูนั่นดูแล้วไม่มีทาง” ปากหนาฟาดกระบองลงมาอีกครั้ง มิเชลถอยหลบ แต่ข้างๆมีอีกสองคนพุ่งมาขนาบ พอไม่มีที่ให้หลบจึงเสียหลัก หงายหลังล้มก้นกระแทกพื้น

    กลุ่มเกราะแดงรีบเข้ารุม เด็กสาวลุกไม่ทัน เธอขยำใบไม้แห้งใส่หน้าพวกคนฉวยโอกาส แล้วกลับตัวเปลี่ยนเป็นท่าคลาน จากนั้นถีบพื้นกระโจนมุดผ่านช่องว่างที่เหลือเพียงน้อยนิด มิเชลเอากิ่งไม้อันจิ๋วหลิวป้องกันคมดาบยักษ์ เท้าก็พยายามจ้ำหนี

    ปากหนาเอานิ้วเกี่ยวชายเสื้อแล้วดึง เธอกางสองขาทรงตัวกันล้ม หันกลับมาถือกิ่งไม้จ่อคอหอยศัตรู และพอจะทิ่มลงไปกลับกลัวขึ้นมา คงเพราะคนตรงหน้าเป็นผู้เล่น ผู้เล่นที่มีความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกัน

    ทว่า ฝ่ายโน้นไม่ใจดีด้วย พอเห็นท่าดีจึงรีบจัดกลุ่มล้อมกรอบ เด็กหญิงเจอทางตัน ซ้ายขวาหน้าหลังมีแต่ศัตรู แถมยังยืนเบียดชิด หันคมอาวุธชี้ใส่ ปากหนาดันปลายกระบองหนามกระทุ้งท้อง มิเชลกรีดร้อง ที่ผ่านมาเคยโดนหนักๆ แค่ไฟฟ้าช๊อตของหมาป่าคิเมร่า แถมยังได้โทนี่ช่วยฟื้นพลังทันที แป๊ปเดียวก็หายเจ็บ

    พอเผลอกุมท้อง พวกที่เหลือเลยได้จังหวะซ้ำ ค่าพลังชีวิตเธอลดฮวบฮาบ เธอถูกรุมตีจากอาวุธหลากประเภท ทั้งดาบ ขวาน กระบอง มิเชลนอนขดตัวงอเป็นกุ้ง ส่งเสียงร้องครวญคราง มืออีกข้างยกป้องหัวโดยสัญชาติญาณ แถมเผลอโยนกิ่งไม้ทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    สักพักปากหนาใช้แว่นขยายส่องดูค่าเลือด เขาบอกพรรคพวกให้ยั้งอาวุธ อีกเพียงนิดเดียว เด็กสาวกำลังจะตายจริงๆ ราชาหมาป่าเร็วหฤโหด แต่มีเพียงสี่ขาหนึ่งกราม ต่างจากโดนหกคนสิบสองมือตีกรอบรุม เรื่องโดนฝูงสัตว์อสูรไล่ต้อนก็เคย ทว่า พวกมันเป็นแค่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ซึ่งคงรูปแบบโจมตีตายตัว ง่ายต่อการหลบและสู้กลับ ไม่เหมือนเจอกับผู้เล่นด้วยกันอย่างกลุ่มชายเกราะแดง

    “ส่งไอเท็มที่ได้จากภารกิจหมาป่าคิเมร่ามา อย่างน้อยเลเวลจะได้ไม่ลด”

    ถ้าฆ่ามิเชลจะได้แค่เงิน ...แต่พวกมันหวังของรางวัลสินะ

    “ถ้าทำได้ขนาดนี้... ทำไมไม่ไปฆ่าหมาป่าเอง..” เธอถาม เสียงสั่นเพราะความเจ็บ

    ...ทำไมเกมส์ต้องทำให้เจ็บแบบนี้ด้วย ...อย่างนี้ไม่เห็นชอบเลย

    “นั่นสินะ เพราะทางนี้ก็แปลกใจว่าพวกแกฆ่ามันด้วยวิธีไหน เจ้าหมาป่านั่นเร็วมาก พลังโจมตี พลังเวทมนตร์สูง อย่างกับว่าสร้างมาเชือดผู้เล่นอย่างเดียว... ทางเข้าก็ซับซ้อน คงมีแต่ไอ้โง่ที่พยายามเสียเวลาทำภารกิจนั่นเป็นวัน” ปากหนาเขยิบเข้ามาใกล้ พรรคพวกเกราะแดงอีกคนเอาดาบจ่อคอเธอไว้ “ไอเท็มล่ะ ไอเท็มจากหมาป่า”

    “หางหมาป่าไม่มีหรอก ให้เจสสิก้าไปแล้ว”

    “ของรางวัลจากภารกิจล่ะ ไอเท็มลับพิเศษที่เขาลือกัน”

    เธอนึกย้อนกลับไป ในถุงรางวัลมีเงินแปดพันเหรียญ แต่เอาไปซื้อของหมดแล้ว ค่ากระโจมกับหน้าไม้รวมกันตั้งเจ็ดพันสอง ไอเท็มพิเศษอะไรไม่เคยเห็น

    “ใช้ม...” มิเชลชะงักก่อนพูดจบประโยค ถ้าบอกไปว่าใช้หมดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น..? พวกเขาจะปล่อยเธอหรือ..? พวกคนเลวไม่ทำตามสัญญาหรอก...

    “รีบพูดมา” ปากหนาชักโมโห

    “ไอเท็ม..มัน” เธอพยายามเค้นนึก...

    เอาอะไรดีนะ คิดสิ...คิด อะไรก็ได้.. ต้องรีบพูดขึ้นมาสักอย่าง..แล้วก็รีบจุดไฟหนีไปเลย..

    “ไม่มีไอเท็ม ไอเท็มคือ...คือ.. คือ... รหัสผ่าน..ของ... เอ่อ..ถ้ำภูเขาไฟ..เอ้ย ถ้ำสมบัติ.. ใช่.. ถ้ำสมบัติ ในนั้นมีเงินเยอะมาก... เจสสิก้าบอก สมบัติกองสูงเป็นภูเขาเลย! มหาศาลมาก..!”

    ถึงพูดออกมาเอง แต่... ใครเชื่อคงโง่น่าดู... หวังว่าปากหนาจะโง่นะ

    ชายปากหนาใช้เท้ากระแทกเธอลงกับพื้น ถลึงตาใส่ สบถเสียงดัง

    “อย่ามาเล่นปั้นเรื่อง รีบๆบอกมา”

    มิเชลนอนแผ่บนกองใบไม้แห้ง มองเห็นว่านอกจากปากหนา คิ้วก็บาง หางตาก็ตก.. ขนาดพยายามให้น่ากลัวยังดูตลกขนาดนั้น... และพอเริ่มสงสัยว่าควรเอา ‘คิ้วบาง’ ไปใส่ส่วนไหนของชื่อ ‘ปากหนาตาตก’ ก็ค่อยนึกถึงสถานการณ์ย่ำแย่ตรงหน้า เด็กสาวรีบปัดความคิดไร้สาระทิ้งอีกรอบ เธอเลิกนิสัยใจลอยแบบนี้ไม่ได้สักที....

    “จริงๆนะ... ในนั้นมีเงิน เยอะมาก ใช่แล้ว... อาวุธลับพิเศษที่ว่าคงอยู่ที่นั่นแหละ” เด็กสาวแถต่อแบบไร้ความน่าเชื่อถือ เมื่อเธอเริ่มพูดมาแล้ว... เลยต้องสานเรื่องราวต่อไป ส่วนในหัว พยายามตั้งสมาธิ เริ่มท่องเวทจุดไฟ

    ปากหนาควักขวดยาสีม่วงเทใส่ตัวเธอ มิเชลดิ้น.. อาการเวียนหัวพะอืดพะอม เหมือนกับ ตอนเจอดงเห็ดปล่อยกลิ่นหวานปะแล่มในบึงอสรพิษ เวทจุดไฟที่กำลังแอบร่ายขาดกลางคัน

    “พิษจะไม่ทำให้ถึงตาย ถึงเลือดเหลือหนึ่งแล้วแต่อาการพิษไม่หายไปหรอกนะ ถ้าบอกมาดีๆ จะมียาแก้พิษให้”

    “อือ...” เธอรู้สึกอยากอ้วก อยากให้หัวตั้งตรง แต่ถูกเหยียบอยู่ สมาธิที่ตั้งใจจะใช้เรียกเวทจุดไฟก็กระเจิงหมด เด็กสาวพยายามฝืนร่ายเวทใหม่

    ขอเวลาอีกนิดเดียว... เวทจุดไฟ แล้วจะได้หนี....

    ปากหนารอดูผลจากพิษ อีกนิดเดียวเลือดจะเหลือหนึ่ง จากนั้นจิ้มเบาๆครั้งเดียวก็ตาย ข่าวลือเรื่องไอเท็มลับพิเศษของราชาหมาป่าหนาหูมาก นอกจากไอ้หมอนี่กับน้องชายมันก็ไม่มีใครทำภารกิจนี้สำเร็จ อย่างไรเขาต้องเค้นคอเอามาให้ได้

    ร่ายเวทถึงท่อนสุดท้ายซะที... เจ้าคนเลวปากหนาตาตกคิ้ว...คิ้วอะไรก็ช่างเถอะ.. ต้องเจอกับไฟมิเชลหน่อย...

    “แกมันนักเวท ฉันรู้จักพวกนักเวทตอนทำหน้าตาแบบนั้น” ปากหนากระชากคอเสื้อเธอเขย่า บวกด้วยอาการติดพิษ เวทจุดไฟที่กำลังร่ายขาดอีกครั้ง เด็กสาวสำลัก พ่นเอาน้ำลายปนเลือดออกมา “อย่าได้คิดตุกติก เวลาตัดสินใจมีไม่มาก”

    “ถ้า..มิเชลตาย สถานภาพอาชญากรจะหาย... ครั้งหน้า มิเชลคงไม่ตกหลุมยอมติดสถานะตัวแดงเป็นครั้งที่สองแน่... แล้วก็... บอกไว้ก่อนนะ... เงินในกระเป๋าตอนนี้ไม่มี.. ใช้หมดแล้ว”

    “แล้วไง”

    “ก็... ปล่อยให้มิเชลตัวแดงต่อไป เผื่อตอนหลังเงินเยอะขึ้นค่อยฆ่า ฆ่าตอนนี้ไม่ได้อะไรหรอกนะ”

    เมื่อพูดจบ ความเจ็บปวดจากบาดแผลจางหายไป ในมือปากหนาถือขวดเปล่าของน้ำยาฟื้นพลังเล็กหนึ่งขวด เขายิ้มให้ หางตาที่ตกจู่ๆยกขึ้นโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอารมณ์คนตรงหน้า

    ...หายเจ็บแล้ว ...ที่จริงมิเชลก็ต่อรองเก่งนะเนี่ย ...ปากหนายิ้มด้วย

    เขาฟาดท้องเธอด้วยกระบองหนาม เด็กสาวร้องลั่น ไม่คิดว่าจะถูกโจมตีหลังช่วยฟื้นพลังให้ พอขัดขืน อีกห้าคนก็เข้ามากดตรึงแขนขา กลายเป็นเป้านิ่งอยู่บนพื้น ปากหนาเลยได้ใช้มิเชลเป็นที่ลองอาวุธตามใจชอบ

    กระบองหนามทุบใส่ไม่ยั้ง ช่วงแรก เจ็บจนต้องกรีดร้องต่อเนื่อง... แต่พอเริ่มหมดแรง เสียงจึงค่อยๆแผ่วลง เธอพยายามดิ้น ตัวถูกตรึงแช่อยู่บนพื้น ปากหนาก็คอยกะจังหวะไม่ให้ถึงตาย ทว่า มิเชลอยากตายจริงๆแล้ว...

    ...ตายแล้วลดห้าเลเวลก็ช่าง ....เพราะตอนนี้มันเจ็บมาก ...เจ็บไปทั้งตัว ...พ่อจ๋า

    เด็กสาวโอดครวญ น้ำตาไหลซึม ดิ้นจนหมดแรง แล้วยังเจ็บไปทั้งตัว แถมพอแอบท่องเวท ปากหนาก็รู้ทันก่อนทุกที

    “ฮึก...ฆ่าเลยก็ได้... ไม่เอาแล้ว” เธอร้อง... เมื่อคิดว่าพวกเขาจะใช้น้ำยาฟื้นพลัง แล้วลงมือทรมานใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบก็สุดทน กระบองของปากหนามีหัวตะปูเป็นหนาม พอโดนทุบก็เจ็บเจียนตายทีเดียว

    “พูดกันรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย ส่งไอเท็มลับพิเศษมาด้วย”

    “มันไม่..ฮึก..ไม่มี..” เสียงสะอื้นดังกลบเสียงพูด เด็กสาวร้องไห้จ้าหลังจากนั้น เธอไม่คิดรักษาภาพพจน์ผู้ชายตัวโต เลยกลายเป็นว่าสื่อสารยากหนักเข้าไปอีก

    พลพรรคเกราะแดงปวดหัว ยิ่งขู่ยิ่งทรมานก็ร้องหนักข้อขึ้น... พวกเขาสงสัยว่าโตเป็นควายแบบนี้ยังต้องใช้วิธีโอ๋หรือเปล่า... เพราะท่าทางอย่างกับเด็ก เหมือนจะแว่วหูได้ยินเสียงเรียกหาพ่อเสียด้วย

    “โฮ...พอแล้ว..! เลิกแกล้งกันได้แล้ว” เธอกรีดร้องทั้งน้ำตา “ไม่เอา...น้ำยาฟื้นพลัง!.. พ่อ..โฮ”

    “อ่า... ใจเย็นๆ ค่อยๆ ล้างหน้าล้างตาก่อนมั้ย...” หนึ่งในกลุ่มเกราะแดงโดนกระตุกต่อมความเป็นพ่อ เผลอเข้าไปปลอบโดยไม่รู้ตัว

    ปากหนาเขกหัวลูกทีมหนึ่งที

    “พ่อ... ไม่เอาน้ำยาฟื้นพลัง... พ่อมาช่วย...ด้วย...! พ่อ...” มิเชลร้องไห้ต่อ

    “ทำเอาไปกันต่อไม่ถูกเลย.. คิดว่ามันไม่ได้แกล้งทำใช่มั้ย” อีกคนซุบซิบ

    “หรือว่าแผนมันฟะ”

    “ตอนแรกก็คิดว่าแผน แต่มันทำสมจริงเกินไปแล้ว...” คนที่เผลอปลอบมิเชลเสนอความคิดตนบ้าง

    “จนแกเผลอเข้าไปโอ๋มันใช่มั้ย..”

    “แล้วเราต้องทำไงต่อดี...” หนึ่งในนั้นมองมาที่เด็กหญิง “ฆ่ามันเลยดีมั้ย ชักรำคาญแล้ว”

    “แบบนั้นมันก็หนีไปน่ะสิ” ปากหนาตอบ “ถ้าเกมส์นี้มีระบบทำร้ายตัวเองแล้วเลือดลด มันก็ฆ่าตัวตายหนีไปนานแล้ว”

    ระหว่างชุลมุน กำลังทำอะไรไม่ถูก พลันร่างบางปราดเปรียวโผล่พุ่งขึ้นกั้นระหว่างเด็กหญิงกับพลพรรคเกราะแดง พวกเขาตกใจจนลืมขยับ สตรีปริศนารีบใช้เพลงหมัดประหลาดลอบตอดขาทุกคนให้หัก นับเป็นครั้งแรกที่มิเชลเห็นผู้เล่นอื่นขยับตัวได้เร็วขนาดนี้ เธอหยุดกรีดเสียงร้องไห้ มองสาวความไวสูงตรงหน้า

    กลุ่มเกราะแดงห้าคนหล่นไปนอนโอดโอยบนพื้น ยกเว้นแต่ปากหนา เขาหลบทัน หญิงสาวปาดเส้นผมสีส้มที่ตกลงมาบังหน้าออก จากนั้นตั้งท่าเตรียมสู้ อาวุธเธอคือสนับมือ ทำจากผ้ายีนส์และเหล็ก

    ความเจ็บปวดกับอาการพะอืดพะอมชวนอ้วกหายไป โทนี่อยู่ข้างหลังช่วยแก้พิษกับฟื้นพลังให้ เขาดึงแขนเธอลุกขึ้นยืน มิเชลกระโดดกอดเพื่อนน้ำตาร่วง พอหันดูอีกครั้ง ตัวหญิงสาวปริศนากลายเป็นสีแดงเพราะติดสถานะอาชญากรแล้ว

    “ฮึก.. คนนั้น ฮึก.. กลายเป็นสถานะตัวแดงเพราะมาช่วยมิเชลเหรอ..” เธอก้มตัว ใช้ไหล่เพื่อนซับน้ำตา

    โทนี่พยักหน้า เอามือลูบหลังปลอบ ฉากนี้เป็นภาพที่ดูประหลาดเล็กน้อย เพราะผู้ชายตัวโตกำลังก้มโค้งลงมาเพื่ออ้อนคนตัวเตี้ยกว่า มิเชลพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจแรงๆเพื่อหยุดเสียงสะอื้น เธอคว้าอาวุธตัวเองขึ้นจากพื้น

    “โทนี่...คอยฟื้นพลังให้มิเชลด้วยนะ” มิเชลกระโจนกลับเข้าสนามรบ ยกแขนปาดน้ำตาทิ้ง ขนาดเพื่อนซี้อย่างเด็กชายยังปรับอารมณ์ตามไม่ทัน เขายืนได้ค้างสักพักจึงรีบตั้งหน้าไม้ขึ้น ตามไปร่วมวงด้วย

    สตรีปริศนาเก่งมาก เธอใช้เพลงมวยประหลาดทำหมวกเกราะฝ่ายโน้นแตก และเพราะหมวกแตก เลยได้เห็นว่าปากหนาไม่มีข้อดีเหลือบนใบหน้า นอกจากปากหนาตาตกคิ้วบางแล้วยังหัวเถิก..! ตอนสร้างตัวละคร เขาคิดอย่างไรกันนะ...

    มิเชลกำลังเข้าไปช่วย แต่สาวปริศนาสั่งห้ามใครยุ่งในศึกดวลเดี่ยวกับปากหนา และให้รีบจัดการคนที่เหลือทิ้ง ทักษะทำศัตรูขาหักอยู่ได้ไม่กี่นาที หากปล่อยไว้จะลำบากเอง เด็กหญิงหยิบอาวุธ... ลังเลใจ... พลังโจมตีเธอต่ำ หากต้องเอากิ่งไม้หวดจนพวกเขาตาย คงเหมือนกับการที่ตนโดนทรมานเมื่อครู่

    ระหว่างลังเล ลูกดอกหลายลูกพุ่งปักใส่กลุ่มคนเกราะแดง ทั้งห้าถูกยิงเป็นเม่นในเวลาไม่นาน พวกเขาร้องโอดโอยได้สักพักก็นอนนิ่ง แน่ชัดว่าตายสนิท มิเชลมองโทนี่ ไม่คาดคิดว่าเพื่อนจะชิงลงมือก่อน

    “แก้แค้นให้แล้วนะ จะได้หายกลัว” เขาบอกเธอ

    มิเชลมองเพื่อน ตีสีหน้างง

    “ก็กลัวพวกนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ.. เห็นไม่ขยับเลย ขอโทษนะ.. เธอเก่งเลยนึกว่าจะหนีตามมาทีหลัง... กลัวมากใช่มั้ย ไม่เคยเห็นเธอร้องไห้นานแล้ว”

    โทนี่เข้าใจไปคนละเรื่อง มิเชลคิดว่าความเจ็บปวดในเกมส์น่ากลัว พอจะทำคนอื่นเจ็บบ้างจึงไม่กล้า ทว่าเด็กชายไม่ได้โหดร้ายเลย เขาจัดการแผล็บเดียวจบ พวกเกราะแดงโดนฝูงลูกดอกปักล้มตายอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น เธอยังดีใจที่ถูกเป็นห่วง จนต้องโค้งตัวกอดหมับ ยกเพื่อนตัวลอย

    “เฮ้ย.. เป็นอะไร หยุดร้องไห้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

    “งั้นร้องไห้ใหม่ก็ได้” มิเชลวางโทนี่ลง ทำท่าจะร้องไห้ แต่เพราะบีบน้ำตาแบบเงียบๆไม่เป็น จึงเริ่มขึ้นด้วยเสียงกรี๊ด....ในร่างผู้ชายตัวโต

    “พอ.. พอ น่าเกลียดที่สุด” โทนี่ดันเธอออก “แล้วเธอไม่เป็นห่วงคนนั้นแล้วเหรอ เมื่อกี้ยังตั้งท่าจะไปช่วยเขาอยู่เลย”

    “จริงด้วย!” มิเชลหันขวับ มองย้อนกลับไปหาหญิงสาวทันที

    สตรีปริศนากำลังถือแต้มนำ เธอมีรูปร่างเล็ก ส่วนสูงมากกว่าโทนี่เพียงนิดเดียว อาจเพราะแบบนี้จึงหลบหลีกเก่ง รู้จักมุดไปมุดมา กระบองหนามฝ่ายโน้นได้แต่วืด เขาโดนยำข้างเดียวจนเละ อันที่จริง ดูจากฝีมือแล้ว ถ้าหนึ่งต่อหนึ่ง แค่ปากหนามิเชลคงชนะ แต่กับเจ้าหล่อน คิดว่าเสมอหรือแพ้

    นอกจากความเร็ว เธอเคลื่อนไหวอย่างฉลาด สาวหมัดมวยรู้ว่าควรโจมตีจากตรงไหนแล้วขยับ ไม่ใช่ไหลไปก่อนแล้วค่อยมองหาโอกาสแบบมิเชล ขนาดท่วงท่าต่อสู้ยังดูสวยงาม อาจเพราะชุดกี่เพ้าสีชมพูผ่าสูง พอยกขาเตะจากใต้กระโปรงที่สั้นเหนือเข่า จึงทั้งเท่ห์บวกเซ็กซี่ และถูกเด็กหญิงนับขึ้นแท่นสุดปลื้มอันดับหนึ่ง ได้คะแนนแซงลาล่าหลายแต้ม

    ทว่า พอปากหนาเจียนตาย เธอกลับปล่อยเขาง่ายๆ คงเพราะฝ่ายโน้นหมดสภาพแล้ว ทั้งสองมีคุยกันเล็กน้อย มิเชลฟังไม่เข้าใจ แต่ดูเหมือนรู้จักกันมาก่อน ส่วนพวกเกราะแดงคนอื่น ร่างที่ตายเพิ่งจะเริ่มเลือนหายไป

    “ขอบคุณครับที่อุตส่าห์มาช่วยพวกผม” โทนี่วิ่งโร่ไปขอบคุณ เขาเป็นคนตามเธอมาช่วย

    “ไม่เป็นไร”

    “คุณรู้จักปากหนา... เอ๊ย.. คนเมื่อกี้” เธอรีบแก้คำพูด... ปากหนาเป็นฉายาตั้งเองรู้เองคนเดียว

    “ก็นิดหน่อย พวกเกราะแดงมันทำตัวเป็นอันธพาลเพราะถือว่าพวกมาก ตอนนี้เกมส์เพิ่งเปิด ยังไม่ค่อยมีกลุ่มใหญ่ๆเข้ามาเล่นพร้อมกัน” หญิงสาวเล่าพลางยกมือปาดเส้นผมสีส้มขึ้น เปิดเห็นใบหน้าขาวใส ดวงตากลมน่ารัก เวลาคุยมิเชลต้องก้ม เพราะเจ้าหล่อนสูงแค่ระดับคางเธอ

    “แล้วติดสถานะ...อาชญากรแล้ว จะไม่เป็นอะไรเหรอครับ” น้ำเสียงเธอกระอักกระอ่วน รู้สึกผิด

    “ไม่ตายในสามอาทิตย์นี้ก็พอ”

    “แต่เวลาเข้าเมือง..อาจจะมีคนอยากได้เงินในกระเป๋า แล้วช่วยกันจัดการคุณ” โทนี่ถามบ้าง

    “ใครจะจัดการใครล่ะ” เธอยิ้ม ท่าทางมั่นใจ

    มิเชลรู้สึกว่านอกจากฝีมือ หญิงสาวยังมีทรงผมที่เท่ห์ไม่แพ้กัน เส้นผมสีส้มซอยไล่ระดับดูเป็นจุดเด่นสุดของเธอ เพราะด้านหน้ายาวลงมาถึงเนินอก แต่ช่วงหลังสั้นเพียงครึ่งคอ ทั้งหมดรับกับชุดกี่เพ้าสไตล์จีน

    คุยกันสักพัก ความสัมพันธ์ทั้งสามอยู่แค่ถามคำตอบคำ มิเชลกับโทนี่เป็นฝ่ายถาม ส่วนเธอตอบ การสนทนาจึงน่าเบื่อ สุดท้ายหญิงสาวชิงบอกลาก่อน กระทั่งชื่อยังไม่ทันได้รู้ด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่จะพูดเรื่องพวกคนเกราะแดง

    เธอมองขาหญิงสาวปริศนาค่อยๆก้าวจากไป สายตามองต่ำ ทำท่าเหมือนอาลัยอะไรอยู่ โทนี่รู้สึกถึงอารมณ์หดหู่ของเพื่อนจึงถามอย่างเป็นห่วง แต่คำตอบที่ได้รับคืนมาช่างน่าเขกหัวสิ้นดี

    "คิดว่าขามิเชลจะสวยแบบนั้นบ้างมั้ย" เธอทำตาละห้อย "...โทนี่อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ มิเชลจริงจังนะ! ขาเขาสวยจริงๆ!"

    ************************************
  14. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    Summary เนื้อเรื่องที่แต่งใหม่ในตอนที่ห้า
    มิเชลกับโทนี่เข้าเมือง เลือกซื้อของสำหรับค้างแรมในป่าต้นสนดงฟ้า เด็กหญิงซื้อหน้าไม้ให้เป็นอาวุธแก่เพื่อน ทั้งที่จริงๆแล้วเขาอยากได้ดาบเท่ห์ๆมากกว่า ระหว่างเดินทางสู่ป่าต้นสนดงฟ้า ก็ถูกคนเกราะแดงหกคนล้อม เธอช่วยล่อให้โทนี่หนีไป โทนี่จำใจหนีไปพร้อมความเจ็บใจ หนึ่งในนั้นมีภาพลักษณ์ดูเป็นหัวหน้า มิเชลตั้งชื่อให้ไว้ในใจเรียกเองว่าปากหนา เธอคอยล่อคนร้ายทั้งหกจนโทนี่หนีไปได้

    มิเชลถูกทรมานให้ส่งไอเท็มจากภารกิจของหมาป่าคิเมร่าออกมา ระหว่างนั้น โทนี่พาคนมาช่วยทัน เป็นหญิงสาวที่มีเพลงหมัดมวยแปลกๆ ช่วยเสร็จ คุยกันสักพักก็จากไป ไม่ได้ถามชื่อไว้

    Talk
    Azemag
    สงสัยที่บอกว่าเกิดเยอะไป คงเพราะผมตัดตอนเหตุการณ์แบบ เร็วไปมั้งครับ 555 จับน้องสาวมานั่งอ่าน มันบอกผมใจร้อนมาก ตัดจบอีเว้นท์มันทุกตอน อารมณ์เลยขาดช่วง ^^; เรื่องกระรอกบินสามเนตร ผมแก้เหลือ กระรอกสีเขียวไปก่อน ไปเปิดwiki เห็นมีกระรอกในป่าไผ่ด้วย 555+ (แต่ไม่ใช่กระรอกบินนะ)

    คงจะพยายามปรับให้มันดูเป็นเกมส์แนวแฟนตาซีเก่าๆแบบที่ตั้งใจไว้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ยังกับยุคโบราณออนไลน์ 5555+ แฟนตาซีหาไม่เจอ
  15. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    อันนี้ดีขึ้นเยอะเลยล่ะ อีเวนท์ไม่เยอะเกินไปแล้วก็ไ่ม่สั้นไปด้วย >_<

    แต่น่าเสียดายนะ น่าจะมีบทพูดของสาวชุดแดงบ้างเพราะออกมาแต่บทอธิบายการปรากฏตัวเลยดูไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่
  16. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    taleoftrue

    ขอบคุณครับผม :D เรื่องสาวชุดแดงยังแก้ง่าย เพราะไม่ต้องเรียงลำดับเนื้อเรื่องใหม่
    ส่วนนี้เดี๋ยวจดไว้รอรีไรท์ทีหลังสุด เวลาทิ้งไว้นานๆให้ลืม กลับมาอ่านใหม่จะรู้สึกว่าแก้ง่ายขึ้น
  17. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    ตอนที่ 5 ครึ่งหลัง
    ตอนที่ 6

    ต่อไปนี้ ผมจะทำ ลิงค์ไปอ่านทีละตอน ไปที่ Dek-D แทนนะครับ เพราะมันจัดหน้ากระดาษง่ายกว่า
    ถ้าสตาฟเห็นว่าไม่สมควรเตือนได้เน่อ

    ส่วนอันที่อยู่ใน All-Final จะทิ้งไว้เป็นอณุสรณ์ฉบับก่อนปรับปรุง 555+
  18. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    /me เข้ามาตามอ่าน ลิ้งไปเด็กดีก็โอเคอยู่น่ะฮะ เพียงแต่ถ้าอัพใหม่แล้วมาโพสต์ทางนี้บ้างก็ดีเพราะไม่ค่อยได้เช็คทางเด็กดีเท่าไหร่ />_<
  19. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    ทุกครั้งที่อัพไว้จะมาโพสกระทู้นี้ ทำลิงค์ไปที่เด็กดีครับ :D
    เวลา Edit พวกสำนวน รีไรท์ ทั้งหลาย มันจะได้แก้แค่ที่เดียวพอ
  20. Azemag

    Azemag Aze McDowell

    EXP:
    2,368
    ถูกใจที่ได้รับ:
    262
    คะแนน Trophy:
    163
    ได้ตามสะดวกครับ
  21. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
    Azemag
    ขอบคุณครับ xD

    ตอนที่ 7
    ตอนที่ 8 (ครึ่งแรก)

    รอบนี้ได้หนึ่งตอนครึ่งรวด เพราะเขียนแล้ว หาจุดจบในตอนที่เจ็ดไม่เจอ =w="
    แบบว่าเขียนไปเรื่อยๆ 30 กว่าหน้า มันก็ยาวไปเรื่อยๆ.... กลัวจะจบตอนที่ 40หน้า 5555+

    เลยแบ่งออกมาเป็นหนึ่งตอนครึ่ง แล้วเอาท่อนสำหรับปิดตอนไปใส่ไว้ตรงกลางแทน
  22. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ดองไว้อีกซักตอนแล้วค่อยอ่านทีเดียวให้อิ่ม >_<
  23. pentita

    pentita Aqouze

    EXP:
    642
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    38
  24. taleoftrue

    taleoftrue Well-Known Member

    EXP:
    900
    ถูกใจที่ได้รับ:
    52
    คะแนน Trophy:
    113
    ก็ว่าทำไมหายไปนานจริง แต่มาทีเดียวหลายตอนท่าจะอิ่ม >_<

    /me ว่าแล้วก็จรลีไปนั่งอ่าน
    pentita ถูกใจสิ่งนี้
  25. Ryuto

    Ryuto 終わる道、始まる夢

    EXP:
    964
    ถูกใจที่ได้รับ:
    16
    คะแนน Trophy:
    88
    ยังอ่านไม่ครบแต่มาลงชื่อติดตามครับผม มิเชลน่ารักมากครับ แต่มีหลายๆคำที่ผมอ่านแล้วรู้สึกเนื้อเรื่องสะดุดเล็กน้อย ความเห็นส่วนตัวนะครับ(แบบชื่อเป็นอังกฤษ แต่มีแบบพวก ซีอุยอะไรงี้ อารมณ์มันโดดแปลกๆ)

    ส่วนเรื่องสำนวนผมชอบนะครับอ่านง่าย ลื่นไหลครับผม ระบบเกมพอลองอ่านดูก็ทำให้มีไฟแต่งขึ้นมาเลย

    ติดตามอยู่นะครับ

    /อ่านต่อ
    pentita ถูกใจสิ่งนี้

Share This Page